การกินบุญบ้านผู้ตายไม่อร่อยอย่างที่คิด
อิบนุอัลนะหาส อัดดะมัชกีย์(ร.ฮ) เสียชีวิต ปี ฮ.ศ 814 ได้กล่าวถึงบิดอะฮที่เกี่ยวกับญะนาซะฮ ว่า
وَمِنْهَا: مَا يَفْعَلُهُ أَهْلُ الْمَيِّتِ مِنَ الأَطْعِمَةِ وَغَيْرِهَا، وَدَِعْوَةِ النَّاسِ إِلَيْهَا وَقِرَاءَةِ الْخَتَمَاتِ، وَمَنْ لَمْ يَفْعَلْ ذَلِكَ كَانَ كَأَنَّهُ قَدْ تَرَكَ أَمْرًا وَاجِبًا، وَهَذَا إِنْ كَانَ مِنَ مَالِ مَنْ يَجُوْزُ تَبَرُّعُهُ مِنَ الْوَرَثَةِ، فَهُوَ بِدْعَةٌ مَكْرُوْهَةٌ لَمْ تَرِدْ عَنِ السَّلَفِ الصَّالِحِ، وَإِنْ كَانَ مِنَ التَّرِكَةِ الَّتِيْ فِيْهَا يَتِيْمٌ أَوْ غَائِبٌ، وَلَمْ يُوِْصِِ الْمَيِّتُ بِذَلِكَ حَرُمَ الأَكْلُ مِنْهَا، وَحُضُوْرُهَا، وَوَجَبَ إِنْكَارُهَا، وَمَنْعُهَا
และส่วนหนึ่งจากมัน(บิดอะฮ)คือ สิ่งที่ครอบครัวผู้ตายได้ปฏิบัติมัน เกี่ยวกับอาหารและอื่นจากมัน และเชิญบรรดาผู้คนมายังมัน และอ่านอัลกุรอ่านจนจบเล่ม(เคาะตัม) และผู้ใดไม่ปฏิบัติดังกล่าว เหมือนกับว่าเขาได้ทิ้งสิ่งที่วาญิบ และกรณีนี้หากมาจากทรัพย์สิน ของผู้ที่เป็นทายาทรับมรดก ที่อนุญาตให้เขาทำการเสียสละ(บริจาค)ได้ มันคือ บิดอะฮ ที่น่ารังเกียจ ไม่มีแบบอย่างจากสะลัฟผู้ทรงธรรม และหาก ปรากฏว่าเป็นทรัพย์สินที่ผู้ตายทิ้งเอาไว้ ซึ่ง ลูกกำพร้าหรือผู้ที่ไม่อยู่ มีกรรมสิทะธิ์ในมัน และผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมกับทรัพย์สินดังกล่าว การรับประทานจากมัน และการมามีส่วนร่วมกับมัน เป็นสิ่งต้องห้าม(หะรอม)และการคัดค้านมัน และการห้ามมัน เป็นวาญิบ - ตัมบีฆุลฆอฟิลีน หน้า 490 -491
........
สรุปบิดอะฮเกี่ยวกับการตายจากคำพูดของอิบนุลนะหาส คือ
1.สิ่งที่ครอบครัวผู้ตายได้ปฏิบัติมัน เกี่ยวกับอาหารและอื่นจากมัน และเชิญบรรดาผู้คนมายังมัน และอ่านอัลกุรอ่านจนจบเล่ม(เคาะตัม)
2.หากมาจากทรัพย์สิน ของผู้ที่เป็นทายาทรับมรดก ที่อนุญาตให้เขาทำการเสียสละ(บริจาค)ได้ มันคือ บิดอะฮ ที่น่ารังเกียจ ไม่มีแบบอย่างจากสะลัฟผู้ทรงธรรม
3.และหาก ปรากฏว่าเป็นทรัพย์สินที่ผู้ตายทิ้งเอาไว้ ซึ่ง ลูกกำพร้าหรือผู้ที่ไม่อยู่ มีกรรมสิทะธิ์ในมัน และผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมกับทรัพย์สินดังกล่าว การรับประทานจากมัน และการมามีส่วนร่วมกับมัน เป็นสิ่งต้องห้าม(หะรอม)
4.และการคัดค้านการกระทำดังกล่าว และการห้ามมัน เป็นวาญิบ
........
สรุปบิดอะฮเกี่ยวกับการตายจากคำพูดของอิบนุลนะหาส คือ
1.สิ่งที่ครอบครัวผู้ตายได้ปฏิบัติมัน เกี่ยวกับอาหารและอื่นจากมัน และเชิญบรรดาผู้คนมายังมัน และอ่านอัลกุรอ่านจนจบเล่ม(เคาะตัม)
2.หากมาจากทรัพย์สิน ของผู้ที่เป็นทายาทรับมรดก ที่อนุญาตให้เขาทำการเสียสละ(บริจาค)ได้ มันคือ บิดอะฮ ที่น่ารังเกียจ ไม่มีแบบอย่างจากสะลัฟผู้ทรงธรรม
3.และหาก ปรากฏว่าเป็นทรัพย์สินที่ผู้ตายทิ้งเอาไว้ ซึ่ง ลูกกำพร้าหรือผู้ที่ไม่อยู่ มีกรรมสิทะธิ์ในมัน และผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมกับทรัพย์สินดังกล่าว การรับประทานจากมัน และการมามีส่วนร่วมกับมัน เป็นสิ่งต้องห้าม(หะรอม)
4.และการคัดค้านการกระทำดังกล่าว และการห้ามมัน เป็นวาญิบ
..........
ที่นำเสนอมาทั้งหมด ขอให้พี่น้องคิดและใคร่ครวญ เรื่องการตายเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนา ขอให้ปฏิบัติตามที่ศาสนาสอน ไม่ควรนำประเพณีมาเป็นอิบาดะฮในศาสนา และระวังกินบุญบ้านผู้ตาย อาจจะเป็นการกินทรัพยืสินเด็กกำพร้า อาหารที่อร่อยจะกลายเป็นอาหารบาป อาหารหะรอม
ที่นำเสนอมาทั้งหมด ขอให้พี่น้องคิดและใคร่ครวญ เรื่องการตายเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนา ขอให้ปฏิบัติตามที่ศาสนาสอน ไม่ควรนำประเพณีมาเป็นอิบาดะฮในศาสนา และระวังกินบุญบ้านผู้ตาย อาจจะเป็นการกินทรัพยืสินเด็กกำพร้า อาหารที่อร่อยจะกลายเป็นอาหารบาป อาหารหะรอม
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/1/62
30/1/62
เอกสารอ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น