วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ไม่มีบิดอะฮที่ดีในเรื่องศาสนา ภาค 2





ไม่มีบิดอะฮที่ดีในเรื่องศาสนา ภาค 2
บัง ฟาตอนี ได้ฤกษ์แล้ว
ท่านอิหม่ามซาฟีอีย์ ร.ฮ. กล่าวว่า
“การงานอันเป็นอุตริกรรมนั้น มี 2 ประเภท ประเภทที่ 1 คือ สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งขัดแย้งกับอัลกุรอาน หรือซุนนะห์ของท่านนบี ศ็อลฯ หรือแบบอย่างของศอฮาบะห์ หรือฉันทามติของบรรดาอุลามาอฺ และบิดอะห์แบบนี้เป็น บิดอะห์ ที่ฎอลาละห์ และประเภทที่ 2 คือ สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่จากบรรดาคุณงามความดีต่างๆ ที่ไม่ขัดแย้งกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากสิ่งที่กล่าวมานั้น คือไม่ขัดแย้งกับอัล- กุรอาน หรือซุนนะห์ของท่านนบี ศ็อลฯ หรือแบบอย่างของศอฮาบะห์ หรือฉันทามติของบรรดาอุลามาอฺ และบิดอะห์แบบนี้ เป็น บิดอะห์ที่ไม่ถูกตำหนิ (จาก มะนากิบ ซาฟีอีย์ ของ อิหม่าม บัยฮากีย์ เล่ม 1 หน้า 469)
>>>>>>>>>>>>
คุณบังฟาตอนี่ สรุปมาจากคำพูดอิหม่ามชาฟิอี แต่ไม่นำตัวบทภาษาอาหรับ มาเสนอ แต่ไปลอกที่เขาแปลไทยมาอ้าง ดังนั้นมาดูคำพูดอิหม่ามชาฟิอี ที่เป็นภาษาอาหรับและความหมายคือ
المحدثات من الأمور ضربان: ما أحدث يخالف كتاباً أو سنة أو أثراً أو إجماعاً، فهذه بدعة ضلالة.وما أحدث من الخير لا خلاف لواحد من هذا، فهذه محدثة غير مذمومة.قد قال عمر في قيام رمضان: "نعمت البدعة هذه
คำแปล ดังนี้
บรรดาสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่นั้น มี 2 ประเภทคือ
หนึ่ง – สิ่งที่ถูกประดิษขึ้นใหม่ ที่ขัดแย้งกับ อัลกุรอ่าน,อัสสุนนะฮ,หรือ อัลอะษัร หรือ อัลอิจญมาอฺ และนี้คือ บิดอะฮที่ลุ่มหลง
สอง – สิ่งที่ถูกประดิษขึ้นใหม่ จาก การกระทำที่ดี ที่ไม่ขัดแย้งกับ ประการหนึ่งประการใด จากนี้ มันคือ สิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ที่ไม่ถูกตำหนิ และแท้จริง อุมัร ได้กล่าวในเรื่องการละหมาดตะรอเวียะว่า “" นี่แหละ คือบิดอะฮฺที่ดี” – บันทึกโดย อัลบัยฮะกีย์ – ดู มะนากิบอัชชาฟิอี เล่ม 1 หน้า 469
สำหรับ คำพูดอิหม่ามชาฟิอีข้างต้น อิบนุ เราะญับ (ร.ฮ)อธิบายว่า
وَمُرَادُ الشَّافِعِيِّ رَحِمَهُ اللَّهُ مَا ذَكَرْنَاهُ مِنْ قَبْلُ : أَنَّ الْبِدْعَةَ الْمَذْمُومَةَ مَا لَيْسَ لَهَا أَصْلٌ مِنَ الشَّرِيعَةِ يُرْجَعُ إِلَيْهِ ، وَهِيَ الْبِدْعَةُ فِي إِطْلَاقِ الشَّرْعِ ، وَأَمَّا الْبِدْعَةُ الْمَحْمُودَةُ فَمَا وَافَقَ السُّنَّةَ ، يَعْنِي : مَا كَانَ لَهَا أَصْلٌ مِنَ السُّنَّةِ يُرْجَعُ إِلَيْهِ ، وَإِنَّمَا هِيَ بِدْعَةٌ لُغَةً لَا شَرْعًا ، لِمُوَافَقَتِهَا السُّنَّةَ 
และจุดมุ่งหมายของอิหม่ามชาฟิอี (ขออัลอฮเมตตาต่อท่าน) ต่อสิ่งที่เราได้ระบุมันมาก่อนหน้านี้ คือ แท้จริงบิดอะฮ ทีถูกตำหนิ(บิดอะฮมัซมูมะฮ) คือ สิ่งที่ไม่มีรากฐานจากศาสนบัญญัติ ทีจะถูกนำกลับไปหามัน และมันคือ บิดอะฮในความหมายทางศาสนา และสำหรับ บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ นั้น คือ สิ่งที่สอดคล้องกับสุนนะฮ หมายถึง สิ่งที่มีรากฐานมาจากสุนนะฮ ที่จะถูกนำกลับไปหามัน ความจริง มันคือ บิดอะฮในทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญัติ เพราะมันสอดคล้องกับอัสสุนนะฮ” – ดู ญามิอุลอุลูม วัลหิกัม 2/131
...........
กล่าวคือ บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ ตามทัศนะชาฟิอีคือ สิ่งที่สอดคล้องกับอัสสุนนะฮ คือ มีรากฐานมาจากสุนนะฮ และความจริงมันหมายถึง บิดอะฮในทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนา
อนึ่ง อิหม่ามชาฟิอี เอง ได้อ้าง คำพูด ท่านอุมัร บิน อัลคอฏฏอบ ที่ว่า
قال عمر في قيام رمضان: "نعمت البدعة هذه
และแท้จริง อุมัร ได้กล่าวในเรื่องการละหมาดตะรอเวียะว่า “" นี่แหละ คือบิดอะฮฺที่ดี
........
การกระทำของท่าน อุมัร ไม่ใช่การอุตริบิดอะฮขึ้นมาใหม่ ตามที่คุณ บัน ฟาตอนี เข้าใจ แต่ความหมายที่แท้จริงคือ เป็นการริเริ่มในสิ่งที่ท่านนบี ศอ็ลฯ เคยปฏิบัติมาแล้ว มาดูหลักฐาน
وَرَوَى أَسَدُ بْنُ عَمْرٍو عَنْ أَبِي يُوسُفَ قَالَ : سَأَلْتُ أَبَا حَنِيفَةَ عَنِ التَّرَاوِيحِ وَمَا فَعَلَهُ عُمَرُ ؟ فَقَالَ : التَّرَاوِيحُ سُنَّةٌ مُؤَكَّدَةٌ وَلَمْ يَتَخَرَّصْهُ عُمَرُ مِنْ تِلْقَاءِ نَفْسِهِ وَلَمْ يَكُنْ فِيهِ مُبْتَدِعًا ، وَلَمْ يَأْمُرْ بِهِ إِلَّا عَنْ أَصْلٍ لَدَيْهِ وَعَهْدٍ مِنْ رَسُولِ اللَّهِ - صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ - ، وَلَقَدْ سَنَّ عُمَرُ هَذَا وَجَمَعَ النَّاسَ عَلَى أُبَيِّ بْنِ كَعْبٍ فَصَلَّاهَا جَمَاعَةً وَالصَّحَابَةُ مُتَوَافِرُونَ : مِنْهُمْ عُثْمَانُ وَعَلِيٌّ وَابْنُ مَسْعُودٍ وَالْعَبَّاسُ وَابْنُهُ وَطَلْحَةُ وَالزُّبَيْرُ وَمُعَاذٌ وَأُبَيٌّ وَغَيْرُهُمْ مِنَ الْمُهَاجِرِينَ وَالْأَنْصَارِ ، وَمَا رَدَّ عَلَيْهِ وَاحِدٌ مِنْهُمُ
และรายงานโดย อะสัด บุตร อัมริน จากอบี ยูซูบ กล่าวว่า “ข้าพเจ้าถามอบูหะนีฟะอ เกี่ยวกับตะรอเวียะ และสิ่งที่ ท่านอุมัร ได้กระทำ แล้วท่านกล่าวว่า “ ละหมาดตะรอเวียะ เป็นสุนนะฮมุอักกะดะฮ โดยที่ท่านอุมัรไม่ได้กุเรื่องเท็จขึ้นมาจากตัวท่านเอง ท่านไม่ได้เป็นผู้อุตริ(ผู้ทำบิดอะฮ)ในเรื่องนั้น และท่านไม่ได้ใช้ให้กระทำ นอกจากมี หลักฐาน ณ ที่ท่าน และ เป็นคำสั่งจากท่านรซูลลุลลอฮ ศ็อลลอ็ลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และแท้จริงท่านอุมัร ได้ทำแบบอย่างนี้ขึ้นมา โดยรวมผู้คน ให้ละหมาดภายใต้การเป็นอิหม่ามของท่านกะอับ แล้วได้ทำการละหมาดนั้น(ละหมาดตะรอเวียะ) ในรูปของการละหมาดญะมาอะฮ โดยที่บรรดาเศาะหาบะฮจำนวนมากมาย ส่วนหนึ่งจากพวกเขาคือ อุษมาน, อาลี ,อิบนุมัสอูด อัลอับบาส และบุตรของเขา ,ฏอ็ลหะฮ ,อัซซุเบร ,มุอาซ ,อุบัย และคนอื่นจากพวกเขา จากชาวมุฮาญิรีนและชาวอันศอรฺ และไม่มีคนใดจากพวกเขาคัดค้านท่าน(อุมัร)เลย ตรงกันข้าม พวกเขากลับสนับสนุนท่าน พวกเขาเห็นฟ้องกับท่านและ พวกเขาใช้ให้กระทำเรื่องดังกล่าว 
-ดู อัลอิคติยาร ลิ ตะอลิลอัลมุคตาร ของ ชัยค์ อัลมูศิลีย์ อัลหะนะฟีย์ เล่ม 1 หน้า 95 และ อัลเมาสูอะฮอัลฟิกฮียะฮ เล่ม 27 หน้า 138 
.........
การกระทำของท่าน อุมัร นอกจากการฟื้นฟูซุนนะฮที่ท่านนบี ศอ็ลฯเคยทำแล้ว การกระทำของท่านอุมัร ได้รับการเห็นชอบจากบรรดาเศาะหาบะฮ คนสำคัญๆ จากชาวมุฮาญิรีนและอันศอร นี่คือ อิจญมาอฺเศาะหาบะฮอีกด้วย แล้วจะเอามาเป็นหลักฐาน อุติบิดอะฮในศาสนาได้อย่างไร และที่ท่านอิหม่ามชาฟิอีอ้าง ท่านหมายถึงบิดอะฮในทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ ที่หมายถึง การทำอิบาดะฮ ที่ไม่มีหลักฐานจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ อย่างที่ คุณ บัง ฟาตอนี และหลายๆคนนำมาอ้าง ตบตาคนอาวาม ให้ทำบิดอะฮ
-นะอูซุบิลละฮ
ท่านอัชชาฏิบีย์ ได้คัดค้านผู้ที่กล่าวว่ามีบิดอะฮหะสะนะฮ โดย อ้างคำพูดของอุมัร โดยกล่าวว่า
إنما سماها بدعة باعتبار ظاهر الحال من حيث تركها رسول الله صلى الله عليه وسلم ، واتفق أن لم تقع في زمان أبي بكر رضي الله عنه ، لأنها بدعة في المعنى
ความจริง ที่เรียกมันว่า บิดอะฮ โดยการพิจารณาสภาพที่ปรากฏ(ในขณะนั้น) โดยที่ท่านรซูลลุลลอฮ ศ็อลลอ็ลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ทิ้งมัน และ บังเอิญว่า ไม่ปรากฏในสมัยของอบูบักร (ร.ฎ) เพราะความจริง มันเป็นบิดอะฮในด้านของความหมาย - อัลเอียะติศอม เล่ม 1 หน้า 195 
เพราะฉะนั้น การอ้างคำพูดอิหม่ามชาฟิอี มาเป็นหลักฐานทำบิดอะฮที่ปู่ย่าตายายประดิษฐ์ขึ้นมา นั้น เป็นการบิดเบือน คำพูดของอิหม่ามชาฟิอีอีกอีกด้วย
والله أعلم بااصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
16/5/59

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น