
เมื่อเขาเอาหะดิษเศาะเฮียะมาผสมกับหะดิษเฎาะอีฟ
Sukiman Tuanno
22 พฤษภาคม เวลา 7:56 น.
ความโง่ของวัฮฮาบีบางคนไม่มีใครเทียบได้จริง เค้ามองว่าฮาดิษฏ๊อบรอนีย์เกี่ยวกับการตัลกีนซึ่งเป็นฮาดิษที่น้ำหนักน้อยกว่าฮาดิษ ที่นาบีให้สอนกาลีมะขณะที่ใกล้ตาย และที่อุษมานให้ขอดุอาอฺให้มัยยิตมั่นคงในการตอบคำถาม ไช่ฮาดิษ 2 ฮาดิษนี้มีน้ำหนักมากกว่าฮาดิษฏ๊อบรอนีย์ วัฮฮาบีเค้าบอกว่า ดังนั้นฮาดิษฏ๊อบรอนีย์ใช้ไม่ได้ เพราะขัดแย้งกับฮาดิษที่ซอฮีฮกว่า ไม่รู้ไปขัดแย้งอะไรกันของเค้า บอกกี่ทีก็ไม่เข้าใจ
ไม่รู้มันขัดแย้งกันตรงไหน เพราะฮาดิษเหล่านี้สามารถเอามารวมใช้กันได้หมดเลย ก็เวลาที่คนใกล้ตาย เราก็สอนกาลีมะอยู่แล้วให้คนใกล้ตายตามฮาดิษซอฮีฮ พอฝังมัยยิต เราก็ขอดุอาอฺอยู่แล้วให้มัยยิตมั่นคงในการตอบคำถาม ก็ตามฮาดิษซอฮีฮจากอุษมาน จากนั้นเราก็ทำในส่วนที่เป็นการส่งเสริมคืออ่านตัลกีน ตามฮาดิษฏ๊อบรอนีย์ แม้น้ำหนักน้อยกว่าในความซอฮีฮ ถึงฮาดิษฏอบรอนีย์จะดออีฟก็ตาม
22 พฤษภาคม เวลา 7:56 น.
ความโง่ของวัฮฮาบีบางคนไม่มีใครเทียบได้จริง เค้ามองว่าฮาดิษฏ๊อบรอนีย์เกี่ยวกับการตัลกีนซึ่งเป็นฮาดิษที่น้ำหนักน้อยกว่าฮาดิษ ที่นาบีให้สอนกาลีมะขณะที่ใกล้ตาย และที่อุษมานให้ขอดุอาอฺให้มัยยิตมั่นคงในการตอบคำถาม ไช่ฮาดิษ 2 ฮาดิษนี้มีน้ำหนักมากกว่าฮาดิษฏ๊อบรอนีย์ วัฮฮาบีเค้าบอกว่า ดังนั้นฮาดิษฏ๊อบรอนีย์ใช้ไม่ได้ เพราะขัดแย้งกับฮาดิษที่ซอฮีฮกว่า ไม่รู้ไปขัดแย้งอะไรกันของเค้า บอกกี่ทีก็ไม่เข้าใจ
ไม่รู้มันขัดแย้งกันตรงไหน เพราะฮาดิษเหล่านี้สามารถเอามารวมใช้กันได้หมดเลย ก็เวลาที่คนใกล้ตาย เราก็สอนกาลีมะอยู่แล้วให้คนใกล้ตายตามฮาดิษซอฮีฮ พอฝังมัยยิต เราก็ขอดุอาอฺอยู่แล้วให้มัยยิตมั่นคงในการตอบคำถาม ก็ตามฮาดิษซอฮีฮจากอุษมาน จากนั้นเราก็ทำในส่วนที่เป็นการส่งเสริมคืออ่านตัลกีน ตามฮาดิษฏ๊อบรอนีย์ แม้น้ำหนักน้อยกว่าในความซอฮีฮ ถึงฮาดิษฏอบรอนีย์จะดออีฟก็ตาม
...............
ชีแจง
ชีแจง
คุณ Sukiman Tuanno บอกว่า เอาหะดิษเฎาะอีฟมาผสมกับหะดิษเศาะเฮียะได้คือ
1.หะดิษเกี่ยวกับการเปิดสอนพิเศษคนตายในหลุมศพ
عن سعيد بن عبد الله الأودي قال شهدت أبا أمامة وهو في النزع فقال إذا أنا مت فاصنعوا بي كما أمر رسول الله صلى الله عليه وسلم فقال
"إذا مات أحد من إخوانكم فسويتم التراب على قبره فليقم أحدكم على رأس قبره ثم ليقل يا فلان بن فلانة. فإنه يسمعه ولا يجيب. ثم يقول يا فلان بن فلانة. فإنه يستوي قاعداً. ثم يقول يا فلان بن فلانة. فإنه يقول أرشدنا رحمك الله - ولكن لا تشعرون - فليقل اذكر ما خرجت عليه من الدنيا شهادة أن لا إله إلا الله وأن محمداً عبده ورسوله وأنك رضيت بالله رباً وبالإسلام ديناً وبمحمد نبياً وبالقرآن إماماً فإن منكراً ونكيراً يأخذ كل واحد منهما بيد صاحبه ويقول انطلق بنا ما نقعد عند من لقن حجته فيكون الله حجيجه دونهما". فقال رجل يا رسول الله فإن لم يعرف أمه؟ قال "فينسبه إلى حواء يا فلان بن حواء".
"إذا مات أحد من إخوانكم فسويتم التراب على قبره فليقم أحدكم على رأس قبره ثم ليقل يا فلان بن فلانة. فإنه يسمعه ولا يجيب. ثم يقول يا فلان بن فلانة. فإنه يستوي قاعداً. ثم يقول يا فلان بن فلانة. فإنه يقول أرشدنا رحمك الله - ولكن لا تشعرون - فليقل اذكر ما خرجت عليه من الدنيا شهادة أن لا إله إلا الله وأن محمداً عبده ورسوله وأنك رضيت بالله رباً وبالإسلام ديناً وبمحمد نبياً وبالقرآن إماماً فإن منكراً ونكيراً يأخذ كل واحد منهما بيد صاحبه ويقول انطلق بنا ما نقعد عند من لقن حجته فيكون الله حجيجه دونهما". فقال رجل يا رسول الله فإن لم يعرف أمه؟ قال "فينسبه إلى حواء يا فلان بن حواء".
رواه الطبراني في الكبير وفي إسناده جماعة لم أعرفهم
จากสะอีด บุตร อับดุลลอฮ อัลเอาดีย กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้มาหาท่านอบีอุมามะฮ โดยที่เขา กำลังไกล้จะเสียชีวิต
เมื่อฉันได้เสียชีวิต พวกท่านจงจัดการเกี่ยวกับฉัน ดังที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้ใช้กับเรา ให้จัดการกับบรรดาผู้ตายของเรา ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ได้ใช้กับเราโดยท่านกล่าวว่า " เมื่อคนใดจากพี่น้องของพวกท่านได้เสียชีวิต พวกท่านจงทำให้ดินบนกุบูรของเขาเรียบเสมอ และคนหนึ่งจากพวกท่าน จงยืนทางปลายของกุบูรของเขา หลังจากนั้น เขาจงกล่าวว่า "โอ้ ชายผู้หนึ่ง(ที่ชื่อ....) บุตร ของนางผู้หนึ่ง(ที่ชื่อ....) ดังนั้น เขาก็ได้ทำให้มัยยิดได้ยิน โดยที่มัยยิดก็จะไม่ทำการตอบสนอง หลังจากนั้น เขาก็กล่าวอีกว่า โอ้ ชายผู้หนึ่ง บุตร ของนางผู้หนึ่ง แล้วมัยยิดก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรง จากนั้นเขากล่าวว่า โอ้ ชายผู้หนึ่ง บุตร ของนางผู้หนึ่ง ดังนั้น มัยยิดจึงกล่าวว่า ท่านจงชี้แนะแก่เราด้วยเถิด ขออัลเลาะฮ์ทรงเมตตาต่อท่าน โดยที่พวกท่านทั้งหลายไม่รู้ตัวหรอก ดังนั้น เขากล่าวว่า "ท่าน(มัยยิด) จงกล่าวกับถ้อยคำที่ท่านดำรงอยู่บนมัน โดยที่ท่านได้จากลาออกจากโลกดุนยา กับคำปฏิญานว่า แท้จริง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์ และมุหัมมัดนั้นเป็นบ่าว และเป็นศาสนาทูตของพระองค์ และแท้จริง ฉันได้พอใจด้วยกับการที่อัลเลาะฮ์ทรงเป็นผู้อภิบาล และด้วยกับอิสลามนั้น คือศาสนา และนบีมุหัมมัด คือ ศาสนทูต และอัลกุรอานคือ อิมาม ดังนั้น มุงกัรและนากิร ต่างจูงมือมิตรสหายของเขาแล้วท่านหนึ่งกล่าวว่า ท่านจงเดินไปกับเราเถิด ไม่มีอะไรที่จะทำให้เรานั่ง(สอบถาม) เกี่ยวกับผู้ที่ถูกสอนกับหลักฐาน(ที่ชี้เป็นถึงเป็นผู้ศรัทธา)ของเขาแล้ว (หมายถึงเขาได้ตอบคำถามของมุงกัรนะกีรแล้ว) " ดังนั้น มีชายคนหนึ่ง ถามท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ว่า หากเขา(ผู้อ่านตัลกีน) ไม่รู้จักมารดาผู้ตายล่ะครับ ? ท่านร่อซูลตอบว่า ก็ให้เขาอ้างไปยังมารดาของที่ชือ เฮาวาอ์ คือ(กล่าวว่า) โอ้ ชายผู้หนึ่ง(ชื่อ...) บุตร ของพระนางเฮาวาอ์ - รายงานโดย อัฎฎอ็บรอนีย ในอัลกะบีร และในสายสืบของมัน มีบรรดาผู้รายงานกลุ่มหนึ่ง ข้าพเจ้าไม่รู้จักพวกเขา - ดูมัจญมัวะซะวาอิด เล่ม 3 บทว่าด้วย การตัลกีนมัยยิต หลังจากฝัง (باب تلقين الميت بعد دفنه
อิหม่ามอัสสะยูฏีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
التلقين لم يثبت فيه حديث صحيح ولا حسن ، بل حديثه ضعيف باتفاق المحدثين ، ولهذا ذهب جمهور الأمة إلى أن التلقين بدعة ، وآخر من أفتى بذلك الشيخ عز الدين بن عبد السلام وإنما استحبه ابن الصلاح وتبعه النووي نظراً إلى أن الحديث الضعيف يتسامح به في فضائل الأعمال
การอ่านตัลกีน ไม่ปรากฏว่ามีหะดิษเศาะเฮียะ และหะดิษฮะซัน ยืนยัน ในนั้น แต่ในทางกลับกัน หะดิษของมัน(การอ่านตัลกีน)เป็นหะดิษเฎาะอีฟ โดยมติเอกฉันท์ของบรรดานักหะดิษ และเพราะเหตุนี้ อุมมะฮส่วนมาก มีทัศนะว่า การอ่านตัลกีนนั้น เป็นบิดอะฮ และท้ายสุดของผู้ที่ฟัตวาด้วยดังกล่าวนั้น(หมายถึงฟัตวาว่าเป็นบิดอะอ) คือ เช็คอิซซุดดีน บุตร อับดุสสลาม และแท้จริง อิบนุศเศาะลาหฺและ อันนะว่าวีย์ได้ตามเขา ถือว่าชอบให้กระทำมัน โดยพิจารณาว่า หะดิษเฏาะอีฟ ได้รับการอนุโลม ในเรื่องบรรดาคุณค่าของอามั้ล - อัลหาวี ลิ้ลฟะตาวา เล่ม 2 หน้า 191
..........
สรุปหะดิษตัลกีนเฎาะอีฟแน่นอน เนื้อหาหะดิษ มันเหมือนนิยาย ที่ระบุว่า เมื่อมลาอิกะฮมุงกัรและนะกีร มาพบว่ามีคนอ่านตัลกีนก็ชวนกันกลับ -นะอูซุบิลละฮ การตอบคำถามมลาอิกะฮได้ ไม่ใช่เป็นเพราะผลของการอีหม่านของผู้ตายหรอกหรือ
..........
สรุปหะดิษตัลกีนเฎาะอีฟแน่นอน เนื้อหาหะดิษ มันเหมือนนิยาย ที่ระบุว่า เมื่อมลาอิกะฮมุงกัรและนะกีร มาพบว่ามีคนอ่านตัลกีนก็ชวนกันกลับ -นะอูซุบิลละฮ การตอบคำถามมลาอิกะฮได้ ไม่ใช่เป็นเพราะผลของการอีหม่านของผู้ตายหรอกหรือ
ส่วนหะดิษที่รายงานจากอบีสะอีด อัลคุดรีย์ (ร.ฎ)กล่าวว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : ( لَقِّنُوا مَوْتَاكُمْ لا إِلَهَ إِلا اللَّهُ ) رواه مسلم 916
รซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ พวกท่านจงสอนคำว่า لا إِلَهَ إِلا اللَّهُ ให้แก่ ผู้ที่ใกล้จะตายในหมู่พวกท่าน - รายงานโดยมุสลิม หะดิษหมายเลข 9161
.......
หะดิษข้างต้นเกี่ยวกับการสอนคนใกล้ตาย ไม่ไช่เปิดสอนพิเศษคนตาย หรือ ตัลกีนในหลุมศพ
.......
หะดิษข้างต้นเกี่ยวกับการสอนคนใกล้ตาย ไม่ไช่เปิดสอนพิเศษคนตาย หรือ ตัลกีนในหลุมศพ
อิหม่ามนะวาวีย ( ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
قوله
:( لقنوا موتاكم لا إله إلا الله ) معناه من حضره الموت والمراد ذكره لا إله إلا الله لتكون آخر كلامه كما جاء في الحديث
:( من كان آخر كلامه لا إله إلا الله دخل الجنة ) والأمر بهذا التلقين أمر ندب وأجمع العلماء على هذا التلقين


คำกล่าวของท่านนบีที่ว่า (จงสอน “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ”แก่เมาตาของพวกท่าน )ความหมายของมันคือ ผู้ที่ใกล้จะตาย และความมุ่งหมายให้กล่าวเขากล่าว لا إله إلا الله ก็เพื่อให้มันเป็นคำพูดสุดท้ายของเขา ดังสิ่งที่ปรากฏในหะดิษว่า (ผู้ใดคำพูดสุดท้ายของเขา คือ لا إله إلا الله เขาได้เข้าสวรรค์) และคำสั่ง ด้วยตัลกีนนี้ เป็นคำสังที่เป็นสุนัต และบรรดาอุลามาอ เห็นฟ้องกัน บนการอ่านตัลกีลนี้ - ชัรหุมุสลิม 2/512
หะดิษที่มาสนับสนุนการสอนกะลีมะฮชะฮาดะฮแก่คนใกล้ตายคือคือ รายงานจากมุอาซ บิน ญะบัล (ร.ฎ)กล่าวว่า
سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ ( مَنْ كَانَ آخِرُ كَلامِهِ لا إِلَهَ إِلا اللَّهُ وَجَبَتْ لَهُ الْجَنَّةُ
ข้าพเจ้าได้ยินรซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ผู้ใดคำพูดสุดท้ายของเขา คำว่า “لا إِلَهَ إِلا اللَّهُ” เขาจะได้เข้าสวรรค์” – รายงานโดย อะหมัด (21529)และอบูดาวูด(3116) -
เมื่อลุงของท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิ ใกล้จะตาย ท่านได้กล่าวแก่ลุงของท่านว่า
أَيْ عَمِّ ، قُلْ : لا إِلَهَ إِلا اللَّهُ ، كَلِمَةً أُحَاجُّ لَكَ بِهَا عِنْدَ اللَّهِ
โอ้ลุงของฉัน จงกล่าวคำว่า “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ” ถ้อยคำที่ฉันจะได้อ้างเป็นหลักฐานให้แก่ท่านด้วยมัน ณ อัลลอฮ”- รายงานโดย บุคอรี(3884)และมุสลิม(24)
.....................
เพราะฉะนั้น หะดิษตัลกีนคนในหลุม กับ หะดิษสอนคนที่ใกล้จะตาย มันคนละเรื่องกัน แต่คุณ Sukiman Tuanno เอามาผสมกัน โดยการชงเอง ว่า ตอนใกล้ตายก็สอน ตอนตายอยู่ในหลุมก็สอน มันคือ ความเห็นของคุณ Sukiman Tuanno เองที่สวมบทบาทเป็นนักหะดิษและอุลามาอฺวิเคราะห์หะดิษเอง
والله أعلم بالصواب
24/5/60
24/5/60
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น