เขาเอาหลักฐานเกี่ยวกับอบูละฮับมำอ้างเพื่อทำเมาลิด
อบูฮาซัน บิน ซาฟีอีย์
ถึงวันจัดแล้วหรือ เห็น้วะฮาบีตัยแลน ดิ้นกันใหญ่แล้วมาชาอัลลอฮ รับนบีแต่ต้านเมาลิดนบี กลับไปศึกษาประวัฒแรกๆนบีเกิดก่อนไหมวะฮาบีอบูลาฮับโทษหนักยังเป็นเบาอยู่เลย มาชาอัลลอฮ ญะฮูดีฉีดวัดซิมยาราคาดีมากๆเลย ซุบาฮานั้ลลอฮ
ถึงวันจัดแล้วหรือ เห็น้วะฮาบีตัยแลน ดิ้นกันใหญ่แล้วมาชาอัลลอฮ รับนบีแต่ต้านเมาลิดนบี กลับไปศึกษาประวัฒแรกๆนบีเกิดก่อนไหมวะฮาบีอบูลาฮับโทษหนักยังเป็นเบาอยู่เลย มาชาอัลลอฮ ญะฮูดีฉีดวัดซิมยาราคาดีมากๆเลย ซุบาฮานั้ลลอฮ
@@@@
ขอชี้แจงดังนี้
การอ้างหลักฐานข้างต้น เอามาเป็นหลักฐานไม่ได้ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.ขัดแย้งกับอัลกุรอ่าน เพราะอัลกุรอ่านระบุว่าผู้ที่ตายในสภาพกาเฟรจะไม่ถูกลดย่อนโทษ
อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า
1.ขัดแย้งกับอัลกุรอ่าน เพราะอัลกุรอ่านระบุว่าผู้ที่ตายในสภาพกาเฟรจะไม่ถูกลดย่อนโทษ
อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า
وَالَّذِينَ كَفَرُوا لَهُمْ نَارُ جَهَنَّمَ لَا يُقْضَى عَلَيْهِمْ فَيَمُوتُوا وَلَا يُخَفَّفُ عَنْهُمْ مِنْ عَذَابِهَا كَذَلِكَ نَجْزِي كُلَّ كَفُورٍ
ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาจะได้รับไฟนรกญะฮันนัม (เป็นการตอบแทน) จะไม่ถูกตัดสินลงโทษให้พวกเขาตายเพื่อที่พวกเขาจะได้ตาย และการลงโทษของมันก็จะไม่ถูกลดหย่อนแก่พวกเขา เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนแก่ทุกผู้เนรคุณ (ปฏิเสธศรัทธา)- ฟาฏีร/36
อัลหาฟิซอิบนุหะญัร (ร.ฮ)กล่าวว่า
وَعَلَى تَقْدِيرِ أَنْ يَكُونَ مَوْصُولًا فَالَّذِي فِي الْخَبَرِ رُؤْيَا مَنَامٍ فَلَا حُجَّةَ فِيهِ ، وَلَعَلَّ الَّذِي رَآهَا لَمْ يَكُنْ إِذْ ذَاكَ أَسْلَمَ بَعْدُ فَلَا يُحْتَجُّ بِهِ
และสมมุติว่า มัน(หะดิษนี้)สายรายงานต่อเนื่อง แล้วในหะดิษ คือความฝัน ดังนั้นไม่ใช่หลักฐานใดๆในมัน (คือเอามาเป็นหลักฐานไม่ได้) และบางที ผู้ที่ฝันเห็น เขายังไม่ได้รับอิสลามขณะนั้น แต่รับอิสลามภายหลังก็ได้ ดังนั้นจะไม่ถูกนำมาเป็นหลักฐานด้วยมัน
นี้ - ดูฟัตหุลบารีย์ 9/48
คือ จะเอาความฝันมาเป็นหลักฐานไม่ได้
ทั้งนี้ เพราะในรายงานหะดิษอ้างว่ามีคนฝันเห็นว่า อบูละฮับถูกลดย่อนโทษ ด้วยเหตุแสดงความปิติยินดีกับการกำเนิดนบีมุหัมหมัดโดยการปลดปล่อยทาสชื่อว่า ษุวัยบะฮ
ในตัวบทหะดิษระบุว่า
และสมมุติว่า มัน(หะดิษนี้)สายรายงานต่อเนื่อง แล้วในหะดิษ คือความฝัน ดังนั้นไม่ใช่หลักฐานใดๆในมัน (คือเอามาเป็นหลักฐานไม่ได้) และบางที ผู้ที่ฝันเห็น เขายังไม่ได้รับอิสลามขณะนั้น แต่รับอิสลามภายหลังก็ได้ ดังนั้นจะไม่ถูกนำมาเป็นหลักฐานด้วยมัน
นี้ - ดูฟัตหุลบารีย์ 9/48
คือ จะเอาความฝันมาเป็นหลักฐานไม่ได้
ทั้งนี้ เพราะในรายงานหะดิษอ้างว่ามีคนฝันเห็นว่า อบูละฮับถูกลดย่อนโทษ ด้วยเหตุแสดงความปิติยินดีกับการกำเนิดนบีมุหัมหมัดโดยการปลดปล่อยทาสชื่อว่า ษุวัยบะฮ
ในตัวบทหะดิษระบุว่า
قَالَ عُرْوَةُ وثُوَيْبَةُ مَوْلَاةٌ لِأَبِي لَهَبٍ كَانَ أَبُو لَهَبٍ أَعْتَقَهَا فَأَرْضَعَتْ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَلَمَّا مَاتَ أَبُو لَهَبٍ أُرِيَهُ بَعْضُ أَهْلِهِ بِشَرِّ حِيبَةٍ قَالَ لَهُ مَاذَا لَقِيتَ قَالَ أَبُو لَهَبٍ لَمْ أَلْقَ بَعْدَكُمْ غَيْرَ أَنِّي سُقِيتُ فِي هَذِهِ بِعَتَاقَتِي ثُوَيْبَةَ
และอุรวะฮ กล่าวว่า "และษุวัยบะฮ คือทาสหญิงของอบีละฮับ ปรากฏว่าอบูละฮับได้ปลดปล่อยนางให้เป็นอิสระ แล้วท่านนบี ศอ็ลฯก็ได้ถูกกำเนิดมา แล้วเมื่ออบูละฮับเสียชีวิต ,ส่วนหนึ่งของครอบครัวเขาได้ถูกให้ฝันเห็นเขา อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ ,แล้วเขาผู้นั้นได้กล่าวแก่เขา(อบูละฮับ)ว่า" ท่านได้พบกับอะไรบ้าง(หลังจากได้เสียชีวิต)? อบูละฮับกล่าวตอบว่า "ฉันไม่ได้พบกับ(ความโปรดปราน)อะไรเลยหลังจากที่จากพวกท่านมา อื่นจาก ฉันได้รับน้ำดื่ม ในที่นี้ ด้วยสาเหตุได้ทำการปลดปล่อยษุวัยบะฮให้เป็นอิสระ - รายงานโดยบุคอรี
นี่คือความฝัน ของคนๆหนึ่งไม่ได้ระบุชื่อว่าใคร คนใด และการที่คนๆหนึ่งฝัน ไม่มีผลที่จะเอามาเป็นหลักฐานทางศาสนา
อิหม่ามนะวาวีย์กล่าวว่า
لَوْ كَانَتْ لَيْلَةُ الثَّلَاثِينَ مِنْ شَعْبَانَ ، وَلَمْ يَرَ النَّاسُ الْهِلَالَ ، فَرَأَى إنْسَانٌ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِي الْمَنَامِ فَقَالَ لَهُ : اللَّيْلَةُ أَوَّلُ رَمَضَانَ لَمْ يَصِحَّ الصَّوْمُ بِهَذَا الْمَنَامِ لَا لِصَاحِبِ الْمَنَامِ وَلَا لِغَيْرِهِ
ถ้าหากว่า ปรากฏคืน 30 ของเดือนชะอฺบาน และบรรดาผู้คน ไม่เห็นจันทร์เสี้ยว แล้ว มีคนๆหนึ่งฝันเห็นท่านนบี ศอ็ลฯ แล้วนบี ได้กล่าวแก่เขาว่า "คือคืนแรกของเดือนเราะมะฎอน" (อิหม่ามนะวาวีย์กล่าวว่า) การถือศีลอดด้วยความฝันนี้ ใช้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ฝัน หรือคนอื่นจากเขา (ก็ใช้ไม่ได้) - ดูอัลมัจญมัวะ 6/292
2.ความฝันของบุคคลเอามาเป็นหลักฐานทางศาสนาไม่ได้
อัลหาฟีซ อิบนหะญัร กล่าวว่า
أن النائم لو رأى النبي صلى الله عليه وسلم يأمره بشيء هل يجب عليه امتثاله ولا بد ؟ أو لا بد أن يعرضه على الشرع الظاهر فالثاني هو المعتمد كما تقدم
แท้จริงหากเขาฝันเห็นนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สั่งให้เขาทำสิ่งใด จำเป็นเขาจะต้องปฏิบัติตามมันหรือไม่และจำเป็นหรือไม่ ? หรือ จำเป็นจะต้องนำมันมาเสนอบนศาสนาบัญญัติที่ปรากฏอยู่ ดังนั้น ทัศนะที่สอง คือ ทัศนะที่ได้รับการยอมรับดังที่ได้ถูกนำเสนอมาก่อนหน้านี้แล้ว – ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 12 หน้า 486
.....
กล่าวคือ จะต้องนำคำสั่งที่เป็นความฝันนั้นว่าตรงตามที่มีบัญญัติไว้หรือไม่
.....
กล่าวคือ จะต้องนำคำสั่งที่เป็นความฝันนั้นว่าตรงตามที่มีบัญญัติไว้หรือไม่
3. เหตุการณ์ที่อบีละฮับปล่อยทาสษุวัยบะฮให้เป็นอิสระนั้น ไม่ใช่เนื่องจากปลื้มปิติยินดีกับการเกิดนบี แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดหลังจากนั้นหลายปี และนักวิชาการมีความเห็นต่างกันในกรณีของเวลาที่อบูละฮับ ปล่อยนางให้เป็นอิสระ
อิบนุอับดิลบัร (ร.ฮ)กล่าวว่า
อิบนุอับดิลบัร (ร.ฮ)กล่าวว่า
وأعتقها أبو لهب بعدما هاجر النبيُّ صلى الله عليه وسلم إلى المدينة
อบูละฮับ ได้ปลดปล่อยนางให้เป็นอิสระ หลังจากที่ท่านนบี ศอ็ลฯ อพยพไปยังนครมะดีนะฮ -อัลอิสตีอาบ ฟี มะอริฟะฮอัลอัศหาบ 1/55
เพราะฉะนั้น การเอาข้ออ้างที่กาเฟรคนหนึ่ง จากครอบครัวของอบูละฮับ ฝันเห็นอบูละฮับได้รับการลดย่อนโทษในนรกมาเป็นหลักฐานทำเมาลิดนั้นย่อมไม่มีน้ำหนักแม้ต่น้อย
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/11/59
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/11/59
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น