วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560

แบบอย่างนบีมีไว้ตามไม่ใช่มีไว้เถียง




แบบอย่างนบีมีไว้ตามไม่ใช่มีไว้เถียง
Dzulqarnain Chedo
5 สิงหาคม เวลา 9:40 น.
การ ซีเกร หลายๆคน เปงการเพิ่มเติมศาสนา จริงหรา...?
การขอดุอา หลังละหมาดโดยอีมามแล้วเหล่ามะมูมกล่าว อามีน เปงการต่อเติมปรุงแต่งศาสนาหรา.เปงสิ่งที่เข้าข่าย บิดอะหดอลาละหถึงกับต้องห้ามเลยหรา...?
หรือว่า เข้าใจผิด เพราะ คิดไม่เปง.
หรือว่า ไม่เข้าใจ เพราะข้อมูลไม่มากพอที่จะเข้าใจ.
###หรือว่า ไม่มีใครพุดแบบนี้### มาแลงกันน่ะ.
@@@@
ชี้แจง
ตัวอย่างข้างต้น แสดงถึงไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของอัลลอฮที่ส่งนบีมุหัมหมัด ศอ็ลฯมา ,ไม่เข้าใจเป้าหมายของการกล่าวชะฮาดะฮประโยคที่สองและไม่เข้าใจคำสอนของอัลลอฮและรอซูลดังต่อไปนี้คือ
พระองค์อัลลอฮได้ตรัสไว้ว่า
لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللَّهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ لِّمَن كَانَ يَرْجُو اللَّهَ وَالْيَوْمَ الْآخِرَ وَذَكَرَ اللَّهَ كَثِيرًا
“โดยแน่นอน ในเราะสูลของอัลลอฮ์มีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้ว สำหรับผู้ที่หวัง (จะพบ) อัลลอฮ์และวันปรโลกและรำลึกถึงอัลลอฮ์อย่างมาก”-อัลอะหซาบ/21
พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ اللّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللّهُ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ وَاللّهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ
“จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกเขาหากพวกท่านรักอัลลอฮ์ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ- อาลิอิมรอน/31
منْ يعِشْ منكُم يَرى اخْتِلافاً كثيرا وإيَّاكمْ ومحدَثَاتِ الأُمُورِ فإنَّها ضَلالةٌ فمَن أدْرَكَ ذلك منْكم فعَلَيْه بِسُنَّتي وسنَّةِ الخُلَفاءِ الراشِدِينَ المَهْدِيِّينَ عَضُّوا علَيْها بِالنَّواجِذ
และแท้จริงใครในหมู่พวกท่านที่มีอายุยาวจะได้เห็นความ ขัดแย้งที่มากมาย ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จงพึงระวังและจงหางไกลจากสิ่งอุตริทั้งหลาย เพราะแท้จริง สิ่งอุตริทั้งหลายนั้นคือสิงที่หลงผิด และใครในหมู่ของพวกท่านพบเจอกับเรื่องดังกล่าว เขาจะต้องยึดมั่นกับสุนนะฮฺของฉันและสุนนะฮฺเคาะลีฟะฮฺที่ได้รับทางนำ พวกเจ้าจงกัดมันด้วยฟันกราม”-รายงานโดย อัตติรมิซีย์ หะดิษหมายเลข 2600
การปฏิบัติตามสุนนะฮคือสิ่งที่เป็นวาญิบ ในศาสนาอิสลาม ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเกี่ยวกับบทบัญญัติที่เป็นข้อบังคับ(ฟัรดู)หรือสิ่งที่ส่งเสริมให้กระทำที่ไม่บังคับ(สุนัต/ตะเฎาวุอ)
อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า
وَأَطِيعُواْ اللّهَ وَالرَّسُولَ لَعَلَّكُمْ تُرْحَمُونَ
และพวกเจ้าจงเชื่อฟังอัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา - อาลิอิมรอน/132
การซิกริลละฮ พร้อมๆกันด้วยเสียงดังและการที่อิหม่ามหันหลังให้มะอมูม แล้วดุอาเป็นหมู่คณะ โดยอิหม่ามเป็นผู้อ่านแล้วมะอมูมกล่าวคำว่า "อามีน"พร้อมๆกัน หลังจากเสร็จจากละหมาดนั้นไม่มีแบบอย่างจากสุนนะฮนบี ศอ็ลฯ
อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) กล่าวว่า
الْأَحَادِيثُ الْمَعْرُوفَةُ فِي الصِّحَاحِ وَالسُّنَنِ وَالْمَسَانِدِ تَدُلُّ عَلَى أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ يَدْعُو فِي دُبُرِ صَلَاتِهِ قَبْلَ الْخُرُوجِ مِنْهَا وَكَانَ يَأْمُرُ أَصْحَابَهُ بِذَلِكَ وَيُعَلِّمُهُمْ ذَلِكَ وَلَمْ يَنْقُلْ أَحَدٌ أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ إذَا صَلَّى بِالنَّاسِ يَدْعُو بَعْدَ الْخُرُوجِ مِنْ الصَّلَاةِ هُوَ وَالْمَأْمُومُونَ جَمِيعًا لَا فِي الْفَجْرِ وَلَا فِي الْعَصْرِ وَلَا فِي غَيْرِهِمَا مِنْ الصَّلَوَاتِ بَلْ قَدْ ثَبَتَ عَنْهُ أَنَّهُ كَانَ يَسْتَقْبِلُ أَصْحَابَهُ وَيَذْكُرُ اللَّهَ وَيُعَلِّمُهُمْ ذِكْرَ اللَّهِ عَقِيبَ الْخُرُوجِ مِنْ الصَّلَاةِ .
บรรดาหะดิษที่เป็นที่รู้จักกัน ในอัศเศาะฮาหฺ ,อัสสุนัน และ อัลมะสานีด แสดงบอกว่า แท้จริง นบี ศอ็ลฯ ดุอา ในช่วงท้ายของการละหมาดของท่าน ก่อนที่จะออกจากมัน(หมายถึงก่อนสล่าม) และปรากฏว่าท่านนบีได้ สั่งให้บรรดาเศาะฮาบะฮ ด้วยดังกล่าวนั้น และท่านได้สอนดังกล่าวแก่พวกเขา และไม่มีคนใด รายงานว่า แท้จริงนบี ศอ็ลฯ เมื่อลัหมาดนำบรรดาผู้คน ท่านดูอา หลังจากออกจากละหมาด(หมายหลังจากสล่าม) โดยที่ท่านนบีและบรรดามะอฺมูม ทั้งหมด ไม่ว่าในละหมาดฟัจญัร(ละหมาดศุบฮิ) ,ไม่ว่าจะในละหมาดอํศริ และไม่ว่าจะในละหมาดอื่นจากทั้งสองจากบรรดาละหมาดก็ไม่มี แต่ในทางกลับกัน ได้มีรายงานยืนยันจาก ท่านนบี ว่า ท่านนบีจะหันหน้าไปทางเหล่าเศาะหาบะฮ ของท่านและ ได้ทำการซิกริลละฮ และสอนพวกเขาให้ซิกริลละฮ หลังจากที่เสร็จจากการละหมาด - มัจญมัวะอัลฟะตาวา เล่ม 22 หน้า 493
สรุป
1.ตามที่ประกฎในบรรดาหะดิษที่เป็นที่รู้จักในตำราหะดิษต่าง ๆ ท่านนบี ศอ็ลฯจะดุอาในช่วงท้ายของการละหมาดก่อนที่จะสล่ามและได้สอนบรรดาเศาะหาบะฮแบบนั้น
2. ไม่ปรากฏว่ามีคนใดรายงานว่า เมื่อท่านนบี ศอ็ลฯนำละหมาดบรรดาผู้คน ท่านและบรรดามะอมูม อ่านดุอาพร้อมๆกัน ไม่ว่าจะเป็นละหมาดใดๆก็ตามจากบรรดาละหมาด 5 เวลา
3. เมื่อสล่ามจากการละหมาดท่านนบี ศอ็ลฯ ก็จะหันหน้ามาทางมะอมูม แล้วกล่าวซิกริลละฮ และได้สอนเหล่าเศาะหาบะฮให้ซิกริลละฮ
ท่านอัชชะกีรีย์ (ร่อหิมะฮุลลอฮฺ)กล่าวว่า
والاستغفار جماعة على صوت واحد بعد التسليم من الصلاة بدعة . والسنة استغفار كل واحد في نفسه ثلاثاً ، وقولهم بعد الاستغفار : يا أرحم الراحمين - جماعةً - بدعة ، وليس هذا محل هذا الذكر
การกล่าวอิสตีฆฟารฺ เป็นหมู่คณะ พร้อมๆกัน หลังจากการ ให้สล่ามจากละหมาดนั้น เป็นบิดอะฮ และตามสุนนะฮนั้น ต่างคนต่างกล่าวอิสติฆฟาร เบาๆ สามครั้ง และการที่พวกเขา กล่าวหลังจากอิสตีฆฟาร ว่า
يا أرحم الراحمين (ยาอัรหะมัรรอฮีมีน)
เป็นหมู่คณะ นั้นเป็นบิดอะฮ และสิ่งนี้ ไม่ได้อยู่ในที่ของการซิกิรนี้ (ดู อัสสุนัน วัลมุบตะดะอาต หน้า 60)
وقد سئل علماء اللجنة الدائمة للإفتاء : هل الدعاء بعد صلاة الفرض سنة ؟ وهل الدعاء مقرون برفع اليدين ؟ وهل ترفع مع الإمام أفضل أم لا ؟
บรรดาปราชญ์ คณะกรรมการถาวรเพือตอบปัญหาศาสนา ถูก ถามว่า “ ดุอาหลังละหมาดฟัรดู เป็นสุนนะฮหรือไม่ ? ดุอาพร้อมกับยกมือทั้งสองไหม? การยกมือพร้อมกับอิหม่าม มีความประเสริฐหรือไม่?
فأجابوا : "ليس الدعاء بعد الفرائض بسنة إذا كان ذلك برفع الأيدي ، سواء كان من الإمام وحده أو المأموم وحده أو منهما جميعا، بل ذلك بدعة؛ لأنه لم ينقل عن النبي صلى الله عليه وسلم ولاعن أصحابه رضي الله عنهم، أما الدعاء بدون ذلك فلا بأس به لورود بعض الأحاديث في ذلك" انتهى.
พวกเขาตอบว่า “ ดุอาอาหลังจากละหมาดฟัรดู ไม่มีสุนนะฮ เมื่อปรากฏว่า การกระดังกล่าวนั้น ด้วยการยกมือทั้งสอง ไม่ว่า อิหม่ามปฏิบัติคนเดียว หรือ มะมูมปฏิบัติคนเดียว หรือ ปฏิบัติร่วมกัน จากเขาทั้งสอง แต่ทว่า ดังกล่าวนั้นเป็นบิดอะฮ เพราะไม่มีรายงานจากนบี ศอ็ลฯ และ จากบรรดาสาวกของท่าน ,สำหรับ ดุอา โดยไม่ยกมือนั้น ไม่เป็นไร หากว่ามีรายงาน บางส่วนของบรรดาหะดิษ ในดังกล่าวนั้น -ฟะตาวาอัลลุจญนะฮอัดดาอิมะฮฯ เล่ม 7 หน้า 103ในภาพอาจจะมี ข้อความ
ส่วนที่บางคนอ้างว่า นบี ศอ็ลฯอ่านดุอายกมือหลังละหมาดนั้นเป็นหะดิษเฎาะอีฟ - ดูตัศเฮียะอัดดุอา หน้า 440 
.......
เพราะฉะนั้น หน้าที่ของมุสลิมต้องปฏิบัติตามสุนนะฮ ไม่ใช่หาเหตุผลมาเถียงเพื่อทิ้งสุนนะฮไปทำสิ่งที่เป็นบิดอะฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
8/8/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น