ไม่เรียนซิฟาตยี่สิบ เป็นมุสลิมได้ไหม
หลังจากที่ อิหม่ามนะวาวีย์ ยืนยันว่า คนที่จะเป็นผู้ศรัทธานั้น เมื่อเขายึดมั่นต่อศาสนาอิสลาม อย่างมั่นคง
เขาก็คือผู้ศรัทธา ไม่จำเป็นจะต้องเรียนหลักฐานของบรรดานักกะลาม ซึ่งเป็นหลักฐานทางปัญญา ใช้เหตุผลอธิบายเตาฮีด
อิหม่ามนะวาวีย์กล่าวว่า
เขาก็คือผู้ศรัทธา ไม่จำเป็นจะต้องเรียนหลักฐานของบรรดานักกะลาม ซึ่งเป็นหลักฐานทางปัญญา ใช้เหตุผลอธิบายเตาฮีด
อิหม่ามนะวาวีย์กล่าวว่า
، خِلَافًا لِمَنْ أَوْجَبَ ذَلِكَ وَجَعَلَهُ شَرْطًا فِي كَوْنِهِ مِنْ أَهْلِ الْقِبْلَةِ ، وَزَعَمَ أَنَّهُ لَا يَكُونُ لَهُ حُكْمُ الْمُسْلِمِينَ إِلَّا بِهِ . وَهَذَا الْمَذْهَبُ هُوَ قَوْلُ كَثِيرٍ مِنَ الْمُعْتَزِلَةِ وَبَعْضِ أَصْحَابِنَا الْمُتَكَلِّمِينَ . وَهُوَ خَطَأٌ
แตกต่าง กับผู้ที่บอกว่า ดังกล่าวนั้น (หมายถึงเรียนหลักฐานของนักกะลาม) เป็นวาญิบ และเขาได้กำหนดให้เป็น เงื่อนไข ในการเป็นมุสลิม (อะฮลุลกิบลัต) และเขาเข้าใจว่า จะไม่ได้รับหุกุมว่าเป็นมุสลิม นอกจากจะต้องรู้หลักฐานของนักกะลาม และนี้คือ มัซฮับ มันคือ ทัศนะของพวกมุอตะซิละฮส่วนมากและส่วนหนึ่งของบรรดาสหายของเรา(หมายถึงอุลามาอฺมัซฮับชาฟิอีบางส่วน) ที่เป็นบรรดานักวิชาการกะลาม(นักวิภาษวิทยา) และมัน คือ ทัศนะที่ผิดอย่างชัดเจน
..................................................
อิหม่ามนะวาวีย อะธิบายว่า พวกที่บอกว่า คนจะเป็นมุสลิมนั้นต้องเรียนรู้หลักฐานของบรรดานักวิภาษวิทยา พวกที่เข้าใจแบบนี้คือ พวกมุอฺตะซิละฮ และพวกนักวิชาการกะลาม และทัศนะดังกล่าวเป็นทัศนะที่ผิดอย่างชัดเจน…
อิหม่ามเฆาะซาลีย(รฺ.ฮ) กล่าวว่า
..................................................
อิหม่ามนะวาวีย อะธิบายว่า พวกที่บอกว่า คนจะเป็นมุสลิมนั้นต้องเรียนรู้หลักฐานของบรรดานักวิภาษวิทยา พวกที่เข้าใจแบบนี้คือ พวกมุอฺตะซิละฮ และพวกนักวิชาการกะลาม และทัศนะดังกล่าวเป็นทัศนะที่ผิดอย่างชัดเจน…
อิหม่ามเฆาะซาลีย(รฺ.ฮ) กล่าวว่า
وليس الطريق في تقويته وإثباته إن يعلم صنعة الجدل والكلام بل يشتغل بتلاوة القرآن وتفسيره وقراءة الحديث ومعانيه. ويشتغل بوظائف العبادات
ไม่ใช่หนทางที่จะให้การศรัทธาแก่กล้าและมั่นคง โดยที่จะต้องเรียนรู้การโต้แย้งและตรรกวิทยา(วิภาษวิทยา) แต่ทว่า(การที่จะให้ศรัทธาแก่กล้ามั่นคงนั้น)ด้วยการอ่านอัลกุรอ่าน ,ตัฟสีรของมัน ,อ่านหะดิษและบรรดาความหมายของมัน และการสาละวนกับการประกอบอิบาดะฮต่างๆ -เอียะยาอุลูมีดดีน 1/94
สรุป ว่า การที่จะให้เป็นมุสลิมที่มีศรัทธาแก่กล้า ก็ให้เรียนอัลกุรอ่าน อัลหะดิษ พร้อมกับทำความเข้าใจความหมาย และพร้อมกับการปฏิบัติอิบาดะฮต่างๆ ไม่จำเป็นจะต้องเรียนคุณลักษณะของอัลลอฮตามแนววิชากาลาม เช่น สิฟาต 20 ที่อธิบายคุณลักษณะของอัลลอฮ ตามหลักวิชาตรรกวิทยา
สรุป ว่า การที่จะให้เป็นมุสลิมที่มีศรัทธาแก่กล้า ก็ให้เรียนอัลกุรอ่าน อัลหะดิษ พร้อมกับทำความเข้าใจความหมาย และพร้อมกับการปฏิบัติอิบาดะฮต่างๆ ไม่จำเป็นจะต้องเรียนคุณลักษณะของอัลลอฮตามแนววิชากาลาม เช่น สิฟาต 20 ที่อธิบายคุณลักษณะของอัลลอฮ ตามหลักวิชาตรรกวิทยา
อิหม่ามเฆาะซาลี กล่าวถึงพวกนักกาลามสุดโต่งว่า
من أشد الناس غلواً وإسرافاً طائفةٌ من المتكلمين كفروا عوام المسلمين وزعموا أنّ من لا يعرف الكلام معرفتنا، ولم يعرف العقائد الشرعية بأدلتنا التي حررناها فهو كافر، فهؤلاء ضيقوا رحمة الله الواسعة على عباده أولاً، وجعلوا الجنة وقفاً على شرذمة يسيرة من المتكلمين
ส่วนหนึ่งจากมุษย์ที่เลยเถิดและมักง่าย อย่างสุดโต่ง คือ คณะหนึ่งจากบรรดานักวิภาษวิทยา(อะฮลุลกาลาม) พวกเขาได้ตักฟีร(ตัดสินว่าเป็นกาเฟร)แก่บรรดามุสลิมที่เป็นคนอาวาม และพวกเขาอ้างว่า แท้จริงผู้ที่ไม่รู้จักกาลาม ตามการรู้จัก(ตามคำสอน)ของเรา และไม่รู้จักบรรดาอะกีดะฮเกี่ยวกับศาสนา ด้วยบรรดาหลักฐานที่เราได้ประพันธ์ไว้ เขาคือกาเฟร (อิหม่ามเฆาะซาลีกล่าววิจารณ์ว่า) พวกเขาเหล่านี้ ทำให้ความเมตตาของอัลลอฮที่กว้างขวาง คับแคบแก่บรรดาบ่าวของอัลลอฮ เป็นกระการแรก และยังทำให้สวรรค์ เป็นของคนกลุ่มเล็กๆจากบรรดาพวกกาลาม(นักวิภาษวิทยา) เท่านั้น -
فيصل التفرقة ضمن مجموعة رسائل الغزالي (3/140).
والله أعلم بالصواب
กล่าวคือ พวกอะลุลกาลาม สุดโต่งบางพวก ทำการตักฟีรคนอาวามที่ไม่เรียน อะกีดะฮตามแนวกาลาม ของกลุ่มตน ,อิหมามเฆาะซาลี วิจารณ์ว่า คนพวกนี้ ได้ทำให้ความเมตตาของอัลลอฮคับแคบ และยังกำหนดให้สวรรค์เป็นของอะฮลุลกาลามที่เป็นคนกลุ่มน้อย
والله أعلم بالصواب
กล่าวคือ พวกอะลุลกาลาม สุดโต่งบางพวก ทำการตักฟีรคนอาวามที่ไม่เรียน อะกีดะฮตามแนวกาลาม ของกลุ่มตน ,อิหมามเฆาะซาลี วิจารณ์ว่า คนพวกนี้ ได้ทำให้ความเมตตาของอัลลอฮคับแคบ และยังกำหนดให้สวรรค์เป็นของอะฮลุลกาลามที่เป็นคนกลุ่มน้อย
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/5/59
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/5/59