วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

วาทกรรมบิดเบือนหะดิษนบีเพื่อสนับสนุนการตีความคุณลักษณะอัลลอฮ




ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ในภาพอาจจะมี ข้อความ
วาทกรรมบิดเบือนหะดิษนบีเพื่อสนับสนุนการตีความคุณลักษณะอัลลอฮ
แนวทาง อุลามาอฺ อะหฺลุซซุนนะห์ รู้สึกเศร้าใจ
29 มกราคม เวลา 21:51 น. · 
-นักวิชาการบางคนบอกว่า การตะวี้ล คือ การปฏิเสธกุรอ่าน
-และด้อกเตอร์บางคนไม่ได้พูดตรงๆแบบนั้น แต่จะใช้วิวาทะเล่นคำ ด้วยถ้อยคำที่ว่า "ชอบเลี้ยวไปทางนั้น เลี้ยวมาทางนี้"
......
จริงอยู่ที่ท่านไม่ตะวี้ล(แค่ลมปาก เพราะเคยเห็นว่าตะวี้ล อิอิ) 
แต่อุลามาอ์ระดับโลกนักตัฟซี้รมากมายที่ทำการตะวี้ลก้อมีเยอะนะครับ !
ท่านน่าจะให้เกียรติเขาน่ะ เพราะระดับความรู้ของท่านกับเขา ก้อเปรียบดั่งฟ้ากับเหวลึก มันคนละรุ่นกัน(มุจตะฮิด กับ มุดตาฮิ) 
การสอนที่ไร้อามานะห์ เพิ่มนัฟซูตัวเองเข้าไปนั้น มันจะทำให้ลูกศิษย์เกิดอคติกับอีกฝ่าย และเป็นฟิตนะหฺการสร้างความแตกแยกในสังคม
ผมไม่แปลกใจเลย ที่คนเอาวามทั่วๆไปในยุคปัจจุบัน บางคนถึงได้กล้าเหยียดหยามบางส่วนจากอุลามาอ์ ก้อเพราะการสอนที่ไร้หิกมั้ตของนักวิชาเกินนี่แหละ ทั้งๆที่คนเอาวามเหล่านั้น ภาคการอามั้ลและการขัดเกลาจิตใจยังไม่กระเตื้องเลย ... มาชาอัลลอฮ !
อีกอย่าง ถ้าการตะวี้ลของอุลามาอฺคือการปฏิเสธกุรอ่าน ไฉนเลยท่านนบีได้ทำการขอดุอาอฺให้แก่ศอฮาบั้ตท่านหนึ่ง ให้รู้จักและเข้าใจการตะวี้ล นั่นก้อคือ ท่าน อับดุลเลาะฮ์ บุตร อับบาส รอฎิยัลลอฮุอันฮุมา ในขณะที่ท่านอับดุลเลาะห์ยังอยู่ในวัยเยาว์ จนต่อมา ท่านก้อได้กลายเป็นอุลามาอ์ใหญ่ในหมู่ศอฮาบัต ..
ท่านนบี ได้ขอดุอาอ์ไว้ว่า ..
" اللهم فقهه في الدين و علمه التاءويل "
รายงานโดย : อิหม่ามบุคอรี และ มุสลิม.
@@@@@
นายนามปลอมแอบอ้างอะฮลุสสุนนะฮ โดยตั้งชื่อตัวเองว่า "
แนวทาง อุลามาอฺ อะหฺลุซซุนนะห์ ได้นำหะดิษต่อไปนี้ อ้างว่านบี ศอ็ลฯสอนให้ตีความ(ตะวีล") คือหะดิษที่ว่า
اللهم فقهه في الدين ، وعلمه التأويل
โอ้อัลลอฮได้โปรดให้เขาเข้าใจศาสนา และได้โปรดสอนการตะวีลให้เขาด้วยเถิด - เศาะเฮียะอิบนุหิบบาน หะดิษหมายเลข 7055
การตะวีลในทัศนะปราชญ์ยุคสะลัฟ ไม่ใช่การตีความแบบพวกตรรกนิยม
การตะวีลในความเข้าใจของปราชญ์ยุคสะลัฟ
คำว่า ตะวีล"ในทัศนะสัฟ คือ
การอรรถาธิบาย( التفسير ) และ การอธิบาย (البيان ) ดังที่นบี ศอ็ลฯ ได้ดุอาให้แก่ อิบนุอับบาสว่า
اللهم فقهه في الدين ، وعلمه التأويل
โอ้อัลลอฮได้โปรดให้เขาเข้าใจศาสนา และได้โปรดสอนการตะวีลให้เขาด้วยเถิด - เศาะเฮียะอิบนุหิบบาน หะดิษหมายเลข 7055
คำว่า "التأويل" (อัตตะวีล)ในที่นี้ คือ การอรรถาธิบายอัลกุรอ่าน
อีกสำนวนหนึ่ง ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ขอดุอาอ์ ว่า :
اللَّهُمَّ آتِهِ الْحِكْمَةَ
“โอ้อัลลอฮ์ ขอพระองค์ทรงนำความรู้ (การอธิบายอัลกุรอ่าน) ให้แก่เขาด้วยเถิด”
ฏ็อบรอนีย์ , มัวอ์ญัมอัลกะบีร : ( 12466
อิหม่ามอิบนุญะรีร (ร.ฮ) กล่าวว่า
إن الصحابة رضوان الله عليهم – كانوا يفهمون معاني القرآن, وتأويله، وتفسيره بما يوافق الطريقة النبوية في الإثبات، فعن ابن مسعود رضي الله عنه قال: كان الرجل منا إذا تعلم عشر آيات، لم يجاوزهن حتى يعرف معانيهن، والعمل بهن
แท้จริงบรรดาเศาะหาบะฮ (ร.ฎ) พวกเขาเข้าใจความหมายอัลกุรอ่าน และการอรรถาธิบายมัน และ การตีความ(มัน ด้วยสิ่งที่สอดคล้อง กับแนวทางแห่งนบี ในการยืนยัน และมีรายงานจากอิบนุมัสอูด (ร.ฎ) กล่าวว่า "มีชายคนหนึ่งจากพวกเรา เมื่อเขาเรียน สิบอายาต เขาจะไม่ผ่านมันไป จนกว่าเขาจะรู้จักบรรดา ความหมายของมัน และได้ปฏิบัติด้วยมัน - ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์ 1/44
حَدَّثَنَا عُمَرُ بْنُ حَفْصٍ حَدَّثَنَا أَبِي حَدَّثَنَا الْأَعْمَشُ حَدَّثَنَا مُسْلِمٌ عَنْ مَسْرُوقٍ قَالَ قَالَ عَبْدُ اللَّهِ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ وَاللَّهِ الَّذِي لَا إِلَهَ غَيْرُهُ مَا أُنْزِلَتْ سُورَةٌ مِنْ كِتَابِ اللَّهِ إِلَّا أَنَا أَعْلَمُ أَيْنَ أُنْزِلَتْ وَلَا أُنْزِلَتْ آيَةٌ مِنْ كِتَابِ اللَّهِ إِلَّا أَنَا أَعْلَمُ فِيمَ أُنْزِلَتْ وَلَوْ أَعْلَمُ أَحَدًا أَعْلَمَ مِنِّي بِكِتَابِ اللَّهِ تُبَلِّغُهُ الْإِبِلُ لَرَكِبْتُ إِلَيْهِ
ความหมายตัวบท
รายงานจากมัสรูก กล่าวว่า "อับดุลลอฮ(บินมัสอูด)(ร.ฎ)กล่าวว่า ขอสาบานด้วยนามแห่งอัลลอฮ ผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดอื่นจากพระองค์ ไม่มีซูเราะฮใดถูกประทานลงมาจากคัมภีร์ แห่งอัลลอฮ นอกจากข้าพเจ้า รู้ ว่ามันถูกประทานลงมาที่ใหน และ ไม่มีอายะฮใดถูกประทานลงมา จากคัมภีร์แห่งอัลลอฮ นอกจากข้าพเจ้า รู้ว่า มันถูกประลงมาในเรื่องอะไร และถ้าข้าพเจ้า รู้ว่าคนใด มีความรู้ เกี่ยวกับคัมภีร์ของอัลลอฮ ยิ่งกว่าข้าพเจ้า ,อูฐจะนำไปให้ถึงเขาได้ ข้าพเจ้าก็จะขี่ไปยังเขาผู้นั้น - รายงานโดยบุคอรีย์
......
การอ้างว่าสะลัฟตีความ (ตะวีล)อายาตสิฟาต ด้วยการเปลี่ยนความหมายของมันที่ปรากฏตามตัว ไปเป็นความหมายอื่นตามความคิดเห็นหรือ มอบหมายความหมายไปยังอัลลอฮ โดยไม่รู้และไม่ยุ่งกับความหมายของมันนั้น เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
อัลกอฎีย์ อบูยะอลากล่าวว่า
ودليل آخر على إبطال التأويل أن الصحابة ومن بعدهم من التابعين حملوها على ظاهرها، ولم يتعرضوا لتأويلها، ولا صرفها عن ظاهرها، فلو كان التأويل سائغاً، لكانوا أسبق إليه لما فيه من إزالة التشبيه، ورفع الشبه، بل قد روي عنهم ما دل على إبطاله
และหลักฐานอื่นอีก ที่แสดงถึงการเป็นโมฆะ ของการตีความ คือ แท้จริง บรรดาเศาะหาบะฮ และบรรดาตาบิอีน ยุคหลังจากพวกเขา ได้ถือมัน บนความหมายที่ปรากฏของมัน และพวกเขาจะไม่แสดงความเห็นด้วยการตีความ(ตะวีล) และไม่เปลี่ยนแปลงความหมายของมันจาก ความหมายที่ปรากฏของมัน ดังนั้น ถ้าการตีความ เป็นสิ่งที่อนุญาตให้ทำได้ แน่นอน พวกเขาก็จะ ล่วงหน้าไปยังมัน (หมายถึงทำการตีความมาก่อนหน้าแล้ว) เพราะในมัน เป็นส่วนหนึ่งจากการให้หายจากการตัชบีฮ(การเข้าใจว่าคล้ายคลึงมัคลูค) และการขจัดความคลุมเครือ ,ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งถูกรายงานจากพวกเขา มันแสดงบอกถึงความเป็นโมฆะของมัน (ของการตีความ) - อิบฏอลุอัตตะวีลาตลิอัคบาริสสิฟาต เล่ม 1หน้า 71
.............
เพราะฉะนั้นการอ้างว่าสะลัฟตีความสิฟาตอัลลอฮ หรือ ไม่มีใครรู้ความหมายอายาตสิฟาต เป็นการแอบอ้างสะลัฟ
อัลมัคริซีย์ (ร.ฮ) กล่าวเกี่ยวกับแนวทางของเศาะหาบะฮและตาบีอีน ในประเด็นบรรดาคุณลักษณะ(สิฟาต)อัลลอฮ ว่า
إنه لم يرد قط من طريق صحيح، ولا سقيم عن أحد من الصحابة رضي الله عنهم على اختلاف طبقاتهم، وكثرة عددهم أنه سأل رسول الله صلى الله عليه وسلم عن معنى شيء مما وصف الرب سبحانه به نفسه الكريمة في القرآن الكريم وعلى لسان نبيه محمد صلى الله عليه وسلم, بل كلهم فهموا معنى ذلك وسكتوا عن الكلام في الصفات
แท้จริง ไม่ปรากฏจากรายงานที่เศาะเฮียะ หรือ เฎาะอีฟ จากคนใดในหมู่เศาะหาบะฮ (ร.ฎ) บนความแตกต่างของระดับของพวกเขา และจำนวนมากในหมู่พวกเขา เมื่อเขาถามรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ เกี่ยวกับความหมาย สิ่งใด จากสิ่งที่พระเจ้าได้อธิบายคุณลักษณะให้แก่ตัวพระองค์อันทรงเกียรติ์เอง ด้วยมันในอัลกุรอ่าน อันทรงเกียรติ์ และบนวาจาของนบีของพระองค์,มุหัมหมัด ศอ็ลฯ แต่ทว่า พวกเขาทั้งหมด เข้าใจความหมายดังกล่าวและนิ่งเงียบจากการวิภาษในบรรดาสิฟาต..... - อัลมะวาอิซวัลเอียะติบาร ของ อัลมักรีซีย์ เล่ม 2 หน้า 356
..............
จากข้อมูลข้างต้น สรุปว่าบรรดาปราชญยุคสะลัฟ เขารู้ความหมายอายาตและหะดิษสิฟาต พวกเขาไม่ตีความแบบอะฮลุลกาลาม หรือพวกตรรกนิยม แต่พวกเขาอธิบายความหมายที่พวกเขารู้และเข้าใจ
อัลมักริซีย์ (ร.ฮ) กล่าวอีกว่า
وهكذا أثبتوا، رضي الله عنهم ما أطلقه الله عز وجل، على نفسه الكريمة من الوجه واليد، ونحو ذلك مع نفي مماثلة المخلوقين فأثبتوا رضي الله عنهم بلا تشبيه, ونزهوا من غير تعطيل, ولم يتعرض مع ذلك أحد منهم إلى تأويل شيء من هذا، ورأوا بأجمعهم إجراء الصفات كما وردت، ولم يكن عند أحد منهم شيء من الطرق الكلامية, ولا مسائل الفلسفة, فقضى عصر الصحابة رضي الله عنهم على هذا
และในทำนองนี้ พวกเขา (เหล่าเศาะหาบะฮและตาบินอีน ร.ฎ ) ยืนยัน(อิษบาตสิฟาต) สิ่งที่อัลลอฮได้กล่าวให้แก่ตัวของพระองค์เอง อันทรงเกียรติ์ เช่น ใบหน้า(الوجه ) ,มือ (اليد )และในทำนองดังกล่าวนั้น พร้อมกับปฏิเสธการเหมือนกับบรรดามัคลูค ,พวกเขา(ร.ฎ)ยืนยัน(สิฟาต) โดยไม่เปรียบเทียบ(กับมัคลูค)และพวกเขาทำให้บริสุทธิ์(จากสิ่งที่ไม่คูควร) โดยไม่ปฏิเสธสิฟาต ไม่มีคนใดจากพวกเขาแสดงความคิด พร้อมกับดังกล่าวนั้น ไปสู่การตีความ(ตะวีล) สิ่งใดๆจากสิ่งนี้ และพวกเขาเห็นด้วยมติของพวกเขา ให้ปล่อยบรรดาสิฟาต เหมือนกับสิ่งที่มันได้มีมา และไม่ปรากฏสิ่งใดจากพวกเขา จากบรรดาแนวทางอัลกะรอมียะฮ,และไม่มีบรรดาประเด็น ปรัชญา แล้ว ยุคของเหล่าเศาะหาบะฮ (ร.ฎ) ได้ดำเนินไปบนสิ่งนี้ -จากตำราที่อ้างแล้ว
..........
สรุปสะลัฟยุคเศาะหาบะฮและตาบิอีน ยืนยันสิฟาตตามตัวบท โดยไม่ตีความ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม 
3/2/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น