วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ตัวอย่างของการบิดเบือนทางวิชาการเพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ




ตัวอย่างของการบิดเบือนทางวิชาการเพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ
Anuwa Kadeng
12 ชม.
อัลลอฮอยู่บนฟ้า อัลลอฮอยู่บนอารัช หรืออัลลอฮทรงมีโดยไม่ต้องการสถานที่? อธิบายหลักฐานอายัตมูตาชาบีฮัต โดย KH.Romli Idrus
ก่อนที่อัลลอฮจะสร้างอารัช สร้างชั้นฟ้า สร้างมัคโลค สร้างสถานที่ พระองค์ทรงมีมาก่อนแล้ว เมื่อก่อนอัลลอฮทรงมีโดยไม่ต้องการสถานที่ วันนี้อัลลอฮทรงมีโดยไม่ต้องการสถานที่เช่นเดี่ยวกัน
ท่านอบูบักร อัลบากิลลานีย์ (เสียชีวิต ปี 403 )
"ولا نقول إن العرش له- أي الله- قرار ولا مكان، لأن الله تعالى كان ولا مكان، فلما خلق المكان لم يتغير عما كان"
" เราไม่กล่าวว่า อะรัชของอัลเลาะฮฺนั้น คือที่สถิตและเป็นสถานที่ เพราะแท้จริง อัลเลาะฮฺ(ซุบหานะฮฺ) ทรงมีมาแล้ว โดยไม่มีสถานที่ ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงสร้างสถานที่ พระองค์ก็ทรงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่เพราะพระองค์ทรงเคยมีมา" ดู หนังสือ อัลอินซอฟ ฟีมา ยะญิบ เอี๊ยะติกอดุฮู วะลายะญูซฺ อัลญะฮฺลุ บิฮี หน้า 65
{ليس كمثله شيء وهو السميع البصير}
ดังดำรัสของพระองค์ ที่ว่า “ ไม่มีสิ่งใดเหมือน (คล้าย) กับพระองค์” (อัชชูรอ : 11).
..................
ชี้แจง
คุณ Anuwa Kadeng อ้างคำพูดอัลบะกีลลานีย์ว่า เราไม่กล่าวว่า อะรัชของอัลเลาะฮฺนั้น คือที่สถิตและเป็นสถาน
ของตอบว่า
ไม่มีใครเขาเชื่อว่า อัลลอฮอาศัยอะรัช เป็นสถานที่หรอก เพราะอะรัช เป็นมัคลูค อัลลอฮตาอาลา ไม่พึ่งพาอาศัยมัคลูค แต่ แนวทางสะลัฟนั้น หมายถึงอยู่สูงเหนืออะรัชแยกจากมัคลูค(สิ่งที่ถูกสร้าง)
อิหม่ามอัฏเฏาะหาวีย์ ปราชญ์สะลัฟกล่าวว่า
وهو مستغن عن العرش وما دونه. محيط بكل شيء وفوقه
และพระองค์ทรงไม่พึงพาอาศัยอะรัช และสิ่งอื่นจากมัน, ทรงห้อมล้อม ทุกสิ่งและทรงอยู่เหนือมัน
คำว่า محيط بكل شيء وفوقه ท่านอิบนุอะบิลอิซ อธิบายว่า
وَمَعْنَاهَا أَنَّهُ تَعَالَى مُحِيطٌ بِكُلِّ شَيْءٍ وَفَوْقَ كُلِّ شَيْءٍ . وَمَعْنَى الثَّانِيَةِ : أَنَّهُ مُحِيطٌ بِكُلِّ شَيْءٍ فَوْقَ الْعَرْشِ
และความหมายของมัน คือแท้จริง พระองค์ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงห้อมล้อม ทุกๆสิ่งและอยู่เหนือทุกๆสิ่ง และความหมายที่สอง คือ แท้จริง พระองค์ทรงห้อมล้อมทุกสิ่ง เหนืออะรัช–
แล้วท่านอิบนุอะบิลอิซ ได้สรุปว่า
وَيَكُونُ الْمَعْنَى : أَنَّهُ سُبْحَانَهُ مُحِيطٌ بِكُلِّ شَيْءٍ ، وَفَوْقَ كُلِّ شَيْءٍ
และความหมายนั้น คือ แท้จริง พระองค์ ซ.บ. ทรงห้อมล้อมทุกๆสิ่ง และทรงอยู่เหนือทุกสิ่ง
ดูชัรหุอะกีดะฮอัฏเฏาะหาวียะฮ 2/374
.............
จึงเห็นได้ชัดเจนว่า อิหม่ามอัฏเฏาะหาวีย์ยืนยันการอยู่เหนืออะรัช
และการอยู่เหนือขึ้นไป คือ การอยู่เบื้องสูง แยกจาก อะรัช ไม่ใช่อาศัยอะรัช เป็นสถานที่ มาดูอะกีดะฮอิหม่ามอะหมัด บิน หัมบัลคือ
รายงานจากยูสุฟ บิน มูซา อัล-เฆาะดาดียฺ กล่าวว่า
قيل لأبي عبد الله احمد بن حنبل الله عز و جل فوق السمآء السابعة على عرشه بائن من خلقه وقدرته وعلمه بكل مكان قال نعم على العرش و لايخلو منه مكان
อิมามอะหฺมัด บิน หัมบัล เคยถูกถามว่า “อัลลอฮทรงอยู่เหนือชั้นฟ้าทั้งเจ็ด เหนืออรัชของพระองค์ แยกจากสิ่งถูกสร้างของพระองค์ ในขณะที่เดชานุภาพและความรอบรู้ของพระองค์นั้นทรงอยู่ในทุกพื้นที่หรือ?” อิมามอะหฺมัด ตอบว่า “ถูกต้องแล้ว อัลลอฮทรงอยู่เหนืออรัช และไม่มีที่ใดหลุดรอดจากความรอบรู้ของพระองค์ - ดู อิษบะตุ ศิฟะตุล อุลูวฺ หน้า 116 ,สิฟัตอัลอุลูว์ ลิลละฮ ของอิบนุกุดามมะฮ หน้า 77 หะดิษหมายเลข 78(ดูสำเนา)
شرح اعتقاد أهل السنة للالكائي (3 / 402)؛ ورواه الخلال في كتابه "السنة" عن شيخه يوسف بن موسى القطان عن الإمام أحمد، كما في كتابي الحافظ الذهبي "العرش" (ج2 ص247) و"العلو للعلي الغفار" (ص176)، قال: رواه الخلال عن يوسف. فسنده صحيح
.................
เพราะฉะนั้น คำพูดของอัลบากิลลานี่ ปฏิเสธการอาศัยอารัชเป็นสถานที่ ไม่ได้ปฏิเสธการอยู่เบื้ืองสูงแยกจากมัคลูค แต่อย่างใด เพราะการปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ เป็นแนวคิดญะฮมียะฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
28/5/61

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

การบ้าคลั่งเล่นพรรคเล่นพวกโดยทิ้งสาระคำสอนไว้เบื้องหลัง



ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

การบ้าคลั่งเล่นพรรคเล่นพวกโดยทิ้งสาระคำสอนไว้เบื้องหลัง
สังคมมุสลิมในปัจจุุบัน เท่าที่สังเกตุ การนับถือศาสนา อ้างศรัทธาต่ออัลลอฮตาอาลาและรอซูล ศอ็ลฯ กันทุกคน แต่การยึดถือ กลับเป็นยึดตัวบุคคล มากว่า สาระคำสอนขออัลลอฮและรอซูล เป็นมิตร และเป็นศัตรูกันบนการปกป้องตัวบุคคล องค์กร และพรรคพวก แทนที่จะเป็นมิตรและเป็นศัตรูกัน บนการปกป้องคำสอนอันบริสุทธิ์ที่มาจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ แบบนี้ ลองถามตัวเองดูว่า "ในวันอาคีเราะฮจะได้เป็นกลุ่มชนที่ปลอดภัย(الفرقة الناجية ) จริงหรือ?
กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าชาวสุนนะฮในปัจจุบัน มีไม่น้อย ที่คลั่งใคล้ บ้าคลั่งกับตัวบุคคล เล่นพรรคเล่นพวก อาจารย์ใครอาจารย์มัน ผลที่ตามมาคือ คนนั้นบรรยายฉันไม่ฟัง คนนี้บรรยายฉันไม่สน ไม่ใช่พวกเรา ไม่ใช่ไอดอลของฉัน ฉันจะตามติดไอดอล(Idol) ของฉันเท่านั้น
การปฏิบัติตามผู้ใดก็ตาม ศาสนาสอนให้ดูที่สาระคำสอน ไม่ใช่ดูที่ ฐานะ รูปร่าง และความนิยมของสังคม หรือมวลชนส่วนมาก ไม่ใช่พิจารณาที่กระแสสังคม
ท่านนบี ศอ็ลฯ สอนเกี่ยวกับให้เชื่อฟังผู้นำว่า
إن أُمِّر عليكم عبدٌ مجدَّع- يقودكم بكتاب الله تعالى فاسمعوا له وأطيعوا
หากทาสที่จมูกแหว่ง ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองพวกท่าน เขานำพวกท่านด้วยคัมภีร์ของอัลลอฮ ตาอาลา ก็จงรับฟังและเชื่อฟังเขา - รายงานโดยมุสลิม
......
ตัวอย่างข้าง ชี้ให้เห็นว่า การจะตามผู้ใด ก็ให้พิจารณาที่สาระคำสอนที่เขานำมา ไม่ใช่ยึดที่สถานะ ของบุคคล
ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ กล่าวว่า
وَلَيْسَ لأَحَدٍ أَنْ يَنْصِبَ لِلأُمَّةِ شَخْصًا يَدْعُوْ إِلى طَرِيقَتِهِ وَيُوَالِيْ وَيُعَادِيْ عَلَيهَا غَيْرَ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيهِ وَسَلَّمَ، وَلا يَنْصِبَ لَهُمْ كَلامًا يُوَالِيْ عَلَيهِ وَيُعَادِيْ غَيْرَ كَلامِ اللهِ وَرَسُولِهِ وَمَا اجْتَمَعَتْ عَلَيهِ الأُمَّةُ، بَلْ هَذَا مِن فِعْلِ أَهْلِ الْبِدَعِ الَّذِينَ يَنْصِبُونَ لَهُمْ شَخْصًا أَوْ كَلامًا يُفَرِّقُونَ بِهِ بَيْنَ الأُمَّةِ يُوَالُونَ بِهِ عَلَى ذَلِكَ الْكَلامِ أَوْ تِلْكَ النِّسْبَةِ وَيُعَادُونَ"
และไม่อนุญาตให้คนใด กำหนด/แต่งตั้ง บุคคลใดให้แก่อุมมะฮ ที่เรียกร้องไปสู่แนวทางของเขา เป็นมิตรและเป็นศัตรูกันบนแนวทางนั้น อื่นจาก(แนวทาง)ท่านนบี ศ็อลฯ และไม่อนุญาตให้กำหนดคำพูด(ทัศนะ) ใดๆให้แก่พวกเขา(อุมมะฮ) เขาเป็นมิตรและเป็นศัตรูกันบนคำพูดนั้น อื่นจากคำพูดของอัลลอฮ ,คำพูดของ รอซูลของพระองค์ และสิ่งที่ อุมมะฮนี้ได้มีมติบนมัน (อัลอิจญมาอ) ยิ่งไปกว่านั้น พฤติกรรมนี้ (การยึดติดตัวบุคคลหรือคำพูดของบุคคล) เป็นส่วหนึ่งจากการกระทำของชาวบิดอะฮ ที่พวกเขากำหนดตัวบุคคลหรือคำพูดใดๆ ให้แก่พวกเขา พวกเขาทำให้เกิดการแตกแยกในระหว่างอุมมะฮ ด้วยมัน พวกเขาเป็นมิตรและเป็นศัตรูกัน บนคำพูดหรือ การอ้างอิงดังกล่าวนั้น -มัจญมัวะอัลฟะตาวา เล่ม 20 หน้า 164
............
จะให้ได้ว่า การแตกแยกของอุมมะฮอิสลาม คือ การยึดตัวบุคคล หรือ ทัศนะของเขา โดยไม่ดูสาระคำสอนของอัลลอฮ ,ของรอซูลของพระองค์ ให้เป็น สาระสำคัญที่ต้องยึดถือ เพราะทั้งสองคือ เป้าหมายของสองคำปฏิญาน แต่ยึดครูของฉัน อาจารย์ของฉันแบบหัวหนวกตาบอดและบ้าคลั่ง ..ช่างน่าอดสูยิ่งนัก
وَمَنْ قَاتَلَ تَحْتَ رَايَةٍ عِمِّيَّةٍ يَغْضَبُ لِعَصَبَةٍ، أَوْ يَدْعُو إِلَى عَصَبَةٍ، أَوْ يَنْصُرُ عَصَبَةً، فَقُتِلَ، فَقِتْلَةٌ جَاهِلِيَّةٌ،
ผู้ใดต่อสู้กันภายใต้ธงแห่งความมืดบอด เรียกร้องไปสู่การถือพรรค์ถือพวก หรือ สนับสนุนการถือพรรคถือพวก แล้วเขาถูกฆ่าตาย (การตายของเขา)คือการตายในสภาพญาฮิลียะฮ -รายงานโดยมุสลิม
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
10/5/61

วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ตัวอย่างการบิดเบือนอัลกุรอ่านเพื่อปฏิเสธการอยู่ เบื้องสูงของอัลลอฮ




ตัวอย่างการบิดเบือนอัลกุรอ่านเพื่อปฏิเสธการอยู่
เบื้องสูงของอัลลอฮ
Matty Ibnufatim Hamady
6 พฤษภาคม เวลา 12:00 น. • 
...
ท่านอิบนุ ฟูร๊อก รอฮิมาฮุลลอฮ์ ( เสียชีวิต ฮ.ศ 406) อาจารย์ของท่าน อีหม่ามอัลบัยฮะกีย์ รอฮิมาฮุลลอฮ์ ได้กล่าวในตำรา มุชกิลุลฮะดีษ วา บายานุฮู ของท่านว่า " 
ความหมายโองการ اامنتم من فى السماء หมายถึง فوق السماء เเละความหมาย فوق السماء ( เหนือฟ้า) ไม่ได้มีความหมายว่า อัลลอฮ์ ทรงอยู่เหนือ เเบบต้องการสถานที่ เเต่อยู่เหนือ ในด้าน สูงส่งด้านตำเเหน่ง ความยิ่งใหญ่ เเละความปรีชาสามารถ เเละอัลลอฮ์ ทรงอยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่ได้มีความหมายด้าน ระยะทางไปด้านบน... เเละมีฮะดิษรายงานว่า ไม่มีสิ่งใดอยู่บน เเละอยู่ล่างอัลลอฮ์ นั้นหมายถึง การอยู่เหนือของอัลลอฮ์ ไม่ใช่การอยู่เหนือเเบบระยะทาง ส่วนคนที่ยึดอายัตนี้ ว่า อัลลอฮ์ อยู่ด้านบน เเบบระยะทางขึ้นไป เป็นการยึดที่เสียหายเเละโมฆะตามที่พวกเขาได้อ้าง "
…………………….
ชี้แจง
การบิดเบือนคำว่า فوق السماء (อยู่เหนื่อชั้นฟ้า) ว่า หมายถึง ฐานะ ตำแหน่ง คือการบิดเบือนอัลกุรอ่าน และอะกีดะฮของสะลัฟผู้ทรงธรรม
อบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ ผู้นำมัซฮับอะชาอิเราะฮ กล่าวว่า
وأنه تعالى فوق سماواته على عرشه دون أرضه، وقد دل على ذلك بقوله: {أأمنتم من في السماء أن يخسف بكم الأرض} الملك16،
และแท้จริง พระองค์ผู้ทรงสูงส่ง อยู่เหนือบรรดาฟากฟ้าของพระองค์ บน อะรัช อื่นจาก แผ่นดินของพระองค์และแท้จริงพระองค์ทรงแสดงบอก บนดังกล่าวด้วย คำตรัสของพระองค์ที่ว่า (พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือจากผู้ที่อยู่บนฟากฟ้า ว่าจะทรงให้แผ่นดินสูบพวกเจ้า” (อัลมุลก์/16) ..ริสาละฮ อิลาอะฮลิษษะอริ หน้า 129-130
............
อิหม่ามอัลอัชอะรีย์ การยืนยันว่า อัลลอฮตาอาลาอยู่เหนือบรรดาชั้นฟ้าของพระองค์ อื่นจากแผ่นดินของพระองค์ เป็นการตอกย้ำว่า อยู่เหนือบรรดาชั้นฟ้าจริงๆ ไม่ใช่หมายถึงตำแหน่ง หรือสถานะ อย่างที่นาย Matty Ibnufatim Hamady บิดเบือน
และสิ่งที่หักล้าง การตีความคำว่า อยู่เหนือฟ้า ของ Matty Ibnufatim Hamady ที่อ้างว่าหมายถึง ตำแหน่ง หรือฐานะ ไม่ใช่อยู่เบื้องสูงจริง คือ
อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
تَعْرُجُ الْمَلَائِكَةُ وَالرُّوحُ إِلَيْهِ فِي يَوْمٍ كَانَ مِقْدَارُهُ خَمْسِينَ أَلْفَ سَنَةٍ
[70.4] มลาอิกะฮ์และอัรรูหฺ (ญิบรีล) จะขึ้นไปหาพระองค์ในวันหนึ่งซึ่งกำหนดของมันเท่ากับห้าหมื่นปี (ของโลกดุนยานี้)
อิบนุญะรีร (ขออัลอฮเมตตาต่อท่าน)อธิบายว่า
تَصْعَد الْمَلَائِكَة وَالرُّوح , وَهُوَ جِبْرِيل عَلَيْهِ السَّلَام إِلَيْهِ , يَعْنِي إِلَى اللَّه جَلَّ وَعَزَّ ; وَالْهَاء فِي قَوْله { إِلَيْهِ } عَائِدَة عَلَى اسْم اللَّه
มลาอิกะฮและอัรรูหฺ ขึ้นไป และเขาคือ ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม ยังพระองค์ หมายถึง ไปยังอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงเลิศยิ่ง และ อักษรฮา ในคำตรัสที่ว่า(อิลัยฮิ) กลับไปยังพระนามของอัลลอฮ (หมายถึงเป็นสรรพนามแทนชื่ออัลลอฮ) – ดู – ตัฟสีรอัฏเฎาะบะรีย์ อรรถาธิบาย ซูเราะฮอัลมะอาริจญ์ อายะฮที่ 4
.....
ความหมายของ การขึ้น (عروج) แสดงถึงจุดหมายปลายทางคือ ผู้อยู่เบื้องสูง ถ้าหมายถึง ฐานะ หรือตำแหน่งอย่างที่พวกแนวคิดญะฮมียะฮบิดเบือน ก็เท่ากับว่า ญิบรีล ขึ้นไปหาตำแหน่งหรือฐานะของอัลลอฮ ซึ่งเป็นนามธรรม ใครเข้าใจแบบนี้เท่าก็โง่เขลาเบาปัญญัญา
อัลฟัรรออฺ (อบูซะกะรียา อัลฟัรรออฺ ฮ.ศ 207)กล่าวว่า
وقوله: ذِي الْمَعارِجِ.
من صفة اللَّه عزَّ وجلَّ لأن الملائكة تعرُج إلى اللَّه عزَّ وجلَّ، فوصف نفسه بذلك
คำตรัสของพระองค์ ที่ว่า(ผู้เป็นเจ้าของแห่งทางขึ้นสู่เบื้องสูง) เป็นส่วนหนึ่งจากคุณลักษณะ(สิฟัต)ของอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งส่งและทรงเลิศยิ่ง เพราะแท้จริง มลาอิกะฮ ขึ้นไปยังอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง เพราะพระองค์ ทรงอธิบายคุณลักษณะแก่ตัวของพระองค์เองด้วยดังกล่าว- มะอานีย์อัลกุรอ่าน ของ อัลฟัรรออฺ เล่ม 3 หน้า 184
........
เป็นที่ชัดเจนว่า มลาอิกะฮ ขึ้นไปยังอัลลอฮจริง ไม่ใช่ขึ้นไปยังสถานะสูงส่งแห่งตำแหน่งของอัลลอฮ อย่างที่นาย Matty Ibnufatim Hamady ตีความบิดเบือน ยังมีหลักฐานอีกมากมายที่แสดงว่า อัลลอฮทรงอยู่เบื้องสูงจริง ไม่ใช่หมายถึงตำแหน่งสูง อย่างที่กลุ่มแนวคิดญะฮมียะฮบิดเบือนปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ

والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม





เอกสารอ้างอิง


 à¹„ม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ทำไมตายแล้วต้องเฝ้ากุโบร์







ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป



ทำไมตายแล้วต้องเฝ้ากุโบร์
มีประเพณีหนึ่งที่ครอบครัวผู้ตายต้องใช้จ่ายเงินเป็นหลักหมื่น หรือมากกว่านั้น คือ การว่าจ้างให้ละแบเฝ้ากุโบร์ เพื่ออ่านอัลกุรอ่านอุทิศบุญให้คนตาย และทำบุญครบรอบ 7 วัน เรียกว่า "ทำบุญออกกุโบร์"
แปลก...ถ้าอ้างว่าอ่านอัลกุรอ่านผลบุญถึงผู้ตาย ทำไมต้องเฝ้ากุโบร์ ทำไมไม่อ่านที่บ้าน แล้วเนียตอุทิศบุญให้ มันมีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงอยู่หรือ
เท่าที่เห็นชัด ผู้ได้กับผู้เสียมีดังนี้
1. เจ้าภาพต้องส่งเสบียงให้ละแบ 7 วัน คนได้รับประโยชน์ กินฟรี นอนฟรี คือโต๊ะละแบบ ส่วนครอบครัวผู้ตายก็ต้องเสียตังค์
2. พอถึงวันที่เจ็ด เรียกว่า"วันออกกุโบร์" เจ้าภาพก็เลี้ยงใหญ่ คนที่ได้ประโยชน์คือ โต๊ะละแบ ส่วนครอบครัวผู้ตายก็ต้องเสียตังค์ 
3. ค่าจ้างเฝ้ากุโบร์ 7 วัน 7 คืน ค่าจ้างไม่ต่ำกว่า หมื่นบาท คนที่ได้ประโยชน์ เงินก็ได้ใส้ก็ตึง คือ โต๊ะละแบบ ส่วนคนที่เสียตังค์คือ ครอบครัวผู้ตาย
สรุปเป็นประเพณีที่แฝงไปด้วยผลประโยชน์ ที่ใครต่อต้าน ก็จะถูกตราหน้า ว่า "พวกวะฮบีย" แล้วยุยงสร้างภาพความน่ากลัวให้คนอาวามเห็น เพื่อปกป้อง ประเพณีเฝ้ากูโบร์
ถ้ากิจกรรมนี้ แอบแฝงด้วยผลประโยชน์ และสร้างภาระค่าใช้จ่ายให้ครอบครัวผู้ตาย โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำ ไม่ได้มีบทบัญญัติมาจากศาสนบัญญัติ จากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ แล้วใครรับรองว่าจะได้บุญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการว่าจ้างอ่านอัลกุรอ่านเพื่ออุทิศบุญให้คนตาย
ท่านนบี ศ็อลฯกล่าวว่า
اقرءوا القران واعملوا به ولا تجفوا عنه ولا تغلوا فيه ولا تأكلوا به ولا تستكثروا به
พวกท่านจงอ่านอัลกุรอ่าน ,จงปฏิบัติด้วยมัน ,อย่าหลีกเลี่ยงจากมัน (อย่าละทิ้งมันโดยไม่อ่าน) ,อย่าเลยเถิดในมัน ,อย่าหากินกับมัน และอย่าแสวงหาทรัพย์สินอันมากมายด้วยมัน -
رواه أحمد والطبراني وغيرهما وقال الهيثمي : " رجاله ثقات" وقال الحافظ في الفتح : "وسنده قوي"، وصححه الألباني في " صحيح الجامع " برقم (1168) وفي الصحيحة (260)،(3057)
ชัยค์ บักร บิน อับดุลลอฮ อบูเซด กล่าวว่า
استئجار شخص أو أكثر لقراءة القرآن، وإهداء ثوابها لميت أو حي، وهذا عمل مبتدع، وقد فات ثواب القراءة على القارئ لما فيه من إرادة الإنسان بعمله الدنيا، وفات على المستأجر؛ لأنه عمل مبتدع، وقد قال - صلى الله عليه وسلم -:"من أحدث في أمرنا هذا ما ليس منه فهو رد
การว่าจ้างบุคคลคนหนึ่ง หรือมากกว่านั้น เพื่อให้อ่านอัลกุรอ่านและอุทิศผลบุญของมัน ให้แก่ผู้ตายหรือผู้ที่มีชีวิตอยู่ และนี้คือ การกระทำของผู้อุตริบิดอะฮ และแน่นอน ผลบุญของการอ่าน จะไม่ได้แก่ผู้อ่าน เพราะเป็นสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งจากความประสงค์ของมนุษย์ ด้วยการกระทำของเขา เพื่อดุนยา และ จะไม่ได้แก่ผู้ที่รับจ้าง เพราะแท้จริงมันคือการกระทำของผู้ที่อุตริบิดอะฮ และแท้จริง นบี ศอ็ลฯ กล่าวว่า " ผู้ใดประดิษฐสิ่งใหม่ ในกิจการศาสนาของเรานี้ สิ่งซึ่งไม่ได้มาจากมัน มันคือ สิ่งที่ถูกปฏิเสธ - ตัศเฮียะอัดดุอาอฺ หน้า 298
................
ขอให้พี่น้องลองพิจารณาดู ว่า กิจกรรมที่อ้างศาสนา โดยไม่มีหลักฐานจากอัสสุนนะฮ ซ้ำยังต้องเสียเงินเสียทองมากมาย สร้างภาระให้ครอบครัวผู้ตายโดยเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ศาสนาสอน แล้วจะเอาผลบุญจากใคร ในเมื่ออัลลอฮและท่านรซูลุลลอฮ ศ็อลฯไม่ได้สอนไว้ เพราะถ้าเป็นกิจกรรมที่ดีในเรื่องศาสนา ท่านนบี ศ็อลฯก็จะสอนให้อุมมะฮของท่านรู้ ดังหะดิษที่ท่านนบี ศ็อลฯกล่าวว่า
نَّهُ لَمْ يَكُنْ نَبِيٌّ قَبْلِي إِلَّا كَانَ حَقًّا عَلَيْهِ أَنْ يَدُلَّ أُمَّتَهُ عَلَى خَيْرِ مَا يَعْلَمُهُ لَهُمْ ، وَيُنْذِرَهُمْ شَرَّ مَا يَعْلَمُهُ لَهُمْ
“แท้จริงไม่มีศาสดาคนใดก่อนหน้าฉัน เว้นแต่จะมีหน้าที่บอกสิ่งที่ดีที่ท่านรู้ต่อประชาชาติของท่าน และเตือนพวกเขาจากสิ่งไม่ดีที่ท่านรู้”-รายงานโดยมุสลิม กิตาบอัลอิมาเราะฮ
.....
ขอให้พี่น้องผู้ศรัทธาโปรดพิจารณา กันนะครับ อย่าให้อยู่ในคำว่า "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก คนโง่เป็นเหยื่อคนฉลาด"
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
5/5/61

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

การบิดเบือนอะกีดะฮเพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ





ในภาพอาจจะมี ข้อความ


การบิดเบือนอะกีดะฮเพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ (ตอน ปลาหมอตาบอดติดข่ายผุผุ)
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม
26 เมษายน เวลา 22:53 น. • 
#อากีดะห์ 
จริงๆคำว่า على (อาลา) ที่ใช้กับอัลลอฮนั้น คืออยู่เหนือด้วยเกียรติและอำนาจการปกครอง ดั่งที่กุรอ่านกล่าวว่า
إِنَّ اللّهَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ
แท้จริงอัลลอฮฺคือผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสรรพสิ่ง ไม่ใช่ อยู่บนด้วยการมีสถานที่ #ดังนั้น ไม่มีใครปฏิเสธ อาลาที่กล่าวในกุรอ่านและฮาดิษและคำพูดของชาวสลัฟ. แต่เป็นการเข้าใจที่ต่างกัน..
#อัลลอฮทรงมีโดยไม่มีสถานที่ #อากีดะห์อิสลาม
@@@@
ชี้แจง
ข้างต้น คือการนำ อายะฮ หนึ่งคือ
إِنَّ اللّهَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ
ความหมายที่ถูกต้องคือ
แท้จริงอัลลอฮฺคือผู้ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง
แล้ว มาโกหกบิดเบือน ว่า “คำว่า على ถ้าใช้กับอัลลอฮ หมายถึง อำนาจปกครอง ช่างโกหกบิดเบือนอย่างน่าละอายที่สุด 
เพราะในอายะฮนี้ ได้บอกชัดเจน อยู่แล้วว่า ทรงเดชานุภาพ (قدير ) ไม่จำเป็นต้องไปตีความตามตรรก นี่คือ อายะฮเต็มๆไม่ตัดตอนคือ
وَلِلَّهِ مُلْكُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ ۗ وَاللَّهُ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ
และอำนาจแห่งบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นทรงเดชานุภาพ เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
...................
อายะฮข้างต้นไม่ได้ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ และ คำว่า “على ในที่นี้ ทำหน้าที่เป็นคำบุพบท แสดงบอกถึงความเกี่ยวข้อง หรือสัมพันธ์ กับ คำว่า قدير เท่านั้นเอง
คำว่า على ความหมายตามรากศัพท์เดิม มีความหมายว่า สูง (الاستعلاءُ،) ยกตัวอย่างเช่น
อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า
وَعَلَيْهَا وَعَلَى الْفُلْكِ تُحْمَلُونَ
และพวกเจ้าบรรทุกบนหลังมันเช่นเดียวกับใช้บรรทุกบนเรือ – ฆอฟีร /80
อัลหาฟิซ อิบนุอับดิลบัร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
" وأما قوله تعالى : ( أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ أَنْ يَخْسِفَ بِكُمُ ) الملك/16 فمعناه مَن على السماء يعني على العرش ، وقد يكون في بمعنى على ، ألا ترى إلى قوله تعالى : ( فَسِيحُوا فِي الْأَرْضِ أَرْبَعَةَ أَشْهُرٍ ) التوبة/2 أي : على الأرض . وكذلك قوله : ( وَلَأُصَلِّبَنَّكُمْ فِي جُذُوعِ النَّخْلِ ) طه/71 " انتهى.
สำหรับคำตรัสของอัลลอฮตะอาลาที่ว่า (หรือว่าพวกเจ้าจะปลอดภัยจากการที่พระผู้ทรงอยู่ บนฟากฟ้าจะทรงให้แผ่นดินสูบพวกเจ้า) - อัลมุลกุ/16 และความหมายของมันคือ ผู้ทรงอยู่บนฟากฟ้า หมายถึง อยู่บนอะรัช และบางครั้งคำว่า “ ฟี”(ใน) มีความหมายว่า “อะลา(บน) ท่านไม่เห็นดอกหรือ คำตรัสของอัลลอฮตะอาลาที่ว่า (ดังนั้นพวกท่าน จงท่องเที่ยวไปในแผ่นดินสี่เดือน) - อัตเตาบะฮ/2 หมายถึง บนแผ่นดิน และในทำนองเดียวกัน คำตรัสของอัลลอฮที่ว่า(และฉันจะเอาพวกท่านไปตรึงไว้ที่ต้นอินทผาลัม) – อัตตัมฮีด เล่ม 7 หน้า 30
...........
คำว่า في เมื่อนำหน้า คำว่า السماء จะมีความหมายว่า على แปลว่า บน ไม่ใช่หมายถึง อำนาจปกครองบนฟ้า อย่างที่ ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม บิดเบือน โกหก มาดูอะกีดะฮสะลัฟยืนยันการอยูบนฟ้า หรืออยู่เบื้องสูงของอัลลอฮคือ
صح عن علي بن الحسن بن شقيق قال قلت لعبد الله بن المبارك كيف نعرف ربنا عزوجل قال في السماء السابعة على عرشه ولا نقول كما تقول الجهمية إنه هاهنا في الأرض فقيل هذا لأحمد بن حنبل فقال هكذا هو عندنا
รับรองเศาะฮีหฺจากอลี บิน อัล-หะสัน บิน ชากิก เขากล่าวว่า “ฉันกล่าวกับอับดุลลอฮ บิน อัล-มุบาร็อก ว่า เราจะรู้จักพระผู้เป็นเจ้าของเราได้อย่างไร?” อิบนุล มุบาร็อก ตอบว่า “พระเจ้าของเราอยู่บนชั้นฟ้าที่เจ็ด เหนืออรัชของพระองค์ เราจะไม่กล่าวเช่นที่พวกญะฮฺมียะฮฺเชื่อว่า อัลลอฮทรงอยู่ที่นี่ หมายถึง บนหน้าแผ่นดิน” หลังจากนั้น มีผู้ถามถึงความเห็นของอิมามอะหฺมัด บิน หัมบัล เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านอิบนุล มุบาร็อก ตอบว่า “เช่นนั้นแหล่ะ เขาก็มีความเห็นเหมือนเรา”- ดูที่มา
الثعلبي في "الكشف والبيان عن تفسير القرآن" (9/ 231)
والدارمي في "الرد على الجهمية" (67) وفي "نقضه على المريسي الجهمي العنيد" (1/ 501)
وابن المقرئ في "المعجم" (291)
ووابن بَطَّة العكبري في "الإبانة الكبرى" (112 و 113)
والبيهقي في "الأسماء والصفات" (ص 587)
وابن قدامة المقدسي في "إثبات صفة العلو" (83 و 84)
وحرب الكرماني في "مسائله" (3/ 1112)
والخطابي في "الغنية عن الكلام وأهله" ()
والذهبي في "العلو للعلي الغفار" (399 مكتبة أضواء السلف) وفي "سير أعلام النبلاء" (8/ 402)
อิหม่ามอัลอาญุรีย์(ฮ.ศ)กล่าวว่า
والذي يذهب إليه أهل العلم أن الله عز وجل سبحانه على عرشه فوق سماواته، وعلمُهُ محيط بكل شيء
และที่บรรดานักวิชาการมีทัศนะไปสู่มันคือ แท้จริงอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง (ซ.บ)ทรงอยู่บนบัลลังค์ของพระองค์ เหนือบรรดาชั้นฟ้าของพระองค์ และความรู้ของพระองค์ครอบคลุม ทุกๆสิ่ง - กิตาบอัชชะรีอะฮ ๒/๖๖ (สำเนาหนังสือข้างล่าง อัลลอฮทรงอยู่บนอะรัช )
..........
นาย ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ใช้ตรรกความคิดตัวเองโดยปราศจากหลักฐาน โดยการโกหกว่า คำว่า على ถ้าใช้กับ อัลลอฮ หมายถึง อำนาจปกครอง -นะอูซุบิลละฮ มีหลายคนกดไลท์ให้ ไม่ต่างอะไรกับ ปลาหมอตาบอด ติดข่ายผุผุ )
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
3/5/61

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ยืนให้ตรงตามคำสอน (ไม่ประณีประนอมกับความเท็จ)



ในภาพอาจจะมี สถานที่กลางแจ้ง



ยืนให้ตรงตามคำสอน (ไม่ประณีประนอมกับความเท็จ)
การนับถือศาสนาเพื่ออัลลอฮ ตาอาลา และการดะอวะฮ(เรียกร้องเชิญชวน)ไปสู่ศาสนาของพระองค์ ไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้บงการ หรือข้อต่อรองของใคร ไม่จำเป็นจะต้องเชลียใคร เอาอกเอาใจใคร แค่ยืนให้ตรงตามคำสอนและอย่าคล้อยตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกโง่เขลาเบาปัญญา และอย่าเอนเอียงไปตามผลประโยชน์ที่ถูกยิบยื่นให้ อย่าสมานฉันท์กับความเท็จแค่นี้ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่บ่าวผู้ยืนหยัด(อิสติกอมะฮ)แล้ว
อัลลอฮตาอาลาได้บัญชาแก่ท่านนบีมุหัมหมัด ศ็อลฯว่า
فَلِذَٰلِكَ فَادْعُ ۖ وَاسْتَقِمْ كَمَا أُمِرْتَ ۖ وَلَا تَتَّبِعْ أَهْوَاءَهُمْ ۖ وَقُلْ آمَنتُ بِمَا أَنزَلَ اللَّهُ مِن كِتَابٍ ۖ وَأُمِرْتُ لِأَعْدِلَ بَيْنَكُمُ ۖ
ดังนั้น เพื่อการนี้แหละเจ้าจงเรียกร้องเชิญชวนและดำรงมั่นอยู่ในแนวทางที่เที่ยงธรรมดังที่เจ้าได้รับบัญชา และอย่าได้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขา และจงกล่าวว่า ฉันได้ศรัทธาในสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์ตามที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมา และฉันรับบัญชาให้ตัดสินระหว่างพวกท่านด้วยความเที่ยงธรรม ....อัชชูรอ/15
และอีกอายะฮหนึ่งระบุว่า
ثُمَّ جَعَلْنَاكَ عَلَىٰ شَرِيعَةٍ مِّنَ الْأَمْرِ فَاتَّبِعْهَا وَلَا تَتَّبِعْ أَهْوَاءَ الَّذِينَ لَا يَعْلَمُونَ
แล้วเราได้ตั้งเจ้าให้อยู่บนแนวทางหนึ่ง ในเรื่องของศาสนาที่แท้จริง ดังนั้นจงปฏิบัติตามแนวทางนั้น และอย่าได้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของบรรดาผู้ไม่รู้ -อัลญาษียะฮ /18
การทิ้งจุดยืน เพื่อสนองตัญหาของคนในสังคม และผลประโยชน์จากใครหรือคนกลุ่มใดก็ตาม เขาเหล่านั้นไม่สามารถช่วยให้พ้นจากการลงโทษได้หรอก
إِنَّهُمْ لَن يُغْنُوا عَنكَ مِنَ اللَّهِ شَيْئًا ۚ وَإِنَّ الظَّالِمِينَ بَعْضُهُمْ أَوْلِيَاءُ بَعْضٍ ۖ وَاللَّهُ وَلِيُّ الْمُتَّقِينَ
แท้จริงพวกเขาไม่อาจจะช่วยเจ้าให้พ้นจากอัลลอฮฺแต่อย่างใด และแท้จริงพวกอธรรมนั้นต่างก็เป็นมิตรซึ่งกันและกัน แต่อัลลอฮฺนั้นทรงเป็นผู้คุ้มครองบรรดาผู้ยำเกรง -อัลญาษียะฮ/19
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
3/5/61