วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559

การกำหนดหุกุมว่าหะรอม เป็นสิทธิของใครหรือ






การกำหนดหุกุมว่าหะรอม เป็นสิทธิของใครหรือ
บัง ฟาฏอนีย์
11 กันยายน เวลา 20:00 น.
ปะกาด ปะกาด ปะกาด
ข้อควรระวังในเรื่องที่เกี่ยวกับกุรบ่าน
1.ระวังในการแจกเนื้อกุรบ่าน เพราะหากแจกกับคนกาเฟร ฮุก่มของการแจกนั้นฮารอมและจำเป็นที่ต้องชดใช้ ไม่ว่าจะเป็นกาเฟรที่กราบไหว้ดวงอาทิตย์ การเฟรที่นับถือวัว กาเฟรที่เชื่อว่าพระเจ้าของเขาคือก้อนวัตถุที่อาศัยสิงสถิตอยู่บนบัลลังค์ มีอวัยวะ มีการเปลี่ยนแปลง หรือการเฟรแบบไหนก็ตาม
2.ระวังในการรับเนื้อที่เขาแจก หรืออาหารที่เขาเลี้ยง ในช่วงอิดิลอัฎฮา เพราะช่วงดังกล่าว อาจมีพวกกาเฟรที่เชื่อว่าพระเจ้าของเขาคือก้อนวัตถุที่อาศัยสิงสถิตอยู่บนบัลลังค์ มีอวัยวะ มีการเปลี่ยนแปลง จะทำการบูชายัญ พระเจ้าของเขาเหมือนกัน และวิธีการบูชายัญของพวกเขาก็เหมือนกับการทำกุรบานของอิสลามเราอย่างมาก
ระวังจะไปกินเนื้อบูชายัญ เข้านะคับ เช็คดีๆ ก่อนกิน
....................
ชี้แจง
การทำกุรบาน ถือเป็นทานอาอาสา หรือเศาะดะเกาะฮตะเฏาวุอ การทำท่านที่ไม่ใช่ท่านบังคับนั้น สามารถที่จะบริจาคให้แก่ มนุษย์ และสัตว์ได้ โดยเฉพาะมนุษย์โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นมุสลิมหรือกาเฟร (คนต่างศาสนิก) ตราบใดที่ไม่ใช่เป็นกาเฟรที่เป็นผู้ที่เป็นคู่สงครามกับมุสลิมหรือกาเฟรหัรบีย์
حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ الْأَعْلَى حَدَّثَنَا سُفْيَانُ بْنُ عُيَيْنَةَ عَنْ دَاوُدَ بْنِ شَابُورَ وَبَشِيرٍ أَبِي إِسْمَعِيلَ عَنْ مُجَاهِدٍ أَنَّ عَبْدَ اللَّهِ بْنَ عَمْرٍو ذُبِحَتْ لَهُ شَاةٌ فِي أَهْلِهِ فَلَمَّا جَاءَ قَالَ أَهْدَيْتُمْ لِجَارِنَا الْيَهُودِيِّ أَهْدَيْتُمْ لِجَارِنَا الْيَهُودِيِّ سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ مَا زَالَ جِبْرِيلُ يُوصِينِي بِالْجَارِ حَتَّى ظَنَنْتُ أَنَّهُ سَيُوَرِّثُهُ
คำแปลตัวบท
จากท่านมุญาฮิด ว่า ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุอุมัร รอฎยัลลอฮุอันฮุ ว่า ได้มีการเชือดแกะตัวหนึ่งให้กับท่านในครอบครัวของท่าน เมื่อท่านอิบนุอุมัรมา ท่านกล่าวว่า ท่านได้ให้เพื่อนบ้านชาวยิวของเราบ้างหรือเปล่า? ฉันได้ยินท่านเราะซูล กล่าวว่า
“ญิบรีลได้สั่งเสียแก่ฉันเกี่ยวกับเพื่อนบ้าน จนฉันคิดว่าเขาจะสามารถรับมรดกจากเขาได้” - บันทึกโดย อัตติรมิซีย์(1943) อัลบานีย์ได้วิจารณ์ว่าเป็นหะดิษเศาะเฮียะ ในเศาะเฮียะอัตติรมิซีย์ หะดิษหมายเลข 1585 หะดิษนี้รายงานโดยอบูดาวูดเช่นกัน
อิหม่ามชาฟิอี(ร.ฮ) กล่าวว่า
وَلَا بَأْسَ أَنْ يُتَصَدَّقَ عَلَى الْمُشْرِكِ مِنْ النَّافِلَةِ وَلَيْسَ لَهُ فِي الْفَرِيضَةِ مِنْ الصَّدَقَةِ حَقٌّ ، وَقَدْ حَمِدَ اللَّهُ تَعَالَى قَوْمًا فَقَالَ { وَيُطْعِمُونَ الطَّعَامَ } الْآيَةَ
และ การบริจาคที่เป็นสุนัตให้แก่มุชริก ไม่มีความผิดแต่อย่างใด โดยที่ เขาไม่มีสิทธ์ในเศาะดะเกาะฮที่เป็นข้อบังคับ และแท้จริง อัลลอฮตะอาลา ได้สรรเสริญ คนพวกหนึ่งว่า (และพวกเขาได้เลี้ยงอาหาร...จนจบอายะฮ) –ดู อัลอุม เล่ม 2 หน้า 66
...
สรุปจากคำพูดของอิหม่ามชาฟิอี
1. บริจาดทานที่เป็นสุนัตให้แก่มุชริกได้
2. พวกมุชริก หรือต่างศาสนิกไม่มีสิทธิ์ในเศาะดะเกาะฮที่เป็นวาญิบ
3. อัลลอฮตาอาลา ได้ชื่นชมบรรดามุสลิม ที่เลี้ยงอาหารแก่บรรด่เชลย
แท้จริงอัลลอฮ์ ได้กล่าวถึงคุณลักษณะของบรรดาผู้ที่มีคุณธรรมซึ่งพวกเขาเป็นชาวสวรรค์
(وَيُطْعِمُونَ الطَّعَامَ عَلَى حُبِّهِ مِسْكِيناً وَيَتِيماً وَأَسِيراً)
“และพวกเขาให้อาหารเนื่องด้วยความรักต่อพระองค์แก่คนยากจน เด็กกำพร้าและเชลยศึก”
حَدَّثَنَا ابْنُ عَبْدِ الْأَعْلَى ، قَالَ : ثَنَا ابْنُ ثَوْرٍ ، عَنْ مَعْمَرٍ ، عَنْ قَتَادَةَ ( وَأَسِيرًا ) قَالَ : كَانَ أَسْرَاهُمْ يَوْمئِذٍ الْمُشْرِكُ ، وَأَخُوكَ الْمُسْلِمُ أَحَقُّ أَنْ تُطْعِمَهُ .
อิบนุอับดิลอะอลา ได้เล่าเรา โดยกล่าวว่า อิบนุษูร ได้เล่าเรา ว่ารายงานจาก มุอมัร จากเกาะตาดะฮว่า (และเชลย) โดยเขากล่าวว่า "ปรากฏว่าเชลยของพวกเขา ณ เวลานั้น คือ มุชริก และพีนี้ของท่านที่เป็นมุสลิม สมควรที่พวกท่านจะเลี้ยงอาหารแก่เขายิ่งกว่า -ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย 24/97
การระบุว่า เนื้อกุรบาน ซึ่งเป็น เศาะดะเกาะฮสุนัต ห้ามมอบให้กาเฟร เป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม)นั้นต้องมีหลักฐาน ไม่ใช่ตัดสินตามความเห็น ในเรื่องอาหาร การกิน หากไมมีข้อห้ามก็ถือว่า อยู่ภายใต้หลักเดิมคือ อนุญาต
หลักอุศูลุลฟิก(หลักนิติศาสตร์อิสลาม)มีอยู่ว่า
أن الأصل في الأطعمة الحل، ولا يصار إلى التحريم إلا لدليل خاص
แท้จริง หลักเดิม ในเรื่องอาหารนั้น คือการอนุญาต และมันจะไม่ถูกให้กลายเป็นการห้าม นอกจาก เพราะมีหลักฐานที่เจาะจง-อัลเมาสูอะฮอัลฟิกฮียะฮ เล่ม 5 หน้า 124 -125
ข้อห้าม มอบเนื่อกุรบานที่เป็นสุนัต ให้แก่คนต่างศาสนิก ไม่ทราบว่า เอาหลักฐานมาจากอายะฮอัลกุรอ่านหรือหะดิษบทใด
ฟัตวาสภาอุลามาอฺหรือ อัลลุจญนะฮอัดดาอิมะฮ
يعطى الكافر من لحم الأضحية إذا لم يكن حربيا، ولم تكن واجبة كالمنذورة؛ لقول الله سبحانه: {لَا يَنْهَاكُمُ اللَّهُ عَنِ الَّذِينَ لَمْ يُقَاتِلُوكُمْ فِي الدِّينِ وَلَمْ يُخْرِجُوكُمْ مِنْ دِيَارِكُمْ أَنْ تَبَرُّوهُمْ وَتُقْسِطُوا إِلَيْهِمْ إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ الْمُقْسِطِينَ} [الممتحنة: 8] ولأن النبي صلى الله عليه وسلم أمر أسماء بنت أبي بكر أن تصل أمها، وكانت مشركة، رواه البخاري.
وبالله التوفيق وصلى الله على نبينا محمد وآله وصحبه وسلم.
มอบเนื้ออุฎฮียะฮให้กาเฟรได้ เมื่อเขาไม่ได้เป็นกาเฟรฮัรบีย์ และมัน(กุรบาน)ไม่ได้เป็นสิ่งที่วาญิบ เช่นสิ่งที่ได้บนบาน(นะซัร)ไว้ เพราะฮัลลอฮตาอาลาตรัสว่า(อัลลอฮ์มิทรงห้ามสูเจ้าทั้งหลายเกี่ยวกับผู้ที่มิได้ต่อสู้กับพวกเจ้าในเรื่องศาสนา มิได้พลักใสพวกเจ้าให้พ้นไปจากที่อาศัยของพวกเจ้า ในการที่พวกเจ้าจะทำดีต่อพวกเขาและให้ความยุติธรรมต่อพวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักผู้เที่ยงธรรม" (อัลมุมตะหินะห์/8) )และท่านนบี ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเคยใช้ให้ อัสมาอ์ บินติ อะบีบักร์ ทำดีต่อแม่ของนาง ทั้งๆ ที่นางยังเป็นกาเฟรมุชริกอยู่ในขณะนั้น -รายงานโดยบุคอรี -ฟัตวาหมายเลข 2752 (ดูสำเนาที่แนบมา)
........
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ขอให้ผู้อ่านเปรียบเทียบกันดูว่า ควรให้น้ำหนักในทัศนะใด ผมไม่ได้บังคับ และที่เขียนเพื่อให้เป็นคู่ขนานที่เป็นทางเลือกแก่ผู้ที่มีปํญญาทั้งหลาย
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
14/9/59

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น