วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

เมื่อนักเลงคีย์บอร์ดกล่าวหาอิหม่ามตัวเองว่าเป็นอุลามาอฺฟันน้านม




 ในภาพอาจจะมี ข้อความ
 ในภาพอาจจะมี ข้อความ

 สำเนาที่เขากล่าวหา อ.อามีน ลอนา  

 ในภาพอาจจะมี ข้อความ

เมื่อนักเลงคีย์บอร์ดกล่าวหาอิหม่ามตัวเองว่าเป็นอุลามาอฺฟันน้านม
ปุ๊ ระเบิดหม้อ
2 ชม.
กิบลัตดุอาอํ กลายเป็นดาลิลส่วนหนึ่งของวาฮาบีที่เอี๊ยะตีกอด อัลลอฮอยู่เบื้องบน..ส่ะงั้น..!!
ปล.อุลามาอํ ฟันน้ำนม เพิ่งงอก
@@@@@
ชี้แจง
คุณ ปุ๊ ระเบิดหม้อ นักเลงคีย์บอร์ด หนังหน้าไฟแกนนำอาชาอิเราะฮ กล่าวหา อ.อามีน ลอนา ว่า เป็นอุลามาอฺ ฟันน้ำนม เพราะเชื่อว่า อัลลอฮอยู่เบื้องบน โดยอ้างหลักฐาน ที่นบีดุอายกมือขึ้นฟ้า
คุณ ปุี ระเบิดขวด เอ้ย..หม้อ ครับ คุณกำลังกล่าวหา อิหม่ามอาชาอิเราะฮ คือ อบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ อิหม่ามมัซฮับอาชาอิเราะฮ เพราะท่านอิหม่ามเชื่อว่า "อัลลอฮอยู่บนฟ้า โดยท่านอ้างหลักฐานและเหตุผลของการยกมือขึ้นฟ้าเช่นกันคือ
อิหม่ามอบูหะซัน(ร.ฮ)กล่าวว่า
فالسماوات فوقها العرش فلما كان العرش فوق السماوات قال : ( أأمنتم من في السماء ) لأنه مستو على العرش الذي فوق السماوات وكل ما علا فهو سماء والعرش أعلى السماوات وليس إذا قال : ( أأمنتم من في السماء ) يعني جميع السماوات وإنما أراد العرش الذي هو أعلى السماوات ألا ترى الله تعالى ذكر السماوات فقال تعالى : ( وجعل القمر فيهن نورا ) ولم يرد أن القمر يملأهن جميعا وأنه فيهن جميعا
ดังนั้น ชั้นฟ้าทั้งหลายเหนือมันมีอะรัชอยู่ ในเมื่ออะรัชอยู่เหนือชั้นฟ้าทั้งหลาย พระองค์จึงตรัสว่า “พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือจากผู้ที่อยู่บนฟากฟ้า (อัลลอฮฺ) เพราะพระองค์ทรงอยู่เหนืออะรัชที่อยู่เหนือชั้นฟ้าทั้งหลาย และทุกๆสิ่งที่อยู่สูง (ด้านบน) มันก็คือฟ้า และอะรัชอยู่เหนือสุดของชั้นฟ้าทั้งหลาย.. -ดูอัลอิบานะฮ อัน อุศูลิดดิยานะฮ หน้า 106 -107 บาบที่ 5
.............
อิหม่ามอบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ กล่าว ยืนยันว่าอัลลอฮอยู่บนอะรัช เหนือฟากฟ้า และส่วนหนึ่งท่านได้อ้างเรื่องการยกมือขึ้นฟ้าเวลาดุอาเช่นกันคือ
ورأينا المسلمين جميعا يرفعون أيديهم إذا دعوا نحو السماء لأن الله تعالى مستو على العرش الذي هو فوق السماوات فلولا أن الله عز و جل على العرش لم يرفعوا أيديهم نحو العرش كما لا يحطونها إذا دعوا إلى الأرض
.และเราเห็นชาวมุสลิมทั้งหลายต่างยกมือของพวกเขาขึ้นสู่ฟ้ายามที่พวกเขาขอดุอาอ์ เพราะอัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งอยู่เหนืออะรัชที่อยู่เหนือชั้นฟ้าทั้งหลาย ถ้าหากว่าอัลลอฮฺไม่ได้อยู่เหนืออะรัช แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ยกมือของพวกเขาขึ้นไปยังอะรัช เช่นเดียวกับที่พวกเขาไม่ได้ชี้มือลงไปยังพื้นดินยามที่พวกเขาขอดุอาอ์ -.ดูอัลอิบานะฮ อัน อุศูลิดดิยานะฮ หน้า 106 -107 บาบที่ 5
...
สรุปคืือ การที่ไม่มีความรู้เรื่องศาสนา แล้วออกมาทำหน้าที่เป็นมุฟตีตัดสินคนที่เห็นต่างและกล่าวหา ผลคือ การกล่าวหานั้นย้อนศรกลับเข้าหาตัวเอง ส่วนที่อ้างว่า "ฟากฟ้าคือกิบลัตดุอา คือการอ้างเท็จไม่มีหลักฐาน ผมเคยชี้แจงแล้ว ถ้ารู้สึกจะเอาชนะ ไปเอาหลักฐานจาก แกนนำอาชาอิเราะฮมาโต้แย้งได้เลย
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/3/60

ความแตกต่างระหว่างอะกีดะฮอาชาอิเราะฮแท้กับอาชาอิเราะฮปลอม



ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
ในภาพอาจจะมี ข้อความ

ความแตกต่างระหว่างอะกีดะฮอาชาอิเราะฮแท้กับอาชาอิเราะฮปลอม
ธงชัย งามเขต ท่านอีหม่ามอัสสุบกีย์(รฮ.)ได้กล่าวไว้ยืนยันว่า :
يقول الشيخ قـاضي القضاة تاج الدين عبد الوهاب السبكي :
"وهؤلاء الحنفية والشافعية والمالكية وفضلاء الحنابلة في العقائد يد واحدة كلهم على رأي أهل السنة والجـماعة يدينون لله تعالى بطريق شيخ السنة أبي الحسن الأشعري رحمه الله " ثم يقول بعد ذلك : "وبالجملة عقيدة الأشعري هي ما تضمنته عقيدة أبي جعفر الطحاوي التي تلقاها علماء المذاهب بالقبول ورضوها عقيدة" ... معيد النعم ومبيد النقم (ص/ ٦٢)
"และพวกเขาเหล่านั้น อันได้แก่ ฮานาฟียะห์ ชาฟีอียะห์ มาลีกียะห์ และฟู่ด่อลาอ์ อัลหะนาบีละห์ ในเรื่องของอากีดะห์แล้ว พวกเขาอยู่ในมือ(แนวทาง)เดียวกัน พวกเขาทั้งหมดอยู่บนทัศนะชาวอะห์ลิสซุนนะห์วัลญามาอะห์ โดยนับถือแนวทางในเรื่องการศรัทธาต่ออัลเลาะห์ ตามแนวทางของท่านอบุ้ลหะซัน อัลอัชอารีย์"
ต่อมาท่านซุบกีย์(รฮ.)ก็ได้กล่าวหลังจากนั้นว่า : "โดยสรุปแล้ว หลัการยึดมั่นของกลุ่มอาชาอีเราะห์นั้น ประมวลไว้ด้วยหลักอากีดะห์ของท่านอบูญะอ์ฟัร อัฎต่อฮาวีย์(รฮ.) ซึ่งบรรดาอุลามาอ์ของมัสฮับต่างๆได้เรียนรู้(แบบรุ่นสู่รุ่น)มาจากเขา ด้วยการยอมรับ และด้วยการยินดีในเรื่องอะกีดะห์" (ดู มู่อีดุ้ลนี่อัม ว่าม่าบีดุ้ลนี่กอม หน้าที่ 62)
@@@@
ชี้แจง
อะกีดะฮอิหม่ามอบูหะซันอัลอัชอะรีย์ ยึดหลักอะกีดะฮตามแนวของอบูยะอฟัร อัฏเฏาะหาวีย์ อันนี้ จริงตามที่ท่านตายุดดีนอัสสุบกีย์ ได้กล่าวไว้า และต่อไปนี้ แสดงให้เห็นว่าอาชาอิเราะฮยุคหลังที่เดินตามแนวคิดอะฮลุลกาลาม ไม่ได้มีอะกีดะฮตามอบูหะซันอัลอัชอะรีย์
ตาญุดดีน อัสสุบกีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
أبو الحسن الأشعري كبير أهل السنة بعده وعقيدة الإمام أحمد رحمة الله واحدة لاشك في ذلك ولا ارتياب وبه صرح الأشعري في تصانيفه وذكره غير مامرة من أتن عقيدتي هي عقيدة الإمام المبجل أحمد بن حنبل هذه عبارة الشيخ أبي الحسن في غير موضع من كلامه
อบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ คือ ผู้อวุโสชาวอะฮลุสสุนนะฮ รองจากเขา(อิหม่ามอะหมัด) และอะกีดะฮของเขา และอะกีดะฮของอิหม่ามอะหมัด (ร.ฮ) เป็นอะกีดะฮเดียวกัน อย่างไม่ต้องสงสัยในดังกล่าว และไม่มีการลังเลใจ และอิหม่ามอัลอัชอะรีย์ ได้ชี้แจงด้วยมันในบรรดาข้อเขียนของท่าน และได้ระบุไว้หลายครั้งด้วยกัน ว่า “อะกีดะฮของฉัน คืออะกีดะฮของอิหม่ามอัลมุบัจญัล อะหมัด บิน หัมบัล “ นี้คือข้อความของเช็คอบีลหะซัน ในหลายที่จากคำพูดของเขา – ดูอัเฏาะบะกอตอัชชาฟิอียะฮ เล่ม 3 หน้า 99
.........
เช็คอัสสุบกีย์ปราชญ์มัซฮับชาฟิอี ยืนยันว่า อิหม่ามอบูลหะซัน อัลอัชอะรีย์นั้น มีอะกีดะฮ เหมือนกับอะกีดะฮ
อิหม่ามอะหมัด บิน หัมบัล
มาดู อะกีดะฮ อิหม่ามอะหมัด บิน หัมบัล ตามที่อบูยะฮลา (เสียชีวิตปี ฮ.ศ 458)
อิบนุอบียะอลา กล่าวว่า
قيل لأبي عبد الله : والله تعالى فوق السماء السابعة على عرشه بائن من خلقه. وقدرته وعلمه بكل مكان ؟. قال : نعم، على عرشه لا يخلو شيء من علمه
มีผู้กล่าวแก่อบีอับดุลลอฮ(หมายถึงอิหม่ามอะหมัด)ว่า “อัลลอฮตาอาลา ทรงอยู่เหนือฟากฟ้าทั้งเจ็ด บนอะรัช
ของพระองค์ แยกจากมัคลูคของพระองค์ , พลังอำนาจของพระองค์และความรอบรู้ของพระองค์ อยู่(คลอบคลุม)ด้วยทุกหนทุกแห่งใช่ไหม ? เขา(อบูอับดุลลอฮ)ตอบว่า “ครับ” ทรงอยู่บนอะรัช ของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นจากความรอบรู้ของพระองค์ได้ – ดู อัฏเฏาะบะกอตอัลหะนาบะละฮ เล่ม 1 หน้า 3
.......
อะชาอิเราะฮตัวจริง เชื่อว่า อัลลอฮทรงอยู่บนอะรัช แต่ อะชาอิเราะฮตัวปลอมบอกว่า ต้องตีความให้หมายถึง อำนาจการปกครอง
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/3/60

วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

วาทกรรมไม่รู้แล้วชี้ของคนสมองกลวง



ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


วาทกรรมไม่รู้แล้วชี้ของคนสมองกลวง
อิจมาอีย์ บินกิยะซีย์ บทความนี้นาย เวาะสัน สะบิเดา เจ้าเก่า กลัวเสียหน้า..เลยนำมาเรียบเรียงเขียนใหม่ แบบ ฝืนใจ เมื่อเจอ ตัฟซีรของอุลามะฮสลัฟ.
ความจริงในอัลกรุอ่านเล่มแดง ทีทางการซาอุดี้ฯนำมาแจกฟรีนั้น
ก็ให้ความหมายเพียวว่า คำนี้ที่ว่า...
الْيَوْمَ نَنسَاكُمْ كَمَا نَسِيتُمْ لِقَاءَ يَوْمِكُمْ هَٰذَا
“ วันนี้เราจะลืมพวกท่าน เสมือนที่พวกท่านลืมในการพบเจอฉันในวันของท่าน(คือดุนยา) ”
...........................
หากไม่มีการเปิดดู ตัฟซีร ของบรรดาอุลามะผู้ทรงความรู้เหล่านั้น..
แต่วะฮะบีย์คนนี้ก็ยังไม่ทิ้งความ บอดอ ของตัวเองที่ว่า "การให้ความหมายว่า النسيان ว่า ้الترك " ไม่ใช่การตีความ (ตะวีล) 
......................
นี้คือหลักฐานโชว์ความโง่ที่ไม่เข้าใจคำว่า.การตัฟวีฏและการตะวีล ของแนวทางสลัฟดีพอ แล้วแค้นนำมาวิจารณ์..บอดอซูโงะๆ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ขอชี้แจงการกล่าวเท็จและการกล่าวหาของอาชาอิเราะฮสมองกลวงข้างต้นดังนี้
นาย อิจมาอีย์ บินกิยะซีย์ เป็นนามปลอมของ อาชาอิเราะฮสายกินบุญ ท่านหนึ่ง ที่เทียวออกมาขีดเขียนชี้นำ เอาตาข่ายผุๆขาดๆของแก มาเทียวดักปลาหมอดตาบอด อยู่เนื่องๆ
นี่คือวาทกรรมโง่เขลาเบาปัญญา ของนาย อิจมาอีย์ บินกิยะซีย์ แก่กล่าวหาว่า
"แต่วะฮะบีย์คนนี้ก็ยังไม่ทิ้งความ บอดอ ของตัวเองที่ว่า "การให้ความหมายว่า النسيان ว่า ้الترك " ไม่ใช่การตีความ (ตะวีล)
.......
ขอตอบว่า คุณโกหกบิดเบือนกล่าวหากระผม โดยปราศจากข้อเท็จจริงทางวิชาการ ขอให้พี่น้องผู้อ่านติดตามข้อเท็จจริงดังนี้
อัลลอฮตาอาลา ตรัสว่า
الْيَوْمَ نَنسَاكُمْ كَمَا نَسِيتُمْ لِقَاءَ يَوْمِكُمْ هَٰذَا
“ วันนี้เราจะลืมพวกเจ้า เช่นที่พวกเจ้าได้ลืมการพบในวันนี้ของพวกเจ้า
.....
อายะฮข้างต้น คำว่า نَنسَاكُمْ (เราจะลืมพวกเจ้า) มีความหมายว่า
نَتْرُكُكُمْ
(เราทิ้งพวกเจ้า)
หมายถึงคำว่า النسيان (ลิม) มีความหมาย ว่า الترك (ทิ้ง)
ข้างต้น อาชาอิเราะฮ อ้างว่า เป็นการตีความ(ตะวีล) ความจริงไม่ใช่การตีความ ด้วยเหลักฐานและเหตุผลต่อไปนี้
1. คำว่า النسيان (ลิม) มีความหมาย ว่า الترك (ทิ้ง) นั้น เป็นที่แพร่หลายในภาษาอาหรับ
1.1อืหม่ามอะหมัดกล่าวว่า
قال الإمام أحمد في: ((الرد على الزنادقة والجهمية)) (ص 21) : ((أما قوله: {فَالْيَوْمَ نَنسَاكُمْ كَمَا نَسيتُمْ لِقَاءَ يَوْمِكُمْ هَذَا} ؛ يقول: نترككم في النار؛ {كما نَسيتُمْ} ؛ كما تركتم العمل للقاء يومكم هذا)) .اهـ.
สำหรับคำตรัสของพระองค์ที่ว่า (“ วันนี้เราจะลืมพวกเจ้า เช่นที่พวกเจ้าได้ลืมการพบในวันนี้ของพวกเจ้า) หมายถึง เราจะทิ้งพวกเจ้า ในนรก (ดังเช่นที่พวกเจ้าลืม) หมายถึง ดังเช่นที่พวกเจ้า ละทิ้งการปฏิบัติ สำหรับการพบในวันนี้ของพวกเจ้า- ดู อัรรอ็ด อะลัซซะนาดิกวัลญะฮมียะฮ หน้า 21
มาดูปทานุกรมภาษาอาหรับ
2.1.อะหมัด มุคตัร อุมัร อธิบายคำศัพท์คำว่า نسا ว่า
نسَا يَنسُو، انْسُ، نَسْوَةً، فهو ناسٍ، والمفعول مَنْسُوّ
• نسَا الشّيءَ: تركه "نسَا الشابُّ اللّهوَ".
นะสา หมายถึง ترك แปลว่า ละทิ้ง
ดูกอมุสมุอญัม ลุเฆาะฮอัลอะเราบียะฮ อัลมุอาศิเราะฮ หน้า 2206 หมายเลขคำศัพท์ 5116
3.1. อิบนุฟารีส (ฮ.ศ 329 -395) อธิบายคำว่า نسي ว่า
النون والسين والياء أصلانِ صحيحان: يدلُّ أحدهما على إغفال الشيء، والثاني على تَرْك شيء.
นูน ,สีน และ ยา สองรากศัพท์ที่ถูกต้อง คือ หนึ่งของทั้งสองนั้น แสดงบอกถึง การลืมสิ่งใดๆ และ ความหมายที่สอง แสดงบอกถึง การละทิ้งสิ่งใดๆ – ดู มุอญัมมะกอญีสอัลลุเฆาะฮ หน้า 421 คำว่า “نسي
เพระฉะนั้น นักตัฟสีรสะลัฟ ได้อธิบายไปตามหลักภาษา เขาไม่ได้ตีความ อย่างที่อาชาอิเราะฮผู้โง่เขลาเดาสุม อ้างหลับหูหลักตาเพื่อปกป้องความผิดพลายของแกนนำอาชาอิเราะฮ แสดงความเขลาออกมาก่อนหน้านั้น
2. การให้ความหมายว่าลืมนั้น เป็นสิ่งไม่อนุญาต เพราะ คำว่า "ลืม (النسيان ) เป็นลักษณะที่บกพร่อง ไม่อนุญาตนำไปพาดพิงกับอัลลอฮ
ในอัลกุรอ่าน ระบุไว้ เช่น
1- قولـه تعالى: فَالْيَوْمَ نَنسَاهُمْ كَمَا نَسُوا لِقَاءَ يَوْمِهِمْ هَذَا [الأعراف: 51].
2- وقولـه تعالى: فَذُوقُوا بِمَا نَسِيتُمْ لِقَاءَ يَوْمِكُمْ هَذَا إِنَّا نَسِينَاكُمْ [السجدة: 14].
3- وقوله تعالى: نَسُوا اللهَ فَنَسِيَهُمْ [التوبة: 67].
ความหมาย คำว่า “ลืม ข้างจากสามอายะฮข้างต้น คือ การทิ้ง 
 ...............
ทั้งสามอายะฮข้างต้น หากนาย อะหมัดรอชีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ และ ศิษย์ ผู้ภักดีต่อนายคือ นาย อิจมาอีย์ บินกิยะซีย์ ไปดูตัฟสีรสะลัฟจะพบว่า ปราชญสะลัฟ อธิบาย ความหมายคำว่า "ลืม" คือ “ละทิ้ง” แต่ถ้าอยากเอาชนะ ก็เชิญอยู่ในความมืดต่อไป เราช่วยอะไรไม่ได้ ไม่รู้แล้วมาชี้ แถมกล่าวหาคนอื่น แบบนี้ "สมองกลวง" แล้วยังไม่สำนึก ยังเป็น ญะเฮลมุรอ็กกับ” ตัวจริงอีกด้วย 
คำว่า " ญะเฮลมุรอ็กกับคือ ไม่รู้แต่เข้าใจว่าตัวเองรู้ แบบนี้คือตัวอันตราย ยิ่งกล่าวหาคนอื่นด้วย ความผิด สองกระธง
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
28/3/60

วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560

เมื่อเขาเอาหะดิษเฎาะอีฟมาเป็นหลักฐาน




เมื่อเขาเอาหะดิษเฎาะอีฟมาเป็นหลักฐาน
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
ถูกใจเพจนี้ • 18 มีนาคม • 
---------------------------------
ขอชี้เเจงดังนี้
การที่วะฮาบีย์แปลคำพูดของท่านอัตติรมีซีย์ว่า "สถิตอยู่บนบัลลังก์" ถือว่าโกหกมุสาต่อท่านอัตติรมีซีย์ เพราะท่านอัตติรมีซีย์มิได้ให้ความหมายว่า สถิต إِسْتَقَرَّ และมิได้เป็นการของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ และคำกล่าวของอัตติรมีซีย์นี้อ้างอิงมาจากหนังสืออัลอุลู้วขอท่านอัซซะฮะบีย์ แต่ขณะเดียวกันท่านอัซซะฮะบีย์คัดค้านในการให้ควาหมายว่า สถิต إِسْتَقَرَّ ดู หนังสือมุตตะซ็อรอัลอุลู้วขอท่านอัซซะฮะบีย์ ย่อโดยอัลบานีย์ หน้า 261 และหน้า 280 ตีพิมพ์อัลมักตับอัลอิสลามีย์
แต่เมื่อเรากลับไปดูจากต้นฉบับสุนันอัตติรมีซีย์ มีระบุไว้เต็ม ๆ ไว้ดังนี้ครับ
.ท่านอิมามอัตติรมีซีย์ กล่าวรายงานไว้ในหะดิษหนึ่ง ความว่า
.لو أنكم دليتم بحبل إلى الأرض السفلى لهبط على الله ، ثم قرأ ( هو الأول والآخر والظاهر والباطن وهو بكل شيء عليم 
."หากแมันพวกท่านได้หย่อนเชือกหนึ่งลงมายังแผ่นดินชั้นล่างสุด แน่นอนมันก็จะตกบนอัลเลาะฮ์ หลังจากนั้น ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ได้อ่านอายะฮ์ที่ว่า "พระองค์ทรงเป็นองค์แรก พระองค์ทรงเป็นองค์สุดท้าย พระองค์ทรงเป็นภายนอก และพระองค์ทรงเป็นภายใน" (อัล-หะดีด 3)
ท่านอิมามอัตติรมีซีย์ กล่าวว่าต่อไปว่า
هذا حديث غريب من هذا الوجه .. وفسر بعض أهل العلم هذا الحديث فقالوا : إنما هبط على علم الله وقدرته وسلطانه ، وعلم الله وقدرته وسلطانه في كل مكان وهو على العرش كما وصف في كتابه
"หะดิษนี้เป็นหะดิษฆอรีบ (หะดิษที่มีสายรายงานคนเดียวทั้งสายรายงาน) จากหนทางสายรายงานนี้ และนักปราชญ์(สะลัฟ)ส่วนหนึ่งได้อธิบายหะดิษนี้ โดยพวกเขากล่าวว่า "แท้จริงเชือกจะตกลงมาบนความรู้ , อานุภาพ , และอำนาจของอัลเลาะฮ์ และความรู้ ,อานุภาพ , และอำนาจของอัลเลาะฮ์นั้นอยู่ในทุกสถานที่ พระองค์สูงส่งเหนืออะรัชตามที่พระองค์ทรงพรรณนาไว้ในคำภีร์ของพระองค์" ดู หนังสือ ตั๊วะฟะตุลอัลอะห์วะซีย์ อธิบายสุนันอัตติรมีซีย์ 9/187 ตีพิมพ์ กุรตุบะฮ์ 
ท่านอิมามอัตติรมีซีย์ เป็นอิมามท่านหนึ่งจากสะละฟุศศอลิห์ เป็นหนึ่งจากเจ้าของหนังสือสุนันทั้งหก ซึ่งท่านได้ทำการตีความ ตะวีล ดังที่ท่านได้เห็นข้างต้น ยิ่งกว่านั้นท่านอัตติรมีซ๊ย์เองยังถ่ายทอดการตีความนี้จากบรรดานักปราชญ์สะลัฟบางส่วนอีกด้วย
.ดังนั้น ในขณะนี้เราพบว่าท่านอัตติรมีซีย์นักปราชญ์สะละฟุศศอลิห์ได้ทำการตะวีลตีความ และท่านยังทำการถ่ายทอดจากนักปราชญ์สะลัฟก่อนจากท่าน ฉะนั้นหากเราทำการตามพวกเขาในเรื่องของการตะวีลนั้น เราก็ไม่ได้ออกจากแนวทางของสะละฟุศศอลิห์ 
.
@@@@@@@@@@@@@
ขี้แจงการบิดเบือนข้างต้นดังนี้
ข้างต้น อย่างที่ผมได้เคยชี้แจงไปแล้ว ว่า ไม่ใช่ทัศนะหรืออะกีดะฮ ของอิหม่ามอัตติรมิซีย์ เพราะท่านได้บอกว่ามีนักตัฟสีรบางส่วนกล่าว ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร แต่สำหรับท่านอิหม่ามอัตติรมิซีย์ นั้น ท่านอิษบาตร(ยืนยัน/รับรอง)คุณลักษณะของอัลลอฮโดยไม่ตีความ
อิหม่ามอัตติรมิซีย์ กล่าวว่า
وَقَدْ قَالَ غَيْرُ وَاحِدٍ مِنْ أَهْلِ الْعِلْمِ فِي هَذَا الْحَدِيثِ وَمَا يُشْبِهُ هَذَا مِنْ الرِّوَايَاتِ مِنْ الصِّفَاتِ وَنُزُولِ الرَّبِّ تَبَارَكَ وَتَعَالَى كُلَّ لَيْلَةٍ إِلَى السَّمَاءِ الدُّنْيَا قَالُوا قَدْ تَثْبُتُ الرِّوَايَاتُ فِي هَذَا وَيُؤْمَنُ بِهَا وَلَا يُتَوَهَّمُ وَلَا يُقَالُ كَيْفَ هَكَذَا رُوِيَ عَنْ مَالِكٍ وَسُفْيَانَ بْنِ عُيَيْنَةَ وَعَبْدِ اللَّهِ بْنِ الْمُبَارَكِ أَنَّهُمْ قَالُوا فِي هَذِهِ الْأَحَادِيثِ أَمِرُّوهَا بِلَا كَيْفٍ وَهَكَذَا قَوْلُ أَهْلِ الْعِلْمِ مِنْ أَهْلِ السُّنَّةِ وَالْجَمَاعَةِ
หลายคนจากในหมู่นักปราชญ์ผู้ทรงความรู้ได้กล่าว เกี่ยวกับหะดีษนี้และหะดีษต่างๆที่คล้ายคลึงกัน อย่างเช่น(หะดีษเกี่ยวกับ) คุณลักษณ์ต่างๆและการลงมาของพระผู้อภิบาลผู้ทรงสูงส่งในทุกค่ำคืนสู่ฟากฟ้าชั้นต่ำสุด โดยที่บรรดาปราชญ์เหล่านั้นได้กล่าวว่า บรรดารายงานในเรื่องนี้ เป็นที่แน่นอน และจะถูกศรัทธา จะไม่ถูกนึกมโนภาพ และจะไม่ถูกกล่าวว่าเป็นอย่างไร เรื่องราวทำนองนี้ได้ถูกรายงานมาจากท่านอิมามมาลิกบินอะนัส,ท่านซุฟยานอัษเษารีย์,ท่านอิบนุอุยัยนะฮฺ, และท่านอับดุลลอฮฺอิบนุอัลมุบาร็อค พวกเขากล่าวเกี่ยวกับบรรดาหะดีษเหล่านี้ว่า “ปล่อยมันให้ผ่านไปโดยไม่ต้องพรรณนาว่ามีรูปแบบเป็นอย่างไร และ ในทำนองนี้ คือ คำพูดของนักวิชาการ จากอะฮลุสสุนนะฮ วัลญะมาอะฮ 
 
 وَأَمَّا الْجَهْمِيَّةُ فَأَنْكَرَتْ هَذِهِ الرِّوَايَاتِ وَقَالُوا هَذَا تَشْبِيهٌ وَقَدْ ذَكَرَ اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ فِي غَيْرِ مَوْضِعٍ مِنْ كِتَابهِ الْيَدَ وَالسَّمْعَ وَالْبَصَرَ فَتَأَوَّلَتْ 
 الْجَهْمِيَّةُ هَذِهِ الْآيَاتِ فَفَسَّرُوهَا عَلَى غَيْرِ مَا فَسَّرَ أَهْلُ الْعِلْمِ وَقَالُوا إِنَّ اللَّهَ لَمْ يَخْلُقْ آدَمَ بِيَدِهِ وَقَالُوا إِنَّ مَعْنَى الْيَدِ هَاهُنَا الْقُوَّةُ
 
 และสำหรับญะฮมียะฮนั้น พวกเขาปฏิเสธบรรดารายงานเหล่านี้(หมายถึงหะดิษสิฟาต) และพวกเขากล่าวว่านี่คือ การตัชบีฮและแท้จริง อัลลอฮผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง ได้ระบุไว้ ในหลายที่ จากคัมภีร์ของพระองค์ ว่า พระหัตถ์(ยัด) ทรงได้ยิน(อัสสัมอุ) ทรงเห็น(อัลบะศอ็ร) แล้วพวกญะฮมียะฮตีความ บรรดาอายาตเหล่านี้ แล้วพวกเขาอรรถาธิบายมัน บนอื่นจากสิ่งที่ นักวิชาการอรรถาธิบายเอาไว้ และพวกเขา กล่าวว่า อัลลอฮไม่ได้สร้างอาดัมด้วยมือของพระองค์ และพวกเขา กล่าวว่า แท้จริงความหมายคำว่า”อัลยัด(มือ)” ในที่นี้คือ พลังอำนาจ (อัลกัวะฮ) -หนังสือ สุนันอัตติรมิซีย์ เล่ม 3 หน้าที่ 50-51
.............
จะเห็นได้ว่า การตีความ ไม่ใช่อะกีดะฮอิหม่ามอัตติรมิซีย์ แต่เป็นอะกีดะฮญะฮมียะฮ และอะกีดะฮของอาชาอิเราะยุคหลังก็ในทำนองเดียวกัน คือ อ้างว่า ถ้ายืนยันความหมายสิฟัตตามตัวบท เป็นการตัชบีฮ จึงตีความคำว่า มือ คือ พลังอำนาจ 
สำหรับหะดิษที่นาย อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ อ้างมีข้อความว่า
لَوْ أَنَّكُمْ دَلَّيْتُمْ بِحَبْلٍ إِلَى الْأَرْضِ السُّفْلَى لَهَبَطَ عَلَى اللَّهِ 
หากแมันพวกท่านได้หย่อนเชือกหนึ่งลงมายังแผ่นดินชั้นล่างสุด แน่นอนมันก็จะตกบนอัลเลาะฮ์
............
ขอตอบว่า
หะดิษข้างต้น เฏาะอีฟ แต่นาย อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ ตัดข้อความวิจารณ์ของอิหม่ามออกไปท่อนหนึ่งคือ
قَالَ أَبُو عِيسَى هَذَا حَدِيثٌ غَرِيبٌ مِنْ هَذَا الْوَجْهِ قَالَ وَيُرْوَى عَنْ أَيُّوبَ وَيُونُسَ بْنِ عُبَيْدٍ وَعَلِيِّ بْنِ زَيْدٍ قَالُوا لَمْ يَسْمَعْ الْحَسَنُ مِنْ أَبِي هُرَيْرَةَ
อบูอีซา(หมายถึง อิหม่ามอัตติรมิซีย์ )กล่าวว่า หะดิษนี้เฆาะรีบ จากสายรายงานนี้ ,เขากล่าวว่า มันถูกรายงานจาก อัยยูบ บิน อุบัยดฺ และอาลี บิน เซด พวกเขากล่าวว่า “ อัลหะซัน ไม่ได้ยิน (หะดิษนี้)จากอบีฮุรัยเราะฮ 
.............
นี่คือ สายรายงาน
حَدَّثَنَا عَبْدُ بْنُ حُمَيْدٍ وَغَيْرُ وَاحِدٍ الْمَعْنَى وَاحِدٌ قَالُوا حَدَّثَنَا يُونُسُ بْنُ مُحَمَّدٍ حَدَّثَنَا شَيْبَانُ بْنُ عَبْدِ الرَّحْمَنِ عَنْ قَتَادَةَ قَالَ حَدَّثَ الْحَسَنُ عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ قَالَ
....
แสดงว่า นาย อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ ได้หมกเม็ดส่วนที่วิจารณ์ความบกพร่องหะดิษเอาไว้ 
 อิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ กล่าวว่า
وقال البيهقي: "وَفِي رِوَايَةِ الْحَسَنِ عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ انْقِطَاعٌ، وَلَا ثَبَتَ سَمَاعُهُ مِنْ أَبِي هُرَيْرَةَ، وَرُوِيَ مِنْ وَجْهٍ آَخَرٍ مُنْقَطِعٍ عَنْ أَبِي ذَرٍّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ مَرْفُوعًا" 
และในรายงานของอัลหะซัน จากอบีฮุรัยเราะฮ (ร.ฎ) นั้น “ขาดตอน” และ การได้ยินของเขา จากอบีฮุรัยเราะฮนั้น ไม่แน่นอน และ ได้ถูกรายงานจากสายรายงานอื่น เป็นหะดิษมุงเกาะเฏียะ (หะดิษสายรายงานขาดตอน) จากอบีซัรริน (ร.ฎ) โดยเป็นหะดิษมัรฟัวะ (คือ หะดิษมัรฟัวะ โดยสายรายงานของมันขาดตอน-ผู้แปล) – ดู อัลอัสมาอวัสสิฟาต 2/289 หะดิษหมายเลข 849

 ในภาพอาจจะมี ข้อความ
ในภาพอาจจะมี ข้อความ
@@@@@@@@@
สรุป นาย อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ มีความผิด 2 กระธงคือ
1.อ้างหะดิษเฎาะอีฟเป็นหลักฐาน
2. ตัดตอน หมกเม็ด คำวิจารณ์ที่บอกจุดบกพร่องของหะดิษ
والله اعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
28/3/60

วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

อัลลอฮสร้างเสียงใส่ในสถานที่ให้มูซาได้ยินจริงหรือ





อัลลอฮสร้างเสียงใส่ในสถานที่ให้มูซาได้ยินจริงหรือ
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม •
เราไม่ได้บอกว่า อัลลอฮสร้างคำพูด เพราะเราเชื่อว่าอัลลอฮทรงพูดแต่เดิม แต่ประเด็นคือ เราเชื่อว่าอัลลอฮได้สร้างเสียง...ณ ที่แห่งหนึ่ง เพื่อให้นบีมูซาได้ยินและเข้าใจ..
...............................
ชี้แจง
ข้างต้นเป็นตรรกทางปัญญา อุปโลกน์คำเท็จให้แก่อัลลอฮ ตาอาลาว่า “อัลลอฮ ได้สร้างเสียงขึ้นมา ใส่ไว้ ณ สถานที่หนึ่งให้มูซาได้ยิน ไม่ใช่ได้ยินจากอัลลอฮโดยตรง 
 ผมขอยืนยันว่าข้างต้นเป็นอุปโลกน์ความเท็จให้แก่อัลลอฮ
เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า อัลลอฮตรัสกับมูซา อะลัยฮิสสลามโดยไม่ผ่านสือกลาง
1.อิบนุญะรีร (ร.ฮปกล่าวว่า
وَأَمَّا قَوْلُهُ : " وَكَلَّمَ اللَّهُ مُوسَى تَكْلِيمًا " ، فَإِنَّهُ يَعْنِي بِذَلِكَ جَلَّ ثَنَاؤُهُ : وَخَاطَبَ اللَّهُ بِكَلَامِهِ مُوسَى خِطَابًا
สำหรับคำตรัสของพระองค์ที่ว่า “ และอัลลอฮฺได้ตรัสแก่มูซาจริงๆ “ แท้จริง พระองค์ ผู้ซึ่งการสรรเสริญพระองค์สูงส่งยิ่ง หมายถึงด้วยดังกล่าวนั้นว่า อัลลอฮทรงสนทนากับมูซา ด้วยคำพูดของพระองค์จริงๆ
แล้วอิบนุญะรีรได้รายงานว่า
حَدَّثَنَا ابْنُ حُمَيْدٍ قَالَ : حَدَّثَنَا يَحْيَى بْنُ وَاضِحٍ قَالَ : حَدَّثَنَا نُوحُ بْنُ أَبِي مَرْيَمَ ، وَسُئِلَ : كَيْفَ كَلَّمَ اللَّهُ مُوسَى تَكْلِيمًا ؟ فَقَالَ : مُشَافَهَةً
อิบนุหุมัยดฺ ได้เล่าเรา โดยเขากล่าวว่า ยะหยา บิน วาเฎียะ ได้เล่าเรา โดยเขากล่าวว่า นุฮ บิน อบี มัรยัม ได้เล่าเราว่า “เขาถูกถามว่า “อัลลอฮทรงพูดกับมูซาจริงๆนั้น เป็นอย่างไร ? เขากล่าวตอบว่า “มุชาฟะฮฮะฮ(หมายถึงปากต่อปาก หรือตัวต่อตัว) - ดู ตัฟสีรอิบนุญะรีร เล่ม 9 หน้า 403
……….
คำว่า مُشَافَهَةً (หมายถึงพูดโดยตรง หรือตัวต่อตัว) ไม่ใช่สร้างเสียงของพระองค์ใส่ไว้ ณ สถานที่ใดๆ อย่างที่นาย ฮัมดี สุหลง หรือ นายตาชั่งบิดเบือน
2.อบูหะซันอัลอัชอะรีย์(ร.ฮ) ปราชญอิหม่ามมัซฮับอาชาอิเราะฮ กล่าวว่า
وقد قال الله عز وجل : وَكَلَّمَ اللهُ مُسَى تَكْلِيْماً [السناء ؛ ١٦٤]، والتكليم هو المشافهة بالكلام
และแท้จริง อัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง ตรัสว่า และอัลลอฮ ได้ตรัสกับมูซา จริงๆ –อันนิสาอฺ/164 และ อัตตักลีม คือ ปากต่อปากด้วยคำพูด –อัลอิบานะฮ หน้า 24

 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



คำว่า المشافهة بالكلام หมายถึง พูดโดยตรงตัวต่อตัว ไม่ใช่สร้างเสียงไว้ในสถานที่ แล้วเปิดให้นบี มูซา อะลัยฮิสสลาม ได้ยิน อย่างที่นาย ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม โกหก
3.อัลบัรบะฮารีย(ฮ.ศ 329) ปราชญสะลัฟ กล่าวว่า
والإيمان بأن الله تبارك وتعالى هو الذي كلم موسى بن عمران يوم الطور، وموسى يسمع من الله الكلام بصوت وقع في مسامعه منه لا من غيره، فمن قال غير هذا، فقد كفر بالله العظيم.
และศรัทธาว่า อัลลอฮผู้ทรงบริสุทธิ์และทรงสูงส่ง พระองค์คือผู้ที่ตรัสกับมูซา บุตร อิมรอน ในวันหนึ่งที่ภูเขาฏูร และมูซา ได้ยิน คำพูดจากอัลลอฮ ด้วยเสียง และมันได้เกิดขึ้นในหูของเขา(หมายถึงได้ยินผ่านหูของเขา)จากพระองค์ ไม่ใช่จากผู้อื่นๆจากพระองค์ ดังนั้นผู้ใด กล่าวอื่นจากนี้ แน่นอนเขาปฏิเสธต่ออัลลอฮผู้ทรงยิ่งใหญ - ชัรหอัสสุนนะฮ หน้า 90 หะดิษหมายเลข 76
4.อิบนุกุดามะฮ(ร.ฮ) กล่าวว่า
ومِنْ صِفات الله - تعالى - أنَّه مُتَكَلِّمٌ بكلامٍ قَديمٍ، يُسْمِعُه مَنْ شَاءَ مِنْ خَلْقِه، سَمِعَهُ مُوسى - عليْه السلامُ - مِنْهُ، مِنْ غير وَاسِطَة، وسَمِعَه جِبْريلُ - عليْه السلامُ - وَمَنْ أَذِنَ لَهُ مِنْ ملائكتِهِ، وَرُسُلِه
ส่วนหนึ่งจากบรรดาคุณลักษณะของอัลลอฮ ตะอาลานั้น คือ แท้จริง พระองค์ทรงเป็นผู้ทรงพูด ด้วยคำพูดมาแต่เดิม มันถูกให้ได้ยิน แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ จากมัคลูคของพระองค์ ,มูซา อะลัยฮิสสลาม ได้ยินจากพระองค์ โดยไม่ผ่านคนกลาง ,ญิบรีล ได้ยินมัน และ ผู้ที่พระองค์ทรงอนุญาต จากมลาอิกะฮและบรรดารอซูลของพระองค์ (ก็ได้ยินมัน) – ดูลุมอะตุอลเอียะติกอด หน้า 15

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


..คำว่า ، مِنْ غير وَاسِطَة(โดยไม่มีคนกลาง) เพราะฉะนั้น การที่นายฮัมดี สุหลงอ้างว่า อัลลอฮสร้างเสียงชึ้นมาที่หลังและใส่ไว้ณ สถานที่หนึ่ง เพื่อให้นบีมูซาได้ยินนั้นเป็นการอุปโลกน์เรื่องเท็จโดยปราศจากหลักฐาน
5. อิหม่ามอัลกุรฎุบีย์ นักตัฟสีร ทีอะชาอิเราะฮมักอ้างว่ามีแนวคิดอะชาอิเราะฮกล่าวว่า
وكلم الله موسى تكليما تكليما مصدر معناه التأكيد ؛ يدل على بطلان من يقول : خلق لنفسه كلاما في شجرة فسمعه موسى ، بل هو الكلام الحقيقي الذي يكون به المتكلم متكلما . قال النحاس : وأجمع النحويون على أنك إذا أكدت الفعل بالمصدر لم يكن مجازا ،
และอัลลอฮฺได้ตรัสแก่มูซาจริงๆ) คำว่า “ตักลีมัน” เป็นอาการนาม ความหมายของมันคือการเน้น ,แสดงบอกถึงความเป็นโมฆะ(ความไม่ถูกต้อง)ของ คำพูดผู้ที่กล่าวว่า “พระองค์ทรงสร้างคำพูดให้แก่ตัวพระองค์ ในต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วมูซาได้ยินมัน แต่ในทางกลับกัน มันคือ คำพูดจริงๆ ที่ผู้พูด เป็น มุตะกัลลิม ด้วยมัน และ อัลนุหาส กล่าวว่า “มติเอกฉันท์ ของบรรดานักวิชาการไวยกรณ์อาหรับ ว่า เมื่อ คำกริยาถูกเน้นด้วย อาการนาม(มัศดัร) ไม่ก็ไม่ใช่เป็นคำอุปมา - ดูตัฟสีร อัลญาเมียะลิอะหกามิลกุรอ่าน เล่ม 6 หน้า 18
……………..
เพราะฉะนั้น การที่นาย ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ว่า อัลลอฮสร้างเสียง ใส่ไว้ในสถานที่ เพื่อให้นบีมูซาได้ยินและเข้าใจ..เป็นการอุปโลกน์เรื่องเท็จให้แก่อัลลอฮ เพราะคำพูด ที่ได้ยินนั้น ย่อมคู่กับเสียง และการอ้างว่า คำพูดพร้อมเสียงถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ใส่ไว้ ในต้นไม้ แล้วให้นบีมูซาได้ยิน ก็เป็นการอ้างเท็จเช่นกัน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
9/3/60

วันอังคารที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2560

อายาตสิฟาตเป็นมะญาซจริงหรือ






อายาตสิฟาตเป็นมะญาซจริงหรือ
Sukiman Tuanno
แล้วก็หัดเข้าใจบ้างที่อุลามาอตัฟสีรอะไร เค้าตัฟสีรบนหลักการอะไร ไม่ไช่ฉันจะเอาตามสิ่งที่ฉันเห็น ถึงจะตะกุกตะกัก เหยียบขากันเองก็ช่าง เช่น พูดว่า ยาดุนในตัฟสีร อุลามาอฺพูดยาดุนในความหมายมาญาส แต่วัฮฮาบีจะเอาความหมายแท้ หากจะว่าเค้าผิด เค้าก็จะบอกว่า ก็เนียะ ฉันเอาอุลามาอ ฉันตามอุลามาอ ก็เนียะ ยาดุนๆๆๆ กุรตุบียก็บอก อิบนุ บัฏฏอลก็บอก วัฮฮาบีจะดำเนินความรู้อย่างงี้มาตลอดแหละครับ
@@@@
ชี้แจง
คุณ Sukiman Tuanno บอกว่า " ยาดุนในตัฟสีร อุลามาอฺพูดยาดุนในความหมายมาญาส แต่วัฮฮาบีจะเอาความหมายแท้"
ขอชี้แจงว่า
คำว่า "มะญาซ คือ รูปของคำพูดที่เป็นอุปมัยศิลป์ หรือ การเปรียบเปรย เช่น คำว่า เสือ ใช้เปรียบเปรย กับ คนที่กล้าหาญ เป็นต้น
ขอเรียนว่า บรรดาอายาตและหะดิษที่เกี่ยวกับคุณลักษณะของอัลลอฮนั้น เป็นความหมายจริง(حقيقي ) ไม่ใช่ คำที่ใช้ในการอุปมาอุปมัย(مجازي )
ขอยกตัวอย่างเช่น "คำว่า อิสติวาอ"
อิหม่ามอัลกุรฏุบีย์ ปราชญอาชาอิเราะฮ กล่าวว่า
ولم ينكر أحـد من السلف الصالح أنه استوى على عرشه حقيقة وخص العرش بذلك لأنه أعظم مخلوقاته، وإنما جهلوا كيفية الاستواء فإنه لا تعلم حقيقته،
ไม่มีคนหนึ่งคนใดจากสลัฟเศาะลิห ปฏิเสะ ว่าแท้จริง พระองค์ทรงอิสติวาอฺบนบัลลังก์ ของพระองค์ จริงๆ(ไม่ใช่การอุปมา) และ อะรัช ได้ถูกเฉพาะด้วยดังกล่าวนั้น เพราะมันเป็นมัคลูคของพระองค์ที่ใหญ่ที่สุด และแท้จริงเพียงแต่ว่า พวกเขาไม่ทราบรูปแบบของการอิสติวาอฺ เพราะว่าแท้ว่าลักษณะที่แท้จริงของมันไม่ได้ถูกบอกให้รู้ -อัลญามิอุนอะหกามอัลกุรอ่าน 7/219
อิบนุอับดุลบัร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
" أهل السنة مجمعون على الإقرار بالصفات الواردة في الكتاب والسنة وحملها على الحقيقة لا على المجاز ، إلا أنهم لم يكيفوا شيئا من ذلك " .
"
อิบนุอับดุลบัร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า “ ชาวสุนนะฮ พวกเขาทั้งหลายมีมติร่วมกันบนการรับรองบรรดาคุณลักษณะ(สิฟาต) ที่มีมาในอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ และถือมันตามความหมายจริง ไม่ใช่การอุปมา นอกจากว่า พวกเขาไม่อธิบายรูปแบบวิธีการสิ่งใดๆจากมันเท่านั้น – ดู อัตตัมฮีด 7/145
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
............
อะฮลุสสุนนะฮจริง มีมติร่วมกันบนการรับรองบรรดาคุณลักษณะ(สิฟาต) ที่มีมาในอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ และถือมันตามความหมายจริง ไม่ใช่ มะญาซ ตามที่ นาย Sukiman Tuanno อ้างตามความเห็น
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
8/3/63

วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560

ตรรกวิบัติปฏิเสธอ้างว่าคำพูดอัลลอฮไม่จำเป็นต้องมีเสียง




ตรรกวิบัติปฏิเสธอ้างว่าคำพูดอัลลอฮไม่จำเป็นต้องมีเสียง
ธงชัย งามเขต
จากคำดำรัสของอัลลอฮ์ในอายะฮ์นี้ บรรดาอุลามะเขาอธิบายโดยแยกแยะวิธีการและลักษณะการลง กะลามของอัลลอฮ์มายังท่านนบีไว้ดังนี้
1. พูดแบบวะห์ยูหรือดลใจ
2. พูดโดยทางเบื้องหลังม่าน(ฮิญาบ) หมายถึงฮิญาบที่ปิดกั้นมัคโลคไม่ให้รับรู้กะลามของพระองค์ ใช่หมายถึงอัลลอฮฺทรงถูกฮิญาบปิดกั้นเพราะไม่มีสิ่งใดมาปิดกั้นพระองค์
3. พูดแบบการส่งทูตมะลาอิกะฮ์มาบอก เช่น ท่านญิบรีล เป็นต้น
ดังนั้นการพูดของอัลลอฮฺ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบของการมีเสียง
@@@@@
ข้างต้น เป็นการนั่งเทียนและใช้ตรรกทางปัญญาล้วน อ้างว่า การพูดของอัลลอฮฺ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบของการมีเสียง
จึงขอชี้แจงว่า คำตรัสของอัลลอฮนั้น อยู่ในรูปของอักษรและเสียงที่ได้ยิน
อัลบัรบะฮารีย(ฮ.ศ 329) ปราชญสะลัฟ กล่าวว่า
والإيمان بأن الله تبارك وتعالى هو الذي كلم موسى بن عمران يوم الطور، وموسى يسمع من الله الكلام بصوت وقع في مسامعه منه لا من غيره، فمن قال غير هذا، فقد كفر بالله العظيم).
และศรัทธาว่า อัลลอฮผู้ทรงบริสุทธิ์และทรงสูงส่ง พระองค์คือผู้ที่ตรัสกับมูซา บุตร อิมรอน ในวันหนึ่งที่ภูเขาฏูร และมูซา ได้ยิน คำพูดจากอัลลอฮ ด้วยเสียง และมันได้เกิดขึ้นในหูของเขา(ได้ยินผ่านหูของเขา)จากพระองค์ ไม่ใช่จากผู้อื่นๆจากพระองค์ ดังนั้นผู้ใด กล่าวอื่นจากนี้ แน่นอนเขาปฏิเสธต่ออัลลอฮผู้ทรงยิ่งใหญ - ชัรหอัสสุนนะฮ หน้า 90 หะดิษหมายเลข 76
อิหม่าม อบูนัศรุน อัสสัจญซีย์ (ฮ.ศ 444) กล่าวว่า
والنداء عند العرب صوت لا غير، ولم يرد عن الله تعالى ولا عن رسوله صلى الله عليه وسلم أنه من الله غير صوت
อัลนิดาอฺ(การเรียก) ในทัศนะของชาวอาหรับนั้น คือ เสียง ไม่เป็นอื่น และไม่ปรากฏมาจากอัลลอฮตะอาลา และไม่ปรากฏมาจากจากรอซูลของพระองค์ ศอ็ลฯ ว่า แท้จริง ที่มาจากอัลลอฮนั้น อื่นจากเสียง
رسالة السجزي إلى أهل زبيد (ص166)
อัลหาฟิซ อิบนุหะญัร กล่าวว่า
وَقَدْ قَالَ عَبْدُ اللَّهِ بْنُ أَحْمَدَ بْنِ حَنْبَلٍ فِي كِتَابِ السُّنَّةِ : سَأَلْتُ أَبِي عَنْ قَوْمٍ يَقُولُونَ لَمَّا كَلَّمَ اللَّهُ مُوسَى لَمْ يَتَكَلَّمْ بِصَوْتٍ ، فَقَالَ لِي أَبِي : بَلْ تَكَلَّمَ بِصَوْتٍ ، هَذِهِ الْأَحَادِيثُ تُرْوَى كَمَا جَاءَتْ وَذَكَرَ حَدِيثَ ابْنِ مَسْعُودٍ وَغَيْرِهِ .
และแท้จริง อับดุลลอฮ บิน อะหมัด บิน หัมบัล ได้กล่าวไว้ใน หนังสืออัสสุนนะฮ ว่า “ข้าพเจ้าได้ถามบิดาของข้าพเจ้า (หมายถึงอิหม่ามอะหมัด) เกี่ยวกับ คนกลุ่มหนึ่ง พวกเขากล่าวว่า “ขณะที่อัลลอฮทรงพูดกับมูซานั้น พระองค์ไม่ได้ทรงพูดด้วยเสียง แล้วบิดาของข้าพเจ้ากล่าวตอบว่า “ แต่ทว่า พระองค์ทรงพูดด้วยเสียง ,บรรดาหะดิษเหล่านี้ ได้มีการรายงาน ตามที่มันได้มีมา และเขาได้ระบุหะดิษอิบนุมัสอูดและคนอื่นจากเขา – ฟัตหุลบารีย์ กิตาบุตเตาฮีด อธิบายหะดิษหมายเลข ๗๐๔๕ และ เฏาะบะกอตอัลหะนาบะละฮ ของ อิบนุ อะบีย ยะอลา เล่ม ๑ หน้า ๑๘๕
อิหม่ามบุคอรีกล่าวว่าا
, وَيُذْكَرُ عَنِ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِنَّهُ كَانَ يُحِبُّ أَنْ يَكُونَ الرَّجُلُ خَفيضَ الصَّوْتِ ، وَيَكْرَهُ أَنْ يَكُونَ رَفِيعَ الصَّوْتِ ، وَإِنَّ اللَّهَ عَزَّ وَجَلَّ يُنَادِي بِصَوْتٍ يَسْمَعُهُ مَنْ بَعُدَ كَمَا يَسْمَعُهُ مَنْ قَرُبَ ، فَلَيْسَ هَذَا لِغَيْرِ اللَّهِ عَزَّ وَجَلَّ ذِكْرُهُ , وَفِي هَذَا دَلِيلٌ أَنَّ صَوْتَ اللَّهِ لا يشبه أَصْوَاتَ الْخَلْقِ ، لأَنَّ صَوْتَ اللَّهِ جَلَّ ذِكْرُهُ يُسْمَعُ مِنْ بُعْدٍ كَمَا يُسْمَعُ مِنْ قُرْبِ ، وَأَنَّ الْمَلائِكَةَ يُصْعَقُونَ مِنْ صَوْتِهِ ، فَإِذَا تَنَادَى الْمَلائِكَةُ لَمْ يُصْعَقُوا ،
และได้ถูกระบุจากนบี ศอ็ลฯ ว่า ท่านชอบให้บรรดาผู้คนพูดเสียงเบาๆ และไม่ชอบ ให้เป็นเสียงดัง และแท้จริงอัลลอฮผู้ทรงเกรียงไกร และทรงสูงส่ง ทรงเรียก ด้วยเสียง ที่ผู้อยู่ใกล ได้ยิน เหมือนกับผู้ที่อยู่ใกล้ ดังนั้น กรณีนี้ ย่อมไม่ใช่(เสียง)ของผู้อื่นจากอัลลอฮ ผู้ซิ่ง เกียรติของพระองค์ ทรงเกรียงไกร และทรงสูงส่ง และในหะดิษนี้ เป็นหลักฐาน แสดงบอกว่า แท้จริงเสียงของอัลลอฮ ไม่คล้ายคลึงกับบรรดาเสียงของมัคลูค เพราะเสียงของ อัลลอฮ ผู้ซิ่ง เกียรติ์ของพระองค์ ทรงเกรียงไกร และทรงสูงส่ง ถูกได้ยินจากที่ใกล เหมือนกับได้ยินจากที่ใกล้ และแท้จริง บรรดามลาอิกะฮ พวกเขาเป็นลม/เกิดอาการงงงวย อันเนื่องมาจากได้ยินเสียงอัลลอฮ เพราะ เมื่อมลาอิกะฮเรียก ก็ไม่ถูกทำให้พวกเขา(บรรดาบ่าว) เป็นลม /หรือเกิดอาการงงงวย - - คอ็ลคุอัฟอาลิลอิบาด หน้า 240 หะดิษหมายเลข 477,478
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
........
อิหม่ามบุคอรีย์ ยืนยันว่า อัลลอฮตาอาลาตรัสด้วยเสียง ที่ได้ยิน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
7/3/60

วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

ตรรกวิบัตปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮเหนือมัคลูค






ตรรกวิบัตปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮเหนือมัคลูค
Sukiman Tuanno
เมื่อวานนี้ เวลา 0:43 น. · 
นักตัฟสีรแนวหน้าแห่งอัฮลิสซุนนะ ท่านคือ อิหม่ามอัลมุฟัสสิร มุฮัมมัด อิบนุ อัฮมัด อัลอันซอรีย อัลกุรตุบีย ในหนังสือตัฟสีรอันโด่งดัง อัลญามิอฺ ลี อัหกาม อัลกุรอาน หรือที่รู้จักกันดีคือหนังสือตัฟสีร อัลกุรตุบีย ซึ่งได้บันทึกไว้ว่า
"و"العليّ" يراد به علو القدر والمنزلة لا علو المكان، لأن الله منزه عن التحيز"
และพระนามของอัลลอฮฺ อัล อะลิยฺ คือความสูงส่งในด้านของความสามารถ ความมีตำแหน่งเกียรติ ไม่ไช่การสูงส่งแบบมีสถานที่ เพราะอัลลอฮฺทรงบริสุทธิ์จากการมีสถานที่ ( จากหนังสือ อัลญามิอฺ ลี อัหกามิลกุรอาน เล่ม 3 หน้า 278 อัลบากอเราะ : 255 )
และในส่วนอื่นในหนังสือเดียวกัน ท่านได้กล่าวว่า
"ومعنى"فَوْقَ عِبَادِهِ" فوقية الاستعلاء بالقهر والغلبة عليهم، أي هم تحت تسخيره لا فوقية مكان"
และความหมายคำตรัสของพระองค์ เฟากออีบาดิฮ ก็คือ การสูงส่งในการปกครอง คือบ่าวของพระองค์ทั้งหมดอยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์ ไม่ไช่การสูงส่งในด้านการมีสถานที่ ( จากหนังสือ อัลญามิอฺ ลี อัหกามิลกุรอาน เล่ม 6 หน้า 399 อัลอันอาม : 18 )
.............
ชี้แจง
นาย Sukiman Tuanno ผู้มีแนวคิดญะฮมียะฮและมุอตะซิละฮ ได้อ้าง อิหม่ามอัลกุรฏุบีย์ข้างต้น ซึ่งข้างต้นเป็นความเห็นปราชญยุคหลัง ในขณะเดียวกัน อิหม่ามอัลกุรฏุบีย์ ได้ระบุทัศนะสะลัฟว่า
คำพูดของอิหม่ามกุรฏุบีย์เองที่ว่า
ولم ينكر أحد من السلف الصالح أنه استوى على عرشه حقيقة ....
และไม่มีคนใดจากชาวสะลัพผู้ทรงธรรม ปฏิเสธ ว่า อัลลอฮทรงสถิตเหนือบัลลังก์ของพระองค์จริงๆ - ตัฟสีรอัลญามิอุลอะหกามุลกุรอ่าน เล่ม 7 หน้า 219....สรุป สะลัฟยอมรับ การอยู่เหนืออะรัชของอัลลอฮ จริงๆแต่ อะชาอีเราะฮแนวคิดญะฮมียะฮไม่ยอมรับ
และในขณะเดียวกัน อิหม่ามอัลกุรฏุบีย์ได้ ระบุหะดิษว่า
وَرَوَى حَمَّادُ بْنُ سَلَمَةَ عَنْ عَاصِمِ بْنِ بَهْدَلَةَ - وَهُوَ عَاصِمُ بْنُ أَبِي النَّجُودِ - عَنْ زِرِّ بْنِ حُبَيْشٍ عَنِ ابْنِ مَسْعُودٍ قَالَ : بَيْنَ كُلِّ سَمَاءَيْنِ مَسِيرَةُ خَمْسِمِائَةِ عَامٍ وَبَيْنَ السَّمَاءِ السَّابِعَةِ وَبَيْنَ الْكُرْسِيِّ خَمْسُمِائَةِ عَامٍ ، وَبَيْنَ الْكُرْسِيِّ وَبَيْنَ الْعَرْشِ مَسِيرَةُ خَمْسِمِائَةِ عَامٍ ، وَالْعَرْشُ فَوْقَ الْمَاءِ وَاللَّهُ فَوْقَ الْعَرْشِ يَعْلَمُ مَا أَنْتُمْ فِيهِ وَعَلَيْهِ
และรายงานโดยหัมมาด บิน สะละมะฮวว่า รายงานจาก อาศิม บิน บะฮดะละฮ คือ อาศิม บิน อบีนุญูด จากซิรริน บิน หุบัยซ จากอิบนุมัสอูดว่า เขากล่าวว่า "ระหว่างทุกๆชั้นฟ้า ระยะทาง 500 ปี และระหว่างชั้นฟ้าที่เจ็ดและระหว่างอะรัชระยะทาง 500 ปี และระหว่างอัลกุสีย์ และระหว่างอะรัช ระยะทาง 500 ปี และอะรัช อยู่เหนือน้ำ และอัลลอฮอยู่เหนืออะรัช ทรงรู้สิ่งที่พวกท่านอยู่ในมันและบนมัน - ดู
.อัลญามิอฺ ลี อัหกามิลกุรอาน เล่ม 3 หน้า 253 อัลบากอเราะ : 255
..............
หะดิษข้างต้นคำว่า "อัลลอฮอยู่เหนืออะรัช" ชัดเจนการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ
อิหม่ามอบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ กล่าวว่า
وقالت المعتزلة في قول الله عزوجل (طه: 5) ]الرحمن على العرش استوى[ يعني استولى
และพวกมุอฺตะซิละฮ กล่าวเกี่ยวกับคำตรัสของอัลลอฮที่ว่า "พระเจ้าผู้ทรงเมตตาทรงอิสติวาอ์ อยู่บนอะรัช- ฏอฮา/5 ว่า หมายถึง อำนาจการปกครอง" - อัลมะกอลาตอิสลามียีน1/236



 ในภาพอาจจะมี ข้อความ





..........
จะเห็นได้ว่า อะกีดะฮของอิหม่ามอบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ แตกต่างจากพวกที่อ้างว่าสังกัดมัซฮับ อัลอัชอะรียะฮ เพราะพวกเขามีความเชื่อ เช่นเดียวกับพวกมุอ์ตะซิละฮ คือ ตีความ "อิสติวาอฺ"ว่า อำนาจการปกครอง
ท่านอะบุลหะซัน อัลอัชอะรีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ رسالة إلي أهل الثغر ริซาละฮ์ อิลา อะฮ์ลิษษั๊กร์) ของท่านว่า
وقال { الرحمن على العرش استوى } وليس استواؤه على العرش استيلاء كما قال أهل القدر لأنه تعالى لم يزل مستوليا على كل شيء
“และอัลลอฮ์ทรงตรัสว่า (พระผู้ทรงเมตตาทรงอิสตะวาเหนือบัลลังก์) โดยการอิสติวาอฺของอัลลอฮ์เหนือบัลลังก์นั้น มิใช่ความหมาย อิสตีลาอฺ (อำนาจการปกครอง)เสมือนกับที่ พวกก็อดรียะฮ์(หมายถึงพวกมั๊วะตะซิละฮ์)ได้กล่วไว้ เพราะว่าอัลลอฮ์ตะอาลานั้น ยังคงทรงอิสเตาลา(อำนาจปกครอง)เหนือทุกๆ สรรพสิ่งอยู่แล้ว” ริซาละฮ์ อิลา อะฮ์ลิษษั๊กร์ หน้า 233-234
..........
นาย Sukiman Tuanno และ คณะ คือ กลุ่มคนที่แอบอ้างสังกัดอาชาอิเราะฮตัวจริง แต่ความจริง ได้ยึดแนวคิดมุอตะซิละฮ ในการตีความคำว่า "อัลอิสติวาอฺ คือ อำนาจปกครอง และการครอง
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
2/2/60