วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

หะดิษปลอมเรื่องอาดัมตะวัซซุลด้วยนบีมุหัมหมัด จะทำให้เศาะเฮียะได้หรือ




หะดิษปลอมเรื่องอาดัมตะวัซซุลด้วยนบีมุหัมหมัด จะทำให้เศาะเฮียะได้หรือ

Nazaie Al-baihagi
ใครเชื่อ เชคอัลบานีย์ที่ไม่ได้เป็นนักวิชาการหะดิสก็ตามใจนะอ้างว่าหท่านอัลฮากิม ได้กล่าวด้วยสายสืบของท่านว่า
عَنْ عُمَرَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قَالَ: قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : لَمَّا اِقْتَرَفَ آدَمُ عَلَيْهِ السَّلاَمُ الْخَطِيْئَةَ، قَالَ: يَا رَبِّ أَسْأَلُكَ بِحَقِّ مُحَمَّدٍ لَمَا غَفَرْتَ لِيْ
จากท่านอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ท่านได้กล่าว่า : ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "ขณะที่อาดัม อะลัยฮิสลาม ได้กระทำความผิด เขากล่าวว่า โอ้ผู้อภิบาลแห่งข้าฯ ข้าพเจ้าวอนขอต่อพระองค์ด้วยสิทธิ์แห่งมุฮัมมัด นอกจากพระองค์ทรงอภัยแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด..." หนังสือมุสตัดร็อก อะลัสศ่อฮีฮัยน์ ขอท่านอัลฮากิม 2/615 และท่านอัลฮากิมกล่าวว่า สายรายงานของฮะดีษนี้ซอฮิห์ 
//////////////
ส่วนตัวผมเชื่อตามความรู้ของอัลฮากิม(รฮ)ที่บอกวา หะดิสนี้ ซอฮิห์.ครัช
ส่วนใครจะเชื่อ ตามท่านท่านอัซซะฮะบีย์(รฮ)ที่ได้วิจารณ์ว่า "ฮะดีษนี้เมาฎั๊วะ" ในสายรายงานอื่นจากหนังสือ ตัลคีศ อัลมุสตัดร็อก 2/615 ตามที่เชคอัลบานีย์เอามากล่าวอ้างก็ตามใจครัช.
@@@
ชีแจง
คุณ Nazaie Al-baihagi คงอ่านอาหรับไม่รู้เรื่อง หนังสือที่ผมอ้างคือ ตัลคิสอัลมุสติดรอ็คของอิหม่ามหากิมที่ อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ ได้อธิบายเชิงอรรถวิจารณ์ หะดิษรายงานโดยอัลหากิม
โดยกล่าวว่า 
بل موضوع. عبد الرحمن واه .....وعبد الله بن مسلم الفهري لا أدري من ذا.
แต่ทว่า เป็นหะดิษปลอม ,อับดุรเราะหมาน นั้นหลักฐานอ่อน (วาฮิน)...... และอับดุลลอฮ บิน มุสลิม อัลฟิฮรีย์ ข้าพเจ้าไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร - อธิบายเชิงอรรถ ของ อัลมุสตัดรอก เล่ม 2 หน้า 762 หะดิษหมายเลข 238/4228
ผู้รายงานในสายรายงานชื่อ عَبد الرحمن بن زيد بن أسلم คนนี้ นักหะดิษเขาไม่ยอมรับ
อัลหัยษะมีย์ กล่าวว่า
وفيه من لم أعرفهم.
ในหะดิษ มีผู้ที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก – ดู มัจญมัวะอัซซะวาอิด 8/253
อัลหาฟิซ อับดุลฮาดีย(ร.ฮ) กล่าวว่า
إنه حديث غير صحيح ولا ثابت، بل هو حديث ضعيف الإسناد جدًا، وقد حكم عليه بعض الأئمة بالوضع
แท้จริง หะดิษไม่เศาะเฮียะ และไม่แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น มันคือหะดิษสายรายงานอ่อนมาก และ ส่วนหนึ่งของบรรดาอิหม่าม(ด้านหะดิษ) ได้ตัดสินว่า เป็นการกุขึ้นมา(อุปโลกน์ขึ้นมา) – ดู อัศศอริมุนมังกีย์ ฟีรอด อะลัสสุบกีย์ หน้า 60
อิบนุหะญัรอัลอัสเกาะลานีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า
"عبد الله" ابن مسلم أبو الحارث الفهري روى عن إسماعيل بن مسلمة بن قعنب عن عبد الرحمن بن يزيد بن أسلم خبرا باطلا فيه "يا آدم لولا محمد ما خلقتك" رواه البيهقي في دلائل النبوة انتهى قلت لا أستبعد أن يكون هو الذي قبله فأنه من طبقته.
อับดุลลอฮ บิน มุสลิม อบูอัลหาริษ อัลฟิกฮรีย์ ได้รายงานจาก อิสมาอีล บิน มุสลิมะฮ บิน เกาะอนับ จากอับดุรเราะหมาน บิน ยะซีด บิน อัสลัม หะดิษหนึ่งอันเป็นโมฆะ (เป็นเท็จ) ในมันมีข้อความว่า “โอ้อาดัม ถ้าไม่มีมุหัมหมัด ข้าไม่สร้างเจ้าหรอก.... รายงานโดย อัลบัยฮะกีย์ ในดะลาอิลุลนุบูวะฮ ,ข้าพเจ้า(อิบนุหะญัร) กล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ปฏิเสธ (หมายถึงไม่ได้บอกว่าเป็นไปไม่ได้) ที่ผู้ที่รับมันคือคนที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา – ดู ลิซานุลมีซาน 3/359-360
อัลหาฟิซ อิบนุหะญัรอัลอัสเกาะลานีย์แลกใจ ว่าทำไม่อัลหากิมจึงบอกว่าเศาะเฮียะ เลยท่านได้วิจารณ์ดั่งนี้
ومن العجيب ما وقع للحاكم أنه أخرج لعبد الرحمن بن زيد بن أسلم. وقال بعد روايته : "هذا صحيح الإسناد، وهو أول حديث ذكرته لعبد الرحمن". مع أنه قال في كتابه الذي جمعه في الضعفاء : "عبد الرحمن بن زيد بن أسلم روى عن أبيه أحاديث موضوعة لا يخفى على من تأملها من أهل الصنعة أن الحمل فيها عليه".
และเป็นส่วนหนึ่งจากเรื่องที่ประหลาดใจ คือ สิ่งที่ เกิดขึ้นสำหรับ อัลหากิม แท้จริงเขา บันทึก รายงานของ อับดุรเราะหมาน บินซัยดฺ บิน อัสลัม โดยเขากล่าวหลังจากการรายงานของเขา(ในอัลมุสตัดรอ็ก)ว่า “นี่คือ สายรายงานเศาะเฮียะ และมันคือหะดิษแรก ที่ข้าพเจ้า ได้ระบุ มัน (ว่าเป็นรายงาน)ของอับดุรเราะหฺมาน ทั้งที่เขา(อัลหากิม) ได้กล่าวใน หนังสือของเขา ที่เขาได้รวบรวมมัน(ได้แต่งขึ้นมา) คือ ในหนังสือ อัฏฎุอะฟาอฺ (โดยกล่าวว่า)อับดุรเราะหมาน บิน ซัยดฺ บิน อัสลัม รายงานรายงานบรรดาหะดิษปลอมจาก จากบิดาของเขา ,มันไม่สามารถซ่อนเร้นแก่ ผู้ที่พิจารณามันอย่างรอบคอบจากผู้ชำนาญการ ว่า การรับผิดชอบในมัน(ในการรายงานหะดิษปลอม) ตกอยู่บนเขาด้วย – ดู อัลนักตุอะลากิตาบอิบนิสเศาะลาห ของอัลหาฟิซอิบุหะญัร 1/318 (ดูสำเนาหนังสือ)
................
แปลกไหม ท่านหากิมวิจารณ์ ท่าน อับดุรเราะหมาน บินซัยดฺ บิน อัสลัม ว่าเขารรายงานหะดิษปลอม แต่พอมาในหะดิษตะวัซซุลกลับบอกว่า สายรายงานเศาะเฮียะ เลยสร้างความประหลาดใจให้แก่ท่านอัลหาฟิซอิบนุหะญัร 
คุณ Nazaie Al-baihagi ครับต่อให้คุณดิ้นอย่างไร หาเหตุมาอ้างอย่างไรก็ไม่ได้ทำให้หะดิษปลอมเรื่อง นบีอาดัมตะวัซซุล ด้วยนบีมุหัมหมัดได้หรอก อย่าพยายามกล่าวหาคนที่คัดค้านเลย บาปจะกินหัวท่านเปล่าๆ ยอมรับเถอะครับ เรื่องศาสนาจะเอาชนะด้วยนัฟซู ในที่สุดก็แพ้ในวันอาคีเราะฮครับ ขอเตือน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
1/11/55

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

วาทกรรมของคนที่อ้างว่าคุณลักษณะอัลลอฮตามตัวบทไม่ใช่ความหมายจริง










วาทกรรมของคนที่อ้างว่าคุณลักษณะอัลลอฮตามตัวบทไม่ใช่ความหมายจริง


ราชสีห์ ผู้ภักดีของแผ่นดิน
28 ตุลาคม เวลา 7:29 น.
หากเราเข้าใจตัวบทแบบคำตรงหรือคำแท้ (ฮะกีกัต) มันก็ออกมาให้เห็นแบบเหมือนอากีดะเหมือนวาฮาบีทุกวันนี้ครับ แต่ถ้าหากเราทำการมอบหมายหรือตีความถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ภาพมันก็ไม่มีทางจะออกมาแบบนี้ได้อย่างแน่นอนครับ
พระองค์ทรงตรัสว่า
هُوَ الأََوَّلُ وَالآخِرُ وَالظَّاهِرُ وَالْبَاطِنُ
"พระองค์ทรงเป็นองค์แรก พระองค์ทรงเป็นองค์สุดท้าย พระองค์ทรงเป็นภายนอก และพระองค์ทรงเป็นภายใน" (อัล-หะดีด 3)
หมายถึงพระองค์ทรงเป็นองค์แรกและทรงกอดีมมีมาตั้งแต่เดิมโดยไม่มีจุดเริ่มต้น แต่ปรากฏว่าการเชื่อว่าพระองค์ทรงมีทิศที่กอดีม(ที่ไม่ใช่มัคโลค) นั้น ย่อมชี้ให้เห็นว่า อัลเลาฮฺทรงมีมาโดยอยู่พร้อมกับทิศของพระองค์ แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นเตาฮีดแห่งการมีนะครับ เพราะพระองค์ต้องเตาฮีด(เอกกะ)ในการเริ่มมีขึ้นมาด้วย เพราะพระองค์ทรงเป็นองค์หรือเป็นสิ่งแรกแห่งการมี
ทั้งที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า
كان الله ولم يكن شيء غيره
" พระองค์ทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีสิ่งใดเลย นอกจากพระองค์(เพียงองค์เดียว) " รายงานโดย อัล-บุคอรีย์
หมายถึง อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงยังคงมีมาตั้งแต่เดิมแล้ว โดยที่ไม่มีสิ่งใดอยู่พร้อมกับพระองค์ ไม่มีทิศ (ไม่ว่าจะมัคโลคหรือไม่มัคโลคก็ตาม) ไม่มีน้ำ ไม่มีอากาศ ไม่มีผืนดิน ไม่มีท้องฟ้า ไม่มีกุรซีย์ ไม่มีอะรัช ไม่มีมนุษย์ ไม่มีญิน ไม่มีมะลาอิกะฮ์ ไม่มีเวลา และไม่มีสถานที่ ดังนั้น พระองค์ทรงยังคงมีมาแต่เดิมโดยไม่มีสถานที่ และทรงมีมาก่อนที่จะมีสถานที่ และปัจจุบันพระองค์ยังคงมีุคุณลักษณะอย่างนั้นโดยไม่เปลี่ยนแปลง

@@@@@

ชี้แจง

ข้างต้นคือวาทกรรมที่เป็นตรรกทางปัญญา เข้าใจว่า หาอิษบาต(ยืนยัน)บรรดาคุณลักษณะของอัลลอฮ ที่ปรากฏในอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ  เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับตรรกทางปัญญา และไม่กินกับปัญญา ตามความเข้าใจและการจินตนาการ   จึงมีการตีความให้สอดรับกับเหตุผลทางปัญญา  ทั้งๆที่สิ่งเหลานี้ อัลลอฮตาอาลาไม่ได้ให้อำนาจเขาในการกระทำเช่นนั้น

หลักการอิษบาตสิฟาต(การรับรองหรือยืนยัน)คุณลักษณะของอัลลอฮตาอาลานั้นคือ  การยืนยันคุณลักษณะของอัลลอฮตามความหมายจริงที่ปรากฏตามตัวบท (ไม่ใช่ความหมายผิวเผินอย่างที่ท่านครูคนหนึ่งอุปโลกน์คำนี้)  และสะลัฟเขาไม่อธิบายรูปแบบสิฟาต เพราะอัลลอฮ ทรงอยู่นอกเหนือจินตนาการและทรงไม่มีสิ่งใด เสมอเหมือน

อับนุอับดิลบีร (ฮ.ศ 368 - 463ْ ) กล่าวว่า

أهل السنة مجمعون على الإقرار بالصفات الواردة كلها في القرآن والسنة والإيمان بها وحملها على الحقيقة لا على المجاز إلا أنهم لا يكيفون شيئا من ذلك ولا يحدون فيه صفة محصورة

อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ มีมติเห็นพ้องกัน ในการยอมรับบรรดาคุณลักษณะ(ซิฟาต) ทั้งหมดที่ปรากฏในอัลกุรอ่านและซุนนะฮ์ และศรัทธาต่อมัน และถือมันตามความหมายจริง(ฮะกีกัต) ไม่ใช่ตามความหมายในเชิงอุปมาอุปมัย นอกจากว่า แท้จริงพวกเขา ไม่ได้อธิบายวิธีการว่าเป็นอย่างไรจากซิฟัตดังกล่าวเลย และพวกเขาไม่ได้จำกัดในนั้น เป็นคุณลักษณะหนึ่งลักษณะที่เฉพาะ
...............

-ข้างต้นคือ อะกีดะฮสะลัฟ คือการยอบรับคุณลักษณะของอัลลอฮ ตามที่ปรากฏในอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ  ศรัทธาและถือตามความหมายจริง       

ส่วนอะกีดะฮตามความเชื่อของบาบอ ราชสีห์ ผู้ภักดีของแผ่นดินนั้น
อิบนุอับดิลบัร (ร.ฮ) บอกว่าเป็นทัศนะของอะฮลุลบิดอะฮ ,พวกมุอตะซิละฮ ,พวกญะฮมียะฮและเคาะวาริจญ  คือ

وأما أهل البدع والجهمية والمعتزلة كلها والخوارج فكلهم ينكرها ولا يحمل شيئا منها على الحقيقة ويزعمون أن من أقر بها مشبه وهم عند من أثبتها نافون للمعبود

และสำหรับ พวกบิดอะฮ์ พวกญะฮ์มียะฮ และพวกมุอฺตะซิละฮ์ พวกเขาทั้งหมดนั้น และพวกเคาะวาริจญ์ ทั้งหมด ปฏิเสธมัน และไม่ได้ถือตามความหมายฮะกีกัตจากมัน(บรรดาซิฟาตดังกล่าว)
พวกเขาอ้างว่า ผู้ที่ยอมรับมัน(ตามความหมายฮะกีกัต)นั้นเป็นพวกมุชับบะฮะฮ์ ( คือเป็นผู้ที่นำอัลลอฮ์ไปเทียบกับมัคลู๊ก )และในทัศนะของพวกเขาถือว่า ผู้ที่ยอมรับมัน เป็นผู้ที่ปฏิเสธพระเจ้าผู้ควรเคารพภักดี
.............

พวกอะฮลุลบิดอะฮ พวกมุอตะซิละฮ พวกญะฮมียะฮ พวกเขาคัดค้านการยืนยันสิฟาตตามความหมายที่มีมาตามตัวบท โดยเข้าใจว่า การยืนยันความหมายตามตัวบท นั้น เป็นการเปรียบอัลลอฮกับมัคลูค และนี่คือ อะกีดะฮอะฮลุลบิดอะฮ 

ท่านอิบนุอับดุลบัร (ร.ฮ)กล่าวสรุปว่า

والحق فيما قاله القائلون بما نطق به كتاب الله وسنة رسوله وهم أئمة الجماعة والحمد لله
และความถูกต้องนั้น มันอยู่ในสิ่งที่บรรดาผู้ที่มีทัศนะตามที่กิตาบุลเลาะฮ์และซุนนะฮ์ของรอซูลของพระองค์ได้กล่าวเอาไว้ พวกเขาคือ ผู้นำแห่งอัลญะมาอะฮ์ อัลฮัมดุลิ้ลละฮ์

- ดู อัตตัมฮิด เล่มที่ 7 หน้า 145
..................

จากรายละเอียดข้างต้นสรุปว่า
1.อะฮลุสสุนนะฮ ยืนยันคุณลักษณะของอัลลอฮ ตามความหมายจริงที่มีมาตามตัวบท
2.อะกีดะฮอะฮลุลบิดอะฮ  มุอตะซิละฮ และญะฮมียะฮ ปฏิเสธความหมายจริงที่มีมาตามตัวบท โดยอ้างว่าผู้ที่ยืนยันความหมายจริงตามตัวบท เป็นการเปรียบอัลลอฮกับมัคลูค
อิบนุอับดิลบัร(ร.ฮ) ได้แยกแยะไว้ชัดเจนระหว่างอะกีดะฮอะฮลุสสุนนะฮ กับ อะกีดะฮอะฮลุลบิดอะฮ   ผู้อ่านพิจารณาเองว่าจะเดินตามแนวทางใหน

والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
31/10/59

อัลลอฮทรงอยู่เบื้องสูง ภาค 1










อัลลอฮทรงอยู่เบื้องสูง ภาค 1

حَدَّثَنَا أَبُو الْيَمَانِ أَخْبَرَنَا شُعَيْبٌ حَدَّثَنَا أَبُو الزِّنَادِ عَنْ الْأَعْرَجِ عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ عَنْ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ إِنَّ اللَّهَ لَمَّا قَضَى الْخَلْقَ كَتَبَ عِنْدَهُ فَوْقَ عَرْشِهِ إِنَّ رَحْمَتِي سَبَقَتْ غَضَبِي
คำแปลตัวบท
จากท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ในขณะที่อัลลอฮฺทรงตัดสินบรรดามัคโลค พระองค์ทรงบันทึกในสิ่งบันทึกหนึ่ง(คือเลาฮิลมะหฺฟูศฺ) ณ ที่พระองค์ว่า ความเมตตาของข้านำหน้าความกริ้วของข้า ซึ่งสิ่งบันทึก(เลาฮิลมะหฺฟูศฺ) ณ พระองค์นั้น ได้อยู่ข้างบนอะรัช ”รายงานโดยท่านอิหม่ามอัลบุคอรีย์ เลขที่ 6988
….
อิบนุคุซัยมะฮ (ฮ.ศ 223-311) ปราชญ์นักหะดิษยุคสะลัฟอธิบายว่า
قَالَ أَبُو بَكْرٍ : أَمْلَيْتُ طُرُقَ هَذَا الْخَبَرِ فِي غَيْرِ هَذَا الْكِتَابِ ، فَالْخَبَرُ دَالٌ عَلَى أَنَّ رَبَّنَا جَلَّ وَعَلا فَوْقَ عَرْشِهِ الَّذِي كِتَابُهُ : إِنَّ رَحْمَتَهُ غَلَبَتْ غَضَبَهُ عِنْدَهُ
อบูบักร์(เป็นนามแฝงของอิบนุคุซัยมะฮ) กล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้บันทึกบรรดาสายรายงานของหะดิษนี้ ในอื่นจากหนังสือเล่มนี้ และ หะดิษ แสดงบอกว่า แท้จริงพระเจ้าของเรา ผู้ทรงยิ่งใหญ่ และทรงสูงส่ง อยู่เหนือ บัลลังค์ของพระองค์ ซึ่ง บันทึกของพระองค์ (ระบุว่า) แท้จริง ความเมตตาของข้านำหน้าความกริ้วของข้า – กิตาบุตเตาฮีด 1/241
.............
หลักฐานจากหะดิษและคำอธิบายของปราชญยุคสะลัฟ แสดงบอกการอยู่เบื้องสูงเหนืออะไรของอัลลอฮ ชัดเจน แต่ถ้า คิดจะใช้ตรรกตีความให้สอดรับกับเหตุผลทางปัญญาที่เกิดจากมโนจริตนั้น ชาตินี้ทั้งชาติ คงจะหาพระเจ้าไม่เจอ และไม่ว่าพระเจ้าของตัวเองอยู่ใหนจนตายก็ไม่รู้
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/10/59

เมื่อเขาเอาความเห็นนำหน้าและทิ้งหลักฐานจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮไว้เบื้องหลัง








เมื่อเขาเอาความเห็นนำหน้าและทิ้งหลักฐานจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮไว้เบื้องหลัง
บัง ฟาฏอนีย์
41 นาที
เมื่อ ท่านอิบนุฮะญัร อธิบาย คำว่า ฟีสสะมาอฺ แบบนี้ ก็จบซิคับ
ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสกอลานีย์กล่าวว่า
وَلَا يَلْزَمُ مِنْ كَوْنِ جِهَتَىِ الْعُلُوِّ وَالسُّفْلِ مُحَالاً عَلىَ اللهِ أَنْ لاَ يُوْصَفُ بِالْعُلُوِّ ، لِأَنَّ وَصْفُهُ بِالْعُلُوَّ مِنْ جِهَةِ الْمَعْنَى ، وَالْمُسْتَحِيْلُ كََوْنُ ذَلِكَ مِنْ جِهَةِ الْحِسِّ وَلِذَلِكَ وَرَدَ فِىْ صِفَتِهِ الْعَالِى وَالعَلِىُّ وَالْمُتَعَالِى ، وَلَمْ يَرِدْ ضِدُّ ذَلِكَ ,إِنْ كَانَ قَدْ أَحَاطَ بِكُلِّ شَىْءٍ عِلْماُ جَلَّ وَعَزَّ
ความว่า “ ไม่จำเป็นจากการมีสองทิศสูง(บน)และทิศล่างนั้น เป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับอัลเลาะฮ์ที่พระองค์ไม่มีคุณลักษณะที่สูงส่ง เพราะลักษณะความสูงส่งของพระองค์นั้น มาจากด้านของนามธรรม(คือสูงส่งมิใช่รูปธรรมที่อยู่ในความหมายที่พระองค์มีสถานที่สถิตอยู่ให้กับพระองค์) และเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้ กับ(การมีคุณลักษณะสูงส่ง)ดังกล่าวนั้นมาจากด้าน(ความหมาย)ที่เป็นรูปธรรมสัมผัสได้(คือมีสถานที่อยู่แบบสูงๆขึ้นไป) และด้วยเหตุดังกล่าวนี้ คำว่า العالى والعلى والمتعالى (หมายถึงพระองค์ทรงสูงส่งยิ่ง) จึงมีมาอยู่ในลักษณะของพระองค์ และไม่มีระบุมาโดยตรงกันข้ามกับสิ่งดังกล่าวเลย และหากแม้ว่าพระองค์ทรงห้อมล้อมทุก ๆ สิ่งด้วยความรอบรู้ของพระองค์สักทีก็ตาม” ดู ฟัตหฺ อัลบารีย์ เล่ม 6 หน้า 136
……………..
@@@@@@@@
ชี้แจง
ข้อความข้างต้น มาจากข้อมูลของอาจารยใหญ่เว็บสะติวเด้นแปลไว้ เพื่อเป็นหลักฐานปฏิเสธ การอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ แล้วต่อมา ท่านบาบอ ราชสีห์ ผู้ภักดีของแผ่นดิน เอามาอ้างอีกต่อ แล้วคุณอาบัง ฟาฏอนีย์ เอามาอ้างอีกที่ โดยกล่าวอย่างมั่นใจว่า เจอหลังฐานนี้ ผู้ที่เชื่อว่าอัลลอฮอยู่เบื้อสูง คนเจอทางตัน ไม่มีทางไปอีกแล้ว ..จบเฮ่
.................
คุณ บัง ฟาตอนีย์ครับ ข้างต้น เป็นความเห็นของอัลหาฟิซอิบนุหะญัร (ร.ฮ) ปราชญ์ท่านหนึ่ง ไม่ใช่อะกีดะฮสะลัฟ ซึ่งในเรื่องสิฟาต ท่านยังเห็นต่างกับสะลัฟ เป็นการอิจญติฮาดของท่าน ท่านผิดพลาดได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก เรื่องนี้ชัยค์อัลบานีย์ ได้เคยชี้แจงไว้
เพราะฉะนัน 
การกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ที่อัลลอฮจะอยู่เบื้องสูงด้วยรูปธรรม(หรืออยู่เบื้องสูงจริงๆ) นั้นทัศนะนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะ
1.มีหลักฐานมากมายแสดงการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ ทั้งอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ขอยกตัวอย่างมา สัก 1 อายะฮคือ
และเช่นพระดำรัสที่ว่า
﴿تعرج الملائكة والروح إليه﴾ المعارج/4. 
ความว่า “มาลาอิกะฮฺและอัรรูหฺ (ญิบรีล) จะขึ้นไปหาพระองค์ ” (อัลมะอาริจญฺ / 4)
อิหม่ามอัลบัฆวีย์ อธิบายว่า 
( وَالرُّوحُ) يعني جبريل عليه السلام ( إِلَيْهِ) أي إلى الله عز وجل 
และอัรรูห์ หมายถึง ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม ( ไปยังพระองค์) หมายถึง ไปยังอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง - ดู ตัฟสีรอัลบัฆวีย์ อรรถาธิบายซูเราะฮ อัลมะอาริจญ อายะฮที่ 70
อิบนุญะรีร ปราชญยุคสะลัฟ (ขออัลอฮเมตตาต่อท่าน)อธิบายว่า 
تَصْعَد الْمَلَائِكَة وَالرُّوح , وَهُوَ جِبْرِيل عَلَيْهِ السَّلَام إِلَيْهِ , يَعْنِي إِلَى اللَّه جَلَّ وَعَزَّ ; وَالْهَاء فِي قَوْله { إِلَيْهِ } عَائِدَة عَلَى اسْم اللَّه 
มลาอิกะฮและอัรรูหฺ ขึ้นไป และเขาคือ ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม ยังพระองค์ หมายถึง ไปยังอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงเลิศยิ่ง และ อักษรฮา ในคำตรัสที่ว่า(อิลัยฮิ) กลับไปยังพระนามของอัลลอฮ (หมายถึงเป็นสรรพนามแทนชื่ออัลลอฮ) – ดู – ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์ อรรถาธิบาย ซูเราะฮอัลมะอาริจญ์ อายะฮที่ 4 
............ 
ข้างต้น ยืนยันชัดเจนว่า บรรดามลาอิกะฮและ ญิบรีลรู้ว่าอัลลอฮ อยู่ใหน เพราะพวกเขาขึ้นไปยังอัลลอฮ ส่วนการอ้างว่า เป็นการสูงที่เป็นนามธรรม หรือสูงส่งทางด้านฐานันดร อันนี้หากใช้ตรรกทางปัญญา ก็ยิ่งขัดต่อความเป็นจริงอย่างเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องหมุนเสา คือ เป็นเป็นไปไม่ได้ที่มลาอิกะฮจะขึ้นไปยังความสูงส่งทางฐานันดร เพราะมันเป็นนามธรรม ไม่ใช่สถานเบื้องสูง จึงสรุปว่า คำว่า บนฟ้า คือสูงทางด้านฐานะ ขัดแย้งกับความเป็นจริงโดยสิ้น
2. หลักฐานจากอัสสุนนะฮ ขอยกมา 1 ตัวอย่างก็พอเพียงสำหรับผู้มีสติปัญญา
เพราะว่า หะดิษเมียะรอจญ ที่ท่านนบี ศอ็ลฯ ได้ขึ้นไปรับบทบัญญัติละหมาด ๕ เวลาจากอัลลอฮ ซึ่งปราชญ์ยุคสลัฟยืนยันดังนี้คือ 
ในเศาะเฮียะบุคอรี หมายเลข ๖๙๘๖ เรื่อง อิสรออฺ เมียะรอจญ โดยมีข้อความตอนหนึ่งว่า
فَالْتَفَتَ النَّبِيُّ صلى الله عليه وسلم إِلَى جِبْرِيلَ كَأَنَّهُ يَسْتَشِيرُهُ فِي ذَلِكَ، فَأَشَارَ إِلَيْهِ جِبْرِيلُ أَنْ نَعَمْ إِنْ شِئْتَ. فَعَلاَ بِهِ إِلَى الْجَبَّارِ فَقَالَ وَهْوَ مَكَانَهُ يَا رَبِّ خَفِّفْ عَنَّا، فَإِنَّ أُمَّتِي لاَ تَسْتَطِيعُ هَذَا. فَوَضَعَ عَنْهُ عَشْرَ صَلَوَاتٍ ثُمَّ رَجَعَ إِلَى مُوسَى فَاحْتَبَسَهُ، فَلَمْ يَزَلْ يُرَدِّدُهُ مُوسَى إِلَى رَبِّهِ حَتَّى صَارَتْ إِلَى خَمْسِ صَلَوَاتٍ
’ ดังนั้น นบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ ไปพบพบญิบรีล เพื่อขอคำชี้แนะต่อเขาในเรื่องดังกล่าวนั้น แล้ว ญิบรีลได้ชี้แนะแก่ท่านนบี ว่า เชิญ ครับ หากท่านต้องการ แล้ว เขา(ญิบรีล)ได้นำท่านนบีขึ้นไปยัง พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรง อนุภาพ แล้วนบี ได้กล่าว โดยที่พระองค์(พระเจ้าผู้ทรงอนุภาพ)อยู่สถานที่ของพระองค์ ว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ,ได้โปรดลดย่อนจากเรา เพราะแท้จริง อุมมะฮของข้าพระองค์ ไม่สามารถปฏิบัติแบบนี้ได้(หมายละหมาด ๕๐ เวลา) แล้วพระองค์ได้ลดย่อน จากมัน ให้เหลือ สิบเวลา หลังจากนั้น นบีก็ได้กลับไปยังมูซา แล้ว มูซา ได้กับตัวนบีเอาไว้ และมูซาได้ให้นบีกลับไป ยังพระผู้อภิบาลอยู่ตลอดเวลา จนกระทั้ง ละหมาด กลายเป็น(หมายถึงถูกกำหนดให้เป็น)ห้าเวลา....
..........
หะดิษข้างต้น ระบุชัดเจนถึงการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ โดยญิบรีลนำท่านนบี ศอ็ลฯขึ้นไปยังอัลลอฮ พระเจ้าผู้ทรงอานุภาพ(อัลญับบาร)
หะดิษอิสรออฺและเมียะรอจญ์ เพื่อยืนยันการอยู่เบื้องสูงเหนืออะรัชของอัลลอฮ ตาอาลานั้น เป็นการยืนยันจากปราชญ์ยุคสะลัฟและเคาะลัฟ เช่น
อิหม่ามอิบนุคุซัยมะฮ (ฮ.ศ 223-311)
وَفِي الأَخْبَارِ دَلالَةٌ وَاضِحَةٌ أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عُرِجَ بِهِ مِنَ الدُّنْيَا إِلَى السَّمَاءِ السَّابِعَةِ ، وَأَنَّ اللَّهَ تَعَالَى فَرَضَ عَلَيْهِ الصَّلَوَاتِ عَلَى مَا جَاءَ فِي الأَخْبَارِ ، فَتِلْكَ الأَخْبَارُ كُلُّهَا دَالَّةٌ عَلَى أَنَّ الْخَالِقَ الْبَارِئَ فَوْقَ سَبْعِ سَمَاوَاتِهِ
ในบรรดาการบอกเล่า(หมายถึงหะดิษอัลเมียะรอจญ) คือหลักฐาน แสดงว่า แท้จริงนบี ศอ็ลฯ ถูกนำขึ้น จากดุนยา สู่ชั้นฟ้าที่เจ็ด และอัลลอฮ ตาอาลา ได้กำหนดละหมาดห้าเวลา ให้เป็นข้อบังคับ บนสิ่งที่มีมาในบรรดาคำบอกเล่า(หมายถึงหะดิษเมียะรอจญ์) และ บรรดาคำบอกเล่า(หะดิษ) ทั้งหมด แสดงบอกว่า พระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรค์ ผู้ทรงให้บังเกิด อยู่เหนือเจ็ดชั้นฟ้าของพระองค์ - กิตาบุตเตาฮีด หน้า 272
............
แปลกที่ยังมีผู้คนบางกลุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง โดยใช้ตรรกทางปัญญาตีความว่า หมายถึงสูงส่งในด้านฐานันดร และอำนาจ -นะอูซุบิลละฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/10/59
.............

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

หหะดิษทัศนะของอิหม่ามลิกเชื่อว่าอัลลอฮอยู่บนฟ้าเฎาะอีฟจริงหรือ





หหะดิษทัศนะของอิหม่ามลิกเชื่อว่าอัลลอฮอยู่บนฟ้าเฎาะอีฟจริงหรือ
อับดุลเกาะฮฺฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
15 ชม. • Amphoe Muang Phitsanulok, เทศบาลนครพิษณุโลก
เมื่อเวาะสันแอบอ้างอิมามมาลิก
อ้างอิงจาก Asan Binabdullah
ขอยกตัวอย่างทัศนะของอิหม่ามมาลิก (ร.ฮ) ดังนี้
قال الإمام عبد الله بن إمام أحمد حدثني أبي رحمه الله، نا سريج بن النعمان، نا عبد الله بن نافع، قال: كان مالك بن أنس يقول:" الله في السماء وعلمه في كل مكان لا يخلو منه شيء "
คำแปลตัวบท
จากรายงานจาก อับดุลลอฮ บิน นาเฟียะว่า เขากล่าวว่า (มาลิกกล่าวว่า อัลลอฮอยู่บนฟ้า และความรู้ของพระองค์ อยู่ทุกสถานที่ และไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นจากพระองค์ - ดู มะลาอิลอิหม่ามอะหมัด หน้า 353 บาบุน ฟิลญะฮมียะฮ หะดิษหมายเลข 1699
". انظر: "مسائل أحمد من رواية أبي داود 263"، "السنة لعبد الله بن أحمد (1/280) "والشريعة للآجري 289"، "وشرح أصول اعتقاد أهل السنة للالكائي 673"وابن عبد البر في"التمهيد"(7/138).وهو أثر صحيح لا غبار عليه
-------------------------------------------------------------------------------
ผมขอชี้เเจงดังนี้
ทัศนะของท่านอิหม่ามมาลิก บินอะนัส ที่เวาะสัน สะบิเดา นักบิดเบือนวิชาการเเห่งมัสหับกูเกิ้ล ยกมานั้น ถือว่าเป็น
"ทัศนะที่ดออี๊ฟ และมุนกัร"
เพราะมีผู้รายงาน ที่ชื่อว่า "อับดุลเลาะห์ บิน นาฟิอ์ " นั้น เป็นบุคคลที่เชื่อถือไม่ได้ และเป็นบุคคลที่ตัดลีซ หรือปกปิดสายรายงาน
ท่านอัลอุกอยลีย์ ได้กล่าวไว้ใน "อัฎฎุอะฟาอ์ " ว่า จากท่านบุคอรีย์ ว่า "อับดุลเลาะห์ บิน นาฟิอ์ " คนนี้ มุนกัร ดูใน ตารี๊ค อัลบุคอรีย์
ท่านอิบนุอบีฮาติม ได้กล่าวไว้ใน "อัลญั๊รห์" ว่า "อับดุลเลาะห์ บิน นาฟิอ์ " คนนี้ ลัยยิน หรือผู้รายงานที่อ่อนแอ เป็นที่รู้กันถึงความจำของเขา และเขามุนกัร"
@@@@
ชี้แจง
มันเป็นปกติของกลุ่มแนวคิดญะฮมียะฮ ที่ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ ที่พยายามโฆษณาชวนเชื่อว่า หะดิษที่ขัดกับแนวคิดตนเป็นหะดิษเฏาะอีฟ แต่หะดิษใดๆที่ไม่มีสายรายงานและเป็นหะดิษอะกีดะฮชีอะฮ เขาก็เอามาเป็นหลักฐานเพราะตรงกับตรรกทางปัญญาของตน
หะดิษทัศนะของอิหม่ามลิกเชื่อว่าอัลลอฮอยู่บนฟ้าเฎาะอีฟจริงหรือ
อับดุลเกาะฮฺฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
15 ชม. • Amphoe Muang Phitsanulok, เทศบาลนครพิษณุโลก
เมื่อเวาะสันแอบอ้างอิมามมาลิก
อ้างอิงจาก Asan Binabdullah
ขอยกตัวอย่างทัศนะของอิหม่ามมาลิก (ร.ฮ) ดังนี้
قال الإمام عبد الله بن إمام أحمد حدثني أبي رحمه الله، نا سريج بن النعمان، نا عبد الله بن نافع، قال: كان مالك بن أنس يقول:" الله في السماء وعلمه في كل مكان لا يخلو منه شيء "
คำแปลตัวบท
จากรายงานจาก อับดุลลอฮ บิน นาเฟียะว่า เขากล่าวว่า (มาลิกกล่าวว่า อัลลอฮอยู่บนฟ้า และความรู้ของพระองค์ อยู่ทุกสถานที่ และไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นจากพระองค์ - ดู มะลาอิลอิหม่ามอะหมัด หน้า 353 บาบุน ฟิลญะฮมียะฮ หะดิษหมายเลข 1699
". انظر: "مسائل أحمد من رواية أبي داود 263"، "السنة لعبد الله بن أحمد (1/280) "والشريعة للآجري 289"، "وشرح أصول اعتقاد أهل السنة للالكائي 673"وابن عبد البر في"التمهيد"(7/138).وهو أثر صحيح لا غبار عليه
-------------------------------------------------------------------------------
ผมขอชี้เเจงดังนี้
ทัศนะของท่านอิหม่ามมาลิก บินอะนัส ที่เวาะสัน สะบิเดา นักบิดเบือนวิชาการเเห่งมัสหับกูเกิ้ล ยกมานั้น ถือว่าเป็น
"ทัศนะที่ดออี๊ฟ และมุนกัร"
เพราะมีผู้รายงาน ที่ชื่อว่า "อับดุลเลาะห์ บิน นาฟิอ์ " นั้น เป็นบุคคลที่เชื่อถือไม่ได้ และเป็นบุคคลที่ตัดลีซ หรือปกปิดสายรายงาน
ท่านอัลอุกอยลีย์ ได้กล่าวไว้ใน "อัฎฎุอะฟาอ์ " ว่า จากท่านบุคอรีย์ ว่า "อับดุลเลาะห์ บิน นาฟิอ์ " คนนี้ มุนกัร ดูใน ตารี๊ค อัลบุคอรีย์
ท่านอิบนุอบีฮาติม ได้กล่าวไว้ใน "อัลญั๊รห์" ว่า "อับดุลเลาะห์ บิน นาฟิอ์ " คนนี้ ลัยยิน หรือผู้รายงานที่อ่อนแอ เป็นที่รู้กันถึงความจำของเขา และเขามุนกัร"
@@@@
ชี้แจง
มันเป็นปกติของกลุ่มแนวคิดญะฮมียะฮ ที่ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ ที่พยายามโฆษณาชวนเชื่อว่า หะดิษที่ขัดกับแนวคิดตนเป็นหะดิษเฏาะอีฟ แต่หะดิษใดๆที่ไม่มีสายรายงานและเป็นหะดิษอะกีดะฮชีอะฮ เขาก็เอามาเป็นหลักฐานเพราะตรงกับตรรกทางปัญญาของตน
นาย อับดุลเกาะฮฺฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ อ้างว่า
เพราะมีผู้รายงาน ที่ชื่อว่า "อับดุลเลาะห์ บิน นาฟิอ์ " นั้น เป็นบุคคลที่เชื่อถือไม่ได้ และเป็นบุคคลที่ตัดลีซ หรือปกปิดสายรายงาน
.......
ขอชี้แจงว่า อับดุลเลาะห์ บิน นาฟิอ์ เป็นบุคคลที่นักวิชาการหะดิษระบุว่าเชื่อถือได้ เช่น
1.อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ กล่าวว่า
قُلْتُ : وَعَبْدُ اللَّهِ الصَّائِغُ حَدِيثُهُ مُخَرَّجٌ فِي الْكُتُبِ السِّتَّةِ سِوَى " صَحِيحِ الْبُخَارِيِّ " 
ข้าพเจ้ากล่าวว่า "และอับดุลลอฮ อัศศอเอียะ นั้น หะดิษของเขาถูก ถูกบันทึกไว้ในอัลกุตุบอัสสิตตะฮ(หนังสือหะดิษทั้งหก) นอกจาก เศาะเฮียะบุคอรีย์ -สิยารเอียะลามอัลนุบะลาอฺ 10/373
2. ยะหยา บิน มุอีน บอกว่า เขาเชื่อถือได้(ษิเกาะฮ)-ดู สิยารเอียะลามอัลนุบะลาอฺ 10/373 และ อัลญัรหฺวัตตะอดีล 5/184
3. อัลนะสาอีย์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร และเขากล่าวอีกครั้งว่า เชื่อถือได้ –ดู ตะฮซีบุลกะมาล 1/211
4. อบูซุรอะฮ กล่าวว่า ไม่เป็นไร(หมายถึงเชื่อถือได้) –ดู ตะซีลบุลกะมาล 16/210
5. อัลอิจญลีย์ กล่าวว่า “เชื่อถือได้ –ดู ตะฮซีบุตตะฮซีบ 16/210
6. และท่านอื่นๆอีก
อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ (ร.ฮ) กล่าวว่า
هذا حديث ثابت عن مالك رحمه الله، أخرجه عبد الله بن أحمد بن حنبل في كتاب "الرد على الجهمية" عن أبيه، عن سريج بن النعمان، عن عبد الله بن نافع تلميذ مالك وخصيصه
นี้คือ หะดิษที่แน่นอน จากมาลิก (ร.ฮ) บันทึกโดย อะหมัด บิน หัมบัล ในหนังสือ อัรรอ็ด อะลัลญะฮมียะฮ จากบิดาของเขา จาก สุรัยญ บิน อัลนุอฺมาน จากอับดุลลอฮ บิน นาเฟียะ ศิษย์ของมาลิกและคนใกล้ชิดของเขา – กิตาบอัลอะรัช ของอิหม่ามอัซซะฮะบีย์ 2/180-181
คำว่า “حديث ثابت (หะดิษษาบิต)ในทัศนะของนักหะดิษ คือหะดิษที่ถูกยอมรับ ซึ่ง อาจจะอยู่ในระดับเศาะเฮียะ หรือไม่ก็ระดับหะซัน 
นาย อับดุลเกาะฮฺฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ อ้างว่า
ท่านอัลอุกอยลีย์ ได้กล่าวไว้ใน "อัฎฎุอะฟาอ์ " ว่า จากท่านบุคอรีย์ ว่า "อับดุลเลาะห์ บิน นาฟิอ์ " คนนี้ มุนกัร ดูใน ตารี๊ค อัลบุคอรีย์ 
.......
ผมขอบอกให้นาย อับดุลเกาะฮฺฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ ทราบว่า อิหม่ามบุคอรีย์ ก็ได้รายงานหลายหะดิษเกี่ยวกับ อัลลอฮอยู่บนฟ้า ตัวอย่างเช่น 
อิหม่ามบุคอรีได้รายงานว่า
أن ابن عباس قال: « لما كلم الله موسى كان النداء في السماء وكان الله في السماء
แท้จริงอิบนุอับบาสกล่าวว่า "เมื่ออัลลอฮทรงพูดกับมูซา ปรากฏว่าเสียงเรียกนั้น อยู่บนฟ้า และอัลลอฮนั้นทรงอยู่บนฟ้า -บุคอรี คอ็ลคุอัฟอาลิลอิบาด หน้า 19
และขอบอกนายอับดุลเกาะฮฺฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ ว่า ไม่ว่าคุณจะกล่าวหา จะฟิตนะฮผมอย่างไร จะบิดเบือนใส่ร้ายอย่างไร จะเล่นวิธีสกปรกอย่างไร ให้คนมาป่วนอย่างไร ไม่มีวันที่พวกคุณจะเอาชนะความจริงได้ ไม่มีวันที่จะหยุดผมได้ตราบใดที่อัลลอฮให้มีชีวิตอยู่
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
29/10/59