วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เมื่ออุลามาอฺถูกชัยฏอนหลอกลวงจนเสียจุดยืน



เมื่อชัยฏอนหลอกลวงบรรดาผู้รู้จนกลายเป็นคนประจบสอพลอต่อผู้มีอำนาจ แล้วความเสียหายต่อศาสนาก็เกิดขึ้นตามมา
อิบนุลเญาซีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า
ومن تلبيس إبليس على الفقهاء مخالطتهم الأمراء والسلاطين واطراءهم ومداهنتهم , وترك الإنكار عليهم مع القدرة على ذلك , وربما رخصوا لهم فيما لا رخصة لهم فيه , لينالوا من دنياهم عرضا فيقع بذلك الفساد لثلاثة أوجه
ส่วนหนึ่งจากการหลอกลวงของอิบลิส แก่บรรดาฟุเกาะฮฮาอ(ปราชญ์ด้านกฏมายอิสลาม) คือ การที่พวกเขาคลุกคลี บรรดาผู้ปกครองและบรรดาผู้มีอำนาจ และประจบสอพลอพวกเขา และละทิ้งการคัดค้านพวกเขา ทั้งๆที่มีความสามารถบนดังกล่าว และบางครั้ง พวกเขา(บรรดาปราชญ์นักกฏหมายอิสลาม) ผ่อนปรนให้กับพวกเขา(บรรดาผู้ปกครองและผู้มีอำนาจ) ในสิ่งที่ไม่มีข้อผ่อนปรนแก่พวกเขาในสิ่งนั้น เพื่อที่พวกเขาจะได้มาซึ่งผลประโยชน์ จากดุนยาของพวกเขา แล้วความเสียหายเกิดขึ้นด้วยดังกล่าว 3 ด้านด้วยกันคือ
الوجه الأول : الأمير يقول لولا أني على صواب لأنكر عليّ الفقيه , وكيف لا أكون مُصيباً, وهو يأكل من مالي؟
ด้านที่หนึ่ง : ผู้ปกครองคนนั้น จะกล่าวว่า "ถ้าฉันไม่ได้อยูบนความถูกต้อง แน่นอน นักปราชญ์กฏหมายอิสลามคนนั้นก็ต้องคัดค้านฉัน และฉันจะไม่เป็นผู้ถูกต้องได้อย่างไร โดยที่เขากิน(เงินเดือน)จากทรัพย์สินของฉัน?
والثَّانِي العَامِيُ أَنَّهُ يَقُوْلُ لَا بَأْسَ بِهَذَا الأَمِيْرِ وَلَا بِمَالِهِ وَلَا بِأَفْعَالِهِ فَاِنَّ فُلَانًا الفَقِيْهَ لَا يَبْرَحُ عِنْدَهُ
ด้านที่สอง : คนธรรมดาทั่วไป จะกล่าวว่า ผู้ปกครองคนนี้ไม่ผิด ไม่ว่าจะด้วยทรัพย์สินของเขา และไม่ว่าจะด้วยการกระทำของเขาก็ไม่ผิด เพราะปราชญ์คนนั้น ยังคงอยู่กับเขา (หมายถึงไม่ได้คัดค้านเขา)
والثَّالِثُ الفَقِيْهُ فَإِنَّهُ يَفْسُدُ دِيْنَهُ بَذَلَكَ
ด้านที่สาม : ปราชญ์กฏหมายอิสลามคนนั้น เขาทำให้ศาสนาของเขาเสียหาย ด้วยเหตุดังกล่าวนั้น -ตัลบิสอิบลิส หน้า 117
.............
1.ส่วนหนึ่งจากการหลอกล่วงของอิบลิสต่อบรรดาผู้รู้ศาสนา คือ ให้ผู้รู้ศาสนาเข้าไปคลุกคลี กับผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจ และประจบสอพลอ กับพวกเขา จนผู้รู้ไม่กล้าที่จะคัดค้านผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจ และบางครั้งยอมผ่อนปรนแก่พวกเขาในสิ่งที่ศาสนาไม่ผ่อนปรนให้ ทั้งนี้ เพราะต้องการผลประโยชน์ทางดุนยา จาก ผู้ปกครองและผู้มีอำนาจ
2. ความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วยเหตุดังกล่าว คือ
2.1 ผู้รู้หรืออุลามาอฺ ไม่กล้าคัดค้านเมื่อผู้ปกครองผิด เพราะกินเงินเดือนจากผู้ปกครอง
2.2 คนธรรมดาทั่วไปก็เข้าใจว่า ผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจคนนั้นไม่ผิด ,ทรัพย์สินและการกระทำของเขาถูกต้องโปร่งใส่ เพราะผู้รู้หรืออุลามาอฺที่อยู่กับเขาไม่ห้ามไม่ค้าน
2.3 ในที่สุด ผู้รู้หรืออุลามาอฺคนนี้ทำให้ศาสนาของเขาเสียหายด้วยเหตุดังกล่าว
นี่คือ ผลเสียหายที่เกิดจาก ผู้รู้หรือนักวิชาการหรืออุลามาอฺ ที่เข้าไปคลุกคลีกับผู้มีอำนาจ และประจบสอพลอกับผู้มีอำนาจหรือผู้ปกครอง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ดุนยา
อย่าหวังพึง ศาสนาจากคนเหล่านั้นเลย พวกเขาสามารถบิดศาสนาได้ตลอดเวลา เพื่อเอาใจผู้มีอำนาจ และคนเหล่านี้เขาได้ทำความเสียหายกับศาสนาของเขา ด้วยเหตุดังกล่าว
นำมาให้ศึกษา เพื่อรู้ว่า ในสังคมยุคนี้ ในเรื่องศาสนา ให้จำไว้ว่า "ตนเป็นที่พึงแห่งตน" อย่าไปหวังอะไรมากนักกับผู้รู้ที่มักใหญ่ใฝ่สูง"
อะสัน หมัดอะดั้ม
12/6/63

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น