ความลำบากบนเส้นทางของความขัดแย้ง
มันเดินลำบากยิ่งนักในการเดินบนถนนแห่งความขัดแย้ง จะเหยียบจะย่างแต่ละก้าว มันลำบาก กลัวจะเหยียบตาปลาฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ ในขณะที่ศาสนาสอนให้เดินทางตรง ห้ามไม่เดินหลายๆทาง
وَأَنَّ هَـذَا صِرَاطِي مُسْتَقِيماً فَاتَّبِعُوهُ وَلاَ تَتَّبِعُواْ السُّبُلَ فَتَفَرَّقَ بِكُمْ عَن سَبِيلِهِ ذَلِكُمْ وَصَّاكُم بِهِ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ
และแท้จริงนี้คือทางของข้าอันเที่ยงตรงพวกเจ้าจงปฏิบัติตามมันเถิด และอย่าปฏิบัติตามหลาย ๆ ทาง เพราะมันจะทำให้พวกเจ้าแยกออกไปจากทางของพระองค์ นั่นแหละที่พระองค์ได้สั่งเสียมันไว้แก่พวกเจ้า เพื่อว่าพวกเจ้าจะยำเกรง -อัลอันอาม/153
، عَنْ عَبْدِ اللَّهِ - هُوَ ابْنُ مَسْعُودٍ ، رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ - قَالَ : خَطَّ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ خَطًّا بِيَدِهِ ، ثُمَّ قَالَ : " هَذَا سَبِيلُ اللَّهِ مُسْتَقِيمًا " وَخَطَّ عَلَى يَمِينِهِ وَشِمَالِهِ ، ثُمَّ قَالَ : " هَذِهِ السُّبُلُ لَيْسَ مِنْهَا سَبِيلٌ إِلَّا عَلَيْهِ شَيْطَانٌ يَدْعُو إِلَيْهِ " ثُمَّ قَرَأَ : ( وَأَنَّ هَذَا صِرَاطِي مُسْتَقِيمًا فَاتَّبِعُوهُ وَلَا تَتَّبِعُوا السُّبُلَ فَتَفَرَّقَ بِكُمْ عَنْ سَبِيلِهِ) .
.
รายงานจาก อับดุลลอฮ บุตรมัสอูด (ร.ฎ) ว่า เขากล่าวว่า ท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ขีดเส้นเส้นหนึ่ง ด้วยมือของท่าน แล้วกล่าวว่า ?นี้คือ แนวทางของอัลลอฮ อันเที่ยงตรง? และท่านได้ขีดเส้นไปทางด้านขวาและด้านซ้ายของท่าน แล้วกล่าวว่า ?นี้คือ หลายๆทาง ซึ่งไม่มีแนวทางใดจากหลายๆทางนั้น นอกจากมีชัยฏอน เชิญชวน ไปสู่แนวทางนั้น แล้วท่านก็อ่านอายะฮที่ว่า ? และแท้จริงนี้คือทางของข้าอันเที่ยงตรงพวกเจ้าจงปฏิบัติตามมันเถิด และอย่าปฏิบัติตามหลาย ๆ ทาง เพราะมันจะทำให้พวกเจ้าแยกออกไปจากทางของพระองค์? ? รายงานโดย อะหมัด อัลหากิมและอัลนะสาอีย์ และอัลหากิม กล่าวว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ โดยที่อิหม่ามบุคอรีและมุสลิม ไม่ได้บันทึกมันไว้ ? ดูมุคตะศอ็รตัฟสีรอิบนิกะษีร อรรถาธิบายอายะฮที่ 153 ซูเราะฮอันอันอาม
.
รายงานจาก อับดุลลอฮ บุตรมัสอูด (ร.ฎ) ว่า เขากล่าวว่า ท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ขีดเส้นเส้นหนึ่ง ด้วยมือของท่าน แล้วกล่าวว่า ?นี้คือ แนวทางของอัลลอฮ อันเที่ยงตรง? และท่านได้ขีดเส้นไปทางด้านขวาและด้านซ้ายของท่าน แล้วกล่าวว่า ?นี้คือ หลายๆทาง ซึ่งไม่มีแนวทางใดจากหลายๆทางนั้น นอกจากมีชัยฏอน เชิญชวน ไปสู่แนวทางนั้น แล้วท่านก็อ่านอายะฮที่ว่า ? และแท้จริงนี้คือทางของข้าอันเที่ยงตรงพวกเจ้าจงปฏิบัติตามมันเถิด และอย่าปฏิบัติตามหลาย ๆ ทาง เพราะมันจะทำให้พวกเจ้าแยกออกไปจากทางของพระองค์? ? รายงานโดย อะหมัด อัลหากิมและอัลนะสาอีย์ และอัลหากิม กล่าวว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ โดยที่อิหม่ามบุคอรีและมุสลิม ไม่ได้บันทึกมันไว้ ? ดูมุคตะศอ็รตัฟสีรอิบนิกะษีร อรรถาธิบายอายะฮที่ 153 ซูเราะฮอันอันอาม
ความถูกต้องนั้นมีหนึ่งเดียว ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเข้าถึงความถูกต้องนั้นได้ ส่วนความถูกใจนั้นมีหลายสิ่ง ปัญหาที่เกิดขึ้นก็เพราะคนไปยึดถือความถูกใจว่าเป็นความถูกต้อง มันเลยทำให้เกิดการเห็นต่าง
อิหม่ามอิบนุกุดามะฮ(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า
والحق في قول واحد من المجتهدين ومن عداه مخطئ، سواء كان في فروع الدين أو
أصوله
และความถูกต้องนั้น อยู่ในคำพูดของคนหนึ่งคนใดจากบรรดามุจญตะฮิดและผู้ที่อยู่นอกเหนือจากเขานั้น เป็นผู้ที่ผิดพลาด ไม่ว่า ในเรื่องข้อปลีกย่อยของศาสนาหรือรากฐานของศาสนาก็ตาม – เราเฎาะตุลนาซีร หน้า 193
อิหม่ามอัรซัรกะชีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
واختلف العلماء في حكم أقوال المجتهدين، هل كل مجتهد مصيب، أو المصيب واحد؟ ذهب الشافعي و أبو حنيفة ومالك وأكثر الفقهاء رحمهم الله إلى أن الحق في أحدهما، و إن لم يتعين لنا فهو عند الله متعين،
และบรรดานักวิชาการ มีความเห็นขัดแย้งกัน ในหุกุม(ข้อตัดสิน)บรรดาคำพูดของมุจญฺตะฮิด ว่า มุจญะตะฮิดทุกคนเป็นผู้ที่ถูกต้องทั้งหมด หรือ ผู้ที่ถูกต้องนั้นมีคนเดียว? อัชชาฟิอี,อบูหะนีฟะฮ,มาลิก และบรรดานักนิติศาสต์อิสลาม(ฟุเกาะฮาอิ) (เราะฮิมะฮุมุลลอฮ) ได้มีทัศนะว่า แท้จริงความถูกต้อง อยู่ในคนหนึ่งคนใดจากสองคน และแม้จะไม่ถูกทำให้ชัดเจนแก่เรา มันก็เป็นสิ่งที่ถูกทำให้ชัดเจน ณ อัลลอฮ -อัลบะหฺรุลมุหีฏ ของอิหม่ามอัรซัรกะชีย์ เล่ม 6 หน้า 241
เมื่อส่งถูกนั้นมีหนึ่งเดียว จะเอาตามใจคนว่า ว่า ทุกคนถูกหมดเพื่อรักษาน้ำใจ ได้อย่างไร และสิ่งที่ิพิสูจน์ว่าใครถูกผิดต้องดูที่หลักฐาน
قال الربيع بن سليمان: سمعت الشافعي يقول: (إذا وجدتم في كتابي خلاف سنة رسول
الله (صلى الله عليه وآله وسلم) فقولوا بها ودعوا ما قلت
อัรรอเบียะ บิน สุลัยมาน กล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้ยิน อัชชาฟิอียกล่าวว่า "เมื่อพวกท่านพบในหนังสือของข้าพจ้า ขัดแย้งกับสุนนะฮรอซูลุ
ลลอฮ ศอลฯ พวกท่านจงปฏิบัติด้วยมันและจงทิ้งสิ่งที่ข้าพเจ้าพูด
انظر الإيقاظ: ص 100. تاريخ دمشق لابن عساكر: 51 / 389. إعلام الموقعين 2 / 286. معنى قول الإمام المطلبي: ص 76 - 77. أبو نعيم 9 / 107. المجموع، الهروي 1 / 47.
การเห็นต่างนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ทุกคนต้องสรุปด้วยหลักฐาน ไม่ใช่เอาความถูกใจมาสรุป เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ ปัญหาก็จะไม่จบ
อย่างไรก็ตาม พึงระวังในการหุกุม ผู้ที่เราเห็นว่าเขาผิด ด้วยการตักฟีร (การกล่าวหาว่าเป็นกาเฟร)
ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ)กล่าวว่า
ليس لأحد أن يكفر أحدا من المسلمين وإن خطأ وغلط حتى تقام عليه الحجة ، وتبين له المحجة، ومن ثبت إسلامه بيقين ، لم يزل ذلك عنه بالشك ، بل لا يزول إلا بعد إقامة
الحجة وإزالة الشبهة
ไม่อนุญาตแก่คนหนึ่งคนใด ตัดสินคนหนึ่งคนใดจากบรรดามุสลิมว่าเป็นกาเฟร แม้เขาจะผิดพลาดและกระทำความผิด จนกว่าจะมีหลักฐานยืนยัน บนมันและจนกว่าสิ่งที่ถุกนำมาเป็นหลักฐานนั้นถูกนำมาพิสูจน์ชัดเจนแก่เขา และความคลุมเครือได้หมดไปแล้วและผู้ใดความเป็นอิสลามของเขามีความแน่นอนด้วยความมั่นใจ การเป็นอิสลามดังกล่าวนั้น จะไม่หายไปจากตัวเขา ด้วยเหตุของการสงสัย แต่ทว่า.. มันจะไม่ได้หายไปยกเว้นมีหลักฐานยืนยัน(ว่าสิ้นสภาพมุสลิมจริง)และหมดความคลุมเครือ -มัจญมัวะฟะตาวา 12/466
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
26/12/58
26/12/58
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น