วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เขาอ้างว่าทำบุญ ครบรอบเจ็ดวัน ทำมานาน ไม่เคยมีผู้รู้ห้าม มีแต่วะฮบีย์บอกว่าบิดอะฮ


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ในภาพอาจจะมี ข้อความ

เขาอ้างว่าทำบุญ ครบรอบเจ็ดวัน ทำมานาน ไม่เคยมีผู้รู้ห้าม มีแต่วะฮบีย์บอกว่าบิดอะฮ
อาชาอีเราะห์มะตุรีดี อะลิ้ฮัก ได้แชร์โพสต์ของเขา
เมื่อวานนี้ เวลา 10:52 น.
วันนี้ครบ 7 วัน
ตลอดเวลา จัดนับวันแรกเสีย ใช้แค่เงินนาวัต ทำอาหารเพือตอบแทนสำหรับ ท่านทีมาทำอัลรุวะฮ วันนี้ใช้เงินเก็บของมัยยิต เก็บเพือจัดงาน (3 7 20 40 และ 100 วัน) หลังจากเสีย อัลฮัมดุลิ้ลาห์ นี้และอาดับของคนบ้านเรา จัดๆมานับตั้งแต่ในๆมา
อยู่ๆมีโผล่มายุคไกล้ๆกียามัต ว่าสิ่งๆนี้ (3 7 20 40 และอืนๆ) คือบิดอะ แทมฎอลาลัฮ ว่าแต่คนอาเล่มก่อนนี้ มันไปอยู่ใน หรือ กรุอ่านฮาดิษ พึงมาในยุควะฮาบีพึงเกิดอะฮะ
@@@@@
ชี้แจง
ขอเรียนว่า ปราชญมัซฮับชาฟิอีและมัซฮับอื่นๆ เขาห้ามไว้นายหลายร้อยปีแล้วครับ แต่ผู้รู้ที่ได้ประโยชน์บางส่วน ปกปิดเอาไว้ใต้พรหม ใต้จักกะแร้ จนคนอาวามเข้าใจว่าสิ่งนี้คือศาสนาบัญญัติ ใครไม่ทำบุญ 3 วัน 7 วัน 40 วัน ที่เรียกว่า "อัรวะห" เพื่ออุทิศบุญให้วิญญาผู้ตาย ก็จะถูกตราหน้าว่า ลูกเนรคุณ หรือไม่ก็ไม่รักผู้ที่ตาย
ขอยกตัวอย่าง ข้อห้ามที่ปรากฏในตำราปราชญมัซฮับชาฟิอี ดังนี้
1. จากหนังสือ หาชียะฮกอ็ลยูบี((حاشية القليوبي) เล่ม 1 หน้า 353
قَالَ شَيْخُنَا الرَّمْلِيُّ : وَمِنْ الْبِدَعِ الْمُنْكَرَةِ الْمَكْرُوهِ فِعْلُهَا .كَمَا فِي الرَّوْضَةِ مَا يَفْعَلُهُ النَّاسُ مِمَّا يُسَمَّى بِالْكَفَّارَةِ ، وَمِنْ صُنْعِ طَعَامٍ لِلِاجْتِمَاعِ عَلَيْهِ قَبْلَ الْمَوْتِ أَوْ بَعْدَهُ ، وَمِنْ الذَّبْحِ عَلَى الْقَبْرِ ، بَلْ ذَلِكَ كُلُّهُ حَرَامٌ إنْ كَانَ مِنْ مَالٍ مَحْجُورٍ وَلَوْ مِنْ التَّرِكَةِ ، أَوْ مِنْ مَالِ مَيِّتٍ عَلَيْهِ دَيْنٌ وَتَرَتَّبَ عَلَيْهِ ضَرَرٌ ، أَوْ نَحْوَ ذَلِكَ ، وَاَللَّهُ أَعْلَمُ
อาจารย์ของเรา อัรรอมลีย์ ได้กล่าวว่า "และส่วนหนึ่ง จากบิดอะฮที่ต้องห้าม ที่น่าเกลียด คือการปฏิบัติมัน ดังสิ่งที่ระบุไว้ในหนังสือ อัร-เราเฎาะฮ คือ สิ่งที่ผู้คนได้กระทำกัน จากสิ่งที่เรียกว่า” อัล-กิฟาเราะอ(ไถ่บาป)”โดยการที่ทำอาหาร เพือให้ผู้คนมาชุมนุมกัน กอ่นหรือหลังจากการตายและการเชื่อดสัตว์ บน หลุมศพ แต่ทว่า ทั้งหมดดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปรากฏว่ามันมาจากทรัพย์สินที่ถูกกักไว้(ห้ามใช้จ่าย) และแม้ว่า จะเป็นทรัพย์สินที่ผู้ตายทิ้งเอาไว้ก็ตาม หรือ มาจากทรัพย์สินของผู้ตายที่ยังไม่ได้ชดใช้หนี้สิน โดยที ผลเสียก็จะติดตามมายังเขา(ผู้ตาย) หรือ เช่นเดียวกันนั้น
............
2.มาดูหนังสือฟิกฮสีมัซฮับ (الفقه على المذاهب الاربعة) เล่ม 1 หน้า 490
وَمِنَ الْبِدَعِ الْمَكْرُوْهَةِ مَا يَفْعَلُ الآن مِنْ ذَبْحِ الذَّبَائِحَ عِنْدَ خُرُوْجِ الْمَيِّتِ اَوْ عِنْدَ الْقَبْرِ وَاِعْدَادِ الطَّعَامِ مِمَّنْ يَجْتَمِعُ لِتَّعْزِيَةِ
และส่วนหนึ่งจากบิดอะฮ ที่น่าเกลียด คือ สิ่งที่ได้มีการปฏิบัติกันในปัจจุบัน จากการเชือด สัตว์ เมื่อมัยยิตได้ตายลง หรือ ที่กุบูร และ มีการเตรียมอาหาร จากผู้ที่มาชุมนุมกัน เพื่อปลอบใจ(ครอบครัวผู้ตาย)
เพิ่มเติม 
وَاَمَّا اِصْلاَحُ اَهْلُ الْمَيِّتِ طَعَامًا وَجَمْعُ النَّاسَ عَلَيْهِ فَبِدْعَةٌ غَيْرُ مُسْتَحَبَّةٍ.
การที่ครอบครัวผู้ตายเตรียมอาหาร และให้ผู้คนมาชุมนุมกัน ณ ที่ครอบครัวผู้ตาย นั้น เป็น บิดอะฮ ไม่ใช่เป็นสุนัต (ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ชอบให้กระทำ) – ดูมุฆนีย อัลมุหตาจญ เล่ม 1 หน้า 268
3. ในอิอานะตุฏฏอลิบีน ระบุว่า
وَمَا اعْتِيْدَ مِنْ جَعْلِ اَهْلَ الْمَيِّتِ طَعَامًا لِيَدْعُوْ النَّاسَ اِلَيْهِ بِدْعَةٌ مَكْرُوْهَةٌ كَاِجْتِمَاعِهِمْ لِذَلِكَ لِمَا صَحَّ عَنْ جَرِيْرِ قَالَ : عَنْ جَرِيْرِ بْنِ عَبْدِاللهِ قَالَ : كُنَّا نَعُدُّ اْلاِجْتِمَاعَ لاَهْلِ الْمَيِّتِ وَصَنْعُهُمْ الطَّعَامَ مِنَ النِّيَاحَةِ. (رواه الامام احمد وابن ماجه باسناد صحيح).
และตามที่ได้เป็นธรรมเนียม จากการที่ครอบครัวผู้ตายทำอาหาร แล้วเชิญผู้คน ไปยังมัน นั้นเป็น บิดอะฮที่น่าเกลียด ดังเช่นที่พวกเขาชุมนุมกัน เพื่อ ดั่งกล่าวนั้น เพราะมีหะดิษเศาะเฮียะ จาก ญะรีร กล่าวว่า “ จากญะรีร บุตร อับดุ้ลลอฮ กล่าวว่า “ พวกเรานับว่า การชุมนุมกัน ณ ที่ ครอบครัวผู้ตาย และพวกเขาทำอาหาร กินกัน เป็นส่วนหนึ่งจากนิยาหะฮ (ที่ต้องห้าม) – ดูอิอานะตุฎฎอลิบีน เล่ม 2 หน้า 146
..........
จะเห็นได้ว่า ปราชญมัซฮับชาฟิอี ได้ห้ามไว้นานแล้ว เพียงแต่คนอาวามบ้านเรา ไม่รู้ เพราะถูกผู้รู้ที่หากินกับคนไม่รู้ปกปิดความจริงเอาไว้ ใครไปค้านก็จะบอกชาวบ้านว่าพวกวะฮบีย์หรือพวก คณะใหม่อย่าไปเชื่อ และใส่ร้ายต่างๆนานาจนชาวบ้านหลงเชื่อและบางคนก็ชงว่า ที่ทำไม่ใช่เพื่อให้แก่คนมาปลอมใจแต่ทำเพื่ออุทิศบุญ หรือมีข้ออ้างอื่นๆ เพื่อที่จะรักษาประเพณีกินบุญเอาไว้ จนชาวบ้านถือว่าเป็นหนึ่งในบทบัญญัติศาสนา จนทุกวันนี้
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
2/5/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น