การรักร่วมเพศระหว่างหญิงกับหญิงนั้น ภาษาอาหรับเรียกว่า อัส-สิหาก (اَلسِّحَاقُ) ถือเป็นสิ่งต้องห้ามโดยการเห็นพ้องของบรรดานักปราชญ์ และเนื่องจากมีหะดีษระบุว่า :
( لاَيَنْظُرُالرَّجُلُ إِلَى عَوْرَةِالرَّجُلِ ، وَلاَالْمَرْأَةُإِلَى عَوْرَةِالْمَوْ أَةِ ولاَيُفْضِى الرَّجُلُ إِلَى الرَّجُلِ فِى ثَوْبٍ وَاحِدٍ ، وَلاَتُفْضِى المَرْأةُ إِلَى المَرْأَةِفِى ثَوْبٍ وَاحِدٍ )
“ชายจะต้องไม่มองไปยังอวัยวะพึงปกปิดของชาย และหญิงจะต้องไม่มองไปยังอวัยวะพึงปกปิดของหญิง และชายจะต้องไม่สัมผัสเสียดผิวกายยังชายในผ้าคลุมผืนเดียวกัน และหญิงจะต้องไม่สัมผัสเสียดสีผิวกายยังหญิงในผ้าคลุมผืนเดียวกัน”
(รายงานโดย อะห์หมัด , มุสลิม อบูดาวูด และติรมีซี)
ดังนั้นการสัมผัสกายโดยตรงระหว่างหญิงกับหญิงด้วยการเสียดสี เล้าโลม กอดฟัด รัดเหวี่ยงเยี่ยงการกระทำของพวกเลสเบี้ยนนั้น จึงเป็นสิ่งต้องห้าม และมีโทษตามดุลยพินิจของ ผู้พิพากษาหรือผู้มีอำนาจ แต่ไม่ถึงขั้นของโทษในคดีความผิดว่าด้วยการผิดประเวณี (อัซซินา) หรือการรักร่วมเพศระหว่างชายกับชายทางทวารหนัก (อัลลิวาฏ) -หนังสือเรียนอิสลามศึกษา กฏหมายอิสลาม ม.ปลาย หน้า 114
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น