
อิหม่ามที่การละหมาดไม่ถูกรับ
คนที่เป็นอิหม่าม ที่ดันทุรังจะอยู่ในตำแหน่งอิหม่ามเพราะเสียดายค่าตอบแทน หรือเพราะที่ดินสร้างมัสยิด เคยเป็นของปู่อย่าตายายที่ได้วากัฟไว้ ใครจะมาเป็นใหญ่ฉันไม่ยอม พึงให้ความตระหนักต่อคำสอนของท่านนบี ศ็อลฯ กล่าวว่า
عن أبي أُمَامَةَ رضي الله عنه قال : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : ( ثَلَاثَةٌ لَا تُجَاوِزُ صَلَاتُهُمْ آذَانَهُمْ : الْعَبْدُ الْآبِقُ حَتَّى يَرْجِعَ ، وَامْرَأَةٌ بَاتَتْ وَزَوْجُهَا عَلَيْهَا سَاخِطٌ ، وَإِمَامُ قَوْمٍ وَهُمْ لَهُ كَارِهُونَ ) وحسنه الألباني في "صحيح الترمذي
รายงานจากอบีอุมามะฮ(ร.ฎ)เขาได้กล่าวว่า ท่านรซูลลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า สามจำพวกที่การละหมาดของพวกเขานั้นไม่เกินเลยใบหูของพวกเขา (หมายถึงการละหมาดไม่ถูกรับ) คือ ทาสที่หนีจนกว่าเขาจะกลับมาหานายของเขา, สตรีที่นอนในสภาพที่สามีของนางโกรธนาง และคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มชน โดยที่พวกเขา(ผู้ตาม)นั้นรังเกียจในตัวเขา
บันทึกโดย อัตติรมิซีย์ หมายเลขหะดีษ 328/ กิตาบ อัศ-เศาะลาฮฺ/ บาบ ผู้ทีเป็นอิหม่ามนำละหมาดในขณะที่มะอฺมูม(ผู้ตาม) รังเกียจตัวเขา
คำว่า เป็นผู้นำที่พวกเขารังเกียจ หมายถึงเป็นผู้นำที่มีความประพฤติไม่ดี หรือเพราะไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำ
อิหม่ามอัชเชาการนีย์(ร.ฮ)อธิบายว่า
وَقَدْ قَيَّدَ ذَلِكَ جَمَاعَة مِنْ أَهْل الْعِلْم بِالْكَرَاهَةِ الدِّينِيَّة لِسَبَبٍ شَرْعِيِّ، فَأَمَّا الْكَرَاهَة لِغَيْرِ الدِّين فَلَا عِبْرَة بِهَا
และแท้จริง คณะหนึ่งจากนักวิชาการ ได้กำหนดเงื่อนไข ดังกล่าวนั้น ด้วย(เงื่อนไขเกี่ยวกับ)การรังเกียจที่เกี่ยวกับศาสนา เพราะเหตุใดๆที่เกี่ยวกับศาสนาบัญญัติ สำหรับการรังเกียจอื่นจากเรื่องศาสนานั้น ไม่มีการพิจารณาด้วยมัน -ดูนัยลุลเอาฏอร 3/211
...
กล่าวคือ คำว่ากลุ่มชนรังเกียจ หมายถึงรังเกียวกับกับความประพฤติของอิหม่ามที่เป็นข้อตำหนิเกี่ยวกับเรื่องศาสนา ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องศาสนาก็จะไม่มีผล
...
กล่าวคือ คำว่ากลุ่มชนรังเกียจ หมายถึงรังเกียวกับกับความประพฤติของอิหม่ามที่เป็นข้อตำหนิเกี่ยวกับเรื่องศาสนา ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องศาสนาก็จะไม่มีผล
อิหม่ามอัตติรมิซีย์ (ร.ฮ) ได้รายงานคำพูดของ ปราชญยุคตาบิอีน ชาวกุฟะฮ ท่านหนึ่งคือ มันศูร บิน อัลมุอตะมีร (ฮ.ศ 132) โดยกล่าวว่า
قَالَ جَرِيرٌ: قَالَ مَنْصُورٌ: فَسَأَلْنَا عَنْ أَمْرِ الإِمَامِ؟ فَقِيلَ لَنَا: «إِنَّمَا عَنَى بِهَذَا الْأَئِمَّةَ الظَّلَمَةَ، فَأَمَّا مَنْ أَقَامَ السُّنَّةَ فَإِنَّمَا الإِثْمُ عَلَى مَنْ كَرِهَهُ»
ญะรีร ได้กล่าวว่า มันศูรได้กล่าวว่า เราได้ถามเกี่ยวกับประเด็นเรื่องอิหม่าม ? แล้วได้ถูกกล่าวแก่เรา(หมายถึงมีผู้ตอบให้แก่เรา-ผู้แปล) ว่า หมายถึง บรรดาอิหม่ามที่อธรรม แล้วสำหรับอิหม่ามที่ดำรงไว้ซึ่งอัสสุนนะฮ ความจริงบาปก็จะตกบนผู้ที่รังเกียจเขา - ดูตุหฟะตุลอะวะซีย์ 2/347
...........
สรุปคือ
...........
สรุปคือ
อิหม่ามที่การละหมาดไม่ถูกรับคือ อิหม่ามที่ผู้ตามส่วนมากรังเกียจเกี่ยวกับความประพฤติที่ผิดหลักศาสนาเช่น เป็นผู้ที่อธรรม กดโกง เป็นต้น เกาะตำแหน่งไม่ยอมวาง บ้างก็อ้างว่าเป็นลูกหลานเจ้าของที่ดินวากัฟ จึงมีสิทธิ์เป็นอิหม่ามชาวบ้านก็ทำอะไรไม่ได้ อิหม่ามประเภทนี้มีไม่น้อย
ส่วนอิหม่ามที่ยืนหยัดและดำรงไว้ซึ่งสุนนะฮนบี แต่บรรดาผู้ตามรังเกียจ แต่ในด้านศาสนาจะไม่มีผล คือไม่มีความผิด แต่คนที่รังเกียจนั้นแหละมีบาป ซึ่ง ประเภทหลังนี้มีเยอะเช่นกัน พอเรียกร้องให้ตามสุนนะฮละทิ้งบิดอะฮ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นวะฮบีย์ มีการยุยงเสียมสอนชาวบ้านให้ต่อต้าน ให้ปลดจากอิหม่ามเป็นต้น
ส่วนอิหม่ามที่ยืนหยัดและดำรงไว้ซึ่งสุนนะฮนบี แต่บรรดาผู้ตามรังเกียจ แต่ในด้านศาสนาจะไม่มีผล คือไม่มีความผิด แต่คนที่รังเกียจนั้นแหละมีบาป ซึ่ง ประเภทหลังนี้มีเยอะเช่นกัน พอเรียกร้องให้ตามสุนนะฮละทิ้งบิดอะฮ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นวะฮบีย์ มีการยุยงเสียมสอนชาวบ้านให้ต่อต้าน ให้ปลดจากอิหม่ามเป็นต้น
อะสัน หมัดอะดั้ม
7/4/62
7/4/62
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น