วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

แปลก...เชื่อว่าอัลลอฮทรงมี แต่บอกว่าไม่มีตัวตน ไม่รู้อยู่ใหน



ในภาพอาจจะมี ข้อความ




แปลก...เชื่อว่าอัลลอฮทรงมี แต่บอกว่าไม่มีตัวตน ไม่รู้อยู่ใหน
มันเป็นอะกีดะฮย้อนแย้งที่มุสลิม จำนวนหนึ่ง ถูกปลูกฝังแนวคิด ของ นักตรรกนิยมทางปัญญา ที่ใช้ปัญญาอธิบายคุณลักษณะอัลลอฮ ทำไมไมศึกษาหลักฐาน ทำไมไม่ศึกษาว่าปราชญ์ยุคสะลัฟเข้าใจอย่างไร ไม่ใช่คำ ก็วะฮบีย์ สองคำก็วะฮบีย์ ฉายาคนอื่นโดยอธรรมไม่กลัวนรกหรือ?
ทั้งที่ตัวตน ของอัลลอฮตาอาลา ทุกคนรู้กันดีว่า ภาษาอาหรับ เรียกว่า ซาต(ذات) ซึ่งแปลว่า ตัวตน,อัตมัน - ดู ปทานุกรมอาหรับ-ไทย ของ ส.วงศเสงี่ยม หน้า 144
อัลลอฮตาอาลามีตัวตนจริง เพียงแต่เราไม่รู้ว่ามีรูปลักษณ์เป็นอย่างไรเพราะทรงไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน
จึงแปลกใจว่า เรียนสิฟัต الوجود (อัลวุญูด) อัลลอฮทรงมี แต่มีการสอนว่า ทรงไม่ตัวตน เพราะมโนว่าเดี๋ยวจะจะเหมือนกับมัคลูค(สิ่งถูกสร้าง) มีอยู่โดยไม่มีสถานที่ และไม่รู้อยู่ใหน ตามที่เชื่อตามกันมา โดยไม่ศึกษา รายละเอียดว่าเป็นอย่างไร แถมถูกปลูกฝังให้อคติและมองผู้ที่เข้าใจต่างกับตนว่าเป็นความเชื่อแบบกาเฟร -นะอูซุบิลละฮ
อิหม่ามอบูอุษมานอัศศอบูนีย์ (ฮ.ศ 449) กล่าวถึงอะกีดะฮสะลัฟว่า
واعتقدوا أن صفات الله سبحانه لا تشبه صفات الخلق، كما أن ذاته لا تشبه ذوات الخلق تعالى الله عما يقول المشبهة والمعطلة علواً كبيراً، ولعنهم لعناً كثيراً".
และพวกเขา(หมายถึงปราชญ์ยุคสะลัฟ)เชื่อมั่นว่า แท้จริงบรรดาสิฟาต(คุณลักษณะ)ของอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ไม่เหมือนกับบรรดาคุณลักษณะของมัคลูค เช่นเดียวกับ แท้จริงซาต(ตัวตน)ของพระองค์ ไม่เหมือนกับบรรดาตัวตน(ซาต) ของบรรดามัคลูค ,อัลลอฮ ทรงบริสุทธิ์จาก สิ่งที่ กลุ่มอัลมุชับบิฮะฮ และอัลมุอัฏฏิละฮ กล่าว ทรงสูงส่งทรงยิ่งใหญ่ และทรงสาปแช่งพวกเขา เป็นการสาบแช่งอันมากมาย - อะกีดะฮสะลัฟ อัศหาบิลหะดิษ หน้า 62
............
อัลลอฮตาอาลาทรงมีตัวตน(ซาต) และตัวตน(ซาต)ของอัลลอฮ ไม่เหมือนกับตัวตนของบรรดาสิ่งที่ถูกสร้าง
ในขณะเดียวกัน อัลลอฮตาอาลามรงอยู่เบื้องสูง ซึ่งมีหลักฐานอัลกุรอ่านและหะดิษ มากมาย ตลอดจนทัศนะปราชญ์ยุคสะลัฟ ได้ยืนยันการอยู่เบื้องสูงเหนือบัลลังก์ หรือเหนือมัคลูคของพระองค์
การอ้างว่า อัลลอฮไม่มีตัวตน ไม่รู้อยู่ใหน คือ ความเชื่อที่อาศัยตรรกอะฮลุลกาลาม ไม่ใช่อัลกุรอ่าน และอัสสุนนะฮ ตลอดจนไม่ใช่แนวทางของบรรพชนยุคสะลัฟ
ตัวอย่างเช่น อิหม่ามอัลอาญุรีย์(ฮ.ศ 280-360 )ปราชญ์ยุคสะลัฟ กล่าวว่า
والذي يذهب إليه أهل العلم أن الله عز وجل سبحانه على عرشه فوق سماواته، وعلمُهُ محيط بكل شيء
และที่บรรดานักวิชาการมีทัศนะไปสู่มันคือ แท้จริงอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง (ซ.บ)ทรงอยู่บนบัลลังค์ของพระองค์ เหนือบรรดาชั้นฟ้าของพระองค์ และความรู้ของพระองค์ครอบคลุม ทุกๆสิ่ง - กิตามอัชชะรีอะฮ ๒/๖๖
………
แปลก คนที่เชื่อการอยู่เบื้องสูงของอัลลฮฮถูก ละแบสายกินบุญ บางคน หุกุมว่ามีอะกีดะฮบิดออะฮ อะกีดะฮกาเฟร -วัลอิยาซุบิลละฮ
อะสัน หมัดอะดั้ม
11/2/63

หลักการรับรองคุณลักษณะอัลลอฮตามทัศนะของอิหม่ามชาฟีย์



หลักการรับรองคุณลักษณะอัลลอฮตามทัศนะของอิหม่ามชาฟีย์


 ในภาพอาจจะมี ข้อความ


การอ้างว่า สังกัดมัซฮับชาฟิอีย์ แล้วอ้างแนวคิดอะฮลุลกาลาม ที่ใช้แนวคิดตรรกปัญญานิยม ของพวกอะฮลุลกาลาม ที่อธิบายอะกีดะฮตามความคิดเห็น ทั้งๆที่อิหม่ามชาฟิอีต่อต้าน พวกอะฮลุลกาลาม เช่น
อิหม่ามชาฟีอี ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์ กล่าวว่า
حُكْمِي فِي أهْلِ الكلاَمِ أنْ يُضْرَبُوا بِالْجَرِيْدِ وَالنِعَالِ وَيُطَافُ بِهِمْ فِي العَشَائِرِ وَالقَبَائِلِ وَيُقَالُ : هَذَا جَرَاءُ مَنْ تَرَكَ الكِتَابَ وَالسُنَّةَ وَأقْبَلَ عَلَى الكلاَمِ
“คำตัดสินของฉันเกี่ยวกับนักวิพากษ์นิยม(อะฮลุลกาลาม)นั้นคือ ให้หวดด้วยก้านอินผลัม และรองเท้า แล้วจับแห่รอบวงศาคณาญาติและชนเผ่าต่างๆ โดยให้กล่าวว่า นี่คือ การตอบแทน ของผู้ละทิ้งอัลกุรอานและซุนนะห์แล้วไปรับเอาวิชากะลาม” ซิยะรุ้ลอะอ์ลามิลนุบะลาอ์ 10/29
ความหมาย วิชากาลาม
อิบนุ คอนดูน ได้กล่าวไว้ว่า
عِلْمٌ يَتَضَمّنُ الحِجَاج عَنِ العَقَائِدِ الإيْمَانِيَّةِ بِالأدِلَّةِ العَقْلِيَّةِ
“วิชาที่ควบรวมข้ออ้างอิงต่างๆเกี่ยวกับหลักเชื่อมั่นของการศรัทธาโดยหลักฐานทางปัญญา” มุก็อดดิมะห์ อิบนิค็อลดูน หน้าที่ 429
.............
จะเห็นได้ว่าคนกลุ่มนี้ เอาความคิดเห็นและความรู้ของตนเอง ตัดสินคนนั้นคนนี้ ว่าเป็นกุฟูร ตามการวิเคราะห์ทางปัญญาของตัวเอง
หลักการรับรองคุณลักษณะของอัลลอฮของอิหม่ามชาฟิอีย์
อัลหาฟิซ อิบนุหะญัร (ร.ฮ) กล่าวว่า
وأخرج ابن أبي حاتم في مناقب الشافعي عن يونس بن عبد الأعلى سمعت الشافعي يقول : لله أسماء وصفات لا يسع أحدا ردها ، ومن خالف بعد ثبوت الحجة عليه فقد كفر ، وأما قبل قيام الحجة فإنه يعذر بالجهل ؛ لأن علم ذلك لا يدرك بالعقل ولا الرؤية والفكر ، فنثبت هذه الصفات وننفي عنه التشبيه كما نفى عن نفسه ، فقال ليس كمثله شيء
อิบนุอบีหาติม ได้บันทึก ใน มะนากิบอัชชาฟิอีย์ จากยูนูส บิน อับดิลอะลา ว่า ฉันได้ยิน อัชชาฟิอีย์ กล่าวว่า อัลลอฮทรงมีบรรดาพระนามและบรรดาคุณลักษณะ ไม่เปิดโอกาสให้คนใดปฏิเสธมัน และผู้ใดเห็นขัดแย้ง หลังจากหลักฐานยืนยันบนเขาแล้ว แน่นอนเขาเป็นกาเฟร และสำหรับ ก่อนมีหลักฐานยืนยัน แท้จริงเขาถูกยกโทษให้เพราะความไม่รู้ เพราะแท้จริง การรู้ดังกล่าวนั้น ไม่สามารถรับรู้ได้ ด้วยสติปัญญา ,ด้วยความคิดเห็น และการคิดจินตนาการ ดังนั้น เรารับรอง บรรดาคุณลักษณะเหล่านี้ และปฏิเสธการเปรียบเทียบ(ตัชบีฮ)จากมัน ดังที่ พระองค์ ทรงปฏิเสธจากตัวของพระองค์เอง เพราะพระองค์ตรัสว่า "ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ -ดู ฟัตหุลบารีย์ ยุซที่ 13 หน้า 418 กิตาบุตเตาฮีด (ดูสำเนาที่แนบมา)
......
สรุปจากคำพูดอิหม่ามชาฟิอี
1.อัลลอฮทรงมีบรรดาพระนามและคุณลักษณะ ไม่เป็นโอกาสให้ผู้ใดปฏิเสธ ผู้ใดเห็นขัดแย้งหลักจากที่หลักฐานยืนยันแก่เขาแล้ว เขาเป็นกาเฟร
2. แต่การเห็นขัดแย้ง ในขณะที่ยังไม่หลักฐานมายืนยันก็ได้รับการอนุโลม เพราะความไม่รู้
3. รับรอง(อิษบาต) บรรดาคุณลักษณะอัลลอฮ และปฏิเสธการเปรียบเทียบ(ตัชบีฮ)จากมัน ดังที่ พระองค์ ทรงปฏิเสธจากตัวของพระองค์เอง
จะเห็นได้ว่า หลักการของอิหม่ามชาฟิอีคือ ยืนยันบรรดาสิฟาตตามที่มีมาตามตัวบท โดยไม่ตีความ และจะปฏิเสธการเปรียบเทียบกับบรรดาสิฟาตมัคลูค ตามที่อัลลอฮปฏิเสธจากตัวของพระองค์เอง โดยตรัสว่า ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์"
เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะใส่ร้าย และหุกุม คนอื่นที่มีแนวคิดไม่เหมือนตน จงอ่านตำราให้รอบคอบ อย่าเอารายงานเท็จมาอ้างและฟิตนะฮคนอื่น
อะสัน หมัดอะดั้ม
11/2/63



วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ลักษณะของผู้ที่ยึดอารมณ์เป็นพระเจ้า







ลักษณะของผู้ที่ยึดอารมณ์เป็นพระเจ้า
อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า
أَفَرَأَيْتَ مَنِ اتَّخَذَ إِلَٰهَهُ هَوَاهُ وَأَضَلَّهُ اللَّهُ عَلَىٰ عِلْمٍ وَخَتَمَ عَلَىٰ سَمْعِهِ وَقَلْبِهِ وَجَعَلَ عَلَىٰ بَصَرِهِ غِشَاوَةً فَمَن يَهْدِيهِ مِن بَعْدِ اللَّهِ ۚ أَفَلَا تَذَكَّرُونَ
เจ้าเคยเห็นผู้ที่ยึดถือเอาอารมณ์ต่ำของเขาเป็นพระเจ้าของเขาบ้างไหม ? และอัลลอฮฺจะทรงให้เขาหลงทางด้วยการรอบรู้ (ของพระองค์) และทรงผนึกการการฟังของเขาและหัวใจของเขาและทรงทำให้มีสิ่งบดบังดวงตาของเขา ดังนั้นผู้ใดเล่าจะชี้แนะแก่เขาหลังจากอัลลอฮฺ พวกเจ้ามิได้ใคร่ครวญกันดอกหรือ ? - อัลญาษียะฮ/23
อิบนุกะษีร(ร.ฮ)ได้อธิบายว่า
( أفرأيت من اتخذ إلهه هواه ) أي : إنما يأتمر بهواه ، فمهما رآه حسنا فعله ، ومهما رآه قبيحا تركه : وهذا قد يستدل به على المعتزلة في قولهم بالتحسين والتقبيح العقليين
(เจ้าเคยเห็นผู้ที่ยึดถือเอาอารมณ์ต่ำของเขาเป็นพระเจ้าของเขาบ้างไหม ?) หมายความว่า ความจริงเขากระทำตามอารมณ์ของเขา เพราะหากว่า อารมณ์ เห็นมันว่าดี เขาก็ปฏิบัติมัน และหาอารมณ์ เห็นว่าเลว เขาก็ละทิ่งมัน และนี่คือ ถูกนำมาเป็นหลักฐานด้วยมัน ลบล้างแนวคิดมุอตะซิละฮ ในคำพูดของพวกเขา ด้วยการเห็นว่าดีและการเห็นว่าไม่ดี ตามความเห็นทางปัญญา-ตัฟสีรอิบนุกะษีร อธิบายอายะฮ 23 ซูเราะฮอัลญาษียะฮ
.......
แนวคิดมุอตะซิละฮ จะใช้ความเห็นทางปัญญา ตัดสินว่าสิ่งใดดีและสิ่งใดไม่ดีตามอารมณ์ ทั้งนี้เพราะเรื่องศาสนานั้น จะต้องควบคุมอารมณ์ให้ตามคำสอนที่ท่านนบี ศ็อลฯนำมาจากอัลลอฮ ไม่ใช่เอาศาสนาที่มาจากอัลลอฮ ให้คล้อยตามความคิดเห็นทางปัญญาหรือให้กินกับปัญญา
ดังหะดิษที่ว่า
لا يؤمن أحدكم حتى يكون هواه تبعا لِما جئت به
คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านจะไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงจนกว่าอารมณ์ของเขา ปฏิบัติตามสิ่งที่ฉันนำมา- หะดิษเศาะเฮียะ -ดูอัลอัรบะอีน ของอิหม่ามนะวาวีย์ หมายเลข 41 และฟัตหุลบารีย์ เล่ม 7 หน้า 193 ตะหกีกอัลบะร็อก
ในทำนอนเดียวกัน อะฮลุลบิดอะฮ จะใช้ความคิดเห็นกำหนดคำสอนมาเพิ่มเติมในศาสนา
ท่านอุมัร บิน อัลค็อฏฏ็อบ (ร.ฎ)กล่าวว่า
إياكم وأصحابَ الرأيِ فإنهم أعداءُ السننِ أعيتهُم الأحاديثُ أن يحفظوها فقالوا بالرأيِ فضلُّوا وأضلوا
พวกท่านจงห่างใกล นักใช้ความคิดเห็น เพราะพวกเขาคือศัตรู บรรดาสุนนะฮ พวกเขาอ่อนแอในการท่องจำบรรดาหะดืษ แล้วพวกเขา กล่าวด้วยความคิดเห็น พวกเขาลุ่มหลงและทำให้ผู้อื่นหลุ่มหลงด้วย -ชัรห อุศูลเอียะติกอด อะฮลิสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ ของอัลลาลุกาอีย์ หมายเลข 201 หน้า 123
.......
หน้าที่มนุษย์ทุกคน จะต้องปฏิบัติตามสิ่งที่นบี ศ็อลฯนำมาจากวะหยูของอัลลอฮ ตาอาลา ไม่มีหน้าที่ใช้ตรรกทางปัญญาและความคิดเห็นกำหนดหลักความเชื่อและหลักปฏิบัติในศาสนาของอัลลอฮ
อะสัน หมัดอะดั้ม
5/2/63