วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2563

หลักฐานที่บอกว่าละหมาดที่บ้านได้บุญ 27 เท่าเหมือนละหมาดที่มัสยิด





คำท้าโต๊ะครูสายอวยอุลามาอฺ :ให้เอาหลักฐานที่บอกว่าละหมาดที่บ้านได้บุญ 27 เท่าเหมือนละหมาดที่มัสยิด


ความจริงการท้าเพื่อเอาชนะแบบนี้ไม่มีราคา เพราะเป็นการถามของคนไม่ใช้สมองคิดและถาม ถามดดยคิดว่า คนอื่นไม่มีความรู้เทียบเท่าตัวเอง หลงตัวเองว่า ข้าเท่านั้นที่รู้จริง  แต่ที่ผมนำมาตอบ เพื่อพี่น้องผู้อ่านจะได้ศึกษา

ความจริงตอนนี้เราพูดถึง การละหมาดที่บ้านเนื่องจากอุปสรรค คือ อยู่ในภาวะการระบาดของโรคระบาด ที่ผู้คนกลัวจะอันตรายต่อชีวิตตัวเอง  ไม่ใช่การละหมาดในยามปกติ  ซึ่งถ้าใครไม่ลืมหรือแกล้งลืมเราจะพบว่ามีฟัตวาระบุว่า คนละหมาดที่บ้าน ได้บุญเท่ากับละหมาดญะมาอะฮ ที่เขาปฏิบัติประจำที่มัสยิด ในยามปกติ

ขอยกตัวอย่างฟัตวาของ ชัยค์ ดร. สะอัด บิน อับดุลลอฮ บิน อับดุลอะซีซ อัสสะบัร  อาจารย์ภาควิชานิติศาสตร์อิสลามเปรียบเทียบ  มหาลัยอิหม่ามมุหัมหมัด อิบนุสะอูด

มีหัวข้อว่า

بعد إيقاف الصلاة بالمساجد.. "السبر": الصلاة في البيت في حال الوباء يُكتب بها أجر الجماعة كاملاً

หลังจากหลังจากการหยุดละหมาดที่มัสยิด ,อัสสะบัร กล่าวว่า:   การละหมาดที่บ้าน ในสถานการณ์โรคระบาด  ผลตอบแทนการละหมาดญะมาอะฮโดยสมบูรณ์ ถูกบันทึกด้วยมัน
มาดูส่วนหนึ่งจากข้อความคำฟัตวาของชัยค์ สะอิด อัส-สะบัร :
وقال "السبر": "لذا يصلي الإنسان في بيته جماعة مع أسرته -الأبناء والبنات-، ونساؤه يصلين معه، وتقام بهم الجماعة، ويجري له أجره كاملاً، قال النبي صلى الله عليه وسلم: (إذا سافر العبد أو مرض كتب الله ما كان يعمله مقيماً صحيحاً) رواه البخاري، واستشهد بقول الحافظ ابن رجب الحنبلي -رحمه الله-: لا نعلم خلافاً أن الجماعة تنعقد باثنين إذا كانا من أهل التكليف، ولو كان المأموم امرأة. فتح الباري شرح صحيح البخاري، وقول الشيخ ابن عثيمين رحمه الله: المعذور يُكتبُ له أجرُ الجماعةِ كاملاً، إذا كان مِن عادتِه أن يصلِّي مع الجماعةِ، لقول النبي صلى الله عليه وسلم: (إذا مَرِضَ العبدُ أو سافرَ كُتِبَ له مثلُ ما كان يعملُ صحيحاً مقيماً) الشرح الممتع ٣٢٣/٤".
และอัสสะบัร ได้กล่าวว่า  เพราะเหตุนี้  บรรดาผู้คน  เขาละหมาด ยะมาอะฮที่บ้านของเขา พร้อมกับครอบครัว ของเขา –บรรดาลูกชายและลูกสาว  และบรรดาภรรยาของเขา ละหมาดพร้อมกับเขา  และการญะมาอะฮถูกให้มีขึ้นกับพวกเขา และผลตอบแทนของเขาจะถูกดำเนินการให้แก่เขาโดยสมบูรณ์ ,ท่านนบี ศ็อลฯ ได้กล่าวว่า(เมื่อบ่าวเดินทาง หรือเจ็บป่วย อัลลอฮได้บันทึก(ผลตอบแทน)สิ่งที่เขาเคยปฏิบัติมัน โดยที่อยู่กับท้องที่(อยู่กับบ้าน)และมีสุขภาพดี) รายงานโดยบุคอรี และ พยานยืนยัน ด้วยคำพูดของ อัลหาฟิซอิบนุเราะญับ อัลหัมบะลีย์ (ร.ฮ) ว่า “ เราไม่ทราบว่า มีการเห็นขัดแย้งว่า แท้จริง การ (ละหมาด)ญะมาอะฮนั้น มันใช้ได้ ด้วยสองคน  เมื่อปรากฏว่าทั้งสองคนนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับศาสนา (หรือมุกัลลัฟ) และแม้มะอมูม เป็นผู้หญิงคนเดียวก็ตาม  - ฟัตหุลบารีย์ ชัรหเศาะเฮียะบุคอรี  และยืนยันด้วยคำพูดของชัยค์ อิบนุอุษัยมีน (ร.ฮ) ที่ว่า “ผู้ที่มีอุปสรรค เขาจะถูกบันทึกให้ได้รับผลตอบแทนละหมาดญะมาอะฮโดยสมบูรณ์   เพราะคำกล่าวของท่านนบี ศ็อลฯ ที่ว่า(เมื่อบ่าวเดินทาง หรือเจ็บป่วย อัลลอฮได้บันทึก(ผลตอบแทน)สิ่งที่เขาเคยปฏิบัติมัน โดยที่อยู่กับท้องที่(อยู่กับบ้าน)และมีสุขภาพดี) –อัชชัรหอัลมุตะอฺ  4/323
สรุป
1.ชัยค์ฟัตวาว่า ในช่วงการหยุดการละหมาดที่มัสยิดเนื่องจากโรคระบาด  การละหมาดที่บ้านกับครอบครัว เขาจะได้ผลบุญละหมาดญะมาอะฮดดยสมบูรณ์  คำว่า “ผลบุญญะมาอะฮโดยสมบูรณ์ เด็กอนุบาลก็รู้ว่า บุญละหมาดญะมาอะฮที่มัสยิด ได้ 27 เท่า  ถ้าไม่คิดจะเอาชนะ และหลงตัวเองว่า รู้มากกว่าคนอื่น คงไม่ท้ามากหรอก  ฟันธง
2. ชัยค์ได้อ้างหลักฐานจากหะดิษบุคอรี และได้อ้างคำพูดของอิบนุเราะญับ (ร.ฮ) และอิบนอุษัยมีน (ร.ฮ)มาสนับสนุน ฟัตวาของท่าน  หวังว่าแค่นี้ก็พอเพียงสำหรับผู้แสวงหาสัจธรรม

ผมหวังว่า คนที่ท้ามาจะตอบโต้แย้งผมในเร็ววัน แถ้เงียบ ก็ขอให้หยุดเสีย ดันทุรังไปก็จะเสียคน และเสียหายต่อวงการสุนนะฮ ซึ่ง เป็นก่ออาชกรรมต่อวงการศาสนาให้ดำดิ่งสู่ก้นเหว ที่ไม่สามารถที่จะอภัยได้

อะสัน หมัดอะดั้ม
16/6/63

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เมื่ออุลามาอฺถูกชัยฏอนหลอกลวงจนเสียจุดยืน



เมื่อชัยฏอนหลอกลวงบรรดาผู้รู้จนกลายเป็นคนประจบสอพลอต่อผู้มีอำนาจ แล้วความเสียหายต่อศาสนาก็เกิดขึ้นตามมา
อิบนุลเญาซีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า
ومن تلبيس إبليس على الفقهاء مخالطتهم الأمراء والسلاطين واطراءهم ومداهنتهم , وترك الإنكار عليهم مع القدرة على ذلك , وربما رخصوا لهم فيما لا رخصة لهم فيه , لينالوا من دنياهم عرضا فيقع بذلك الفساد لثلاثة أوجه
ส่วนหนึ่งจากการหลอกลวงของอิบลิส แก่บรรดาฟุเกาะฮฮาอ(ปราชญ์ด้านกฏมายอิสลาม) คือ การที่พวกเขาคลุกคลี บรรดาผู้ปกครองและบรรดาผู้มีอำนาจ และประจบสอพลอพวกเขา และละทิ้งการคัดค้านพวกเขา ทั้งๆที่มีความสามารถบนดังกล่าว และบางครั้ง พวกเขา(บรรดาปราชญ์นักกฏหมายอิสลาม) ผ่อนปรนให้กับพวกเขา(บรรดาผู้ปกครองและผู้มีอำนาจ) ในสิ่งที่ไม่มีข้อผ่อนปรนแก่พวกเขาในสิ่งนั้น เพื่อที่พวกเขาจะได้มาซึ่งผลประโยชน์ จากดุนยาของพวกเขา แล้วความเสียหายเกิดขึ้นด้วยดังกล่าว 3 ด้านด้วยกันคือ
الوجه الأول : الأمير يقول لولا أني على صواب لأنكر عليّ الفقيه , وكيف لا أكون مُصيباً, وهو يأكل من مالي؟
ด้านที่หนึ่ง : ผู้ปกครองคนนั้น จะกล่าวว่า "ถ้าฉันไม่ได้อยูบนความถูกต้อง แน่นอน นักปราชญ์กฏหมายอิสลามคนนั้นก็ต้องคัดค้านฉัน และฉันจะไม่เป็นผู้ถูกต้องได้อย่างไร โดยที่เขากิน(เงินเดือน)จากทรัพย์สินของฉัน?
والثَّانِي العَامِيُ أَنَّهُ يَقُوْلُ لَا بَأْسَ بِهَذَا الأَمِيْرِ وَلَا بِمَالِهِ وَلَا بِأَفْعَالِهِ فَاِنَّ فُلَانًا الفَقِيْهَ لَا يَبْرَحُ عِنْدَهُ
ด้านที่สอง : คนธรรมดาทั่วไป จะกล่าวว่า ผู้ปกครองคนนี้ไม่ผิด ไม่ว่าจะด้วยทรัพย์สินของเขา และไม่ว่าจะด้วยการกระทำของเขาก็ไม่ผิด เพราะปราชญ์คนนั้น ยังคงอยู่กับเขา (หมายถึงไม่ได้คัดค้านเขา)
والثَّالِثُ الفَقِيْهُ فَإِنَّهُ يَفْسُدُ دِيْنَهُ بَذَلَكَ
ด้านที่สาม : ปราชญ์กฏหมายอิสลามคนนั้น เขาทำให้ศาสนาของเขาเสียหาย ด้วยเหตุดังกล่าวนั้น -ตัลบิสอิบลิส หน้า 117
.............
1.ส่วนหนึ่งจากการหลอกล่วงของอิบลิสต่อบรรดาผู้รู้ศาสนา คือ ให้ผู้รู้ศาสนาเข้าไปคลุกคลี กับผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจ และประจบสอพลอ กับพวกเขา จนผู้รู้ไม่กล้าที่จะคัดค้านผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจ และบางครั้งยอมผ่อนปรนแก่พวกเขาในสิ่งที่ศาสนาไม่ผ่อนปรนให้ ทั้งนี้ เพราะต้องการผลประโยชน์ทางดุนยา จาก ผู้ปกครองและผู้มีอำนาจ
2. ความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วยเหตุดังกล่าว คือ
2.1 ผู้รู้หรืออุลามาอฺ ไม่กล้าคัดค้านเมื่อผู้ปกครองผิด เพราะกินเงินเดือนจากผู้ปกครอง
2.2 คนธรรมดาทั่วไปก็เข้าใจว่า ผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจคนนั้นไม่ผิด ,ทรัพย์สินและการกระทำของเขาถูกต้องโปร่งใส่ เพราะผู้รู้หรืออุลามาอฺที่อยู่กับเขาไม่ห้ามไม่ค้าน
2.3 ในที่สุด ผู้รู้หรืออุลามาอฺคนนี้ทำให้ศาสนาของเขาเสียหายด้วยเหตุดังกล่าว
นี่คือ ผลเสียหายที่เกิดจาก ผู้รู้หรือนักวิชาการหรืออุลามาอฺ ที่เข้าไปคลุกคลีกับผู้มีอำนาจ และประจบสอพลอกับผู้มีอำนาจหรือผู้ปกครอง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ดุนยา
อย่าหวังพึง ศาสนาจากคนเหล่านั้นเลย พวกเขาสามารถบิดศาสนาได้ตลอดเวลา เพื่อเอาใจผู้มีอำนาจ และคนเหล่านี้เขาได้ทำความเสียหายกับศาสนาของเขา ด้วยเหตุดังกล่าว
นำมาให้ศึกษา เพื่อรู้ว่า ในสังคมยุคนี้ ในเรื่องศาสนา ให้จำไว้ว่า "ตนเป็นที่พึงแห่งตน" อย่าไปหวังอะไรมากนักกับผู้รู้ที่มักใหญ่ใฝ่สูง"
อะสัน หมัดอะดั้ม
12/6/63