แบบอย่างของบรรดาอุลามาอฺยุคสะลัฟในประเด็นเห็นต่าง ภาค 2
ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) กล่าวว่า
وَقَدْ كَانَ الْعُلَمَاءُ مِنْ الصَّحَابَةِ وَالتَّابِعِينَ وَمَنْ بَعْدَهُمْ إذَا تَنَازَعُوا فِي الْأَمْرِ اتَّبَعُوا أَمْرَ اللَّهِ تَعَالَى فِي قَوْلِهِ : { فَإِنْ تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إلَى اللَّهِ وَالرَّسُولِ إنْ كُنْتُمْ تُؤْمِنُونَ بِاللَّهِ وَالْيَوْمِ الْآخِرِ ذَلِكَ خَيْرٌ وَأَحْسَنُ تَأْوِيلًا } وَكَانُوا يَتَنَاظَرُونَ فِي الْمَسْأَلَةِ مُنَاظَرَةَ مُشَاوَرَةٍ وَمُنَاصَحَةٍ وَرُبَّمَا اخْتَلَفَ قَوْلُهُمْ فِي الْمَسْأَلَةِ الْعِلْمِيَّةِ وَالْعَمَلِيَّةِ مَعَ بَقَاءِ الْأُلْفَةِ وَالْعِصْمَةِ وَأُخُوَّةِ الدِّينِ . نَعَمْ مَنْ خَالَفَ الْكِتَابَ الْمُسْتَبِينَ وَالسُّنَّةَ الْمُسْتَفِيضَةَ أَوْ مَا أَجْمَعَ عَلَيْهِ سَلَفُ الْأُمَّةِ خِلَافًا لَا يُعْذَرُ فِيهِ فَهَذَا يُعَامَلُ بِمَا يُعَامَلُ بِهِ أَهْلُ الْبِدَعِ .
และปรากฏว่าบรรดาอุลามาอฺ(บรรดาผู้รู้)จาก บรรดาเศาะหาบะฮ ,บรรดาตาบีอีน และผู้ที่อยู่ยุคหลังจากพวกเขา เมื่อพวกเขาขัดแย้งกันในเรื่องใด พวกเขาก็ปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮตาอาลา ในคำตรัสของพระองค์ที่ว่า( "แล้วถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮ์ และเราะสูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง”)
และพวกเขาจะทำการอภิปรายกัน ในประเด็นนั้น เป็นการอภิปรายในเชิงปรึกษาหารือ และตักเตือนกันและกัน และบางครั้ง ทัศนะของพวกเขา ขัดแย้งกัน ในประเด็นเกี่ยวกับวิชาการและการปฏิบัติ พร้อมกับยังคงความเป็นมิตร ,ความสัมพันธ์และความเป็นพี่น้องในศาสนา ,ใช่...ผู้ใดก็ตามที่ขัดแย้งกับที่จัดเจนและอัสสุนนะฮที่เป็นที่รู้กัน หรือ สิ่งที่อุมมะฮยุคสะลัฟมีมติเอกฉันท์บนมัน เป็นการขัดแย้ง ที่ไม่ถูกอนุโลมในมัน คนแบบนี้ จะถูกปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ด้วยสิ่งที่ชาวบิดอะฮถูกปฏิสัมพันธ์ด้วย -มัจญมัวะฟะตาวา 24/172
และพวกเขาจะทำการอภิปรายกัน ในประเด็นนั้น เป็นการอภิปรายในเชิงปรึกษาหารือ และตักเตือนกันและกัน และบางครั้ง ทัศนะของพวกเขา ขัดแย้งกัน ในประเด็นเกี่ยวกับวิชาการและการปฏิบัติ พร้อมกับยังคงความเป็นมิตร ,ความสัมพันธ์และความเป็นพี่น้องในศาสนา ,ใช่...ผู้ใดก็ตามที่ขัดแย้งกับที่จัดเจนและอัสสุนนะฮที่เป็นที่รู้กัน หรือ สิ่งที่อุมมะฮยุคสะลัฟมีมติเอกฉันท์บนมัน เป็นการขัดแย้ง ที่ไม่ถูกอนุโลมในมัน คนแบบนี้ จะถูกปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ด้วยสิ่งที่ชาวบิดอะฮถูกปฏิสัมพันธ์ด้วย -มัจญมัวะฟะตาวา 24/172
สรุปจากคำพูดของอิบนุตัยมียะฮคือ
1.บรรดานักวิชาการในยุคเศาะหาบะฮ ,ยุคตาบิอีนและยุคหลังจากพวกเขา เมื่อพวกเขามีความเห็นขัดแย้งกัน พวกเขาก็ปฏิบัติตาคำสั่งของอัลลอฮ คือ ให้นำปัญหาขัดแย้งไปให้อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮตัดสิน
2.บรรดานักวิชาการในยุคเศาะหาบะฮ ,ยุคตาบิอีนและยุคหลังจากพวกเขา เมื่อมีการอภิปรายหรือโต้วาทีกัน เขาจะปฏิบัติต่อกันในเชิงปรึกษาหารือและตักเตือนกันและกัน
3.บรรดานักวิชาการในยุคเศาะหาบะฮ ,ยุคตาบิอีนและยุคหลังจากพวกเขา เมื่อมีทัศนะขัดแย้งกัน พวกเขาก็ยังคงความเป็นมิตร ,ความสัมพันธ์และความเป็นพี่น้องในศาสนาเอาไว้
4. ผู้ใดขัดแย้งกับอัลกรอ่านที่ชัดเจน และอัสสุนนะฮที่เป็นที่รับรู้กัน หรือขัดแย้งกับมติอุมมะฮยุคสะลัฟที่ไม่สามารถมีข้ออนุโลมให้ขัดแย้งได้ เขาผู้นี้จะถูกปฏิบัติในฐานะอะฮลุลบิดอะฮ
2.บรรดานักวิชาการในยุคเศาะหาบะฮ ,ยุคตาบิอีนและยุคหลังจากพวกเขา เมื่อมีการอภิปรายหรือโต้วาทีกัน เขาจะปฏิบัติต่อกันในเชิงปรึกษาหารือและตักเตือนกันและกัน
3.บรรดานักวิชาการในยุคเศาะหาบะฮ ,ยุคตาบิอีนและยุคหลังจากพวกเขา เมื่อมีทัศนะขัดแย้งกัน พวกเขาก็ยังคงความเป็นมิตร ,ความสัมพันธ์และความเป็นพี่น้องในศาสนาเอาไว้
4. ผู้ใดขัดแย้งกับอัลกรอ่านที่ชัดเจน และอัสสุนนะฮที่เป็นที่รับรู้กัน หรือขัดแย้งกับมติอุมมะฮยุคสะลัฟที่ไม่สามารถมีข้ออนุโลมให้ขัดแย้งได้ เขาผู้นี้จะถูกปฏิบัติในฐานะอะฮลุลบิดอะฮ
....................
อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) ได้กล่าวถึงอะฮลุลบิดอะฮว่า
وَالْبِدْعَةُ الَّتِي يُعَدُّ بِهَا الرَّجُلُ مِنْ أَهْلِ الْأَهْوَاءِ مَا اشْتَهَرَ عِنْدَ أَهْلِ الْعِلْمِ بِالسُّنَّةِ مُخَالَفَتُهَا لِلْكِتَابِ وَالسُّنَّةِ: كَبِدْعَةِ الْخَوَارِجِ، وَالرَّوَافِضِ، وَالْقَدَرِيَّةِ، وَالْمُرْجِئَةِ،
และบิดอะฮที่บุคคลถูกนับว่าเป็น ส่วนหนึ่งจากอะฮลุลอะฮวาอฺ(นักตามความคิดเห็น) คือ สิ่งที่แพร่หลายในทัศนะนักวิชาการสุนนะฮคือ การขัดแย้งกับอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ เช่น บิดอะฮเคาะวาริจญ์ ,รอฟิเฎาะฮ ,พวกเกาะดะรียะฮ และพวกมุรญิอะฮ- ฟะตาวา อัลกุบรอ 4/194
คำว่า "أَهْلِ الْأَهْوَاءِ " ส่วนมากเขาจะหมายถึงผู้ที่ขัดแย้งกับอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ในด้านรากฐานของศาสนา(أصول الدين، ) เช่น เคาะวาริจญ์ ,ชีอะฮ ,เกาะดะรียะฮ,มุรญิอะฮ,มุอตะซิละฮ ,ญะฮมียะฮ,อะฮลุลกาลาม และแนวทางซูฟีย์ เฏาะรีกัต
.............
เพราะฉะนั้น ในประเด็นปลีกย่อย เช่นคน อ่านอุศอ็ลลี ,ทำเมาลิด ฯลฯ การปฏิบัติต่อเขา ไม่ถึงกับการตัดความสัมพันธ์ หรือไม่นับญาติกัน แต่ไม่ได้หมายถึงการยอมในสิ่งที่ผิด เพราะหน้าที่ของมุสลิมเมื่อเห็นสิ่งผิดก็ต้องห้ามและตักเตือน
.............
เพราะฉะนั้น ในประเด็นปลีกย่อย เช่นคน อ่านอุศอ็ลลี ,ทำเมาลิด ฯลฯ การปฏิบัติต่อเขา ไม่ถึงกับการตัดความสัมพันธ์ หรือไม่นับญาติกัน แต่ไม่ได้หมายถึงการยอมในสิ่งที่ผิด เพราะหน้าที่ของมุสลิมเมื่อเห็นสิ่งผิดก็ต้องห้ามและตักเตือน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
23/3/59
23/3/59
ا
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น