วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ไม่มีบิดอะฮที่ดีในเรื่องศาสนา ภาค 3




ไม่มีบิดอะฮที่ดีในเรื่องศาสนา ภาค 3
บัง ฟาตอนี อิหม่าม ฆอซาลีย์ ร.ฮ. กล่าวว่า
ความว่า “และสิ่งใดก็ตามที่มีผู้กล่าวกันว่า แท้จริงมันเป็นบิดอะห์ ที่เกิดขึ้นภายหลังจากยุคของท่านศาสดา ศ็อลฯ นั้น (ฉันขอกล่าวว่า) ไม่ใช่ว่าทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่นั้น ทั้งหมดเป็นที่ต้องห้าม หากแต่ว่า สิ่งที่ต้องห้ามนั้นคือ อุตริกรรมที่ขัดแย้งกับแนวทางของท่านนบี ศ็อลฯ ที่มีอยู่” (ไม่ใช่สิ่งที่นบีไม่ทำ แต่เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับแนวทางของท่านนบีต่างหากที่เป็นสิ่งต้องห้าม) (อิฮฺยาอฺ อูลูมิดดีน เล่ม 2 หน้า 428 )
.........................
ชี้แจง
มาดู คำพูดของอิหม่ามเฆาะซาลีย์ (ร.ฮ)และความหมายที่ถูกต้องดังนี้
وَمَا يُقَالُ إنَّهُ أُبْدِعَ بَعْدَ رَسُولِ اللهِ صلى الله عليه وسلم فَلَيْسَ كُلُّ مَا أُبْدِعَ مَنْهِيّاً، بَلِ اْلمَنْهِيُّ بِدْعَةٌ تُضَادُّ سُنَّةً ثَابِتَةً وَتَرْفَعُ أَمْراً مِنَ الشَّرْعِ مَعَ بَقَاءِ عِلَّتِهِ، بَلِ اْلإِبْدَاعُ قَدْ يَجِبُ فِي بَعْضِ اْلأَحْوَالِ إِذَا تَغَيَّرَتِ اْلأَسْبَابُ
ความว่า และสิ่งที่ถูกกล่าวว่า มันถูกประดิษฐขึ้นมา หลังจาก สมัยของ รซูลุลลอฮ สอ็ลฯ ดังนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่(บิดอะฮ)ทั้งหมด เป็นสิ่งต้องห้าม แต่ทว่า สิ่งที่ถูกห้ามคือ บิดอะฮที่ขัดแย้ง กับสุนนะฮ ที่แน่นอน และมันได้ทำให้สิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งจากชะรีอะฮถูกยกไป ทั้งที่เหตุผลของมันยังคงอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น บางที่ การประดิษฐขึ้นมาใหม่(บิดอะฮ)นั้นเป็นวาญิบในบางสถานการณ์ เมื่อบรรดามูลเหตุ(วิธีในการดำเนินชีวิต)เปลี่ยนไป - ดู เอียะยาอุลูมิดดีน 2/428
.................
คำพูดของอิหม่ามเฆาะซาลีย์ ท่านได้กล่าวโดยรวม คือ สิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่หลังจากยุคของนบี ศอ็ลฯ ไม่ได้แยกบิดอะฮในทางภาษาและบิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ ซึ่งจะเห็นได้จาก ตอนท้ายประโยคที่ว่า
بَلِ اْلإِبْدَاعُ قَدْ يَجِبُ فِي بَعْضِ اْلأَحْوَالِ إِذَا تَغَيَّرَتِ اْلأَسْبَابُ
บางที่ การประดิษฐขึ้นมาใหม่(บิดอะฮ)นั้นเป็นวาญิบในบางสถานการณ์ เมื่อบรรดามูลเหตุ(วิธีในการดำเนินชีวิต)เปลี่ยนไป
..........
ข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า มันไม่เกี่ยวกับการอุตริบิดอะฮในเรื่อง อิบาดะฮหรือพิธีกรรมทางศาสนา แต่หมายถึง การประดิษย์ปัจจัยที่มนุษย์มีความจำเป็นในยุคต่อมา ตามการเปลี่ยนแปลงของสังคมมนุษย์ เช่น การประดิษฐไฟฟ้าเป็นต้น ซึ่ง บิดอะฮในลักษณะนี้ อยู่ในประเภท บิดอะฮในทางภาษา
เพราะว่า คำว่า "ทุกบิดอะฮ คือการหลงผิดนั้น " หมายถึงบิดอะฮในทางศาสนา ไม่ใช่บิดอะฮในทางภาษา
อิบนุเราะญับ(ร.ฮ)กล่าวว่า
فكل من أحدث شيئاً ونسبه إلى الدين ولم يكن له أصل من الدين يرجع إليه فهو ضلالة، والدين برئ منه، وسواء في ذلك مسائل الاعتقادات أو الأعمال أو الأقوال الظاهرة والباطنة
ดังนั้น ทุกๆผู้ที่อุตริสิ่งใดๆขึ้นมาใหม่ แล้วนำไปอ้างว่าเป็นศาสนา ทั้งๆที่ไม่ได้มีที่มาในศาสนา ที่จะกลับไปหามัน มันคือ การหลงผิด โดยที่ ศาสนา นั้น เป็นอิสระจากมัน โดยที่ในเรื่องดังกล่าวนั้น ไม่ว่าจะเป็น ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับ อะกีดะฮ หรือ การปฏิบัติ หรือ คำพูด ที่แสดงออกมาโดยภายนอก และภายในใจก็ตาม
ญามิอุลอุลูมวัลหิกัม 2/128
แม้แต่ปราชญ์ มัวฮับชาฟิอีย์ เช่น อิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวว่า
فَإِن الْبِدْعَة الشَّرْعِيَّة ضَلَالَة كَمَا قَالَ – صلى الله عليه وسلم – وَمن قسمهَا من الْعلمَاء إِلَى حسن وَغير حسن فَإِنَّمَا قسم الْبِدْعَة اللُّغَوِيَّة وَمن قَالَ كل بِدعَة ضَلَالَة فَمَعْنَاه الْبِدْعَة الشَّرْعِيَّة
แท้จริง บิดอะฮเกี่ยวกับศาสนบัญญัตินั้น คือ การหลงผิด ดังสิ่งที่นบี ศอ็ลฯ ได้กล่าวเอาไว้ และผู้ใดก็ตามจากบรรดาอุลามาอฺ ได้แบ่งมัน เป็นบิดอะฮที่ดี และบิดอะฮที่ไม่ดี ความจริง เขาได้แบ่ง บิดอะฮเกียวกับภาษา และผู้ใด กล่าวว่า "ทุกบิดอะฮ คือ การหลงผิด ความหมายของมันคือ บิดอะฮที่เกี่ยวกับศาสนบัญญัติ - ฟะตาวา อัลหะดีษียะฮ หน้า 655
...........
เป็นที่ชัดเจนว่า ไม่มีบิดอะฮที่ดี ในเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะกีดะฮ หรืออิบาดะฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
17/5/59

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น