อิบนุกะษีรตีตวามสิฟัตมือจริงหรือ ภาค 1
ฮาซัน พงศ์อัศวธาดา
بل يداه مبسوطتان ينفق كيف يشاء
ท่านอิบนุ กะษีร ตีความว่า
أي : بل هو الواسع الفضل الجزيل العطاء
"หมายถึง พระองค์ทรงความโปรดปรานแผ่ไพศาล อีกทั้งทรงให้อย่างมากมาย" ดู ตัฟซีร อิบนุ กะษีร อัลมาอิดะฮ์ 64
คือท่านอิบนุกะษีรได้ ตีความตะวีล คำว่า يداه مبسوطتان นั้น หมายถึง "พระองค์ทรงความโปรดปรานแผ่ไพศาล
................
คือท่านอิบนุกะษีรได้ ตีความตะวีล คำว่า يداه مبسوطتان นั้น หมายถึง "พระองค์ทรงความโปรดปรานแผ่ไพศาล
................
@@@@
ชี้แจง
คุณฮาซัน ไปกอ็ปข้อความที่อ้างว่า อิบนุกะษีร มีอะกีดะฮอาชาอิเราะฮจากเว็บอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งผมได้ชี้แจงไว้นานแล้ว จึงไม่ต้องการชี้แจงอีก เพราะไม่ค่อยมีเวลาและซ้ำซาก จึงขอชี้แจงแบบสั้นๆบางจุดเท่านั้น
คำอธิบายของอิบนุกะษีร คือ
ชี้แจง
คุณฮาซัน ไปกอ็ปข้อความที่อ้างว่า อิบนุกะษีร มีอะกีดะฮอาชาอิเราะฮจากเว็บอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งผมได้ชี้แจงไว้นานแล้ว จึงไม่ต้องการชี้แจงอีก เพราะไม่ค่อยมีเวลาและซ้ำซาก จึงขอชี้แจงแบบสั้นๆบางจุดเท่านั้น
คำอธิบายของอิบนุกะษีร คือ
ثُمَّ قَالَ تَعَالَى : ( بَلْ يَدَاهُ مَبْسُوطَتَانِ يُنْفِقُ كَيْفَ يَشَاءُ ) أَيْ : بَلْ هُوَ الْوَاسِعُ الْفَضْلِ ، الْجَزِيلُ الْعَطَاءِ ، الَّذِي مَا مِنْ شَيْءٍ إِلَّا عِنْدَهُ خَزَائِنُهُ
หลังจากนั้น พระองค์ผู้ทรงสูงส่งกล่าวว่า(หามิได้ พระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ ได้ถูกแบออกต่างหาก) หมายถึง หามิได้ พระองค์ คือผู้มีความไพศาลแห่งความโปรดปราน ,ทรงให้อย่างมากมาย ผู้ซึ่ง ไม่มีจากสิ่งใดๆ นอกจาก ณ พระองค์ คือคลัง -ดูตัฟสีร อิบนุกะษีร 3/147
.....................
.....................
ข้างต้นไม่ใช่การตีความคำว่า يَدَاهُ (ยะดาฮู) แต่เป็นการอรรถาธิบายความหมายชองอายะฮโดยรวมไม่ใช่ตีความคำว่า " يَدَاهُ (สองพระหัตถ์ของพระองค์) เพราะการตีความหมายถึงการปฏิเสธความหมายที่ปรากฏตามตัวบท ที่ไม่กินกับปัญญาแล้วเอาความหมายที่คิดว่าเหมาะสมกว่าเข้ามาแทน ซึ่งแนวคิดตีความ(ตะวีล)อายาตสิฟาตไม่ใช่แนวคิดของอิหม่ามอิบนุกะษีร เพราะอิบนุกะษีรดำเนินตามแนวสะลัฟ ไม่ใช่แนวอาชาอิเราะฮที่ตามแนวอะฮลุลกาลาม
มาดูคำชี้แจงของอิบนุกะษีร (ร.ฮ) เกี่ยวกับ อัลอิสติวาอฺ ว่า
أَمَّا قَوْله تَعَالَى " ثُمَّ اِسْتَوَى عَلَى الْعَرْش " فَلِلنَّاسِ فِي هَذَا الْمَقَام مَقَالَات كَثِيرَة جِدًّا لَيْسَ هَذَا مَوْضِع بَسْطهَا وَإِنَّمَا نَسْلك فِي هَذَا الْمَقَام مَذْهَب السَّلَف الصَّالِح مَالِك وَالْأَوْزَاعِيّ وَالثَّوْرِيّ وَاللَّيْث بْن سَعْد وَالشَّافِعِيّ وَأَحْمَد وَإِسْحَاق بْن رَاهْوَيْهِ وَغَيْرهمْ مِنْ أَئِمَّة الْمُسْلِمِينَ قَدِيمًا وَحَدِيثًا وَهُوَ إِمْرَارهَا كَمَا جَاءَتْ مِنْ غَيْر تَكْيِيف وَلَا تَشْبِيه وَلَا تَعْطِيل وَالظَّاهِر الْمُتَبَادِر إِلَى أَذْهَان الْمُشَبِّهِينَ مَنْفِيّ عَنْ اللَّه فَإِنَّ اللَّه لَا يُشْبِههُ شَيْء مِنْ خَلْقه وَ " لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْء وَهُوَ السَّمِيع الْبَصِير " بَلْ الْأَمْر كَمَا قَالَ الْأَئِمَّة مِنْهُمْ نُعَيْم بْن حَمَّاد الْخُزَاعِيّ شَيْخ الْبُخَارِيّ قَالَ مَنْ شَبَّهَ اللَّه بِخَلْقِهِ كَفَرَ وَمَنْ جَحَدَ مَا وَصَفَ اللَّه بِهِ نَفْسه فَقَدْ كَفَرَ وَلَيْسَ فِيمَا وَصَفَ اللَّه بِهِ نَفْسه وَلَا رَسُوله تَشْبِيه فَمَنْ أَثْبَتَ لِلَّهِ تَعَالَى مَا وَرَدَتْ بِهِ الْآيَات الصَّرِيحَة وَالْأَخْبَار الصَّحِيحَة عَلَى الْوَجْه الَّذِي يَلِيق بِجَلَالِ اللَّه وَنَفَى عَنْ اللَّه تَعَالَى النَّقَائِص فَقَدْ سَلَكَ سَبِيل الْهُدَى
และสำหรับคำตรัสของอัลลอฮตะอาลาที่ว่า "แล้วทรงสถิตย์อยู่เหนือบัลลังก์ " ในตรงนี้มีทัศนะของบรรดามนุษย์มากมายยิ่งนัก ซึ่ง ณ ที่นี้ไม่มีที่ที่จะขยายความให้ละเอียดได้ และแท้จริง เกี่ยวกับ ณ ตรงนี้ เราได้ดำเนินตามมัซฮับของสะละฟุศศอลิหฺ คือท่านมาลิก , ท่านอัลเอาซะอีย์ , ท่านอัษเษารีย์ , ท่านอัลลัยษ์ บิน สะอัด , ท่านอัชชาฟิอีย์ , ท่านอะหฺมัด บิน หัมบัล , ท่านอิสหาก ร่อฮุวัยฮ์ , และท่านอื่น ๆ จากนักปราชญ์บรรดามสุลิมีนทั้งอดีตและปัจจุบัน ซึ่งแนวทางของสะละฟุศศอลิหฺ ก็คือปล่อยมัน ให้ผ่านไปเหมือนที่มันได้มีมา โดยไม่อธิบายรูปแบบวิธีการ ไม่เปรียบเทียบการคล้ายคลึง และไม่ปฏิเสธคุณลักษณะ(ซีฟัต) และความหมายตามที่ปรากฏ ที่เข้าไปอยู่ในความเข้าใจบรรดาพวกมุชับบีฮีน(พวกที่เข้าใจว่าคุณลักษณะของอัลลออคล้ายคลึงคุณลักษณะมัคโลค)นั้น ถูกปฏิเสธจากอัลลอฮ เพราะอัลลอฮนั้น ไม่มีสิ่งใดจากมัคลูคของพระองค์ คล้ายคลึงกับพระองค์ และ"ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์คือ ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น " แต่ทว่า (ความจริง) เรื่องนี้ เหมือนกับสิ่งที่บรรดาอิหม่ามได้กล่าวไว้ ส่วนหนึ่งจากพวกเขาคือ นุอัยม์ บุตร หัมมาด อัลคุซาอีย์ อาจารย์ของอิหม่ามบุคอรี กล่าวว่า ผู้ใดเปรียบเทียบว่าอัลลอฮคล้ายคลึงกับมัคลูคของพระองค์ เขาเป็นกาเฟรและผู้ใดปฏิเสธ สิ่งที่อัลลอฮได้ทรงพรรณาคุณลักษณะด้วยมันแก่ตัวของพระองค์ แน่นอนเขาเป็นกาเฟร และในสิ่งที่อัลลอฮและรอซูลของพระองค์ พรรณาคุณลักษณะให้แก่ตัวของพระองค์ด้วยมัน นั้น ไม่ใช่เป็นการตัชบีฮ(ไม่ใช่เป็นการเปรียบเทียบว่าอัลลอฮคล้ายคลึงกับมัคลูค)ดังนั้นผู้ใดรับรองให้กับอัลลอฮตาอาลา ในสิ่งที่บรรดาอายะฮอัลกุรอ่าน และบรรดาหะดิษที่เศาะเฮียะ ได้ระบุเอาไว้ (เป็นการรับรอง) ตามรูปแบบที่เหมาะสมกับความเกรียงไกรของอัลลอฮและปฏิเสธบรรดาคุณลักษณะที่บกพร่องจากอัลลอฮ แน่นอน เขาก็ได้ดำเนินตามทางนำ - ตัฟสิรอิบนิกะษีร อรรถาธิบายซูเราะฮ์ อัลอะร๊อฟ อายะฮ์ที่ 54
...........
...........
สรุปอะกีดะฮอิบนุกะษีรในการอิษบาตสิฟาตคือ
1.ดำเนินตาม มัซฮับของสะละฟุศศอลิหฺ คือท่านมาลิก , ท่านอัลเอาซะอีย์ , ท่านอัษเษารีย์ , ท่านอัลลัยษ์ บิน สะอัด , ท่านอัชชาฟิอีย์ , ท่านอะหฺมัด บิน หัมบัล ,
2. ปล่อยบรรดาสิฟาต เป็นไปเหมือนที่มันได้มีมา โดยไม่อธิบายรูปแบบวิธีการ ไม่เปรียบเทียบการคล้ายคลึง และไม่ปฏิเสธ
3.คุณลักษณะ(ซีฟัต) และความหมายตามที่ปรากฏตามตัวบทที่จินตนาการและเข้าใจว่าเหมือนมัคลูคนั้นถูกปฏิเสธจากอัลลอฮ (ไม่ได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนความหมายด้วยการตีความแต่หมายถึงสิ่งที่นึกคิดว่าเหมือนมัคลูคนั้น มันไม่ใช่คุณลักษณะของอัลลอฮ)
4. ผู้ใดเปรียบเทียบว่าอัลลอฮคล้ายคลึงกับมัคลูคของพระองค์ เขาเป็นกาเฟร
5. และผู้ใดปฏิเสธ สิ่งที่อัลลอฮได้ทรงพรรณาคุณลักษณะด้วยมันแก่ตัวของพระองค์ แน่นอนเขาเป็นกาเฟร
6.และในสิ่งที่อัลลอฮและรอซูลของพระองค์ พรรณาคุณลักษณะให้แก่ตัวของพระองค์ด้วยมัน นั้น ไม่ใช่เป็นการตัชบีฮ(ไม่ใช่เป็นการเปรียบเทียบว่าอัลลอฮคล้ายคลึงกับมัคลูค)
และท่านอิบนุกะษีร(ร.ฮ)สรุปตอนท้ายสุดว่า
1.ดำเนินตาม มัซฮับของสะละฟุศศอลิหฺ คือท่านมาลิก , ท่านอัลเอาซะอีย์ , ท่านอัษเษารีย์ , ท่านอัลลัยษ์ บิน สะอัด , ท่านอัชชาฟิอีย์ , ท่านอะหฺมัด บิน หัมบัล ,
2. ปล่อยบรรดาสิฟาต เป็นไปเหมือนที่มันได้มีมา โดยไม่อธิบายรูปแบบวิธีการ ไม่เปรียบเทียบการคล้ายคลึง และไม่ปฏิเสธ
3.คุณลักษณะ(ซีฟัต) และความหมายตามที่ปรากฏตามตัวบทที่จินตนาการและเข้าใจว่าเหมือนมัคลูคนั้นถูกปฏิเสธจากอัลลอฮ (ไม่ได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนความหมายด้วยการตีความแต่หมายถึงสิ่งที่นึกคิดว่าเหมือนมัคลูคนั้น มันไม่ใช่คุณลักษณะของอัลลอฮ)
4. ผู้ใดเปรียบเทียบว่าอัลลอฮคล้ายคลึงกับมัคลูคของพระองค์ เขาเป็นกาเฟร
5. และผู้ใดปฏิเสธ สิ่งที่อัลลอฮได้ทรงพรรณาคุณลักษณะด้วยมันแก่ตัวของพระองค์ แน่นอนเขาเป็นกาเฟร
6.และในสิ่งที่อัลลอฮและรอซูลของพระองค์ พรรณาคุณลักษณะให้แก่ตัวของพระองค์ด้วยมัน นั้น ไม่ใช่เป็นการตัชบีฮ(ไม่ใช่เป็นการเปรียบเทียบว่าอัลลอฮคล้ายคลึงกับมัคลูค)
และท่านอิบนุกะษีร(ร.ฮ)สรุปตอนท้ายสุดว่า
فَمَنْ أَثْبَتَ لِلَّهِ تَعَالَى مَا وَرَدَتْ بِهِ الْآيَات الصَّرِيحَة وَالْأَخْبَار الصَّحِيحَة عَلَى الْوَجْه الَّذِي يَلِيق بِجَلَالِ اللَّه وَنَفَى عَنْ اللَّه تَعَالَى النَّقَائِص فَقَدْ سَلَكَ سَبِيل الْهُدَى
ดังนั้นผู้ใดรับรองให้กับอัลลอฮตาอาลา ในสิ่งที่บรรดาอายะฮอัลกุรอ่าน และบรรดาหะดิษที่เศาะเฮียะ ได้ระบุเอาไว้ (เป็นการรับรอง) ตามรูปแบบที่เหมาะสมกับความเกรียงไกรของอัลลอฮและปฏิเสธบรรดาคุณลักษณะที่บกพร่องจากอัลลอฮ แน่นอน เขาก็ได้ดำเนินตามทางนำ - ตัฟสิรอิบนิกะษีร อรรถาธิบายซูเราะฮ์ อัลอะร๊อฟ อายะฮ์ที่ 54
.........
ข้างต้นคือแนวทางการยืนยัน/รับรอง(อิษบาต)สิฟาตอัลลอฮ ตาอาลาของอิบนุกะษีร คือดำเนินตามแนวสะลัฟ จึงถามคุณ ฮาซัน พงศ์อัศวธาดา ว่า สะลัฟท่านใดตีความ อายาตสิฟาต คำว่า يَدَاهُ (ยะดาฮู)หรือ หวังว่าจะได้รับคำตอบแบบวิชาการ ตามที่ปราชญผู้ทรงธรรมเขาทำกัน
.........
ข้างต้นคือแนวทางการยืนยัน/รับรอง(อิษบาต)สิฟาตอัลลอฮ ตาอาลาของอิบนุกะษีร คือดำเนินตามแนวสะลัฟ จึงถามคุณ ฮาซัน พงศ์อัศวธาดา ว่า สะลัฟท่านใดตีความ อายาตสิฟาต คำว่า يَدَاهُ (ยะดาฮู)หรือ หวังว่าจะได้รับคำตอบแบบวิชาการ ตามที่ปราชญผู้ทรงธรรมเขาทำกัน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
11/9/59
อะสัน หมัดอะดั้ม
11/9/59
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น