วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เมื่อเขาเอาหลักการเรื่องอาหารมาใช้เป็นหลักการอิบาดะฮ






เมื่อเขาเอาหลักการเรื่องอาหารมาใช้เป็นหลักการอิบาดะฮ
ผู้อวุโสท่านหนึ่งอ้างว่า
.
من حديث سلمان آنه صلى الله عليه وسلم سئل عن الجبن والسمن والفراء فقال ((الحلال ما أحل الله في كتابه والحرام ماحرم الله في كتابه وماسكت عنه فهو مماعفاعنه))
หะดิษนี้ตอยคำถามเรื่อง
:::ทำเมาลิด
:::กวนอาซูรอ
:::อ่านกรุอ่านในกุโบร
:::ทำอิซิกุโบร
:::กล่าวอุศอลลีนอกเวลาละหมาด
ประการใดใครว่าทำไม่ได้ก็จงหาหลักฐานการห้ามมานะครับผมจะหยุดทำทันที
...............
ชี้แจง
ข้างต้น เป็นหะดิษที่นักนิติศาสตร์อิสลาม เขาใช้เป็นกฏทางฟิกฮว่าด้วยเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม แต่ท่านปู่กลับเอามาใช้เป็นหลักการเรื่องอิบาดะฮ มันก็ผิดฝาผิดตัวซิท่านที่เคารพ
ในหะดิษบอกชัดเจนอยู่ว่า
عَنْ سُلَيْمَانَ التَّيْمِيِّ عَنْ أَبِي عُثْمَانَ ، عَنْ سَلْمَانَ قَالَ : سُئِلَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَنِ السَّمْنِ وَالْجُبْنِ وَالْفِرَاءِ ، فَقَالَ : الْحَلَالُ مَا أَحَلَّ اللَّهُ فِي كِتَابِهِ ، وَالْحَرَامُ مَا حَرَّمَ اللَّهُ فِي كِتَابِهِ ، وَمَا سَكَتَ عَنْهُ فَهُوَ مِمَّا عَفَا عَنْهُ
รายงานจากสุลัยมานอัตตัยมีย์ จากอบีอุษมาน จากสุลัยมานว่า รซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ ถูกถามเกี่ยวกับ ไขมันสัตว์ ,เนยแข็งและขนสัตว์ แล้วท่านรซูลุลอฮ กล่าวว่า สิ่งที่อนุญาติคือสิ่งที่ระบุว่าอนุญาติในอัลกุรอาน และสิ่งที่ฮารอมคือสิ่งที่ระบุว่าฮารอมในอัลกุรอานและสิ่งใดที่ไม่ถูกระบุถือว่ าสิ่งนั้นอนุโลมจากมัน -
أخرجه الترمذي (1726) وابن ماجه (3367) والحاكم في المستدرك (4/129) ومن طريقه البيهقي في الكبرى (9/320)(10/12) ، وأخرجه الطبراني في الكبير (6/250)
หะดิษข้างต้น เฎาะอีฟ มาดูคำวิจารณ์
قال المزي في "تهذيب الكمال" (8/255) : " فيه سيف بن هارون ، قال ابن معين : ليس بذاك وقال النسائي : ضعيف ، وقال الدارقطني : ضعيف متروك " انتهى
อัลมะซีย์ ได้กล่าวไว้ใน ตะฮซีบุลกะมาล (8/255)ว่า ในมัน มี สัยฟฺ บิน ฮารูน ,อิบนุมุอีน กล่าวว่า มันไม่มีด้วยดังกล่าวนั้น(หมายถึงเขารายงานหะดิษน้อยมาก) ,อันนะสาอีย์ กล่าวว่า "เฎาะอีฟ และ อัดดารุลกุฏนีย์ กล่าวว่า เฎาะอีฟ อีกทังมัตรูก (หมายถึงหะดิษของเขาถูกทิ้ง)
อย่างไรก็ตามกฏอุศูลุลฟิกฮ เกี่ยวกับเรื่องอาหารนั้นคือ
الأصل في الأطعمة الإباحة حتى يثبت دليل التحريم
หลักเดิมในเรื่องอาหารนั้น คือการอนุญาต จนกว่าจะมีหลักฐานยืนยันว่าต้องห้าม
.......
เรื่อง อิบาดะฮในอิสลาม ต้องมีตัวบทที่เป็นคำสั่งจากอักุรอ่านและอัสสุนนะฮ เช่น อิบนุมุฟลิห กล่าวว่า
الأعمال الدينية لا يجوز أن يتخذ شيء منها سببا إلا أن تكون مشروعة فإن العبادات مبناها على التوقيف
บรรดาการงานที่เกี่ยวกับศาสนานั้น ไม่อนุญาตให้สิ่งใดๆจากมันถูกเอามาเป็น มูลเหตุ (ให้กระทำ)นอกจาก มันเป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้ เพราะแท้จริงบรรดาอิบาดะฮนั้นรากฐานของมันถูกวางอยู่บนการรอคำสั่ง - อัลอาดาบอัชชัรอียะฮ ของอิบนุมุฟลิห เล่ม 2หน้า 265
................
ท่านอวุโส ต้องศึกษาและแยกเรื่องอิบาดะฮ กับเรื่องอาหารการกิน ให้ได้เสียก่อน แล้วจึง ค่อยมาท้าคนที่ท่านกล่าวหาว่าเป็นวะฮบีย์ ไม่อย่างนั้นจะเสียรังวัดได้ ด้วยความเคารพนะคอรับ และท่านหยุดทำเถอะครับ ตามที่ท่านอ้างสิ่งที่เป็นบิดอะฮข้างต้น
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
15/10/59

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น