วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

อิสลามไม่ใช่ระบบประชาธิบไตยที่ใช้มาตรฐานเสียงข้างมากว่าถูกต้อง





อิสลามไม่ใช่ระบบประชาธิบไตยที่ใช้มาตรฐานเสียงข้างมากว่าถูกต้อง
ความจริงอิสลามนั้น จะเสียงช้างมากหรือเสียงข้างน้อย ไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือ ความถูกต้องที่มาจากคำสอน เพราะเมื่อมีการขัดแย้ง อัลลอฮ ซ.บ สอนให้กลับไปดูที่คำสอนศาสนา เช่น
พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ أَطِيعُواْ اللّهَ وَأَطِيعُواْ الرَّسُولَ وَأُوْلِي الأَمْرِ مِنكُمْ فَإِن تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللّهِ وَالرَّسُولِ إِن كُنتُمْ تُؤْمِنُونَ بِاللّهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ ذَلِكَ خَيْرٌ وَأَحْسَنُ تَأْويْلاً (النِّساء/59)
“ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และเชื่อฟังเราะสูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮ์ และเราะสูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง”-อันนิสาอฺ /59
حَدَّثَنَا أَبُو كُرَيْبٍ قَالَ : حَدَّثَنَا ابْنُ إِدْرِيسَ قَالَ : أَخْبَرَنَا لَيْثٌ ، عَنْ مُجَاهِدٍ فِي قَوْلِهِ : فَإِنْ تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللَّهِ وَالرَّسُولِ قَالَ : فَإِنْ تَنَازَعَ الْعُلَمَاءُ رُدُّوهُ إِلَى اللَّهِ وَالرَّسُولِ . قَالَ يَقُولُ : فَرُدُّوهُ إِلَى كِتَابِ اللَّهِ وَسُنَّةِ رَسُولِهِ
อบูกุรัยบฺ ได้เล่าเรา โดยเขากล่าวว่า อิบนุอิดริส ได้เล่าเรา โดยเขากล่าวว่า ลัยษุน ด้บอกเรา ว่ารายงานจากมุญาฮิด เกี่ยวกับคำตรัสของพระองค์ที่ว่า "(แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล) เขา(มุญาฮิด) กล่าวว่า ถ้าหาบรรดาอุลามาอฺ มีความเห็นขัดแย้งกัน พวกเจ้าจงนำมันกลับไปยังอัลลอฮและรอซูล เขา(มุญาฮิด) กล่าวว่า กล่าวคือ พวกเจ้าจงนำมันกลับไปหา คัมภีร์อัลลอฮ และสุนนะฮรอซูลของพระองค์ - ตัฟสีร อัฏฏอ็บรีย 8/505
.....
ข้างต้นคือ กติกาของอัลลอฮ ที่ให้ยึดความถูกต้องที่มาจากคำสอนศาสนา เป็นข้อชี้ขาด ไม่ใช่ใช้เสียงสวนมาก หรือคนหมู่มาก โดยปราศจากเงื่อนไข
ส่วนคำว่า "อิจญมาอ" หรือ มติของนักปราชญ์นั้น มันคือมติของนักปราชญ์ทั้งหมด ไม่ใช่มติคนหมู่มากของคนอาวาม หรือประชาชนทั่วไป
มาดูความหมาย อัลอิจญมาอฺเพิ่มเติม มาดูความหมายคำว่า “อัลอิจญมาอฺ
فَهُوَ اتِّفَاقُ مُجْتَهَدِي أُمَّةِ مُحَمَّدٍ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ وَسَلَّمَ بَعْدَ وَفَاتِهِ فِي عَصْرٍ مِنَ الْأَعْصَارِ عَلَى أَمْرٍ مِنَ الْأُمُورِ .
คือ มติเห็นฟ้องของบรรดามุจญตะฮิด จากอุมมะฮของนบีมุหัมหมัด ศอ็ลฯหลังจากท่านนบีได้เสียชีวิต ในยุคหนึ่ง จากบรรดายุคสมัย บนเรื่องใดๆจากบรรดาเรื่องต่างๆ – ดู อิรชาดุลฟุหูล เล่ม 1 หน้า 234 
ประเด็นใดก็ตามที่อุลามาอฺมุจญตะฮีด ยังมีการเห็นต่างสิ่งนั้นไม่ถือว่าเป็นอิจญมาอฺที่เป็นหลักฐาน 
อัชเชากานีย์กล่าวว่า
وَيَخْرُجُ بِقَوْلِهِ ( مُجْتَهَدِي أُمَّةِ مُحَمَّدٍ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ وَسَلَّمَ ) اتِّفَاقُ الْعَوَامِّ ، فَإِنَّهُ لَا عِبْرَةَ بِوِفَاقِهِمْ وَلَا بِخِلَافِهِمْ . 
وَيَخْرُجُ مِنْهُ أَيْضًا : اتِّفَاقُ بَعْضِ الْمُجْتَهِدِينَ
และมติเห็นฟ้องของบรรดาคนทั่วไป ไม่เข้าอยู่ในความหมายคำพูดที่ว่า (บรรดามุจญตะฮิด จากอุมมะฮของนบีมุหัมหมัด ศอ็ลฯ) เพราะแท้จริง มันไม่มีการพิจารณา ด้วยมติเห็นฟ้องของพวกเขาและไม่มีการพิจารณา ด้วยการเห็นต่างของพวกเขา และไม่ได้อยู่ในความหมายคำว่า (บรรดามุจญตะฮิด จากอุมมะฮของนบีมุหัมหมัด ศอ็ลฯ) คือ มติเห็นฟ้องของบรรดามุจญตะฮิดบางส่วน - ดู อิรชาดุลฟุหูล เล่ม 1 หน้า 234 
............ 
สรุป 
หนึ่ง – มติของคนทั่วไป ไม่เข้าอยู่ในความหมายคำว่า มติของบรรดามุจญตะฮิดแห่งอุมมะฮนบี ศอ็ลฯ 
สอง- มติของมุจญะฮตะฮิดบางส่วนก็ไม่เข้าอยู่ในความหมายคำว่า “ว่า มติของบรรดามุจญตะฮิดแห่งอุมมะฮนบี ศอ็ลฯ
เพราะฉะนั้น อย่าไปหลงกลกับคำพูดโฆษณาชวนเชื่อว่า "เราคนหมู่มาก เราคนหมู่มาก" แต่ให้พิจารณาที่หลักคำสอนของเจ้าของศาสนา คืออัลลอฮและศาสนทูตของพระองค์คือ มุหัมหมัด ศอ็ลฯ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
12/2/59

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

อัลลอฮไม่ทรงรับนอกจากสิ่งที่ดีเท่านั้น






                                                           อัลลอฮไม่ทรงรับนอกจากสิ่งที่ดีเท่านั้น

عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : إِنَّ اللَّهَ تَعَالَى طَيِّبٌ لَا يَقْبَلُ إِلَّا طَيِّبًا ، وَإِنَّ اللَّهَ تَعَالَى أَمَرَ الْمُؤْمِنِينَ بِمَا أَمَرَ بِهِ الْمُرْسَلِينَ ، فَقَالَ : يَاأَيُّهَا الرُّسُلُ كُلُوا مِنَ الطَّيِّبَاتِ وَاعْمَلُوا صَالِحًا ( الْمُؤْمِنُونَ : 51 ) ، وَقَالَ تَعَالَى : يَاأَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا كُلُوا مِنْ طَيِّبَاتِ مَا رَزَقْنَاكُمْ ( الْبَقَرَةِ : 172 ) ، ثُمَّ ذَكَرَ الرَّجُلَ يُطِيلُ السَّفَرَ : أَشْعَثَ أَغْبَرَ ، يَمُدُّ يَدَيْهِ إِلَى السَّمَاءِ : يَا رَبِّ يَا رَبِّ ، وَمَطْعَمُهُ حَرَامٌ ، وَمَشْرَبُهُ  
حَرَامٌ ، وَمَلْبَسُهُ حَرَامٌ ، وَغُذِّيَ بِالْحَرَامِ ، فَأَنَّى يُسْتَجَابُ لِذَلِكَ ؟ . رَوَاهُ مُسْلِمٌ

รายงานจากอบีฮุรัยเราะฮ (ร.ฎ) กล่าวว่า “รซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “แท้จริงอัลลอฮนั้นทรงดี จะไม่ทรงรับรับสิ่งใดนอกจากสิ่งที่ดี และแท้จริงอัลลอฮอัลลอฮทรงสั่งใช้บรรดาผู้ศรัทธาชนในสิ่งเดียวกันที่ทรงสั่งใช้กับบรรดารอซูลทั้งหลาย อัลลอฮกล่าวว่า( โอ้บรรดารอซูลเอ๋ย สูเจ้าจงบริโภคแต่สิ่งดีๆและจงประกอบแต่ความดีเถิด-อัลมุมินูน /51) และอัลลอฮทรงตรัสอีกว่า( โอ้ศรัทธาชนเอ๋ย สู้เจ้าจงบริโภคแต่สิ่งดีๆจากสิ่งที่เราประทานเป็นปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้าเถิด- อัลบะเกาะเราะฮ/172) จากนั้นท่านรอซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ  ได้เล่าถึงชายคนหนึ่งที่เดินทางเป็นระยะเวลานาน ผมเผ้ายุ่งเหยิง คละเคล้าไปด้วยฝุ่น เขายื่นมือทั้งสองสู่ท้องฟ้าพลางดุอาวิวอนว่า โอ้ผู้อภิบาลของข้า โอ้ผู้อภิบาลของข้า ในขณะที่อาหารที่เขาบริโภคนั้นหะรอม เครื่องดื่มของเขานั้นหะรอม เครื่องนุ่งห่มของเขานั้นหะรอมและเขายังชีพอยุ่ด้วยกับสิ่งหะรอม แล้วดุอาของเขาจะถูกตอบรับได้อย่างไรกันเล่า?-รายงานโดย มุสลิม
อิบนุเราะญับ (ร.ฮ) กล่าวว่า

وَفِي هَذَا الْحَدِيثِ إِشَارَةٌ إِلَى أَنَّهُ لَا يَقْبَلُ الْعَمَلَ وَلَا يَزْكُو إِلَّا بِأَكْلِ الْحَلَالِ ، وَإِنَّ أَكْلَ الْحَرَامِ ، يُفْسِدُ 
الْعَمَلَ ، وَيَمْنَعُ قَبُولَهُ

ในหะดิษนี้ ชี้ให้เห็นว่า แท้จริง พระองค์จะไม่ทรงรับอะมั้ล(การงาน) และมัน(การงานนั้น)ไม่บริสุทธิ์ นอกจากด้วยการบริโภคสิ่งที่หะลาล และแท้จริง การบริโภคสิ่งที่หะรอมนั้น มันทำให้การงาน(อะมั้ล)เสียหายและมันยับยัง การตอบรับมัน – ญามิอุลอุลูมวัลฮิกัม 1/260

وَقَالَ أَبُو عَبْدِ اللَّهِ النِّبَاجِيُّ الزَّاهِدُ رَحِمَهُ اللَّهُ : خَمْسُ خِصَالٍ بِهَا تَمَامُ الْعَمَلِ  الْإِيمَانُ بِمَعْرِفَةِ اللَّهِ عَزَّ وَجَلَّ ، وَمَعْرِفَةُ الْحَقِّ ، وَإِخْلَاصُ الْعَمَلِ لِلَّهِ ، وَالْعَمَلُ عَلَى السُّنَّةِ ، وَأَكْلُ الْحَلَالِ

และ อบูอับดิลละฮ อัลนะบะญีย์ อัซซาฮิด (ร.ฮ) กล่าวว่า 
ห้าประการที่การงาน(อะมั้ลอิบาดะฮ) มีความสมบูรณ์ด้วยมัน คือ
  • 1.      ศรัทธาด้วยการรู้จักอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง
  • 2.      รู้จักความจริง (สิ่งที่ถูกต้อง)
  • 3.      มีความบริสุทธิ์ใจในการประกอบการงานเพื่ออัลลอฮ
  • 4.      การปฏิบัติตามอัสสุนนะฮ
  • 5.      และบริโภคสิ่งที่หะลาล
                                                                                            

فَإِنْ فَقَدْتَ وَاحِدَةً ، لَمْ يَرْتَفِعِ الْعَمَلُ ، وَذَلِكَ أَنَّكَ إِذَا عَرَفْتَ اللَّهَ عَزَّ وَجَلَّ ، وَلَمْ تَعْرِفِ الْحَقَّ ، لَمْ تَنْتَفِعْ ، وَإِذَا عَرَفْتَ الْحَقَّ ، وَلَمْ تَعْرِفِ اللَّهَ ، لَمْ تَنْتَفِعْ ، وَإِنْ عَرَفْتَ اللَّهَ ، وَعَرَفْتَ الْحَقَّ ، وَلَمْ تُخْلِصِ الْعَمَلَ ، لَمْ تَنْتَفِعْ ، وَإِنْ عَرَفْتَ اللَّهَ ، وَعَرَفْتَ الْحَقَّ ، وَأَخْلَصْتَ الْعَمَلَ ، وَلَمْ يَكُنْ عَلَى السُّنَّةِ ، لَمْ تَنْتَفِعْ ، وَإِنْ تَمَّتِ الْأَرْبَعُ ، وَلَمْ يَكُنِ الْأَكْلُ مِنْ حَلَالٍ لَمْ تَنْتَفِعْ

ดังนั้น หากท่านขาดหนึ่งข้อ  การงานก็จะไม่ถูกรับ และ ดังกล่าวนั้น แท้จริง เมื่อท่าน รู้จักอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง โดยที่ท่านไม่รู้จักความจริง  ท่านก็จะไม่ได้รับประโยชน์  และเมื่อท่านรู้จักความจริงแล้ว โดยที่ท่านไม่รู้จักอัลลอฮ ท่านก็ไม่ได้รับประโยชน์ , ถ้าท่านรู้จักอัลลอฮและรู้จักความจริง โดยที่ท่านไม่บริสุทธิ์ในการประกอบการงาน(อะมั้ล) ท่านก็จะไม่ได้รับประโยชน์ และถ้า ท่านรู้จักอัลลอฮ ,ท่านรู้จักความจริง และ ท่านบริสุทธิ์ในการประกอบการงาน(อะมั้ล) โดยที่มัน(การงานนั้น)ไม่อยู่บนอัสสุนนะฮ  ท่านก็จะไม่ได้รับประโยชน์ และถ้า สี่ประการครบถ้วน โดยที่ไม่มีการบริโภคสิ่งหะลาล ท่านก็ไม่ได้รับประโยชน์ – ญามิอุลอุลูม วัลฮิกัม 1/263
..................
อะสัน หมัดอะดั้ม