วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558
อิสลามสอนให้ตามคนส่วนมากจริงหรือ
อิสลามสอนให้ตามคนส่วนมากจริงหรือ
มีผู้อ้างหะดิษต่อไปนี้ว่า เป็นหลักฐานให้ตามคนส่วนมาก คนส่วนมากไม่ผิด คือหะดิษที่ว่า รายงานจากหะดิษอะนัส บิน มาลิกที่ว่า
سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ إِنَّ أُمَّتِي لَا تَجْتَمِعُ عَلَى ضَلَالَةٍ فَإِذَا رَأَيْتُمْ اخْتِلَافًا فَعَلَيْكُمْ بِالسَّوَادِ الْأَعْظَمِ
ข้าพเจ้าได้ยินรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ อุมมะฮของฉันจะไม่รวมกันบนการหลงผิด ดังนั้น เมื่อพวกท่านเห็นการขัดแย้งกัน พวกท่านจงปฏิบัติตาม หมู่คณะส่วนใหญ่ – อิบนุมาญะฮ
>>>>>>>>>>>>>
ชี้แจง
หะดิษข้างต้นเป็นหะดิษเฎาะอีฟ ดังรายละเอียดข้างล่าง
ท่านอัสสินดีย์ กล่าวว่า
وَفِي الزَّوَائِدِ فِي إِسْنَادِهِ أَبُو خَلَفٍ الْأَعْمَى وَاسْمُهُ حَازِمُ بْنُ عَطَاءٍ وَهُوَ ضَعِيفٌ وَقَدْ جَاءَ الْحَدِيثُ بِطُرُقٍ فِي كُلِّهَا نَظَرٌ قَالَهُ شَيْخُنَا الْعِرَاقِيُّ فِي تَخْرِيجِ أَحَادِيثِ الْبَيْضَاوِيِّ .
และระบุในหนังสือ อัซซะวาอิด ว่าในสายรายงานของมัน มีผู้รายงานชื่อว่า อบูคอ็ลฟิ อัลอะอฺมา โดยที่ชื่อของเขาคือ หาซิม บิน อะฏออฺ เขาเป็นผู้ที่หลักฐานอ่อน(เฎาะอีฟ) และ หะดิษนี้ได้มีมาด้วยหลายสายรายงาน ในมันทั้งหมดนั้น ต้องพิจารณาให้รอบคอบ อาจารย์ของเรา อัลอิรอกีย์ ได้กล่าวมันเอาไว้ใน ตัคริญิ อะหาดิษ อัลบัยฎอวีย์ – ดู หาชิยะฮอัสสินดีย์ หะดิษหมายเลข 3950 بَاب السَّوَادِ الْأَعْظَمِ
อย่างไรก็ตาม เรามาดูว่า “ดำใหญ่ หรือ หมู่คณะส่วนใหญ่ คือใคร
อิสหาก บิน รอฮะวียะฮ กล่าวว่า
لو سألت الجهال عن السواد الأعظم لقالوا جماعة الناس، ولا يعلمون أن الجماعة عالم متمسك بأثر النبي صلى الله عليه وسلم وطريقه فمن كان معه وتبعه فهو الجماعة
ถ้าท่านถามบรรดาพวกโง่เขลา เกี่ยวกับความหมายคำว่า “ดำใหญ่” พวกเขาก็จะกล่าวว่า “ คือ หมู่คณะของผู้คน(ทั่วไป) และพวกเขาไม่รู้ว่า แท้จริง หมู่คณะ นั้น คือ ผู้รู้ที่ยึดถือ ด้วยร่องรอยของนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และแนวทางของท่านนบี ดังนั้น ผู้ใด อยู่พร้อมกับนบีและปฏิบัติตามท่าน เขาคือ หมู่คณะ(อัลญะมาอะฮ” - บันทึกโดย อบูนุอัยมฺ ใน หิลยะฮอัลเอาลิยาอฺ เล่ม 9 หน้า 239
อิหม่ามอิบนุกอ็ยยิม ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน กล่าวว่า
واعلم أن الإجماع والحجة والسواد الأعظم هو العالم صاحب الحق , وإن كان وحده وإن خالفه أهل الأرض
พึงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริง การลงมติ (อัลอิจญมะอฺ) หลักฐาน และหมู่คณะส่วนใหญ่ คือ ผู้รู้ ที่เป็นผู้อยู่บนความถูกต้อง แม้ว่าเขา เพียงคนเดียวก็ตาม และแม้ชาวโลกจะแตกต่าง(เห็นต่าง)กับเขาก็ตาม – ดู เอียะลามุลมุวักกิอีน เล่ม 3 หน้า 398
>>>>>>>
สรุป ความถูกต้อง ไม่ได้วัดกันที่คนปฏิบัติจำนวนมาก และคนจำนวนมากไม่ได้เป็นมาตรฐานวัดความถูกต้องเสมอไป
والله أعلم بالصواب
เอกภาพและภราดรภาพในอิสลาม
เอกภาพและภราดรภาพในอิสลาม
อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
(وَاعْتَصِمُوا بِحَبْلِ اللَّهِ جَمِيعاً وَلا تَفَرَّقُوا وَاذْكُرُوا نِعْمَتَ اللَّهِ عَلَيْكُمْ إِذْ كُنْتُمْ أَعْدَاءً فَأَلَّفَ بَيْنَ قُلُوبِكُمْ فَأَصْبَحْتُمْ بِنِعْمَتِهِ إِخْوَاناً وَكُنْتُمْ عَلَى شَفَا حُفْرَةٍ مِنَ النَّارِ فَأَنْقَذَكُمْ مِنْهَا كَذَلِكَ يُبَيِّنُ اللَّهُ لَكُمْ آيَاتِهِ لَعَلَّكُمْ تَهْتَدُونَ) (سورة آل عمران: 103)
ความว่า “และพวกเจ้า
จงยึดสายเชือกของอัลลอฮฺ(ศาสนาของอัลลอฮฺ)ในทุกๆส่วนทั้งหมด และจงอย่าแตกแยกกัน และจงรำลึกถึงความเมตตาของอัลลอฮฺที่มีต่อพวกเจ้า ขณะที่พวกเจ้าเป็นศัตรูกัน แล้วพระองค์ได้ทรงทำให้หัวใจของพวกเจ้ามีความสนิทสนมกัน และพวกเจ้าก็กลายเป็นพี่น้องกันด้วยความเมตตาของพระองค์
และพวกเจ้าเคยอยู่บนปากหลุมของไฟนรก แล้วพระองค์ก็ทรงช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากปากหลุมแห่งไฟนรกนั้น ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮฺจะทรงชี้แจงแก่พวกเจ้าซึ่งโองการต่างๆของพระองค์ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับแนวทางอันถูกต้อง" - อาลิอิมรอน/103
จงยึดสายเชือกของอัลลอฮฺ(ศาสนาของอัลลอฮฺ)ในทุกๆส่วนทั้งหมด และจงอย่าแตกแยกกัน และจงรำลึกถึงความเมตตาของอัลลอฮฺที่มีต่อพวกเจ้า ขณะที่พวกเจ้าเป็นศัตรูกัน แล้วพระองค์ได้ทรงทำให้หัวใจของพวกเจ้ามีความสนิทสนมกัน และพวกเจ้าก็กลายเป็นพี่น้องกันด้วยความเมตตาของพระองค์
และพวกเจ้าเคยอยู่บนปากหลุมของไฟนรก แล้วพระองค์ก็ทรงช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากปากหลุมแห่งไฟนรกนั้น ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮฺจะทรงชี้แจงแก่พวกเจ้าซึ่งโองการต่างๆของพระองค์ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับแนวทางอันถูกต้อง" - อาลิอิมรอน/103
อิสลามสอนให้มุสลิมเป็นหนึ่งเดียวไม่แตกแยกกัน โดยให้ยึดสายเชือกแห่งอัลลอฮ
สายเชื่อกอัลลอฮคืออะไร โปรดดูต่อไปนี้
สายเชื่อกอัลลอฮคืออะไร โปรดดูต่อไปนี้
وَاعْتَصِمُوا بِحَبْلِ اللَّهِ جَمِيعًا وَلَا تَفَرَّقُوا ۚ
และพวกเจ้าจงยึดสายเชือก ของอัลลอฮ์โดยพร้อมกันทั้งหมดและจงอย่าแตกแยกกัน
และพวกเจ้าจงยึดสายเชือก ของอัลลอฮ์โดยพร้อมกันทั้งหมดและจงอย่าแตกแยกกัน
وقوله : ( واعتصموا بحبل الله جميعا ولا تفرقوا ) قيل ( بحبل الله ) أي : بعهد الله ، كما قال في الآية بعدها : ( ضربت عليهم الذلة أينما ثقفوا إلا بحبل من الله وحبل من الناس ) [ آل عمران : 112 ] أي بعهد وذمة وقيل : ( بحبل من الله ) يعني : القرآن ، كما في حديث الحارث الأعور ، عن علي مرفوعا في صفة القرآن : " هو حبل الله المتين ، وصراطه المستقيم " .
และคำตรัสของพระองค์ที่ว่า (และพวกเจ้าจงยึดสายเชือก ของอัลลอฮ์โดยพร้อมกันทั้งหมดและจงอย่าแตกแยกกัน ) มีผู้กล่าวว่า (ด้วยสายเชือกอัลลอฮ)หมายถึง ด้วยพันธสัญญาแห่งอัลลอฮ ดังที่พระองค์ตรัส ในอายะฮหลังจากนั้นว่า
(
ضُرِبَتْ عَلَيْهِمُ الذِّلَّةُ أَيْنَ مَا ثُقِفُوا إِلَّا بِحَبْلٍ مِّنَ اللَّهِ وَحَبْلٍ مِّنَ النَّاسِ
(
ضُرِبَتْ عَلَيْهِمُ الذِّلَّةُ أَيْنَ مَا ثُقِفُوا إِلَّا بِحَبْلٍ مِّنَ اللَّهِ وَحَبْلٍ مِّنَ النَّاسِ
ความต่ำช้าได้ถูกฟาดลงบนพวกเขา ณ ที่ใดก็ตามที่พวกเขาถูกพบ นอกจากด้วยสายเชือกจากอัลลอฮ์ และสายเชือกจากมนุษย์ -อาลิอิมรอน/12 หมายถึง พันธสัญญา และความรับผิดชอบ และมีผู้กล่าวว่า (ด้วยสายเชือกของอัลลอฮ) หมายถึง อัลกุรอ่าน ดังระบุในหะดิษอัลหาริษอัลอะวัร รายงานจากอาลี เป็นหะดิษมัรฟัวะ ในคุณลักษณะของอัลกุรอ่านว่า มันคือ สายเชือกของอัลลอฮที่มั่นคง และเป็นหนทางของพระองค์ที่เที่ยงตรง - ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร
....
อายะฮนี้ สอนให้มีความเป็นเอกภาพ สามัคคีกัน มีความเป็นพี่น้องกัน บนความถูกต้อง บน การยึดมั่นในศาสนาหรือ อัลกุรอ่าน ไม่ใช่สามัคคีกัน บนประเพณีที่เกิดจากความคิดอุตริกรรมของมนุษย์
والله أعلم بالصواب
....
อายะฮนี้ สอนให้มีความเป็นเอกภาพ สามัคคีกัน มีความเป็นพี่น้องกัน บนความถูกต้อง บน การยึดมั่นในศาสนาหรือ อัลกุรอ่าน ไม่ใช่สามัคคีกัน บนประเพณีที่เกิดจากความคิดอุตริกรรมของมนุษย์
والله أعلم بالصواب
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558
อะฺลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮของแท้ที่ไม่ใช้ตรรกแอบอ้าง
อะฺลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮของแท้ที่ไม่ใช้ตรรกแอบอ้าง
อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ เป็นคำที่มุสลิมหลายกลุ่ม บอกว่าเขาคืออะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮตัวจริงไม่แอบอ้าง แล้วไปกล่าวหาคนนั้นคนนี้ กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ที่เห็นต่างกับตนและกลุ่มของตนว่า เป็นอะฮลุสสุนนะฮปลอมบ้าง เป็นอะฮลุสสุนนะฮเทียมบ้าง บางกลุ่มถึงขนาดสัมประทานคำว่า "อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ" ให้เป็นกรรมสิทธิ์ ของกลุ่มตนแต่เพียงเจ้าเดียว จึงพยายามนั่งเทียน ใช้ตรรกอ้างนั้นอ้างนี้ เพื่อหาความชอบธรรมว่า พวกข้าพเจ้าคือ อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะ...ฮข้องแท้"
อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ เป็นคำที่มุสลิมหลายกลุ่ม บอกว่าเขาคืออะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮตัวจริงไม่แอบอ้าง แล้วไปกล่าวหาคนนั้นคนนี้ กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ที่เห็นต่างกับตนและกลุ่มของตนว่า เป็นอะฮลุสสุนนะฮปลอมบ้าง เป็นอะฮลุสสุนนะฮเทียมบ้าง บางกลุ่มถึงขนาดสัมประทานคำว่า "อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ" ให้เป็นกรรมสิทธิ์ ของกลุ่มตนแต่เพียงเจ้าเดียว จึงพยายามนั่งเทียน ใช้ตรรกอ้างนั้นอ้างนี้ เพื่อหาความชอบธรรมว่า พวกข้าพเจ้าคือ อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะ...ฮข้องแท้"
เรามาดูนักปราชญ์ตัวจริง เขาให้นิยามคำว่า "อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮข้องแท้" เอาไว้อย่างไร
อบูกอซิม อัลอัศบะฮานีย์ (ฮ.ศ 457-535) กล่าวว่า
قال أهل اللغة: «السُّنة» السيرة والطريقة، قولهم «فلان على السُّنة»، و«من أهل السُّنة»، أي هو موافق للتنـزيل والأثر في الفعل والقول، ولأنَّ السُّنة لا تكون مع مخالفة الله ومخالفة رسوله صلى الله عليه وسلم
นักภาษาศาสตร์ กล่าวว่า "อัสสุนนะฮ" หมายถึง แนวทาง และ หนทาง ,พวกเขากล่าวว่า "คนนั้น อยู่บน อัสสุนนะฮ และเป็นส่วนหนึ่งจากชาวสุนนะฮ หมายถึง เขา คือผู้ที่เห็นฟ้อง กับอัลกุรอ่านที่ถูกประท่นลงมา และ หะดิษ ใน การกระทำและการพูด และเพราะแท้จริง อัสสุนนะฮ มันจะไม่อยู่พร้อมกับ ผู้ที่ขัดแย้งกับอัลลอฮและขัดแย้งกับรอซูลของพระองค์ ศอ็ลฯ - ดู อัลหุจญะฮ ฟี บะยานอัลมะหัจญะฮ 2/384
......................
จากคำอธิบายของอัลอัศบะฮานีย์ แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่เหมาะที่จะได้ชื่อว่า ชาวสุนนะฮ คือ ผู้ที่ การปฏิบัติของเขาสอดกล้องกับอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ เพราะคำว่า อัสสุนนะฮ มันจะไม่อยู่พร้อมกับผู้ที่ขัดแย้งกับอัลลอฮและขัดแย้งกับรอซูลของพระองค์ ศอ็ลฯ
อิบนุเราะญับ (ฮ.ศ 736-795)กล่าวว่า
والسنة هي: الطريق المسلوك، فيشمل ذلك التمسك بما كان عليه هو وخلفاؤه الراشدون من الاعتقادات والأعمال والأقوال، وهذه هي السنة الكاملة ولهذا كان السلف قديماً لا يطلقون اسم "السنة" إلا على ما يشمل ذلك كله، وروي معنى ذلك عن الحسن والأوزاعي والفضيل بن عياض، وكثير من العلماء المتأخرين
และอัสสุนนะฮ คือ หนทาง ที่ถูกดำเนินตาม ดังกล่าวนั้นครอบคลุม ด้วยการยึดถือ สิ่งที่ ท่านนบีเองและ บรรดาเคาะลิฟะฮ อัรรอชิดีน ของท่านนบี ได้อยู่บนมัน จากบรรดาอะกีดะฮ ,การกระทำและ และการพูด และนี้คือ อัสสุนนะฮที่สมบูรณ์ และสำหรับสิ่งนี้ ปรากฏว่าสะลัฟยุคก่อน พวกเขาจะไม่กล่าวชื่อ คำว่า อัสสุนนะฮ " นอกจาก บนสิ่งที่ครอบคลุม ดังกล่าวทั้งหมด และความหมายดังกล่าวนั้น ได้ถูกรายงานมาจาก อัลหะซัน ,อัลเอาซาอีย์,อัลฟุฎัยลฺ บิน อิยาฎ และ ส่วนมากจากบรรดาปราชญ์ยุคหลัง - ญามิอุลอุลูม วัลฮิกัม 1/263
..............
มันเป็นการกล่าวที่ไร้อย่างอายและ ไร้ความชอบธรรมสิ้นดี หากการกล่าวว่า ตนเอง เป็นชาวอะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ ของแท้ แต่ ความเชื่อ ,การพูดและการกระทำ ขัดแย้งกับกิตาบุลลอฮ ,อัสสุนนะฮ และแนวทางสะลัฟผู้ทรงธรรม
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดัม
อบูกอซิม อัลอัศบะฮานีย์ (ฮ.ศ 457-535) กล่าวว่า
قال أهل اللغة: «السُّنة» السيرة والطريقة، قولهم «فلان على السُّنة»، و«من أهل السُّنة»، أي هو موافق للتنـزيل والأثر في الفعل والقول، ولأنَّ السُّنة لا تكون مع مخالفة الله ومخالفة رسوله صلى الله عليه وسلم
นักภาษาศาสตร์ กล่าวว่า "อัสสุนนะฮ" หมายถึง แนวทาง และ หนทาง ,พวกเขากล่าวว่า "คนนั้น อยู่บน อัสสุนนะฮ และเป็นส่วนหนึ่งจากชาวสุนนะฮ หมายถึง เขา คือผู้ที่เห็นฟ้อง กับอัลกุรอ่านที่ถูกประท่นลงมา และ หะดิษ ใน การกระทำและการพูด และเพราะแท้จริง อัสสุนนะฮ มันจะไม่อยู่พร้อมกับ ผู้ที่ขัดแย้งกับอัลลอฮและขัดแย้งกับรอซูลของพระองค์ ศอ็ลฯ - ดู อัลหุจญะฮ ฟี บะยานอัลมะหัจญะฮ 2/384
......................
จากคำอธิบายของอัลอัศบะฮานีย์ แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่เหมาะที่จะได้ชื่อว่า ชาวสุนนะฮ คือ ผู้ที่ การปฏิบัติของเขาสอดกล้องกับอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ เพราะคำว่า อัสสุนนะฮ มันจะไม่อยู่พร้อมกับผู้ที่ขัดแย้งกับอัลลอฮและขัดแย้งกับรอซูลของพระองค์ ศอ็ลฯ
อิบนุเราะญับ (ฮ.ศ 736-795)กล่าวว่า
والسنة هي: الطريق المسلوك، فيشمل ذلك التمسك بما كان عليه هو وخلفاؤه الراشدون من الاعتقادات والأعمال والأقوال، وهذه هي السنة الكاملة ولهذا كان السلف قديماً لا يطلقون اسم "السنة" إلا على ما يشمل ذلك كله، وروي معنى ذلك عن الحسن والأوزاعي والفضيل بن عياض، وكثير من العلماء المتأخرين
และอัสสุนนะฮ คือ หนทาง ที่ถูกดำเนินตาม ดังกล่าวนั้นครอบคลุม ด้วยการยึดถือ สิ่งที่ ท่านนบีเองและ บรรดาเคาะลิฟะฮ อัรรอชิดีน ของท่านนบี ได้อยู่บนมัน จากบรรดาอะกีดะฮ ,การกระทำและ และการพูด และนี้คือ อัสสุนนะฮที่สมบูรณ์ และสำหรับสิ่งนี้ ปรากฏว่าสะลัฟยุคก่อน พวกเขาจะไม่กล่าวชื่อ คำว่า อัสสุนนะฮ " นอกจาก บนสิ่งที่ครอบคลุม ดังกล่าวทั้งหมด และความหมายดังกล่าวนั้น ได้ถูกรายงานมาจาก อัลหะซัน ,อัลเอาซาอีย์,อัลฟุฎัยลฺ บิน อิยาฎ และ ส่วนมากจากบรรดาปราชญ์ยุคหลัง - ญามิอุลอุลูม วัลฮิกัม 1/263
..............
มันเป็นการกล่าวที่ไร้อย่างอายและ ไร้ความชอบธรรมสิ้นดี หากการกล่าวว่า ตนเอง เป็นชาวอะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ ของแท้ แต่ ความเชื่อ ,การพูดและการกระทำ ขัดแย้งกับกิตาบุลลอฮ ,อัสสุนนะฮ และแนวทางสะลัฟผู้ทรงธรรม
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดัม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)