วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562

แปลก...พอมีการดุอาตัษบีต ทำไมต้องเดินหนี


แปลก...พอมีการดุอาตัษบีต ทำไมต้องเดินหนี
หลายครั้งหลายครา ที่ผู้เขียนประสบมาเมื่อไปส่งมัยยิตที่กุโบร์ พอฝังและกลบหลุมมัยยิตเสร็จ ก็จะมีการอ่าน"ดุอาตัษบีต" แต่มีพี่น้องอีกกลุ่มไม่เข้าร่วม บ้างก็เดินหนี
การอ่านดุอาตัษบีต ท่านนบี ศ็อลฯสอนมาเป็นพันๆปีแล้วคือ
وعن عُثمانَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قالَ: كَانَ رسولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وسَلَّمَ إِذَا فَرَغَ مِن دَفْنِ الْمَيِّتِ وَقَفَ عَلَيْهِ وقالَ: ((اسْتَغْفِرُوا لِأَخِيكُمْ، وَسَلُوا لَهُ التَّثْبِيتَ فَإِنَّهُ الْآنَ يُسْأَلُ)). رواهُ أبو دَاوُدَ، وصَحَّحَهُ الحاكمُ
รายงานจากอุษมาน (ร.ฏ)กล่าวว่า “ปรากฏว่าท่านรซูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อฝังมัยยิตเสร็จเรียบร้อย ท่านได้หยุดอยฺู่ ณ หลุมศพ และกล่าวว่า “พวกท่านจงขออภัยโทษแก่พี่น้องของพวกท่านและจงขอให้เกิดความหนักแน่นมั่นคงให้แกเขา เพราะขณะนี้ เขากำลังถูกสอบสวน”- รายงานโดย อบูดาวูด และอัลหากิม ระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ
อิหม่ามอัชเชากานีย์(ร.ฮ) กล่าวว่า
"فيه مشروعية الاستغفار للميت عند الفراغ من دفنه ، وسؤال التثبيت له ؛ لأنه يسأل في تلك الحال
ในหะดิษ คือ สิ่งที่ถูกบัญญัติ ให้อิสติฆฟัร(ขออภัยโทษ)ให้แก่ผู้ตาย เมื่อเสร็จจากการฝังมัยยิต และขอการตัษบีต(ความหนักแน่นมั่นคง)ให้แก่เขา(มัยยิต) เพราะแท้จริงเขาถูกถามในเวลานั้น -ดู นัยลุลเอาฏ็อร 2/98
ในหนังสือ อัลเมาสูอะฮ อัลฟิกฮียะฮ ของกระทรวงศาสนา ประเทศคูเวตระบุว่า
وَعَقِبَ الدَّفْنِ يُنْدَبُ أَنْ يَقِفَ جَمَاعَةٌ يَسْتَغْفِرُونَ لِلْمَيِّتِ، لأَِنَّهُ حِينَئِذٍ فِي سُؤَال مُنْكَرٍ وَنَكِيرٍ، رَوَى أَبُو دَاوُدَ بِإِسْنَادِهِ عَنْ عُثْمَانَ قَال: كَانَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِذَا دَفَنَ الرَّجُل وَقَفَ عَلَيْهِ وَقَال: اسْتَغْفِرُوا لأَِخِيكُمْ وَاسْأَلُوا لَهُ التَّثَبُّتَ فَإِنَّهُ الآْنَ يُسْأَل وَصَرَّحَ بِذَلِكَ جُمْهُورُ الْفُقَهَاءِ

และหลังจากฝังมัยยิต สุนัตให้มีคนคณะหนึ่ง ยืนขึ้น(หยุด ณ ที่หลุมศพ) ขออภัยโทษ(อิสติฆฟัร)ให้แก่มัยยิต เพราะว่า ในขณะนั้น อยู่ในการสอบสวนของมุงกัร-นะกีร ,อบูดาวูด ได้รายงานด้วยสายรายงานของเขา จากอุษมาน ว่าเขาได้กล่าวว่า "ปรากฏว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อท่านนบีได้ฝังคนตายเสร็จ ท่านนบีได้หยุดอยู่ ณ หลุมศพของเขา และกล่าวว่า ( พวกท่านจงขออภัยโทษแก่พี่น้องของพวกท่านและจงขอให้เกิดความหนักแน่นมั่นคงให้แกเขา เพราะขณะนี้ เขากำลังถูกสอบสวน) และบรรดาฟุเกาะฮาฮ(ปราชญกฏหมายอิสลาม)ส่วนใหญ่ ได้ชี้แจงด้วยดังกล่าวนั้น - อัลเมาสูอะฮอัลฟิกฮียะฮ 4/41
ชัยคบินบาซ (ร.ฮ)กล่าวว่า
الدعاء للميت بعد الدفن بالثبات والمغفرة سنة
ดุอาให้แก่มัยยิต ด้วยการให้ได้รับความหนักแน่นมั่นคงและการอภัยโทษ หลังจากฝังนั้น คือสุนนะฮ -มัจญมัวะฟะตาวา 13/205
..
ตัวอย่าดูอาตัษบีตคือ
اللهم ثبته بالقول الثابت في الحياة الدنيا والأخرة اللهم اغفرله وارحمه انك أنت الغفور الرحيم
อัลลอฮฮุมมะ-ษับบิตฮู บิลเกาลิษษาบิต ฟิลหายาติดดุนยา วัลอาคิเราะฮ อัลลอฮุมมัฆฟีรละฮู วัรหัมฮู อินนะกะ อันตัน เฆาะฟู รูรเราะฮีม.
คำแปล - โอ้อัลลอฮ โปรดให้เขามีความหนักแน่นมั่นคง ในชีวิตดุนยาและอาคีเราะฮ ,โอ้อัลลอฮ โปรดอภัยโทษและประทานความเมตตาต่อเขาด้วยเถิด แท้จริงพระองค์ท่านนั้น คือ ผู้ทรงอภัยโทษและผู้ทรงเมตตายิ่ง
.........
ทำไม่จึงรังเกียจ ทำไมจึงเดินหนี ทั้งๆที่เป็นสุนนะฮนบี ศ็อลฯ น่าเศร้าครับ สังคมมุสลิมเรา ถูกปลูกฝั่งให้แบ่งฝ่ายจนมองสิ่งที่เป็นสุนนะฮ กลายเป็นปีศาจร้ายที่น่ากลัว
อะสัน หมัดอะดั้ม
22/3/62


เอกสารอ้างอิง

ในภาพอาจจะมี ข้อความ

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562

การโกหกแอบอ้างว่าอิหม่ามชาฟิอีส่งเสริมให้ทำเมาลิดนบี


การโกหกแอบอ้างว่าอิหม่ามชาฟิอีส่งเสริมให้ทำเมาลิดนบี
ไปเจอเว็บไซด์หนึ่ง ได้อ้างว่า
قال الشافعى رحمه الله من جمع لمولد النبى صلى الله عليه وسلم اخوانا وتهياء لهم طعاما وعملا حسانا بعثه الله يوم القيامة مع الصديقين والشهداء والصالحين
อิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ) ได้กล่าวว่า ผู้ใดรวบรวมบรรดาพี้น้อง สำหรับวันเกิดนบี ศ็อลฯ และเตรียมอาหารให้แก่พวกเขา และทำความดี อัลลอฮจะให้เขาฟื้นขึ้นมาในวันกิยามะฮ พร้อมกับบรรดาผู้มีสัจจะ ,บรรดาผู้ตายชะฮีด และบรรดาคนดี
ข้างต้นเป็นการโกหกแอบอ้าง อิหม่ามชาฟิอี โดยไม่มีที่มาและไม่มีสายรายงานสืบไปถึงอิหม่ามชาฟิอี
อนึ่ง การจัดเฉลิมฉลองเมาลิดนบี เกิดขึ้นหลักยุคหลังจากสามร้อยปี ดังที่อิหม่ามอัสสะยูฏีย์ ได้บอกว่า อัลหาฟิซอิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ได้กล่าวไว้ว่า
أَصْلُ عَمَلِ الْمَوْلِدِ بِدْعَةٌ لَمْ تُنْقَلْ عَنْ أَحَدٍ مِنَ السَّلَفِ الصَّالِحِ مِنَ الْقُرُونِ الثَّلَاثَةِ
ที่มาของการทำเมาลิดนั้น คือบิดอะฮ ไม่ได้ถูกรายงานจากคนใดจากชาวสะลัฟ ผู้ทรงธรรม จากศตวรรษ ที่สาม.... - ،อัลหาวีย์ ลิลฟะตาวีย์ 1/188
.............
อิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ) มีชีวิตในช่วง ปี ฮ.ศ 150-204 ท่านอยู่ในยุคสะลัฟ แสดงว่า การแอบอ้างว่า อิหม่ามชาฟิอี ส่งเสริมให้ทำเมาลิด เป็นการโกหกแอบอ้างอิหม่ามชาฟิี
ท่านมุหัมหมัด อับดุสสลาม เคาะฎีร อัชชะกีรีย์ กล่าวว่า
فاتخاذ مولده موسماً والاحتفال به بدعة منكرة، وضلالة لم يرد بها شرع ولا عقل، ولو كان في هذا خير كيف يغفل عنه أبو بكر وعمر وعثمان وعلي وسائر الصحابة والتابعون وتابعوهم والأئمة وأتباعهم
การถือเอาวันเกิดของท่านนบี เป็นเทศกาลชุมนุมและการเฉลิมฉลอง ด้วยมันนั้น เป็นบิดอะฮ ที่เลว เป็นการหลงผิด ไม่ปรากฏบทบัญัติด้วยมัน และ ไม่กินกับปัญญา และถ้าปรากฏว่าในสิ่งนี้ มีความดีงาม ทำไมอบูบักร์,อุมัร,อุษมาน ,อาลี ,เหล่าสาวกคนอื่นๆ,เหล่า ตาบิอีน ,บรรดาผู้เจริญรอยตามพวกเขา ,บรรดาอิหม่ามและบรรดาผู้ที่ตามพวกเขา ได้ละเลย จากมัน – อัสสุนัน วัล มุบตะดะอาต หน้า 138
และคำพูดที่แอบอ้างชาฟิอี ความจริง เป็นคำพูดของอัลญาฟิอี คือ
وَقاَلَ الإِماَمُ الياَفِعِيْ اليَمَنِىْ مَنْ جَمَّعَ لِمَوْلِدِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِخْوَاناً وَهَيَّأَ طَعَاماً وَأَخْلَى مَكاَناً وَعَمِلَ إِحْساَناً وَصاَرَ سَبَباً لِقِرَاءَةِ مَوْلِدِ الرَّسُوْلِ بَعَثَهُ اللهُ يَوْمَ القِياَمَةِ مَعَ الصِّدِّيْقِيْنَ وَالشُّهَدَاءِ وَالصّاَلِحِيْنَ وَيَكُوْنُ فيِ جَنّاَتِ النَّعِيْمٍ
และอิหม่ามอัลญาฟิอีย์ อัลยะมะนีย์ กล่าวว่า "ผู้ใดรวบรวมบรรดาพี่น้อง สำหรับวันเกิดของท่านนบี ศ็อลฯ และเตรียมอาหาร และ เตรียมสถานที่ให้ว่าง และทำความดี และด้วยเหตุการอ่านประวัติวันเกิดรอซูล ทำให้อัลลอฮทรงให้เขาฟื้นขึ้นมาในวันกิยามะฮ ให้อยู่พร้อมกับ บรรดาผู้มีสัจจะ ,บรรดาผู้ตายชะฮีด และบรรดาคนดี และเขาจะได้อยู่ในบรรดาบรรดาสวนสวรรค์แห่งความสุขสำราญ- ดู อิอานะฮอัฏฏอลีบีน 3/364-365
...............
การอ้างว่าทำเมาลิดนบี จะได้เข้าสวรรค์ ใครเป็นผู้รับรองหรือ และใหนคือหลักฐานจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ
ข้างต้น หากเราไม่ทำเมาลิด จะเรียกว่า "ไม่เอาอุลามาอฺ"อย่างนั้นหรือ โอ้เด็กน้อยเจ้าปัญญาทั้งหลาย คนที่นำหน้าคำว่าอุลามาอฺ เชื่อได้ทุกคนหรือ ไอ้เด็กน้อย
อะสัน หมัดอะดั้ม
15/362

เอกสารอ้างอิง

ในภาพอาจจะมี ข้อความ

วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2562

วาทกรรม คุณมัซฮับใหน สายใหน?



วาทกรรม คุณมัซฮับใหน สายใหน?
วาทกรรมข้างต้น ได้ยินบ่อย พอนำเสนอวิชาการ ก็จะถูกสอบสวนก่อนว่า "อยู่มัซฮับใหน สายใหน?
แปลก...เอาคำว่ามัซฮับ และสาย มาเป็นมาตรฐานรับรองความเป็นมุสลิมของคน คนใหนไม่สังกัดมัซฮับ คนนั้นเป็นมุสลิมไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ถูกฝังหัวกันมานาน ถึงขนาดหุกุมว่าใครออกจากมัซฮับทั้งสี่คือ การหลงผิดเช่น
เจ้าของตัฟสีรอัศศอวีย์ เป็นคนที่คลั่งใคล้กับมัซฮับแบบสุดโต่ง มาดูคำพูดของเขาในตัฟสีรดังกล่าว
ที่อาธิบายอายะฮที่ว่า
وَلا تَقُولَنَّ لِشَيْءٍ إِنِّي فَاعِلٌ ذَلِكَ غَداً * إِلَّا أَنْ يَشَاءَ اللَّهُ
และเจ้าอย่าพูดสิ่งหนึ่งว่า แท้จริงฉันจะกระทำสิ่งดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ นอกจาก กล่าวว่า หากว่าอัลเลาะฮ์ทรงประสงค์” [อัลกะฮ์ฟฺ: 23-24]
อัศศอวีย์ อธิบายว่า
ولا يجوز تقليد ما عدا المذاهب الأربعة ، ولو وافق قول الصحابة ، والحديث الصحيح والآية ، فالخارج عن المذاهب الأربعة ضال مضل ، وربما أداه ذلك إلى الكفر ، لأن الأخذ بظواهر الكتاب والسنة من أصول الكفر
ไม่อนุญาให้ตักลิด(เชื่อตาม) อื่นจากมัซฮับทั้งสี่ แม้ว่าจะสอดคล้องกับคำพูดของเศาะหาบะฮและหะดิษเศาะฮเฮียะ และ อายะฮ ก็ตาม เพราะการออกจากมัซฮับทั้งสี่นั้น เป็นการหลงผิด และเป็นผู้ที่ทำให้หลงผิด และบางที่ ดังกล่าวนั้นอาจจะนำไปสู่การเป็นกุฟุร เพราะการเอาตามความหมายที่ปรากฏของอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากรากฐานการกุฟุร -ตัสสีรอัศศอวีย์ เล่ม 3 หน้า 9
........
ถึงขนาดหุกุมว่า ไม่อนูญาตตามอื่นจากมัซฮับสี่ และการออกจากมัซฮับสี่ เป็นการหลงผิด นีคือส่วนหนึ่งของที่มาของการถามว่า "คุณมัซฮับใหน? สายใหน
มัซฮับคือ แนวคิดที่เกิดจากความเห็นที่แตกต่างในการอิจติฮาด/การวินิจฉัย ซึ่งมีหลายมัซฮับ และที่แพร่หลาย มี 4 มัซฮับเช่น
1.มัซฮับอิหม่ามหะนะฟีย์ (ฮ.ศ 80-150)
2.มัซฮับอิหม่ามมาลิก ( ฮ.ศ 93-179)
3.มัซฮับอิหม่ามชาฟิอีย์ ( ฮ.ศ 150- 204)
4. มัซฮับอิหม่ามอะหมัด (ฮ.ศ 164-241)
มัซฮับ ที่ไม่แพร่หลาย เช่น
1.หะสัน อัล-บัศรีย์ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 110)
2.อัล-เอาซาอีย์ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 157)
3.ซุฟยาน อัษ-เษารีย์ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 160)
4. อัล-ลัยษฺ อิบนฺ สะอัด (เสียชีวิต ฮ.ศ. 157)
5.ซุฟยาน อิบนฺ อุยัยนะฮฺ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 198)
6.อิบนุ หัซมฺ อัซฺ-ษอฮิรีย์ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 270)
7. อิสหาก อิบนฺ รอฮูยะฮฺ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 238)
8.อบู เษารฺ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 240)
9.อื่นๆ
(อัล-อุลวานีย์, ของเฏาะฮา ญาบิรฺ. 1995 : 88)
...
การสังกัดมัซฮับไม่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดให้เป็นข้อบังคับของศาสนา และไม่มีปราชญเจ้ามัซฮับคนใดเรียกร้องให้ผูกขาดกับมัซฮับตัวเอง แล้วใยจึงเอาคำว่า "มัซฮับ"มาเป็นมาตรฐานรับรองความเป็นมุสลิมของคน จนเกิดฟิตนะฮมากมาย
อิบนุกอ็ยยิม (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
وَقَدْ نَهَى الْأَئِمَّةُ الْأَرْبَعَةُ عَنْ تَقْلِيدِهِمْ ، وَذَمُّوا مَنْ أَخَذَ أَقْوَالَهُمْ بِغَيْرِ حُجَّةٍ ; فَقَالَ الشَّافِعِيُّ : مَثَلُ الَّذِي يَطْلُبُ الْعِلْمَ بِلَا حُجَّةٍ كَمَثَلِ حَاطِبِ لَيْلٍ ، يَحْمِلُ حُزْمَةَ حَطَبٍ وَفِيهِ أَفْعَى تَلْدَغُهُ وَهُوَ لَا يَدْرِي ، ذَكَرَهُ الْبَيْهَقِيُّ .
และความจริง อิหม่ามทั้งสี่ ได้ห้ามตักลีด(เชื่อตาม)พวกเขา และพวกเขาตำหนิผู้ที่ยึดเอาคำพูดของพวกเขาโดยปราศจากหลักฐาน แล้วท่านอิหม่ามชาฟิอีย์กล่าวว่า" อุปมาผู้ที่ศึกษาหาความรู้ โดยไม่มีหลักฐาน อุปมัยดังเช่น คนหาไม้ฟืนยามค่ำคืน ,เขาแบกมัดของไม้ฟืน และในนั้นมีงูจะกัดเขาอยู่ โดยที่เขาไม่รู้ ,อัลบัยฮะกีย์ได้ระบุเอาไว้ - เอียะลามุลมุวักกิอีน 3/469
..........
ผู้เขียนไม่ได้ตำหนิเรื่องมัซฮับ ไม่ได้ตำหนิการสังกัดมัซฮับ แต่ตำหนิการผูกขาดมัซฮับจนเลยเถิดแล้วมองคนไม่ผูกขาดมัซฮับ ไม่สังกัดมัซฮับใดเป็นการเฉพาะ ว่า ไม่ใช่มุสลิม หรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับศาสนาแล้วแสดงการดูหมิ่นดูแคลน หยุดได้แล้วครับ ทุกวันนี้ความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการมันเจริญ ควรจะหูตาสว่างกันได้แล้ว อย่าเทียวโจมตี อย่าเทียวยุแยงตะแคงรั่วให้มุสลิมทำลายความเป็นพีน้องกันเลย อย่าถามเลยว่าสังกัดมัซฮับใหน เพราะบางที่คนถามก็ไม่รู้จักหลักการและคำสอนที่แท้จริงของเจ้าของมัซฮับที่ตัวเองอ้างว่าสังกัดด้วยซ้ำ
อะสัน หมัดอะดั้ม
10/3/62

เอกสารประกอบ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2562

การแห่ขันหมากเป็นสุนนะฮใครหรือ








การแห่ขันหมากเป็นสุนนะฮใครหรือ
การแห่ขันหมากในศาสนาอิสลามนั้น ไม่ปรากฏในคำสอนอิสลามว่า ท่านนบี ศ็อลฯ ,บรรดาเหล่าเศาะหาบะฮ และบรรพชนยุคสะลัฟผู้ทรงธรรม ได้ปฏิบัติกัน ทั้งนี้เพราะอิสลามสอนให้แต่งงานแบบเรียบง่าย ไม่ฟุมเฟือยสุรุ่ยสุร่าย และโอ้อวด
ท่านนบีมุหัมหมัด ศ็อลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
خير النكاح أيسره
การแต่งงานที่ดี นั้น คือการแต่งงานที่สะดวกเรียบง่าย -รายงานโดยอิบนุหิบบาน และอัลอัลบานีย์ ได้ให้สถานะหะดิษนี้ว่าเป็นหะดิษเศาะเฮียะ ในเศาะเฮียะอัลญาเมียะ หะดิษหมายเลข 3300
.ท่านนบี ศ็อลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวอีกว่า
أَعْظَمُ النِّسَاءِ بَرَكَةً أَيْسَرُهُنَّ مَئُونَةً
บรรดาสตรีที่มีบะเราะกัต (ความจำเริญ)ที่ยิ่งใหญ่ คือ ความเรียบง่ายของพวกนาง ในการใช้จ่าย ) - รายงานโดยอะหมัด (หะดิษหมายเลข24596) อัลหากิม ได้ให้สถานะมันว่าเป็นหะดิษเศาะเฮียะ และอัซซะฮะบีย์ ได้ยอมรับมัน และอัลอิรอกีย์ ได้กล่าวไว้ใน ตัคริจญอะหาดิษอัลเอียะยาอฺว่า "สายรายงานของมันอยู่ในระดับที่ดี
........
คำว่า "สะดวกเรียบง่าย"ในการใช้จ่าย " หมายถึง สะดวกในเรื่อง มะฮัร(สินสอด)และการใช้จ่ายในการแต่งงานเป็นต้น
ท่านอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ ได้กล่าวว่า
إِيَّاكُمْ وَالْمُغَالاَةِ فِى مُهُورِ النِّسَاءِ فَإِنَّهَا لَوْ كَانَتْ تَقْوَى عِنْدَ اللَّهِ أَوْ مَكْرُمَةً عِنْدَ النَّاسِ لَكَانَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- أَوْلاَكُمْ بِهَا مَا نَكَحَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- شَيْئًا مِنْ نِسَائِهِ وَلاَ أَنْكَحَ وَاحِدَةً مِنْ بَنَاتِهِ بِأَكْثَرِ مِنِ اثْنَىْ عَشَرَةَ أُوقِيَّةً وَهِىَ أَرْبَعُمِائَةِ دِرْهَمٍ وَثَمَانُونَ دِرْهَمًا" .
พวกท่านพึงระวังการให้ราคาสูงในเรื่องสินสอด(มะฮัร)ของบรรดาสตรี เพราะแท้จริงหากมันมีคุณค่าการตักวา(ยำเกรง)ในทัศนะอัลลอฮ และเป็นสิ่งที่มีเกียรติในทัศนะมนุษย์ แน่นอนท่านรซูลุลลอฮ ศ็อลฯ คือผู้เริ่มปฏิบัติด้วยมันเป็นคนแรกในหมู่พวกท่าน เพราะท่านรซูลุลลอฮ ศ็อลฯ ไม่เคยแต่งงานกับกับสตรีคนใดจากบรรดาสตรของท่าน และไม่เคยจัดการแต่งงาน คนใดจากบรรดาบุตรสาวของท่าน (โดยมีมะฮัร)เกิน 12 อูกียะฮ คือ 480 ดิรฮัม - รายงานโดยผู้รายงานหะดิษห้าท่าน,อะหมัด,อัลหากิมและอัลบัยฮะกีย์ ใน อัสสุนันกุบรอ หะดิษหมายเลข 13896 อัลอัลานีย์ระบุว่าเป็นหะดิษเศาะเฮียะ
.....
คือท่านนบี ศ็อลฯ ไม่เคยแต่งงานกับผู้หญิงคนใด และไม่เคยจัดการแต่งงานบุตรสาวของท่านคนใด โดยมีมะฮัรเกิน 480 ดิรฮัม
และท่านนบี .ท่านนบี ศ็อลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในอีกรายงานหนึ่งว่า
إِنَّ أَعْظَمَ النِّكَاحِ بَرَكَةً أَيْسَرُهُ مُؤْنَةً ..
แท้จริง การแต่งานที่มีความจำเริญ(บะเราะกัต)อันยิ่งใหญ่ คือ การแต่งงานที่มีค่าใช้จ่ายสะดวกง่ายดาย -รายงานโดยอัลบัยฮะกีย์ ในชุอบุลอีหม่าน ดู มิรกอตุลมะฟาติห ชัรมิชกาตอัลมะศอเบียะ ของมุหัมหมัดอัลกอรีย์ หะดิษหมายเลข 3097
.......
การจัดการแต่งงาน โดยเรียกมะฮัรแพง การจัดดารแต่งงานอย่างสุรุ่ยสุรายฟุมเฟือย โอ้อวด ไม่ใช่แบบอย่าง(สุนนะฮนบี)และไม่ใช่สิ่งที่คำสอนอิสลามส่งเสริม เพราะฉะนั้น พวกท่าน จะได้รับบะเราะกัต(การเพิ่มพูนความดีงามจากอัลลอฮ)ได้อย่างไร หากไม่ปฏิบัติตามแบบอย่างท่านนบี ศ็อลฯ และไม่แยแสต่อคำสอนนบี เคยเห็นมิใช่หรือ มีหลายคู่แต่งงานกันอย่างใหญ่โต อลังการ ใช้เงินเป็นแสนๆ แต่อยู่กันหม้อข้าวไม่ทันดำ ก็เลิกกันก็มี
อะสัน หมัดอะดั้ม
4/3/62