วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562

การกินบุญบ้านผู้ตายไม่อร่อยอย่างที่คิด




การกินบุญบ้านผู้ตายไม่อร่อยอย่างที่คิด
อิบนุอัลนะหาส อัดดะมัชกีย์(ร.ฮ) เสียชีวิต ปี ฮ.ศ 814 ได้กล่าวถึงบิดอะฮที่เกี่ยวกับญะนาซะฮ ว่า
وَمِنْهَا: مَا يَفْعَلُهُ أَهْلُ الْمَيِّتِ مِنَ الأَطْعِمَةِ وَغَيْرِهَا، وَدَِعْوَةِ النَّاسِ إِلَيْهَا وَقِرَاءَةِ الْخَتَمَاتِ، وَمَنْ لَمْ يَفْعَلْ ذَلِكَ كَانَ كَأَنَّهُ قَدْ تَرَكَ أَمْرًا وَاجِبًا، وَهَذَا إِنْ كَانَ مِنَ مَالِ مَنْ يَجُوْزُ تَبَرُّعُهُ مِنَ الْوَرَثَةِ، فَهُوَ بِدْعَةٌ مَكْرُوْهَةٌ لَمْ تَرِدْ عَنِ السَّلَفِ الصَّالِحِ، وَإِنْ كَانَ مِنَ التَّرِكَةِ الَّتِيْ فِيْهَا يَتِيْمٌ أَوْ غَائِبٌ، وَلَمْ يُوِْصِِ الْمَيِّتُ بِذَلِكَ حَرُمَ الأَكْلُ مِنْهَا، وَحُضُوْرُهَا، وَوَجَبَ إِنْكَارُهَا، وَمَنْعُهَا
และส่วนหนึ่งจากมัน(บิดอะฮ)คือ สิ่งที่ครอบครัวผู้ตายได้ปฏิบัติมัน เกี่ยวกับอาหารและอื่นจากมัน และเชิญบรรดาผู้คนมายังมัน และอ่านอัลกุรอ่านจนจบเล่ม(เคาะตัม) และผู้ใดไม่ปฏิบัติดังกล่าว เหมือนกับว่าเขาได้ทิ้งสิ่งที่วาญิบ และกรณีนี้หากมาจากทรัพย์สิน ของผู้ที่เป็นทายาทรับมรดก ที่อนุญาตให้เขาทำการเสียสละ(บริจาค)ได้ มันคือ บิดอะฮ ที่น่ารังเกียจ ไม่มีแบบอย่างจากสะลัฟผู้ทรงธรรม และหาก ปรากฏว่าเป็นทรัพย์สินที่ผู้ตายทิ้งเอาไว้ ซึ่ง ลูกกำพร้าหรือผู้ที่ไม่อยู่ มีกรรมสิทะธิ์ในมัน และผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมกับทรัพย์สินดังกล่าว การรับประทานจากมัน และการมามีส่วนร่วมกับมัน เป็นสิ่งต้องห้าม(หะรอม)และการคัดค้านมัน และการห้ามมัน เป็นวาญิบ - ตัมบีฆุลฆอฟิลีน หน้า 490 -491
........
สรุปบิดอะฮเกี่ยวกับการตายจากคำพูดของอิบนุลนะหาส คือ
1.สิ่งที่ครอบครัวผู้ตายได้ปฏิบัติมัน เกี่ยวกับอาหารและอื่นจากมัน และเชิญบรรดาผู้คนมายังมัน และอ่านอัลกุรอ่านจนจบเล่ม(เคาะตัม)
2.หากมาจากทรัพย์สิน ของผู้ที่เป็นทายาทรับมรดก ที่อนุญาตให้เขาทำการเสียสละ(บริจาค)ได้ มันคือ บิดอะฮ ที่น่ารังเกียจ ไม่มีแบบอย่างจากสะลัฟผู้ทรงธรรม 
3.และหาก ปรากฏว่าเป็นทรัพย์สินที่ผู้ตายทิ้งเอาไว้ ซึ่ง ลูกกำพร้าหรือผู้ที่ไม่อยู่ มีกรรมสิทะธิ์ในมัน และผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมกับทรัพย์สินดังกล่าว การรับประทานจากมัน และการมามีส่วนร่วมกับมัน เป็นสิ่งต้องห้าม(หะรอม)
4.และการคัดค้านการกระทำดังกล่าว และการห้ามมัน เป็นวาญิบ
..........
ที่นำเสนอมาทั้งหมด ขอให้พี่น้องคิดและใคร่ครวญ เรื่องการตายเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนา ขอให้ปฏิบัติตามที่ศาสนาสอน ไม่ควรนำประเพณีมาเป็นอิบาดะฮในศาสนา และระวังกินบุญบ้านผู้ตาย อาจจะเป็นการกินทรัพยืสินเด็กกำพร้า อาหารที่อร่อยจะกลายเป็นอาหารบาป อาหารหะรอม
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/1/62
เอกสารอ้างอิง
ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2562

อิหม่ามชาฟิอีส่งเสริมให้อ่านอัลกุรอ่านที่กุโบร์จริงหรือ


อิหม่ามชาฟิอีส่งเสริมให้อ่านอัลกุรอ่านที่หลุมศพเพื่ออุทิศบุญให้ผู้ตายจริงหรือ
อิหม่ามชาฟิอีย์ (ร.ฮ) ท่านเคร่งครัดในการส่งเสริมให้ปฏิบัติตามสุนนะฮ และหากความเห็นที่มาจากการอิจญติฮาดของท่านผิดพลาด และขัดแย้งกับอัสสุนนะฮ ท่านสั่งให้ตามสุนนะฮ และทิ้งคำพูดของท่านเสีย
อิหม่ามนะวาวีย์(ร.ฮ) กล่าวว่า
صَحَّ عَنْ الشَّافِعِيِّ - رَحِمَهُ اللَّهُ - أَنَّهُ قَالَ : إذَا وَجَدْتُمْ فِي كِتَابِي خِلَافَ سُنَّةِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقُولُوا بِسُنَّةِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَدَعُوا قَوْلِي
รายงานเศาะเฮียะจากอัชชาฟิอีย์ (ร.ฮ) ว่า เขากล่าวว่า "เมื่อพวกท่านพบในหนังสือของข้าพเจ้า ขัดแย้งกับสุนนะฮของรซูลุลลอฮ ศ็อลฯ ดังนั้นพวกท่านจงปฏิบัติตามสุนนะฮรซูลุลลอฮ ศ็อลฯ และพวกท่านจงทิ้งคำพูดข้าพเจ้า - อัลมัจญมัวะ 1/105
1.ในทัศนะอิหม่ามชาฟิอี(ร.ฮ)การอ่านอัลกุรอ่านอุทิศบุญไม่ถึงผู้ตาย
อิหม่ามอันนะวาวีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า
وَأَمَّا قِرَاءَةُ الْقُرْآنِ وَجَعْلُ ثَوَابِهَا لِلْمَيِّتِ وَالصَّلَاةُ عَنْهُ وَنَحْوُهُمَا فَمَذْهَبُ الشَّافِعِيِّ وَالْجُمْهُورِ أَنَّهَا لَا تَلْحَقُ الْمَيِّتَ
และสำหรับการอ่านอัลกุรอ่านให้ผู้ตาย และอุทิศผลบุญของมันให้แก่ผู้ตาย และละหมาดแทนผู้ตาย และที่เหมือนกับทั้งสอง ,มัซฮับชาฟิอีและนักวิชาการส่วนใหญ่ ว่าแท้จริง มันไม่ถึงผู้ตาย- ชัรหเศาะเฮียะมุสลิม 11/58
ท่านอิหม่ามนะวาวีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) ได้กล่าวถึงทัศนะของอิหม่ามชาฟิอีย์ เรื่อง การอ่านอัลกุรอ่านอุทิศผลบุญให้ผู้ตายอีกว่าว่า
وَأَمَّا قِرَاءَةُ الْقُرْآنِ فَالْمَشْهُورُ مِنْ مَذْهَبِ الشَّافِعِيِّ أَنَّهُ لَا يَصِلُ ثَوَابُهَا إِلَى الْمَيِّتِ وَقَالَ بَعْضُ أَصْحَابِهِ : يَصِلُ ثَوَابُهَا إِلَى الْمَيِّتِ
และสำหรับ การอ่านอัลกุรอ่านนั้น ที่แพร่หลายจากทัศนะของชาฟิอีนั้น ผลบุญของมันไม่ถึงผู้ตาย....
และอิหม่ามนะวาวีย์(ร.ฮ) ได้ยืนยันว่า อิหม่ามชาฟิอี(ร.ฮ) อ้างหลักฐานจาก อายะฮที่ 39 ซูเราะฮอันนัจญมฺ คือ
คำตรัสของอัลลอฮ ตะอาลาที่ว่า
وَأَن لّيْسَ لِلإِنسَانِ إِلاّ مَا سَعَى
.
แท้จริง มนุษย์จะไม่ได้รับ นอกจากสิ่งที่เขาขวนขวายเท่านั้น" และอ้างหลักฐานจากคำพูดของนบี ที่ว่า
إذا مات ابن آدم انقطع عمله إلا من ثلاث: صدقة جارية أو علم ينتفع به أو ولد صالح يدعو له
เมื่อลูกหลานอาดัม(มนุษย์) ได้เสียชีวิต การงานของเขาก็ยุติ นอกจาก สามประการคือ การบริจาคทานถาวรวัตถุ (วะกัฟ) ,ความรู้(ของเขา)ที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้วยมัน หรือ บุตรที่ดี ขอดุอาให้แก่เขา - ดู ชัรหุเศาเฮียะมุสลิม เล่ม 1 หน้า 90
ส่วนคำพูดของอิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ)ที่อิหม่ามนะวาวีย์ (ร.ฮ)รายงานที่ว่า
قال الشَّافِعِيُّ رَحِمهُ اللَّه : ويُسْتَحَبُّ أن يُقرَأَ عِنْدَهُ شيءٌ مِنَ القُرآنِ ، وَإن خَتَمُوا القُرآن عِنْدهُ كانَ حَسناً
อัชชาฟิอีย์ (ร.ฮ)ได้กล่าวว่า "ชอบ(ส่งเสริม)ให้สิ่งใดๆจากอัลกุรอ่านถูกอ่าน ณ ที่เขา(มัยยิต) และหากอัลกุรอ่านถูกอ่านจบ ณ ที่เขา(มัยยิต) ก็จะเป็นการดี - ดู เศาะเฮียะริยาฎิศศอลิฮีน หน้า 390
.......
ข้างต้นหากเป็นคำพูดของอิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ) ท่านไม่ได้บอกว่าผลบุญถึงผู้ตาย แต่ท่านมีความเห็นว่า ความเมตตาและบะเราะกัตจากการอ่านหวังว่าจะประสบกับผู้ตาย
ดังที่ท่านกะมาลุดดีน อะบุลบะกออฺ ปราชญ์มัซฮับชาฟิอี กล่าวว่า
قال الإمام الشافعي رضي الله عنه: رأيت من أوصى بالقراءة عند القبر, وهو عندنا حسن, والرحمة تنزل عند ختم القرآن
อิหม่ามอัชชาฟิอี (ร.ฮ) ได้กล่าวว่า ฉันเห็นผู้ที่สั่งเสีย ให้อ่านอัลกุรอ่านที่ กุโบร์ และในทัศนะของข้าพเจ้า มันคือ ความดีงาม และความเมตตาจะลงมา ในขณะที่มีการเคาะตัมอัลกุรอ่าน (อ่านอัลกุรอ่านจบ 30 ยุซ) - นัจญมุลวะฮฮาจญ ฟี ชัรหอัลมินฮาจญ 3/114
....
และข้างต้นเป็นไปได้ว่า ไม่ใช่คำพูดอิหม่ามชาฟิอีแต่เป็นบรรดาปราชญ์มัซฮับชาฟิอี เพราะอิหม่ามนะวาวีย์ระบุสำนวนหนึ่งใน อัลมัจญมัวะว่า
يُسْتَحَبُّ أَنْ يَمْكُثَ عَلَى الْقَبْرِ بَعْدَ الدَّفْنِ سَاعَةً يَدْعُو لِلْمَيِّتِ وَيَسْتَغْفِرُ لَهُ نَصَّ عَلَيْهِ الشَّافِعِيُّ وَاتَّفَقَ عَلَيْهِ الْأَصْحَابُ ، قَالُوا : وَيُسْتَحَبُّ أَنْ يُقْرَأَ عِنْدَهُ شَيْءٌ مِنْ الْقُرْآنِ وَإِنْ خَتَمُوا الْقُرْآنَ كَانَ أَفْضَلَ
ชอบ(ส่งเสริม)ให้พัก ที่หลุมศพ หลังจากฝัง สักครู่หนึ่ง ดุอาให้แก่มัยยิตและขออภัยโทษให้แก่เขา ซึ่ง ชาฟิอีได้บอกไว้บนมัน และบรรดาศานุศิษย์ได้เห็นฟ้องบนมัน ,พวกเขากล่าวว่า "และชอบ(ส่งเสริม)ให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดจากอัลกุรอ่านถูกอ่าน ณ ที่มัยยิต และหากพวกเขาอ่านอัลกุรอ่านจบเล่ม(เคาะตัม) เป็นการประเสริฐยิ่ง - ดู อัลมัจญมัวะ ชัรหอัลมัฮัซซับ 5/256 กิตาบอัลญะนาอิซ
..........
คำว่า "พวกเขากล่าวว่า" หมายถึงบรรดาอัศหาบุชชาฟิอี(บรรดาศานุศิษย์) ไม่ใช่อิหม่ามชาฟิอี
....
อิหม่ามอิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ)ได้วิจารณ์เรื่องนี้ว่า
لا يحفظ عن الشافعي نفسه في هذه المسألة كلام وذلك لأن ذلك كان عنده بدعة وقال مالك : ما علمنا أحدا فعل ذلك فعلم أن الصحابة والتابعين ما كانوا يفعلون ذلك
ไม่มีคำพูดใดๆ ที่ถูกบันทึกไว้จากตัวอัชชาฟิอีเอง ในประเด็นนี้ และดังกล่าวนั้น เพราะแท้จริงดังกล่าวนั้น (การอ่านอัลกุอ่านอุทิศบุญที่กุโบร์ ) ในทัศนะของเขา(ของชาฟิอี) คือ บิดอะฮ และ มาลิกได้กล่าวว่า "เราไม่เคยรู้ว่าคนใด ปฏิบัติดังกล่าวนั้น เพราะเป็นที่รู้กันว่า บรรดาเศาะหาบะฮและบรรดาตาบิอีน พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติดังกล่าวนั้น- อิกติฎออฺอัศศิรอติลมุสตะกีม หน้า 182
.............
เพราะฉะนั้น ทัศนะที่ชัดเจนและอ้างอิงหลักฐาน ของอิหม่ามชาฟิอีคือ การอ่านอัลกุรอ่านอุทิศผลบุญ ไม่ถึงผู้ตาย

อิบนุหะญัรอัลฮัยตะมีย์(ร.ฮ)ปราชญที่มีชื่อเสียงในมัซฮับชาฟิอี กล่าวยืนยันว่า
الْمَيِّتُ لَا يُقْرَأُ عليه مَبْنِيٌّ على ما أَطْلَقَهُ الْمُتَقَدِّمُونَ من أَنَّ الْقِرَاءَةَ لَا تَصِلُ إلَى الْمَيِّتِ لِأَنَّ ثَوَابَهَا لِلْقَارِئِ وَالثَّوَابُ الْمُتَرَتِّبُ على عَمَلٍ لَا يُنْقَلُ عن عَامِلِ ذلك الْعَمَلِ
ผู้ตายจะไม่ถูกอ่าน(อัลกุรอ่าน)ให้แก่เขา คือรากฐานที่ถูกว่างอยู่บน สิ่งที่ บรรดาชน(ปราชญ์)ยุคก่อนได้กล่าวมันเอาไว้ ว่า แท้จริงการอ่านนั้น จะไม่ถึงไปยังผู้ตาย เพราะแท้จริงผลบุญของมันได้แก่ผู้อ่าน และผลบุญนั้น เป็นผลงานที่ถูกจัดไว้บนการปฏิบัติ จะไม่ถูกโอนจากผู้ปฏิบัติ การปฏิบัติดังกล่าวนั้น (ไปยังผู้อื่น-) -ฟะตาวาอัลกุบรออัลฟิกฮฮียะฮ 2/26
อะสัน หมัดอะดั้ม
27/1/62

 

เอกสารอ้างอิง

 

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2562

การอ่านอัลกุรอ่านที่กุโบร์ไม่ใช่การปฏิบัติของชาวสะลัฟ




การอ่านอัลกุรอ่านอุทิศบุญให้ผู้ตายที่กุโบร์ไม่ใช่เป็นการกระทำของชาวสะลัฟ
 
อัลลามะฮ มุหัมหมัด บิน อับดุลลอฮ อัลคุรอชีย์ อัลมาลิกีย์(ฮ.ศ 1101)ได้กล่าวว่า
أَنَّ الْقِرَاءَةَ لَيْسَتْ أَيْضًا مَشْرُوعَةً بَعْدَ الْمَوْتِ وَلَا عِنْدَ الْقَبْرِ ؛ لِأَنَّهُ لَيْسَ مِنْ عَمَلِ السَّلَفِ .
แท้จริงการอ่านอัลกุรอ่าน ไม่ใช่สิ่งที่ถูกบัญญัติให้กระทำอีกเช่นกัน หลังจากตาย และไม่ถูกบัญญัติให้กระทำ ณ ที่กุโบร์ เพราะแท้จริง มันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งจากการปฏิบัติของชาวสะลัฟ - ชัรหมุคตะศอ็ร เคาลีล ลิลคุรอชีย์ 2/136
อัลอัลลามะฮ อัลมูลา อะลี อัลกอรีย์ อัลหะนะฟีย์ (ฮ.ศ 1041)
ثم القراءة عند القبور مكروهة عند أبي حنيفة ومالك وأحمد رحمهم الله في رواية لأنه مُحدَث لم ترد به السنة.
หลังจากนั้น การอ่านอัลกุรอ่าน ณ กุโบร์ นั้น เป็นมักรูฮ ในทัศนะอบูหะนีฟะฮ ,มาลิกและอะหมัด(ร.ฮ)ในรายงานหนึ่ง เพราะแท้จริงมันคือ สิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ (เป็นบิดอะฮ) ไม่ปรากฏอัสสุนนะฮ ด้วยมัน - ชัรหฟิกฮอัลอักบัร หน้า 228
ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ)กล่าวว่า
فَلَمْ يَكُنْ مِنْ عَادَةِ السَّلَفِ إذَا صَلَّوْا تَطَوُّعًا وَصَامُوا وَحَجُّوا أَوْ قَرَءُوا الْقُرْآنَ يَهْدُونَ ثَوَابَ ذَلِكَ لِمَوْتَاهُمْ الْمُسْلِمِينَ وَلَا لِخُصُوصِهِمْ بَلْ كَانَ عَادَتُهُمْ كَمَا تَقَدَّمَ فَلَا يَنْبَغِي لِلنَّاسِ أَنْ يَعْدِلُوا عَنْ طَرِيقِ السَّلَفِ فَإِنَّهُ أَفْضَلُ وَأَكْمَلُ وَاَللَّهُ أَعْلَمُ."
และไม่ได้เป็นประเพณี(อาดัต)ของชาวสะลัฟ เมื่อพวกเขาละหมาดอาสา(สุนัต),ถือศีลอด ,ประกอบพิธีหัจญ์ หรือ อ่านอัลกุรอ่าน แล้วอุทิศผลบุญดังกล่าวแก่บรรดาผู้ตายที่เป็นมุสลิม ดังนั้น จึงไม่สมควรหันเหออกจากแนวทางของสะลัฟ(บรรพชนผู้ทรงธรรมยุคก่อน) เพราะแท้จริง มันประเสริฐกว่าและสมบูรณ์กว่า – ดู อัลอิคติยารอตอัลอิลมียะฮ หน้า 54 และมัจญมัวะอัลฟะตาวา 24/331-333
..........
อะสัน หมัดอะดั้ม
26/1/62
 
เอกสารอ้างอิง
ในภาพอาจจะมี ข้อความ