วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

อัลลอฮชื่นขมบิดอะฮที่มนุษย์คิดว่าดีจริงหรือ ภาค 2





อัลลอฮชื่นขมบิดอะฮที่มนุษย์คิดว่าดีจริงหรือ ภาค 2
 
มีผู้ได้อ้างอายะฮต่อไปนี้ว่า อัลลอฮ ตาอาลาชมเชยหรือชื่นชม บิดอะฮ หะสะนะฮ คือ อายะฮที่ว่า
وَرَهْبَانِيَّةً ابْتَدَعُوهَا مَا كَتَبْنَاهَا عَلَيْهِمْ إِلَّا ابْتِغَاءَ رِضْوَانِ اللَّهِ فَمَا رَعَوْهَا حَقَّ رِعَايَتِهَا
ส่วนการถือสันโดษนั้น เรามิได้บัญญัติมันขึ้นมาแก่พวกเขา (เว้นแต่) พวกเขาประดิษฐ์มันขึ้นมา เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮฺ แต่พวกเขามิได้เอาใจใส่เท่าที่ควรจะกระทำมัน-..อัลหะดีด /27
มาดูคำอธิบายอายะฮข้างต้น
อิบนุกะษีร อธิบายว่า
وَقَوْلُهُ : ( وَرَهْبَانِيَّةً ابْتَدَعُوهَا ) أَيِ : ابْتَدَعَتْهَا أُمَّةُ النَّصَارَى
และคำตรัสของพระองค์ที่ว่า (และการถือสันโดษ ที่พวกเขาประดิษฐ์ขึ้นมานั้น) หมายความว่า อุมมะฮคริสเตียน ได้ประดิษฐ์มันขึ้นมา

( مَا كَتَبْنَاهَا عَلَيْهِمْ ) أَيْ : مَا شَرَعْنَاهَا لَهُمْ ، وَإِنَّمَا هُمُ الْتَزَمُوهَا مِنْ تِلْقَاءِ أَنْفُسِهِمْ
(เรามิได้บัญญัติมันขึ้นมาแก่พวกเขา) หมายความว่า เรามิได้บัญญัติมันแก่พวกเขา ความจริง พวกเขาได้ ผูกมัดมัน(ด้วยการสาบาน) ที่มาจากตัวของพวกเขาเอง
وَقَوْلُهُ : ( إِلَّا ابْتِغَاءَ رِضْوَانِ اللَّهِ ) فِيهِ قَوْلَانِ ، أَحَدُهُمَا : أَنَّهُمْ قَصَدُوا بِذَلِكَ رِضْوَانَ اللَّهِ ، قَالَ سَعِيدُ بْنُ جُبَيْرٍ ، وَقَتَادَةُ . وَالْآخَرُ : مَا كَتَبْنَا عَلَيْهِمْ ذَلِكَ إِنَّمَا كَتَبْنَا عَلَيْهِمُ ابْتِغَاءَ رِضْوَانِ اللَّهِ .
และคำตรัสของพระองค์ที่ว่า(เว้นแต่เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ) ในมัน มี 2 ทัศนะ คือ 
1. หมายถึง แท้จริงพวกเขา เจตนาด้วยดังกล่าว เพื่อความโปรดปราน ของอัลลอฮ ,สะอีด บิน ญุบัยร์และ เกาะตาดะฮ ได้กล่าวเอาไว้
2. หมายถึง เรามิได้บัญญัติดังกล่าวนั้น แก่พวกเขา ความจริง เราได้บัญญัติ การแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮ แก่พวกเขา
وَقَوْلُهُ : ( فَمَا رَعَوْهَا حَقَّ رِعَايَتِهَا ) أَيْ : فَمَا قَامُوا بِمَا الْتَزَمُوهُ حَقَّ الْقِيَامِ . وَهَذَا ذَمٌّ لَهُمْ مِنْ وَجْهَيْنِ ، أَحَدُهُمَا : فِي الِابْتِدَاعِ فِي دِينِ اللَّهِ مَا لَمْ يَأْمُرْ بِهِ اللَّهُ . وَالثَّانِي : فِي عَدَمِ قِيَامِهِمْ بِمَا الْتَزَمُوهُ مِمَّا زَعَمُوا أَنَّهُ قُرْبَةٌ يُقَرِّبُهُمْ إِلَى اللَّهِ ، عَزَّ وَجَلَّ .
คำตรัสของพระองค์ที่ว่า (แต่พวกเขามิได้เอาใจใส่เท่าที่ควรจะกระทำมัน) หมายถึง พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติด้วยสิ่งที่พวกเขา ได้ทำให้มันเป็นสิ่งจำเป็น อันเป็นการปฏิบัติอย่างแท้จริง (หมายถึงไม่ตั้งใจจริง) และนี้คือ การตำหนิ พวกเขา อันเนื่องมาจากเหตุผล ๒ ประการคือ
๑. ตำหนิในกรณีการอุตริบิดอะฮในศาสนาของอัลลอฮ สิ่งซึ่ง อัลลอฮไม่ได้สั่งด้วยมัน
๒. ตำหนิในกรณีที่พวกเขาไม่ปฏิบัติ ด้วยสิ่งที่พวกเขาได้กำหนดให้มันเป็นสิ่งผูกมัด/สิ่งจำเป็น แก่แก่พวกเขา จากสิ่งที่พวกเขา อ้างว่า มันคือ กุรบะฮ(อิบาดะฮ) ที่ทำให้พวกเขาใกล้ชิดต่ออัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง – ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร ๘/๒๙
.............
อิบนุญะรีร (ร.ฮ) อธิบายว่า
( مَا كَتَبْنَاهَا عَلَيْهِمْ ) يَقُولُ : مَا افْتَرَضْنَا تِلْكَ الرَّهْبَانِيَّةَ عَلَيْهِمْ ، ( إِلَّا ابْتِغَاءَ رِضْوَانِ اللَّهِ ) يَقُولُ : لَكِنَّهُمُ ابْتَدَعُوهَا ابْتِغَاءَ رِضْوَانِ اللَّهِ ( فَمَا رَعَوْهَا حَقَّ رِعَايَتِهَا ) .
(เรามิได้บัญญัติมัน แก่พวกเขา) กล่าวคือ เราไม่ได้กำหนดการถือสันโดษดังกล่าวนั้น ให้เป็นข้อบังคับ แก่พวกเขา (เว้นแต่เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮฺ) กล่าวคือ แต่พวกเขา ได้ประดิษฐมัน เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮ (แต่พวกเขามิได้เอาใจใส่เท่าที่ควรจะกระทำมัน) -ตัฟสีรอัฏฏอบรีย์ 23/203
จากการอธิบายข้างต้น คือ
จุดประสงค์ของอายะฮต้องการที่จะบอกว่า รุฮบานียะฮ (หมายถึง การกระทำตนเป็นนักบวช ถือสันโดษ ตัดจากโลกภายนอก ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้าม และอุทิศตนจำศีลอยู่ในโบสถ์ สิ่งนี้ อัลลอฮมิได้ทรงบัญญัติให้แก่พวกเขาปฏิบัติ แต่ ส่วนหนึ่งจากชาวคัมภีร์ ได้ประดิษฐมันขึ้นมา เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮ นั้นคือ เหตุการณ์ในยุคอดีต 
จึงขอเรียน ว่า
แต่มาในยุคของท่านนบี ศอ็ลฯ ท่านได้ยืนยันว่า ไม่มีนักบวช(รุฮบานียะฮ)ในอิสลาม
เช่น หะดิษรายงานโดยอัดดาริมีย์ เรือง การห้ามครองตนเป็นโสด หะดิษหมายเลข 2169 ท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯกล่าวกับ ท่านอุษมาน บิน มัซอูน ว่า
يَا عُثْمَانُ إِنِّي لَمْ أُومَرْ بِالرَّهْبَانِيَّةِ أَرَغِبْتَ عَنْ سُنَّتِي قَالَ لَا يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ إِنَّ مِنْ سُنَّتِي أَنْ أُصَلِّيَ وَأَنَامَ وَأَصُومَ وَأَطْعَمَ وَأَنْكِحَ وَأُطَلِّقَ فَمَنْ رَغِبَ عَنْ سُنَّتِي فَلَيْسَ مِنِّي
โอ้อุษมาน แท้จริงฉันไม่ได้สั่ง ให้เป็นนักบวช ,ท่านรังเกียจสุนนะฮของฉันหรือ เขา(อุษมาน)กล่าวว่า ไม่ครับ โอ้รซูลุลลอฮ ,ท่านนบี ศอ็ลฯกล่าวว่า "แท้จริง ส่วนหนึ่งจากสุนนะฮของฉัน คือ ฉัน ละหมาด ,ฉันนอน, ฉันถือศีลอด,ฉันทานอาหาร ,ฉันแต่งงาน และฉันหย่า ดังนั้น ผู้ใดรังเกียจ สุนนะฮของฉัน เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งจากฉัน......จนจบหะดิษ - ดู สุนันอัดดาริมีย์ 2/179
..................
จุดให้หรือ ที่อายะฮข้างต้น ที่มีผู้ระบุว่า เป็นหลักฐานว่าอัลลอฮ ชื่นชม บิดอะฮ หะสะนะฮ และมีผู้เอาอายะฮข้างต้นมาเป็นหลักฐานรับรองการอุตริบิดอะฮ ที่เขาเห็นว่าดี นะอูซุบิลละฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
18/5/59

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น