ทุกคำถามไม่จำเป็นต้องตอบ
การถามเท่าที่สังเกต นั้น มี 3 ลักษณะ คือ
1.ถามเพื่อที่จะนำไปเป็นความรู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งความจริง ซึ่งผู้ถาม เป็นผู้ที่ต้องการแสวงหาความจริงเพื่ออัลลอฮ
2.ถามเพื่อลองภูมิ ว่ารู้จริงหรือไม่ เพื่อได้ดิสเครดิตว่าคนนี้ไม่รู้จริง อย่าไปเชื่อ
3. ถามเพื่อนำเอาไปฟิตนะฮ เอาไปชงเพื่อทำลายความเชื่อถือ ซึ่งผู้ถามมีเจตนไม่บริสุทธิ์ แต่เพื่อทำลาย
2.ถามเพื่อลองภูมิ ว่ารู้จริงหรือไม่ เพื่อได้ดิสเครดิตว่าคนนี้ไม่รู้จริง อย่าไปเชื่อ
3. ถามเพื่อนำเอาไปฟิตนะฮ เอาไปชงเพื่อทำลายความเชื่อถือ ซึ่งผู้ถามมีเจตนไม่บริสุทธิ์ แต่เพื่อทำลาย
ถ้าเราดูจากแบบอย่างสะลัฟ จะเห็นว่า พวกเขาไม่ได้ตอบทุกคำถาม
أَخْبَرَنَا يَحْيَى بْنُ حَمَّادٍ ، حَدَّثَنَا أَبُو عَوَانَةَ , عَنْ مُغِيرَةَ ، عَنِ الشَّعْبِيِّ قَالَ : لاَ أَدْرِي نِصْفُ الْعِلْمِ.
ยะหยา บิน หัมมาด ได้บอกเรา ว่าอบูอะวานะฮ ได้เล่าเรา ว่ารายงานจาก มุฆีเราะฮ จากอัชชุอบีย์ ว่าเขากล่าวว่า
"ฉันไม่รู้ " คือ ครึงหนึ่งของความรู้ -รายงานโดยอัดดาริมีย์ 1/180 และอัลบัยฮะกีย์ ในอัลมัดค็อล หะดิษหมายเลข 810
ยะหยา บิน หัมมาด ได้บอกเรา ว่าอบูอะวานะฮ ได้เล่าเรา ว่ารายงานจาก มุฆีเราะฮ จากอัชชุอบีย์ ว่าเขากล่าวว่า
"ฉันไม่รู้ " คือ ครึงหนึ่งของความรู้ -รายงานโดยอัดดาริมีย์ 1/180 และอัลบัยฮะกีย์ ในอัลมัดค็อล หะดิษหมายเลข 810
قال سفيان الثوري رحمه الله: (أدركت الفقهاء وهم يكرهون أن يجيبوا في المسائل والفتيا، ولا يفتون حتى لا يجدوا بُداً من أن يفتوا
ซูฟยาน อัษเษารีย์ (ร.ฮ) กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้พบกับบรรดาฟุเกาะฮาฮฺ และพวกเขารังเกียจ(ไม่ชอบ) การที่พวกเขาตอบในประเด็นต่างๆ และฟัตวาต่างๆ และพวกเขาไม่ทำการฟัตวา จนกว่า ไม่มีสามารถาที่จะหลีกเลี่ยงจากการฟัตวาได้ - อัลฟะกีฮ วัลมุตะฟักกีฮ 2/28
عن عبد الرحمن بن أبي ليلى قال: "أدركت عشرين ومائة من أصحاب النبي صلى الله عليه وسلم أراه قال في هذا المسجد فما كان منهم محدث إلا ود أن أخاه كفاه الحديث ولا مفت إلا ود أن أخاه كفاه الفتيا"
จากอับดุรเราะหมาน บิน อบีย์ลัยลา เขากล่าวว่า (ฉันได้พบ เศาะหาบะฮนบี ศ็อลฯ 120 คน ไม่มีผู้รายงานหะดิษคนใด จากพวกเขา ยกเว้น เขาชอบที่จะให้พีน้องของเขา รายงานหะดิษแทนเขา และ และไม่มีนักฟัตวาคนใด(จากพวกเขา) นอกจากเขาชอบที่จะให้พี่น้องของเขาทำการฟัตวาแทนเขา- หะดิษหะซัน -ดู อัดดาริมีย 1/35 ,อิบนุหิบบาน ในอัษษิกอต 9/215
..........
ข้างต้นคือ มารยาทของสะลัฟ ที่พวกเขาไม่โอ้อวดความรู้ และไม่กระหายที่จะตอบคำถาม หรือฟัตวา แต่ชอบให้คนอื่นตอบแทน ต่างกับอุลามาอฺสะลัฟแอบอ้างในปัจจุบัน ที่บ้าจี้และกระหายที่จะตอบคำถาม เพื่ออวดความรู้และไม่ปฏิเสธกลัวชาวบ้านจะรู้ว่า เป็นขนมจีน ที่ไม่มีน้ำยา ปัจจุบัน ถ้าบอกว่า "ฉันไม่รู้" จะถูกมองว่า คือจุดด้อย เลยอุลามาอฺยากดัง กลัวนักกลัวหนา เลยฟัตวากันเละเทะ จนหายนะ
บางครั้งอิหม่ามมาลิกถูกถามถึง 48 ประเด็น ท่านตอบแค่ 32 ประเด็น นอกนั้นท่านบอกว่า "ฉันไม่รู้ "บางครั้ง ท่านถูกถาม 40 ประเด็น ท่านอิหม่ามมาลิกตอบแค่ 5 ประเด็น เท่านั้น -ดู มิน อะลามอัสสะลัฟ 1/352
...
เพราะฉะนั้นการตอบต้องดูที่เจตนาผู้ถามและไม่จำเป็นต้องตอบทุกคำถาม ให้คนอื่นเขาตอบแทนก็ได้
...
เพราะฉะนั้นการตอบต้องดูที่เจตนาผู้ถามและไม่จำเป็นต้องตอบทุกคำถาม ให้คนอื่นเขาตอบแทนก็ได้
อะสัน หมัดอะดั้ม
4/9/62
4/9/62
เอกสารอ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น