วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

การตามแบบอย่างนบีเป็นคำสั่งอัลลอฮไม่ใช่ตรรกกะวะฮบีย์









การตามแบบอย่างนบีเป็นคำสั่งอัลลอฮไม่ใช่ตรรกกะวะฮบีย์
รู้เท่าทัน วะฮาบีย์
เมื่อวานนี้ เวลา 7:42 น.
ตรรกะวะฮาบีย์ อิบาดัตต้องมีแบบอย่างมาจากนบีเท่านั้น
ถ้าไม่มี มันคือบิดอะดอลาละห์อุตริกรรมที่หลงผิด
ข้อสังเกต .. วะบีต้องตอบทุกข้อให้เคลียร์ในทุกๆประเด็น...
ดูเพิ่มเติม
..............
ชี้แจง
ทุกประเด็นที่คุณ รู้เท่าทัน วะฮาบีย์ เขียนมา ไม่จำเป็นที่จะตอบทุกข้อ เพราะทุกข้อเขียนมาด้วยอคติและไม่หวังที่จะนำไปเป็นบทเรียน แต่เป็นการลองภูมิ โดยมองว่า คนที่ถูกปรักปรำให้เป็นวะฮบีย์นั้นไร้ซึ่งหลักการ ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
ขอเรียนว่า การตามแบบอย่างนบี ศอ็ลฯนั้น เป็นคำสั่งของอัลลอฮ ตาอาลาไม่ใช่ตรรกะวะฮบีย์
พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ اللّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللّهُ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ وَاللّهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ
“จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกเขาหากพวกท่านรักอัลลอฮ์ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน
และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ”- อาลิอิมรอน/31
ท่านอิบนุกะษีร อธิบายว่า
هَذِهِ الْآيَةُ الْكَرِيمَةُ حَاكِمَةٌ عَلَى كُلِّ مَنِ ادَّعَى مَحَبَّةَ اللَّهِ ، وَلَيْسَ هُوَ عَلَى الطَّرِيقَةِ الْمُحَمَّدِيَّةِ فَإِنَّهُ كَاذِبٌ فِي دَعْوَاهُ فِي نَفْسِ الْأَمْرِ ، حَتَّى يَتَّبِعَ الشَّرْعَ الْمُحَمَّدِيَّ وَالدِّينَ النَّبَوِيَّ فِي جَمِيعِ أَقْوَالِهِ وَأَحْوَالِهِ ، كَمَا ثَبَتَ فِي الصَّحِيحِ عَنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَنَّهُ قَالَ : " مَنْ عَمِلَ عَمَلًا لَيْسَ عَلَيْهِ أَمْرُنَا فَهُوَ رَدٌّ
อายะฮอันทรงเกียรตินี้ คือ ผู้ตัดสิน (เอาผิด)บน ทุกๆคน ที่อ้างว่ารักอัลลอฮ โดยที่เขาไม่ได้อยู่บนแนวทางของมุหัมหมัด ,ในความเป็นจริง เขาคือ ผู้กล่าวเท็จในการอ้างของเขา จนกว่า เขาจะเจริญรอยตามบัญญัติแห่งมุหัมหมัด และศาสนาแห่งนบี ในบรรดาคำพูดและการกระทำของเขาทั้งหมด ดังหะดิษที่ยืนยันไว้ในอัศเศาะเฮียะ จากท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ผู้ใดประกอบการงาน(อะมั้ลอิบาดะฉ)ใด ที่ไม่ใช่กิจการของเราบนมัน มันถูกปฏิเสธ”
- ดู ตัฟสีรอิบนุกะษีร เล่ม 2 หน้า 33
عَنِ ابْنِ جُرَيْجٍ قَوْلَهُ : " إِنْ كُنْتُمْ تُحِبُّونَ اللَّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللَّهُ ، قَالَ : كَانَ قَوْمٌ يَزْعُمُونَ أَنَّهُمْ يُحِبُّونَ اللَّهَ ، يَقُولُونَ : إِنَّا نَحْبُ رَبَّنَا ! فَأَمَرَهُمُ اللَّهُ أَنْ يَتْبَعُوا مُحَمَّدًا - صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ - ، وَجَعَلَ اتِّبَاعَ مُحَمَّدٍ عَلَمًا لِحُبِّهِ .
จากอิบนุญุรัยญฺ เกี่ยวกับคำตรัสที่ว่า “จงประกาศเถิด(โอ้มุหัมหมัด) ว่า “หากพวกท่านรักอัลลอฮ จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮก็จะรักพวกท่าน” เขาได้กล่าวว่า “ คนกลุ่มหนึ่ง เข้าใจว่า พวกเขารักอัลลอฮ โดยกล่าวว่า “พวกเรารักพระเจ้าของเรา” ดังนั้นอัลลอฮจึงสั่งให้พวกเขาปฏิบัติตามมุหัมหมัด ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และให้การปฏิบัติตามมุหัมหมัด เป็นเครื่องหมายพิสูจน์ว่า รักพระองค์ – ดู ตัฟสีร อัฏฏอ็บรีย์ เล่ม 6 หน้า 322
...........
สรุปจากคำอธิยายข้างต้น
1. คนที่อ้างว่ารับอัลลอฮแต่ไม่ปฏิบัติตามสุนนะฮรอซูล ศอ็ลฯ คนนั้นอ้างเท็จ
2. สิ่งที่เป็นเครื่องหมายว่ารักอัลลอฮจริงคือ การตามสุนนะฮนบี ศอ็ลฯ
ครับ....ชัดเจนโดยไม่ต้องหมุนเสา แต่ถ้าเครื่องรับไม่ดี ต่อให้ส่งตรงจากดาวเทียมก็ไร้ความหมาย
เรื่อง อิบาดะฮ ต้องหยุดอยู่ที่คำสั่ง ไม่ใช่ตรรกะวะฮบีย์ แต่เป็นหลักนิติศาสตร์อิสลาม(เกาะวาอิิดอัลฟิกฮียะฮ) ที่นักวิชาการเขาได้ตั้งกฏเอาไว้ โดยอาศัยหะดิษ ที่ท่านอิบนุกะษีร ระบุไว้ข้างต้น
กฏดังกล่าวคือ
الأصل في العبادات الحظر إلا ما ورد عن الشارع تشريعه،
หลักเดิม(หลักทั่วไป)ในเรื่อง อิบาดะฮนั้น คือเป็นสิ่งต้องห้ามเว้นแต่สิ่งที่มาจากผู้บัญญัติศาสนบัญญัติ(หมายถึงอัลลอฮและรอซูล)ได้บัญญัติมัน
ในฟัตหุลบารีย์ ขอองอัลหาฟิซอิบนุหะญัร กล่าวว่า
الأصل في العبادة التوقف
รากฐานในเรื่องอิบาดะฮนั้น คือ การหยุดอยู่ที่คำสั่ง – ดูฟัตหุลบารีย์ เล่ม 2 หน้า 80
ท่านอิบนุกะษีรฺ ได้กล่าวอธิบายในหนังสือ “ตัฟซีรฺ อิบนุกะษีรฺ” เล่มที่ 4 หน้า 276 ว่า
وَبَابُ الْقُرَبَاتِ يُقْتَصَرُ فِيْهِ عَلَى النُّصُوْصِ، وَلاَ يُتَصَرَّفُ فِيْهِ بِأَنْوَاعِ اْلأَقْيِسَةِ وَاْلآرَاءِ
“และในเรื่องของ อัลกุรบาต(เรื่องการแสดงความใกล้ชิดกับอัลลอฮ์) จะถูก “จำกัดตามตัวบท” เท่านั้น จะไปแปรเปลี่ยนมันตามการอนุมานเปรียบเทียบต่างๆ(กิยาส)หรือแนวคิดต่างๆไม่ได้”
อิหม่ามอิบนุกอ็ยยิม กล่าวว่า
فَإِنَّ تَرْكَهُ صلى الله عليه وسلم سُنَّةٌ كَمَا أَنَّ فِعْلَهُ سُنَّةٌ ، فَإِذَا اسْتَحْبَبْنَا فِعْلَ مَا تَرَكَهُ كَانَ نَظِيرَ اسْتِحْبَابِنَا تَرْكَ مَا فَعَلَهُ ، وَلَا فَرْقَ
เพราะแท้จริงการละทิ้งของนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั้น เป็นสุนนะฮ เช่นเดียวกับสิ่งที่ท่านนบีได้ทำมัน คือสุนนะฮ ดังนั้น เมื่อเราส่งเสริมให้ทำสิ่งที่นบีได้ละทิ้งมัน ก็เหมือนกับว่า เราส่งเสริมให้ทิ้งสิ่งที่นบีได้กระทำ และไม่ได้แตกต่างกันเลย – ดูเอียะลามอัลมุวักกิอีน เล่ม 2 หน้า 284
.....
คือ หมายความว่า ถ้าไปส่งเสริมให้ทำในสิ่งที่นบี ศอ็ลฯ ไม่ปฏิบัติ ก็เหมือนกับส่งเสริมให้ละทิ้งในสิ่งที่นบี ศอ็ลฯ ปฏิบัติ ซึ่งยอมไม่ถูกต้อง
..............
การมีอคติและนั่งเท่ียนกล่าวหาผู้อื่น มันมีค่าแค่เป็นศูนย์ ไร้น้ำหนัก ด้วยประการทั้งปวง
والله أعلم بالصواب
14/8/59

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น