วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560

อะกีดะฮอัลบัยฮะกีย์กับตรรกของอาชาอิเราะฮกาลามียะฮ


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

อะกีดะฮอัลบัยฮะกีย์กับตรรกของอาชาอิเราะฮกาลามียะฮ
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 3 ภาพลงในอัลบั้ม: อะห์ลุซซุนนะห์วั้ลญะมาอะห์(ฉบับไม่เเอบอ้าง)ถูกใจเพจ
5 ชม.
เปรียบเทียบอะกีดะห์ของวะห์บีย์ เเละอะกีดะห์ของท่าน อีหม่าม อัลบัยฮะกีย์
.
1. อากีดะห์ของท่านอีหม่ามอัลบัยฮากีย์ ปฏิเสธการอยู่ที่สูงของอัลลอฮ์ โดยปฏิเสธสิ่งเหล่านี้
.
1.1 การนั่งของอัลลอฮ์ บนอะรัช ( บัลลังก์)
1.2 การยืนของอัลลอฮ์ บนอะรัช
1.3 การสัมผัสของอัลลอฮ์กับอะรัช
1.4 การเเยกตัวเองออกจากอะรัช
.
ในด้านความหมาย การปลีกตัวออกห่าง หรือ การอยู่ห่างไกลจากอะรัช
เพราะการสัมผัสเเละการเเยกตัวออกห่างนั้น เป็นสิ่งที่มีความหมายตรงข้ามกัน เเละการยืนการนั่งเป็นคุณลักษณะของมัคลูก
.
"والقديم سبحانه عال على عرشه لا قاعد ولا قائم ولا مماس ولا مباين عن العرش، يريد به مباينة الذات التي هي بمعنى الاعتزال أو التباعد، لأن المماسة والمباينة التي هي ضدها، والقيام والقعود من أوصاف الأجسام، والله عز وجل أحد صمد لم يلد ولم يولد ولم يكن له كفوا أحد، فلا يجوز عليه ما يجوز على الأجسام تبارك وتعالى
. 
ดังนั้น ท่านอีหม่าม อัลบัยฮะกีย์ ปฏิเสธ การอยู่ทิศบน การอยู่เหนืออะรัช เเบบ การสัมผัส การลอยตัว การปลีกตัวออกห่าง ด้านระยะทาง ไม่ว่า จะติดกับอะรัช หรือ อยู่เหนืออะรัช เเบบอยู่ห่างไกล เเละไม่สัมผัสกับมัน
.
2. อะกีดะห์ วะฮะบีย์ มีดังนี้
2.1 บางคนยึดว่า อัลลอฮ์ นั่งบนอะรัช 
2.2 บางคนยึดว่า อยู่เหนือ เเบบไม่สัมผัส 
2.3 บางคนยึดว่า สถิตอยู่บนอะรัช 
2.4 บางคนยึดว่า อยู่เหนือเเยกออกจากอะรัช เเยกออกจากมัคลูก เเต่อยู่ข้างบน อยู่เหนืออะลัม เเบบ ห่างไกล ระยะทาง โดยยึดคำกล่าวของชาวสะลัฟ ว่า بائن من خلقه เเยกออกจากมัคลูก
.
คำว่า เเยกออกจากมัคลูก ตามมัศฮับอะห์ลุลซุนนะห์ คือ พระองค์ทรงมีไม่ต้องการสถานที่ เเละเวลา เพราะสถานที่ เเละเวลา เป็นส่วนหนึ่งของมัคลูก หากเเยกออกจากมัคลูก พระองค์ ไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้
.
ส่วนวะฮ์บีย์ เข้าใจคำว่า เเยกออกจากมัคลูกคือ การที่อัลลอฮ์ อยู่ข้างบน เเบบสถานที่ เหนืออะลัม ไม่สัมผัสกับอะรัช เเต่อยู่ห่างจากอะรัช ( اعتزال เเละ تباعد) ซึ่งอะกีดะห์นี้ ไม่ตรงกับอะกีดะห์ สาลัฟที่ดี เเละอะกีดะหฺของท่าน อีหม่าม อัลบัยฮะกีย์
อ้างอิง: ตำราอัลอัสมาอฺ วัสซิฟาต เล่ม 2 หน้า 308-309 ของท่าน อีหม่าม อัลบัยฮะกีย์
cr:Matty Ibnufatim Hamady
@@@@@@
ชี้แจง
อิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ฮ.ศ 384-458 ไม่ใช่ปราชญ์ยุคสะลัฟ ท่านเป็นปราชญ์ที่มีความรู้ท่านหนึ่งและมีหลายประเด็นที่ต่างจากทัศนะสะลัฟ ซึ่งเป็นปกติ ของความเป็นมนุษย์มีผิดมีถูก
อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) กล่าวเกี่ยวกับอัลบัยฮะกีย์ ว่า
بل والحافظ أبو بكر البيهقي وأمثاله أقرب إلى السنة من كثير من أصحاب الأشعري المتأخرين الذين خرجوا عن كثير من قوله إلى قول المعتزلة أو الجهمية أو الفلاسفة.
فإن كثير من متأخري أصحاب الأشعري خرجوا عن قوله إلى قول المعتزلة أو الجهمية أو الفلاسفة إذ صاروا واقفين في ذلك كما سننبه عليه «1».
แต่ทว่า อัลฟาฟิซ อบูบักร์ อัลบัยฮะกีย์ และบรรดาที่เหมือนกับเขา ใกล้เคียงกับอัสสุนนะฮ กว่า ส่วนมากจาก บรรดาศานุศิษย์ของอัลอัชอะรีย์ ยุคหลัง ทีพวกเขาออกจากส่วนมากจากทัศนะของเขา(ของอิหม่ามอัลอัชอะรีย์) ไปสู่ทัศนะของมุอตะซิละฮ หรือญะฮมียะฮ หรือ ฟุลาสะฟะฮ
เพราะแท้จริง ส่วนมากจากบรรดาศานุศิษย์ของอัลอัชอะรีย์ยุคหลัง พวกเขาออกจากทัศนะของเขา(อัลอัชอะรีย)ไปสู่ ทัศนะมุอตะซิละฮ หรือ ญะฮมียะฮ หรือ ฟุลาสะฟะฮ เพราะพวกเขา กลายเป็นผู้เห็นฟ้อง ในดังกล่าวนั้น ดังสิ่งที่เราะจะเตือนให้ระวังบนมัน - ชัหหอัลอะกีดะฮอัลอัสฟะฮานียะฮ หน้า 127
........
สรุป
1. อัลบัยฮะกีย์ และบรรดาผู้ที่มีทัศนะเหมือนๆกับเขา มีความความใกล้เคียงกับอัสสุนนะฮ มากกว่า บรรดาศานุศิษย์ ของอบูหะซันอัลอัชอะรีย์ ยุคหลัง ซึ่งออกจากทัศนะของอบูหะซันเป็นส่วนมาก
2. บรรดาศานุศิษย์ อบูหะซันอัลอัชอะรีย์ยุคหลัง ส่วนมากออกจากทัศนะอบูหะซันอัลอัชอะรีย์ ไปสู่ แนวคิด มุอตะซิละฮ,ญะฮมียะฮ และฟุลาสะฟะฮ(ปรัชญา)
นาย :Matty Ibnufatim Hamady อีกแล้วครับท่านผู้ชม
อ้าง เอง ชงเอง ว่า อัลบัยฮะกีย์ ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลฮ สรุปเองแต่ไม่แปล แถมหมกเม็ดข้อความที่อิหม่ามอัลบัยฮะกีย์กล่าวก่อนหน้านั้นคือ ท่านได้กล่าวถึง ทัศนะ และ อบูหะซัน อาลี บิน อัลมะฮดี อัฏฏอ็บรย์ (ศิษย์ของอัลอัชอะรีย์ ฮ.ศ ๓๘๐) ว่า
أَنَّ اللَّهَ تَعَالَى فِي السَّمَاءِ فَوْقَ كُلِّ شَيْءٍ مُسْتَوٍ عَلَى عَرْشِهِ , بِمَعْنَى أَنَّهُ عَالٍ عَلَيْهِ ، وَمَعْنَى الاسْتِوَاءِ : الاعْتِلاءُ ، كَمَا يَقُولُ : اسْتَوَيْتُ عَلَى ظَهْرِ الدَّابَّةِ ، وَاسْتَوَيْتُ عَلَى السَّطْحِ . بِمَعْنَى عَلَوْتُهُ ، وَاسْتَوَتِ الشَّمْسُ عَلَى رَأْسِي ، وَاسْتَوَى الطَّيْرُ عَلَى قِمَّةِ رَأْسِي ، بِمَعْنَى عَلا فِي الْجَوِّ ، فَوُجِدَ فَوْقَ رَأْسِي .
และ อบูหะซัน อาลี บิน อัลมะฮดี อัฏฏอ็บรย์ (ศิษย์ของอัลอัชอะรีย์ ฮ.ศ ๓๘๐) ว่าเขากล่าวว่า
แท้จริง อัลลอฮทรงอยู่บนฟ้า ,เหนือทุกๆสิ่ง ทรงสถิต บน อะรัชของพระองค์ ด้วยความหมาย ว่าแท้จริง พระองค์ทรง อยู่สูง เหนือมัน และความหมายคำว่า “อิสติวาอฺ คือ อัลเอียะติลาอฺ (สูง) ดังเช่น อาหรับ กล่าวว่า “ฉันอิสตะวา บน หลังสัตว์พาหนะ ,ฉันอิสตะวา บนหลังคา ด้วยความหมายว่า "ฉันอยู่สูง บนมัน และ ดวงอาทิตย์ อิสตะวา บน ศีรษะของฉัน ,นก อิสตะวา บน ส่วนบนศีรษะของฉัน ด้วยความหมาย อยู่สูงในอากาศ แล้ว ถูกพบว่า อยู่เหนือศีษษะของฉัน - อัลอัสมาวัสสิฟาต เล่ม 2 หน้า 308 และกิตาบอัลอัลอะรัช 2/318
............
อบูหะซัน อาลี บิน อัลมะฮดี อัฏฏอ็บรย์ ศิษย์เอกอิหม่ามอบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ ยืนยันการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ เหนืออะรัช และได้ยกตัวอย่างความหมาย "อัลอิสติวาอฺ ว่าหมายถึงอยู่สูง ท่านได้ยกตัวอย่างเช่น นกอยู่บนหัว ซึ่งความหมายคือ นกอยู่เหนือศีรษะ เป็นต้น
อิหม่าม อัลบัยฮะกีย์ ได้กล่าวไว้ในตำราของท่านอีกเล่มว่า
(وقال {أَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ} وأراد من فوق السماء ، كما قال {وَلَأُصَلِّبَنَّكُمْ فِي جُذُوعِ النَّخْلِ} [طه : 71] يعني على جذوع النخل ، وقال {فَسِيحُوا فِي الْأَرْضِ} [التوبة : 2] يعني على الأرض ، وكل ما علا فهو سماء ، والعرش أعلى السماوات ، فمعنى الآية والله أعلم: أأمنتم من على العرش ، كما صرح به في سائر الآيات)
พระองค์ตรัสว่า “พวกเจ้าจะปลอดภัยหรือจากผู้ที่อยู่ในท้องฟ้า” พระองค์ต้องการ(บอกว่า)พระองค์คือ ผู้ที่อยู่เหนือชั้นฟ้า เช่นที่พระองค์ตรัสว่า “และฉันจะเอาพวกท่านไปตรึงไว้ในต้นอินทผลัม”(ซูเราะฮฺฎอฮา อายะฮฺที่ 71) หมายถึงบนต้นอินทผลัม และที่พระองค์ตรัสว่า “ดังนั้นพวกท่าน จงท่องเที่ยวไปในแผ่นดิน”(ซูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 2) หมายถึงบนแผ่นดิน(ไม่ใช่มุดดินลงไปเที่ยวใต้แผ่นดิน) และทุกๆสิ่งที่อยู่สูงขึ้นไปนั่นก็คือชั้นฟ้า และอัล-อัรชฺ(บัลลังก์)นั้นคือระดับสูงกว่าของชั้นฟ้าทั้งหลาย และนี่คือความหมายของอายะฮฺดังกล่าว วัลลอฮุอะอฺลัม(อัลลอฮฺทรงรู้ดีที่สุด) พวกเจ้าจะปลอดภัยหรือจากผู้ที่อยู่เหนืออัรชฺ(บัลลังก์) ดังเช่นที่พระองค์ได้ชี้แจงไว้ในอายะฮฺต่างๆที่เหลืออยู่อื่นๆ
[จากหนังสือ อัลเอี๊ยะติกอด วัลฮิดายะห์ อิลาซะบีลิรเราะซาจ อะลามัซฮะบิสสะละลัฟ วะอัศฮาบิ้ลฮะดีษ หน้าที่ 116]
.............
จากที่กล่าวมาข้างต้น อิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ อธิบายคำว่าผู้อยู่ในฟ้าว่า หมายถึง ผู้อยู่เหนือชั้นฟา จึง ชี้ให้เห็นว่า อัลบัยฮะกีย์ ไม่ได้ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ โดยปราศจากการจำกัดขอบเขต ไม่ใช่ปฏิเสธสิ้นเชิง อย่างอาชาอิเราะฮ ชงเอง ตามที่นายอานัส ชูชื่น เอาตรรกของนาย r:Matty Ibnufatim Hamady ที่ชงเองสรุปเอง
والله أعلم بالصواب
อะสันหมัดอะดั้ม

1/1/61





เอกสารอ้างอิง








 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ














 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ








 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


 

วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เมื่อโต๊ะครูโกหกว่าเคาะลิฟะฮทั้งสี่ทำบิดอะฮหะสะนะฮ



ในภาพอาจจะมี ข้อความ


เมื่อโต๊ะครูโกหกว่าเคาะลิฟะฮทั้งสี่ทำบิดอะฮหะสะนะฮ
Saina Boyda-e
ผู้แปลฮาดิษว่าบิดอะห์ทุกชนิดรวมเป็นบิดิะห์ดอลาละห์เข้านรก จะมีความผิดดังนี้คือ 1แปลฮาดิษโดยไม่ได้อ้างอิงกับคำแปลของเหล่ามุชตาฮิดจะเกิดบาปร้ายแรง2 จะกระทบกระเทือนถึงบรรดาซอฮาบะห์ ซึงเขาเหล่านั้นได้กระทำบิดอะห์ฮาซานะห์ ชึ่งจะต้องตกอยู่ในความหมายของคำแปลของผู้นั้นอีกด้วยว่าบรรดาซอฮาบะห์เหล่านั้นจะต้องเข้านรก และคำแปลของผู้นั้นขัดแย้งกับฮาดิษที่ว่า ابوبكرفي الجنة وعمرفي الجنة وعثمان في الجنة وعلى في الجنة
@@@@
ชี้แจง
ท่านครู Saina Boyda-e ครับ ที่ท่านครูอ้างว่า
ผู้แปลฮาดิษว่าบิดอะห์ทุกชนิดรวมเป็นบิดิะห์ดอลาละห์เข้านรก จะมีความผิดดังนี้คือ 1แปลฮาดิษโดยไม่ได้อ้างอิงกับคำแปลของเหล่ามุชตาฮิดจะเกิดบาปร้ายแรง
ตอบ
มุจญตะฮิดท่านใดครับ บอกว่า บิดอะฮในเรื่องศาสนามีข้อยกเว้น คือ มีบิดอะฮที่ดีอยู่ด้วย
มาดูท่านนบีศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า :
وإياكم ومحدثات الأمور فإن كل محدثة بدعة وكل بدعة ضلالة
ความว่า : “และพวกเจ้าจงระวังสิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่ในศาสนา เพราะว่าทุกๆบิดอะฮฺนั้นคือความหลงผิด”-(รางานโดย อะบูดาวุด: 4607 และติรมีซีย์ : 2676)
ท่านอิบนุอุมัร (ร.ฎ) กล่าวว่า
كل بدعة ضلالة وإن رآها الناس حسنة
ทุกบิดอะฮคือการหลงผิด และแม้ว่ามนุษย์จะเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดีก็ตาม –ดูที่มาข้างล่าง
رواه اللالكائي (رقم126)،وابن بطة (205)،والبيهقي في "المدخل إلى السنن"(191)،وابن نصر في "السنة" (رقم70) بسند صحيح كما في "علم أصول البدع" لعلي الحلبي (ص92).،
อิหม่ามอัชชาฏิบีย(ร.ฮ)กล่าวว่า
قول النبيِّ صلى الله عليه وسلم: ((كل بدعة ضلالة)) محمولٌ عند العلماء على عمومه، لا يُستثنى منه شيء ألبتة، وليس فيها ما هو حسنٌ أصلاً؛ إذ لا حسن إلا ما حسَّنه الشرع، ولا قبيح إلا ما قبَّحه الشرع، فالعقل لا يحسِّن ولا يقبِّح؛ وإنما يقول بتحسين العقل وتقبيحه أهلُ الضلال.
คำพูดของนบี ศอ็ลฯ ที่ว่า (ทุกบิดอะฮ คือการหลงผิด) ในทัศนะบรรดาอุลามาอฺ ได้ถูกถือตามความหมายกว้างๆของมัน ไม่มีสิ่งใดยกเว้นเลย และในบิดอะฮนั้น ไม่มีสิ่งที่ดีในมัน มาแต่เดิม ยกเว้น สิ่งที่ศาสนบัญญัติได้ระบุว่ามันดี และไม่มีสิ่งใดเลว นอกจากสิ่งที่ศาสนบัญญัติระบุว่ามันเลว ดังนั้น สติปัญญา (เหตุผลทางปัญญา) จะไม่ตัดสินว่าดีหรือเลว ความจริง ผู้ที่กล่าวด้วยการเห็นว่าดีและเห็นว่าเลวของสติปัญญา (หมายถึงด้วยเหตุผลทางปัญญา) นั้นคือ ชาวบิดอะฮ
-ฟะตาวาอิหม่ามอัชชาฏิบีย์ 180-181
........................
จากรายละเอียดข้างต้น จึงสรุปได้ว่า ในศาสนบัญญัติ ไม่มีบิดอะฮที่ดี และ ผู้ที่ตัดสินว่าดีและเลวในเรื่องศาสนาด้วยเหตุผลทางปัญญา นั้น คือชาวบิดอะฮ
ชัยค์อัรรูมีย์ อัลหะนะฟีย์ ฮ.ศ 834 (ร.ฮ) กล่าวว่า
فَمَنْ اَحْدَثَ شَيْئًا يَتَقَرَّبُ بِهِ اِلَى اللهِ تَعَالَى مِنْ قَوْلٍ اَوْ فِعْلٍ ، فَقَدْ شَرَعَ مِنَ الدِّيْنِ مَا لَمْ يَاْذَنْ بِهِ اللهُ فَعُلِمَ اَنَّ كُلَّ بِدْعَةٍ مَنَ الْعِبَادَةِ الدِّيْنِيَّةِ لاَ تُكُوْنُ اِلاَّ سَيِّئَةً
แล้วผู้ใดประดิษฐ์สิ่งใดขึ้นมาใหม่ นำมันไปแสดงการใกล้ชิด(อิบาดะฮ) ต่ออัลลอฮ จากคำพูดหรือการกระทำ แน่นอนเขาได้บัญญัติศาสนา สิ่งซึ่งอัลลอฮไม่ทรงอนุมัติด้วยมัน ,เขาก็จะรู้ว่า ทุกบิดอะฮจากอิบาดะฮที่เกี่ยวกับศาสนา มันจะไม่เป็นอย่างอื่นนอกจาก เป็นสิ่งที่เลว - อิลมุอุศูลิลบิดอีของ อาลี บิน หะซัน อัลหัมบะลีย อัลอะษะรีย หน้า 101
แม้แต่อัลหาฟิซฮิบนุหะญัรปราชญ์มัซฮับชาฟิอี ก็บอกว่า
อัลหาฟิซอิบนุหะญัรอัลอัสเกาะลานีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า
فالبدعة في عرف الشرع مذمومة ، بخلاف اللغة ، فإن كل شيء أُحدث على غير مثال يسمى بدعة سواء كان محموداً ، أو مذموماً
บิดอะฮในนิยามของศาสนบัญญัตินั้น คือ สิ่งที่ถูกตำหนิ ต่างกับบิดอะฮในทางภาษา เพราะทุกสิ่ง ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ โดยไม่มีแบบอย่างมาก่อนนั้น ถูกเรียกว่า บิดอะฮ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ถูกชมเชยและถูกตำหนิก็ตาม - ดูฟัตหุลบารีย์ 13/253
......
ที่เราะพูดเรื่องบิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ หมายถึงบิดอะฮในเรื่อง อิบาดะฮ ครับ ไม่ใช่บิดอะฮขี่เครื่องบิน ที่นักอนุรักษ์บิดอะฮชอบอ้างว่า "ถ้าตามนบีทำไมไม่ขี่อูฐ
2. ท่านครู Saina Boyda-e อ้างว่า
2 จะกระทบกระเทือนถึงบรรดาซอฮาบะห์ ซึงเขาเหล่านั้นได้กระทำบิดอะห์ฮาซานะห์ ชึ่งจะต้องตกอยู่ในความหมายของคำแปลของผู้นั้นอีกด้วยว่าบรรดาซอฮาบะห์เหล่านั้นจะต้องเข้านรก และคำแปลของผู้นั้นขัดแย้งกับฮาดิษที่ว่า ابوبكرفي الجنة وعمرفي الجنة وعثمان في الجنة وعلى في الجنة
......
ตอบ
โต๊ะครูโกหกครับ เพราะการกระทำของเคาะลิฟะฮรอชิดีน เกี่ยวกับเรื่องศาสนา ล้วนเป็นสิ่งที่นบี ศอ็ลฯรับรอง ไม่ใช่บิดอะฮ ครับ ดังที่ท่านนบีกล่าวว่า
عليكم بسنتي وسنة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي ، تمسكوا بها وعضوا عليها بالنواجذ ، وإياكم ومحدثات الأمور ، فإن كل محدثة بدعة ، وكل بدعة ضلالة
พวกท่านจงยึดมั่นในสุนนะฮ(แบบอย่าง)ของฉัน และบรรดาเคาะลิฟะฮผู้ชี้ทางที่ถูกต้อง ผู้ได้รับทางนำหลังจากฉัน จงยึดถือมัน และจงกัดกรามต่อมัน(หนักแน่นอดทน) และพึงระวังสิ่งที่ถูกอุตริขึ้นใหม่ในศาสนา และแท้จริงทุกสิ่งอุตริขึนใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ และทุกบิดอะฮ นั้น เป็นการหลงผิด" - บันทึกโดยอะหมัด และ อัตติรมิซีย์
......
สำหรับ คำว่า "สุนนะฮเคาะลิฟะฮ" นั้น อัลมุบาเราะกะฟูรีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า
قلت: ليس المراد بسنة الخلفاء الراشدين إلا طريقتهم الموافقة لطريقته صلى الله عليه وسلم، قال القاري في المرقاة: فعليكم بسنتي: أي بطريقتي الثابتة عني واجباً أو مندوباً، وسنة الخلفاء الراشدين: فإنهم لم يعملوا إلا بسنتي
ข้าพเจ้ากล่าวว่า " จุดประสงค์ของคำว่า สุนนะฮเคาะลิฟะฮรอชิดีน นั้น ไม่ใช่อื่นใด นอกจาก แนวทางของพวกเขา ที่สอดคล้องกับแนวทางของรซูลุลลอฮ (ศอ็ลฯ ) ,อัลกอรีย์ ได้กล่าวใน อัลมิรกอต ว่า "พวกท่านจงยึดมั่นด้วยสุนนะฮของฉัน" หมายถึงแนวทางของฉัน ที่แน่นอนจากฉัน ที่เป็นวาญิบและเป็นสุนัต ,และ(คำว่า ) "สุนนะฮบรรดาเคาะลิฟะฮรอซิดีน" ก็เพราะพวกเขาจะไม่ปฏิบัตินอกจาก ด้วยสุนนะฮของฉัน - ดู ตุหฟะตุลอะหวะซีย์ เล่ม 3 หน้า 50
...............
บรรดาเคาะลิฟะฮ รอชิดีน พวกเขาจะไม่ทำอะไรในเรื่องศาสนาออกนอกแนวทางหรือสุนนะฮนบี ศอ็ลฯหรอก อย่างได้อ้างเดาสุ่ม ตามอารมณ์
เพราะฉะนั้นอย่าได้อ้างโกหกว่า บรรดาเคาะลิฟะฮทำบิดอะฮ แล้วเอามาอ้างสนับสนุนบิดอะฮที่ตัวกระทำ ไม่อย่างนั้นนรกจะกินหัวนะครับท่านครู

والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/12/60





เอกสารอ้างอิง








 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ตรรกบิดเบือนอะกีดะฮอิหม่ามชาฟิอี


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



ตรรกบิดเบือนอะกีดะฮอิหม่ามชาฟิอี
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ลงในอัลบั้ม: อะห์ลุซซุนนะห์วั้ลญะมาอะห์(ฉบับไม่เเอบอ้าง)ถูกใจเพจ
7 ชม.
อากีดะห์ของท่านอีหม่าม อัชชาฟีอีย์ รอฮิมาฮุลลอฮ์ เกี่ยวกับโองการอิสตวะอ คือ 
.
อัลลอฮ์ ทรงอิสติวะอ โดยที่ไม่สามารถระบุรูปเเบบวิธีการได้ ( بلا كيف) เเละพระองค์ทรงเเยกออกจากมัคลูก 
.
ตรงนี้หมายถึง พระองค์ ทรงไม่สัมผัสกับมัคลูก ( غير مماس من خلقه ) 
. 
คำว่า เเยกออกจากมัคลูก หมายถึง ไม่ต้องการสถานที่ เเละไม่สัมผัสกับมัคลูก ไม่ใช่ เเยกออกห่างไกล จากมัคลูกด้วยระยะทาง ( التباعد) หรือ ปลีกตัวออกห่างด้านระยะทางจากอารัช ( الاءعتزال) ตามคำอธิบายของท่าน อีหม่าม อัลบัยฮะกีย์ ...
ส่วนบรรดาคนที่ยึดว่า อัลลอฮ์อยู่บนอารัช เเบบนั่งบน หรือ ทรงประทับบนบัลลังก์ เป็นการเข้าใจโองการที่อันตราย เเละผิดมากๆ เพราะ คำว่า นั่งบน หรือ ประทับบน นั่น ตามความหมายของคำว่า ประทับ คือ ต้องสัมผัสกัน กับสิ่งที่ใช้ในการประทับ หากเราถามว่า สัมผัสกับอารัช หรือ บัลลังก์ หรือไม่ คนเหล่านี้ ก็จะห้ามเรา อย่าใช่ตรรกะอริสโตเติล ในขณะที่ท่าน อีหม่าม อัชชาฟีอีย์ บอกว่า ไม่สัมผัสกับบัลลังก์เเละมัคลูกของพระองค์ เเต่คนเหล่านี้ ก็อยากจะให้สัมผัสให้ได้ เเต่สัมผัสเเบบไม่เหมือนมัคลูก หรือ เชื่อว่า ไม่สัมผัส เเต่พระองค์ ทรงเเยกออกห่างจากอารัชด้านระยะทางขึ้นไปข้างบน เหนืออะลัม เเละ อารัช คือ คนเหล่านี้ เชื่อว่า อัลลอฮ์ ไม่อาศัยมัคลูก เเต่ต้องอยู่เหนืออารัช ห้ามอยู่ล่าง โดยการอยู่เหนือ เเบบ ( التباعد) ซึ่ง เป็นอากีดะห์ที่ไม่ถูกต้อง เพราะ เป็นคุณลักษณะที่เรียกว่า การเเยกตัวออก ( الاءفتراق) ส่วนการสัมผัสเป็นการรวมตัวสองสิ่งขึ้นไป ( الاءجتماع) ซึ่งทั้งสองคุณลักษณะนี้ เป็นคุณลักษณะของมัคลูก ตามคำกล่าวของท่าน อิบนุ ญะรีร อัตฏอบรีย์
ตำรา: ตัฟซีรของท่าน อีหม่าม อัชชาฟีอีย์......
Cr:Matty Ibnufatim hamady
@@@
ชี้แจง
ข้อความบิดเบือนที่นาย อานัส ชูชื่น หรือนายนามแฝง 
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ แชร์มาจากนาย Matty Ibnufatim hamady ที่แอบชงบิดเบือน คือ การบิดเบือนอะกีดะฮอิหม่ามชาฟิอีในการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ มาดูคำอธิบายของอิหม่ามชาฟิอีแบบไม่บิดเบือนดังนี้
قال الشَّافِعِي رحمه الله: ثم معنى قوله في الكتاب: (مَن فِى السمَآءِ)
مَنْ فوق السماء على العرش، كما قال: (الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى) الآية، وكل ما علا فهو سماء والعرش أعلا السماوات، فهو على العرش - سبحانه وتعالى - كما أخبر بلا كيف، بائن من خلقه، غير مماس من خلقه: (لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ)
อัชชาฟิอี (ร.ฮ) ได้กล่าวว่า "หลังจากนั้น ความหมายคำตรัสของพระองค์ ในอัลกิตาบ(อัลกุรอ่าน)ที่ว่า ( ผู้อยู่ในฟ้า) หมายถึง ผู้อยู่เหนือฟ้า บน บัลลังค์ ดังที่พระองค์ตรัสว่า (พระเจ้าผู้ทรงเมตตาทรงอยู่เหนือบัลลังค์)จนจบอายะฮ และทุกสิ่งที่อยู่สูง มันคือ "สะมาอ" และ บัลลังค์(อะรัช) คือ ระดับที่สูงกว่าของบรรดาชั้นฟ้า เพราะพระองค์(ซ.บ) อยู่บนบัลลังค์ ดังเช่นสิ่งที่ทรงบอกไว้ โดยไม่ถามว่าเป็นอย่างไร ผู้ทรงแยกจากมัคลูคของพระองค์ โดยปราศจากการสัมผัส จากมัคลูคของพระองค์ (ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น) - ตัฟสีร อิหม่ามชาฟิอีย์ หน้า 1063 ตัฟสีรซูเราะฮฏอฮา
............
สรุปจากคำพูดของอิหม่ามชาฟิอีข้างต้น
1. ความหมายคำว่า (في السماء ) หมายถึง อยู่เหนือฟากฟ้า 
2. สิ่งที่อยู่สูง มันคือ สะมาฮ (สะมาอฺ แปลว่าสูง)
3. อัลลอฮทรงอยูสูงเหนืออะรัชตามที่ทรงบอกไว้ โดยจะไม่อธิบายหรือไม่ถามว่ารูปแบบเป็นอย่างไร
3. ทรงอยู่เบื้องสูง แยกจากมัคลูค และไม่ได้สัมผัสกับมัคลูค ไม่ใช่ตามที่อาชาอิเราะฮผู้มุสาที่ปรักปรำหาว่าวะฮบีย์ เชื่อว่าอัลลอฮอาศัยอารัชเป็นสถานที่ 
...........
ทั้งหมดแสดงให้เห็นชัดเจนว่า อะกีดะฮอิหม่ามชาฟิอี คือ เชื่อว่าอัลลอฮอยู่เบื้องสูง ตามที่ท่านอธิบายว่า ในฟ้า หมายถึงอยู่เหนือฟ้าขึ้นไป ซึ่งตรงกับอะกีดะฮของ อบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ อิหม่ามอาชาอิเราะฮ คือ
อิหม่ามอบูหะซัน อัลอัชอะรีย์(ฮ.ศ 260 -324) กล่าวว่า
فالسماوات فوقها العرش فلما كان العرش فوق السماوات قال : ( أأمنتم من في السماء ) لأنه مستو على العرش الذي فوق السماوات وكل ما علا فهو سماء والعرش أعلى السماوات ........
ดังนั้น ชั้นฟ้าทั้งหลาย ที่เหนือมันมีอะรัชอยู่ ในเมื่ออะรัชอยู่เหนือชั้นฟ้าทั้งหลาย พระองค์จึงตรัสว่า( “พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือ จากการที่พระผู้ทรงอยู่บนฟากฟ้า ) เพราะพระองค์ทรงอยู่บนอะรัชที่อยู่เหนือบรรดาชั้นฟ้าทั้งหลาย และทุกๆสิ่งที่อยู่สูง (ด้านบน) มันก็คือฟ้า(สะมาอ) และอะรัช คือระดับสูงกว่าของบรรดาชั้นฟ้าทั้งหลาย.....อัลอิบานะฮ อันอุศูลลิดดิยานะฮ หน้า 33-34
.....................
1. มาดูการโกหก ของนาย Matty Ibnufatim hamady เขากล่าวว่า
ส่วนบรรดาคนที่ยึดว่า อัลลอฮ์อยู่บนอารัช เเบบนั่งบน หรือ ทรงประทับบนบัลลังก์ เป็นการเข้าใจโองการที่อันตราย เเละผิดมากๆ เพราะ คำว่า นั่งบน หรือ ประทับบน นั่น ตามความหมายของคำว่า ประทับ คือ ต้องสัมผัสกัน กับสิ่งที่ใช้ในการประทับ
ขอตอบว่า
"ผู้เชื่อว่าอัลลอฮอยู่เบื้องสูง ไม่เคยบอกว่า อัลลอฮอาศัยอารัชเป็นที่นั่ง นั่งประทับติดกับบัลลังค์ อย่างที่อาชาอิเราะฮแกนนำเคยโกหกปรักปรำใส่ร้ายคนที่ถูกเรียกวะฮบีย์ แล้วกล่าวหาว่า "มีอะกีดะฮเหมือนยิว โดยเอาคัมภีร์ใบเบิ้ลมาโกหกตอแหลกล่าวหาวะฮบีย์
2.นาย Matty Ibnufatim hamady กล่าวว่า
คำว่า เเยกออกจากมัคลูก หมายถึง ไม่ต้องการสถานที่ เเละไม่สัมผัสกับมัคลูก ไม่ใช่ เเยกออกห่างไกล จากมัคลูกด้วยระยะทาง ( التباعد) หรือ ปลีกตัวออกห่างด้านระยะทางจากอารัช ( الاءعتزال) ตามคำอธิบายของท่าน อีหม่าม อัลบัยฮะกีย์ ..
..........
ตอบ
ข้างต้น เป็นตรรก ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ และบิดเบือนอะกีดะฮ อิหม่ามชาฟิอี และสะลัฟท่านอื่น เช่น อิบนุอัลมุบารอก 
อิบนุอัลมุบารอ็ก (ฮ.ศ.181) กล่าว เมื่อมีผู้ถามว่า เราจะรู้จักพระเจ้าของเราได้อย่างไร เขาตอบว่า
“ بأنه فوق السماء السابعة على العرش، بائن من خلقه
เพราะแท้จริงพระองค์ อยู่เหนือฟากฟ้าทั้งเจ็ด บน อะรัช แยกจาก มัคลูคของพระองค์ -สะบีลุรรอชาด ฟีฮุดา คอ็ยริลอิบาด หน้า 143 ของตะกียุดดีน อับดุลเกาะดีร อัลฮิลาลีย์
คำว่า "แยกจากมัคลูค" มีความหมายดังนี้
อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) อธิบายว่า
وَقَدْ اتَّفَقَ سَلَفُ الْأُمَّةِ وَأَئِمَّتُهَا : عَلَى أَنَّ الْخَالِقَ تَعَالَى بَائِنٌ مِنْ مَخْلُوقَاتِهِ لَيْسَ فِي ذَاتِهِ شَيْءٌ مِنْ مَخْلُوقَاتِهِ وَلَا فِي مَخْلُوقَاتِهِ شَيْءٌ مِنْ ذَاتِهِ .
และแท้จริง สะลัฟแห่งอุมมะฮ และบรรดาผู้นำของพวกเขา เห็นฟ้องกันว่า " แท้จริงพระผู้สร้าง ทรงสูงส่ง แยกจากบรรดามัคลูคของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดๆจากบรรดามัคลูคของพระองค์ อยู่ในซาต(ตัวตน)ของพระองค์ และ ไม่มีสิ่งใดจากซาตของพระองค์ อยู่ในมัคลูคของพระองค์ - ดูมัจญมัวะฟะตาวา 2/126
.......
เพราะฉะนั้น สรุปว่าอัลลอฮ อยู่สูงเหนือมัคลูคแยกจากมัคลูค ส่วนรูปแบบวิธีการเป็นอย่างไรนั้น คือความรู้ทีีมอบหมายแก่อัลลอฮ และไม่มีคนที่ถูกเรียกวะฮบีย์คนใด เชื่อว่าอัลลอฮอาศัยมัคลูคเป็นสถานที่อยู่อาศัยอย่างพวกมุนาฟิก บางกลุ่มและบางคนยัดเยียดและกล่าวหา
3. นาย Matty Ibnufatim hamady กล่าวว่า 
ในขณะที่ท่าน อีหม่าม อัชชาฟีอีย์ บอกว่า ไม่สัมผัสกับบัลลังก์เเละมัคลูกของพระองค์ เเต่คนเหล่านี้ ก็อยากจะให้สัมผัสให้ได้ เเต่สัมผัสเเบบไม่เหมือนมัคลูก
ตอบ
ไม่มีใครที่ถูกเรียกว่า "วะฮบีย์ "บอกว่า สัมผัส แบบไม่เหมือนมัคลูค" แต่เป็นการโกหกมุสาของนักเรียนไคโรชื่อ Matty Ibnufatim hamady

والله أعلم بالصواب
นายอะสัน หมัดอะดั้ม
30/12/60





เอกสารอ้างอิง


 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

เกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
อภิวัฒน์ บ้าเหร็ม
ที่ เกาะลันตา จ. กระบี่
19 ธันวาคม เวลา 23:35 น. · Ko Lanta Yai, เทศบาลเมืองกระบี่ ·
แม้กระทั่ง อิบนุตัยมียะห์ ผู้ที่ประเสริฐและมีเกียรติมากของกลุ่มวะห์บีย์คณะใหม่ ให้การยอมรับ และเทิดทูน จนให้ฉายานามว่า "ชัยคุ้ลอิสลาม"ท่านอิบนุตัยมียะห์ ยังตำหนิผู้ที่เข้าใจผิดกับสโลแกนที่ว่า "นบีไม่ทำ ไปทำเป็นบิดอะห์" ท่านกล่าวไว้ในฟาตาวาของท่าน ญุซ 21 หน้า 313 ดังนี้ครับ
في الفتاوى (21/313): (ليس لأحد أن يحتج على كراهة دخولها، أو عدم استحبابه بكون النبي صلى الله عليه وآله وسلم لم يدخلها... إذ عدم الفعل إنما هو عدم دليل واحد من الأدلة الشرعية، وهو أضعف من القول باتفاق العلماء، وسائر الأدلة ـ من أقواله كأمره ونهيه وإذنه، ومن قول الله تعالى ـ هي أقوى وأكبر... فنفي الحكم بالاستحباب لانتفاء دليل معين من غير تأمل باقي الأدلة خطأ عظيم).
“ไม่อนุญาตให้คนใดต่อการที่จะอ้างฮุ่กุ่มว่า มักโระฮ์ เข้าห้องน้ำ หรือไม่ส่งเสริมเข้าห้องน้ำด้วยการอ้างหลักฐานที่ว่าท่านนบี ซ๊อลลั้ลอฮู้อะลัยฮี่ว่าอาลี่ฮี่ว้าซั้ลลัม ไม่เคยเข้าห้องน้ำ เพราะจากการไม่ได้ทำนั้น คือ การไม่มีหลักฐานใดเลยจากบรรดาหลักฐานของศาสนา ซึ่งการไม่ได้ทำนั้นเป็นหลักฐานที่อ่อนกว่าหลักฐานเชิงคำพูดตามความเห็นพร้องของปวงปราชญ์ และอ่อนแอยิ่งกว่าบรรดาหลักฐานอื่นๆ จากบรรดาคำพูดของอัลลอฮ์ เช่น คำสั่งใช้ คำสั่งห้าม และการอนุมัติที่มาจากคำกล่าวของอัลลอฮฺตะอาลา ซึ่งเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักยิ่งกว่าและยิ่งใหญ่กว่า...ดังนั้นการปฏิเสธฮุ่กุ่มเนื่องจากไม่มีหลักฐานที่เจาะจงโดยไม่พิจารณาถึงบรรดาหลักฐานอื่นๆ ที่เหลือ ถือว่าเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลว
@@@@
ชี้แจง
สุภาษิต "เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง ยังคงใช้ได้กับคนบางกลุ่ม ดังจะเห็นได้ต่อไปนี้
พบบ่อยที่พวกเกลียดอิบนุตัยมียะฮ แต่เอาคำพูดอิบนุตัยมียะฮมาเป็นหลักฐานสนับสนุนกิจกรรมบิดอะฮที่ตัวเองทำ อ้างว่า อิบนุตัยมียะฮส่งเสริมให้ทำเมาลิดบ้าง อ้างว่า อิบนุตัยมียะฮ ตำหนิคนที่บอกว่า นบีไม่ทำเป็นบิดอะฮบ้าง
เพราะฉะนั้น ขอนำหลักฐานคำพูดอิบนุตัยมียะฮ มาตีแสกหน้าคนแอบกินไข่ของท่านอิบนุตัยมียะฮดังนี้
1.ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
وأما اتخاذ موسم غير المواسم الشرعية كبعض ليالي شهر ربيع الأول التي يقال : إنها ليلة المولد , أو بعض ليالي رجب , أو ثامن عشر ذي الحجة , أو أول جمعة من رجب , أو ثامن من شوال الذي يسميه الجهَّال عيد الأبرار : فإنها من البدع التي لم يستحبها السلف , ولم يفعلوها. والله سبحانه وتعالى أعلم
"สำหรับการยึดเอาเทศกาลหนึ่งเทศกาลใด(มาเฉลิมฉลอง)อื่นจากบรรดาเทศกาลทางศาสนบัญัติ เช่น บางคืนของเดือนเราะบิอุลเอาวัล ซึ่ง เรียกกันว่า "คืนเมาลิด" หรือ บางคืนของเดือนเราะญับ หรือ คืนที่แปดของเดือนซุลหิจญะฮ หรือ วันศุกร์แรกของเดือนเราะญับ หรือ วันที่แปดของเดือนเชาวาล ที่บรรดาพวกโง่เง่า เรียกว่า "อีดุลอับรอ็ร" นั้น แท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาบิดอะฮ ที่บรรดาชาวสะลัฟไม่ส่งเสริมให้กระทำและพวกเขาไม่ได้กระทำมัน ,วัลลอฮุซุบหานะฮูวะตะอาลา อะอฺลัม. - มัจญมัวะอัลฟะตาวา เล่ม 25 หน้า 298
.......
อิบนุตัยมียะฮ บอกว่า การเฉลิมฉลองเมาลิดนบีเป็นบิดอะฮ สะลัฟไม่เคยสนับสนุนส่งเสริม และไม่เคยปฏิบัติ จึงถามว่า "ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮน่ะหรือ ที่ส่งเสริมบิดอะฮ แถ ไม่เนียนพอครับ
ในขณะเดียวกัน ท่านอิบนุตัยมียะฮได้กล่าวถึงกิจกรรมเมาลิดนบีว่า
ولو كان هذا خيراً محضًا، أو راجحاً لكان السلف - رضي الله عنهم - أحق به منا، فإنهم كانوا أشد محبة لرسول الله - صلى الله عليه وسلم - وتعظيماً له منا، وهم على الخير أحرص
และถ้าปรากฏว่า กิจกรรมนี้ดีล้วนๆ หรือ หนักไปในทางที่ดี แน่นอน ชาวสะลัฟ(ร.ฎ) สมควรที่จะปฏิบัติด้วยมันก่อนเราเสียอีก เพราะแท้จริง พวกเขา รักรอซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ และให้ความสำคัญต่อท่าน ยิ่งกว่าพวกเรา โดยที่พวกเขามีความปรารถนายิ่งต่อ ความดี - ดูอิกติฏออ อัสสิริตุลมุสตะกีม หน้า 266 เรื่อง
الأعياد الزمانية المبتدعة
.....................
2.มาดูทัศนะของ อิบนุตัยมียะฮซึ่งท่านปฏิเสธเรื่อง บิดอะฮหะสะนะฮในเรื่องศาสนา ดังนี้
ท่านอิบนิตัยมียะฮกล่าวว่า
وَمَعْلُومٌ أَنَّ كُلَّ مَا لَمْ يَسُنَّهُ وَلَا اسْتَحَبَّهُ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَلَا أَحَدٌ مِنْ هَؤُلَاءِ الَّذِينَ يَقْتَدِي بِهِمْ الْمُسْلِمُونَ فِي دِينِهِمْ فَإِنَّهُ يَكُونُ مِنْ الْبِدَعِ الْمُنْكَرَاتِ وَلَا يَقُولُ أَحَدٌ فِي مِثْلِ هَذَا إنَّهُ بِدْعَةٌ حَسَنَةٌ
และเป็นที่รู้กันว่า ทุกสิ่งที่ท่านรซูลลุลลอฮ ศ็อลลอ็ลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ได้ทำแบบอย่างเอาไว้และไม่ได้ส่งเสริมมัน และไม่มีคนหนึ่งคนใดจากพวกเขา (หมายถึงเหล่าเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน)ที่บรรดามวลมุสลิมปฏิบัติตามพวกเขา ในเรื่องศาสนาของพวกเขา (ได้ทำแบบอย่างและส่งเสริมให้กระทำ) ดังนั้นแท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งจากบิดอะฮที่ต้องห้าม และไม่มีคนใดกล่าว ในกรณีแบบนี้ว่า เป็น “บิดอะฮหะสะนะฮ” - มัจญมัวะอัลฟะตาวา เล่ม 27 หน้า 152
และท่านอิบนุตัยมียะฮกล่าวสรุปต่อมาว่า
فَمَنْ اتَّخَذَ عَمَلًا مِنْ الْأَعْمَالِ عِبَادَةً وَدِينًا وَلَيْسَ ذَلِكَ فِي الشَّرِيعَةِ وَاجِبًا وَلَا مُسْتَحَبًّا فَهُوَ ضَالٌّ بِاتِّفَاقِ الْمُسْلِمِينَ .
ดังนั้นผู้ใดก็ตาม ยึดเอาการงานหนึ่งการงานใด จากบรรดาการงาน มาเป็นอิบาดะฮ และเป็นศาสนา และดังกล่าวนั้น ไม่มีในศาสนบัญญัติ ว่าเป็นวาญิบ หรือสุนัต เขาคือ ผู้หลงผิด ด้วยมติของบรรดามุสลิม - ที่มาได้อ้างแล้ว
...............
จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะให้ได้ชัดเจนว่า การนำคำพูดอิบนุตัยมียะฮ มาสนับสนุนบิดอะฮนั้น เป็นบิดเบือนทัศนะอิบนุตัยมียะฮ และน่าละอายมากที่มีบางคนบางกลุ่มเอาคพูดอิบนุตัยมียะฮมาเป็นหลักฐาน ทั้งๆที่เกลียดและด่าทอท่านอยู่เป็นประจำ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
27/12/60

วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ตรรกอ้างว่านบีไม่เคยรู้จักคำว่า"พระหัตถ์"


ในภาพอาจจะมี ข้อความ


ตรรกอ้างว่านบีไม่เคยรู้จักคำว่า"พระหัตถ์"
ปู่ หิน
แน่นอนเพราะท่านนบี(ซล)
คงไม่เคยรู้จักคำว่า"พระหัตถ์"และใครนำมาใช้ครับคำนี้
..........@@@@
ชี้แจง
เคสนี้ นำมาชี้แจง เพื่อให้เห็นถึงอันตรายของ วิชาตรรกทางปัญญา ที่พวกแนวคิดมุอตะซิละฮและญะฮมียะฮเอามาใช้ และให้เห็นถึงความอัปยศในวงการศาสนา ที่คนเอาวิชานี้มาอธิบายอะกีดะฮ เอาตรรกทางปัญญานำหน้าหลักฐาน ปฏิเสธสิฟาตที่มีมาตามตัวบทโดยตีความให้สอดรับกับตรรกทางปัญญาและความคิดเห็นตามอารมณ์
การใช้ตรรกอ้างว่า "นบีไม่เคยรู้จักคำว่าพระหัตถ์" คนๆนี้ ถ้าไม่เรียกว่า โง่เขลาเบาปัญญา จะเรียกว่าอะไรดี คำว่า "พระหัตถ์" เป็นภาษาไทย นบี ศอ็ลฯ ไม่เรียนภาษาไทย นบีเป็นชาวอาหรับ พูดภาษาอาหรับ จะให้ท่านนบีรู้จักคำนี้ซึ่งเป็นคำแปลภาษาไทย ได้อย่างไร แต่ คำว่า "พระหัตถ์" เป็นราชาศัพท์ ของคำว่ามือ " เป็นความหมายของคำว่า " يد (ยัด) ที่เป็นภาษาอาหรับ ซึ่งคำนี้ ท่านนบี ศอ็ลฯได้กล่าวถึงสิฟัตอัลลอฮ
ดังหะดิษข้างล่าง
حَدَّثَنَا إِسْحَاقُ بْنُ مُوسَى بْنِ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ مُوسَى بْنِ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ يَزِيدَ الْأَنْصَارِيِّ ، حَدَّثَنَا أَنَسُ بْنُ عِيَاضٍ ، حَدَّثَنِي الْحَارِثُ بْنُ أَبِي ذُبَابٍ ، عَنْ يَزِيدَ وَهُوَ ابْنُ هُرْمُزَ ، وَعَبْدِ الرَّحْمَنِ الْأَعْرَجِ ، قَالَا : سَمِعْنَا أَبَا هُرَيْرَةَ ، قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : " احْتَجَّ آدَمُ ، وَمُوسَى عَلَيْهِمَا السَّلَام عِنْدَ رَبِّهِمَا ، فَحَجَّ آدَمُ مُوسَى ، قَالَ مُوسَى : أَنْتَ آدَمُ الَّذِي خَلَقَكَ اللَّهُ بِيَدِهِ ، وَنَفَخَ فِيكَ مِنْ رُوحِهِ ، وَأَسْجَدَ لَكَ مَلَائِكَتَهُ وَأَسْكَنَكَ فِي جَنَّتِهِ ، ثُمَّ أَهْبَطْتَ النَّاسَ بِخَطِيئَتِكَ إِلَى الْأَرْضِ ، فَقَالَ آدَمُ : أَنْتَ مُوسَى الَّذِي اصْطَفَاكَ اللَّهُ بِرِسَالَتِهِ وَبِكَلَامِهِ ، وَأَعْطَاكَ الْأَلْوَاحَ فِيهَا تِبْيَانُ كُلِّ شَيْءٍ ، وَقَرَّبَكَ نَجِيًّا ، فَبِكَمْ وَجَدْتَ اللَّهَ كَتَبَ التَّوْرَاةَ قَبْلَ أَنْ أُخْلَقَ ؟ قَالَ مُوسَى : بِأَرْبَعِينَ عَامًا ، قَالَ آدَمُ : فَهَلْ وَجَدْتَ فِيهَا : وَعَصَى آدَمُ رَبَّهُ فَغَوَى سورة طه آية 121 ، قَالَ : نَعَمْ ، قَالَ : أَفَتَلُومُنِي عَلَى أَنْ عَمِلْتُ عَمَلًا كَتَبَهُ اللَّهُ عَلَيَّ أَنْ أَعْمَلَهُ قَبْلَ أَنْ يَخْلُقَنِي بِأَرْبَعِينَ سَنَةً ؟ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : فَحَجَّ آدَمُ مُوسَى "
หะดิษข้างต้นรายงานโดยอิหม่ามมุสลิม ในหัวข้อเรื่อง بَاب حِجَاجِ آدَمَ وَمُوسَى عَلَيْهِمَا السَّلَام หะดิษหมายเลข ๔๘๑๐
ข้อความตอนหนึ่งในหะดิษข้างต้น ท่านนบี ศอ็ลฯเล่าว่า
احْتَجَّ آدَمُ ، وَمُوسَى عَلَيْهِمَا السَّلَام عِنْدَ رَبِّهِمَا ، فَحَجَّ آدَمُ مُوسَى ، قَالَ مُوسَى : أَنْتَ آدَمُ الَّذِي خَلَقَكَ اللَّهُ بِيَدِهِ
อาดัมและมุซา (อะลัยฮิมุสสลาม) ได้โต้แย้ง ณ พระผู้อภิบาลของเขาทั้งสอง แล้วอาดัมได้โต้เถียงกับมูซา ,มูซาได้กล่าวว่า
“ท่านคืออาดัม อัลลอฮได้ทรงสร้างท่านด้วย"พระหัตถ์"ของพระองค์
และอีกรายงานหนึ่ง อิหม่ามบุคอรี ได้ตั้งหัวเรืองว่า
بَاب تَحَاجَّ آدَمُ وَمُوسَى عِنْدَ اللَّهِ
เรื่องว่าด้วยการโต้แย้งของอาดัมและมูซา ณ อัลลอฮ
แล้วเขารายงานว่า
عَنْ طَاوُسٍ سَمِعْتُ أَبَا هُرَيْرَةَ عَنِ النَّبِىِّ - صلى الله عليه وسلم - قَالَ « احْتَجَّ آدَمُ وَمُوسَى ، فَقَالَ لَهُ مُوسَى يَا آدَمُ أَنْتَ أَبُونَا خَيَّبْتَنَا وَ أَخْرَجْتَنَا مِنَ الْجَنَّةِ . قَالَ لَهُ آدَمُ يَا مُوسَى اصْطَفَاكَ اللَّهُ بِكَلاَمِهِ ، وَخَطَّ لَكَ بِيَدِهِ ، أَتَلُومُنِى عَلَى أَمْرٍ قَدَّرَ اللَّهُ عَلَىَّ قَبْلَ أَنْ يَخْلُقَنِى بِأَرْبَعِينَ سَنَةً . فَحَجَّ آدَمُ مُوسَى ، فَحَجَّ آدَمُ مُوسَى » ثَلاَثًا .
จากฏอวูส ว่าฉันได้ยินอบูฮุร็อยเราะฮ์รายงานว่า : ท่านนบีกล่าวว่า : นบีอาดัมได้โต้แย้งกับนบีมูซา โดยนบีมูซาได้กล่าวกับท่านอาดัมว่า โอ้ท่านอาดัม ท่านเป็นบิดาของพวกเรา ท่านทำให้พวกเราต้องขาดทุน และท่านทำให้พวกเราถูกขันออกมาจากสวรรค์ ,นบีอาดัมได้กล่าวกับเขาว่า : โอ้มูซาเอ๋ย อัลเลาะฮ์ทรงเลือกท่านด้วยการสนทนาของพระองค์ และทรงเขียน(คัมภีร์เตารอต)ให้ท่านด้วยพระหัตของพระองค์ แล้วท่านจะมาตำหนิฉันบนกิจการหนึ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงกำหนดไว้แก่ฉันแล้ว ก่อนที่พระองค์จะทรงสร้างฉันถึง 40 ปีกระนั้นหรือ ? แล้วนบีอาดัมได้โต้เถียงนบีมูซา แล้วนบีอาดัมได้โต้เถียงกับนบีมูซา (กล่าวสามครั้ง) - รายงานโดย บุคอรี หะดิษหมายเลข 6641
.........
คำว่า
وَخَطَّ لَكَ بِيَدِهِ
และทรงเขียน(คัมภีร์เตารอต)ให้ท่านด้วยพระหัตของพระองค์
....นี่คือคำพูดนบี ศอ็ลฯ ได้กล่าวถึง ยัด(พระหัตถ์) ของอัลลอฮ แต่ คุณ ปูหิน บอกว่า "นบี ศอ็ลฯไม่รู้จักคำว่าพระหัตถ์ -นาอูซุบิลลอฮ จะให้นบี ศอ็ลฯแปลเป็นภาษาไทยเองหรือ ท่านจะเชื่อ
การปฏิเสธความหมายคำว่า ยัด" และตีความว่าพลังอำนาจ คือแนวคิดญะฮมียะฮ ดังที่อิหม่ามอัตติรมิซีย์กล่าวว่า
فتأولت الجهمية هذه الآيات ففسروها على غير ما فسر أهل العلم وقالوا إن الله لم يخلق آدم بيده وقالوا إن معنى اليد هاهنا القوة
แต่ทว่าพวกญะฮฺมียะฮฺได้ทำการตีความบรรดาโองการเหล่านี้ และได้ทำการอธิบายอื่นจากสิ่งที่บรรดาอุลามาอ์ได้ทำการตัฟซีรไว้ พวกเขากล่าวว่าแท้จริงอัลลอฮฺตะอาลามิได้สร้างอาดัมมาจากพระหัตถ์ของพระองค์ แต่พวกเขากล่าวว่า พระหัตถ์นั้นหมายถึงพลังอำนาจ -หนังสือ สุนันอัตติรมิซีย์ เล่ม 3 หน้าที่ 50-51
......
ผู้อ่านพิจารณาเองว่าแนวคิดญะฮมียะฮอันตรายแค่ใหน เปลี่ยนความหมายสิ่งที่มีมาตามตัวบทให้กินกับปัญญาตัวเอง ให้สอดรับกับแนวคิดตัวเอง
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
25/12/60

ตัวอย่างขอการมักง่ายในการนำหะดิษมาเป็นหลักฐาน




ตัวอย่างขอการมักง่ายในการนำหะดิษมาเป็นหลักฐาน
Abdulhaleem Matraksa
เมื่อวานนี้ เวลา 22:05 น. · 
"วันนี้เราพูดเรื่องอะไร"
(حديث مرفوع) حَدِيثٌ : " مَنْ أَحَبَّ شَيْئًا أَكْثَرَ ذِكْرَهُ " ، أبو نُعيم ثم الديلمي من حديث مقاتل بن حيان عن داود بن أبي هند عن الشعبي عن عائشة به مرفوعا .
ท่านนบี(ซล)กล่าว่า:ผู้ใดรักกับสิ่งๆหนึ่งเขามักกล่าวถึงสิ่งๆนั้นอยู่เสมอ
....
ดังนั้นกระจกที่ใช้ส่องดูเงาตัวเองว่าตอนนี้เรารักเราชอบอะไรคือเราชอบพูดถึงอะไร และปลายทางและจุดสิ้นสุดของเราคือความทรมานหรือความสบาย
ท่านนบี(ซล)กล่าวว่า
(موتوا قبل أن تموتوا... الحديث)
:พวกท่านจงตายเสียก่อนที่พวกท่านจะตาย...อ่านให้หมดฮาดีส
หมายความว่า:จงนำจิตใจออกห่างจากอารมณ์ส่วนต่ำ ก่อนที่ความตายจะมาถึง
@@@@
ชี้แจง
ไปเจอเคสหนึ่ง คือการอ้างหะดิษเฎาะอีฟ มาเป็นหลักฐานในเรื่องศาสนา จึงนำมาชี้แจงเพื่อเตือนให้ระวังคนที่มักง่ายชอบเอาหะดิษเฎาะอีฟ และหะดิษปลอมมาอ้าง
1. หะดิษที่ 1 ท่านบาบอ Abdulhaleem Matraksa ได้อ้างหะดิษที่ว่า
مَنْ أَحَبَّ شَيْئًا أَكْثَرَ ذِكْرَهُ
ผู้ใดรักกับสิ่งๆหนึ่งเขามักกล่าวถึงสิ่งๆนั้นอยู่เสมอ
.....
วิจารณ์
หะดิษข้างต้นเป็นหะดิษเฎาะอีฟ
ดู ฟัตหุลเกาะดิร ชัรหอัลญามิอืศเศาะฆีร ของอัลมะนาวีย์ เล่ม 6 หน้า 30 หะดิษหมายเลข 8312 และ เฎาะอีฟอัลญามิอิศเศาะฆีร วัซซิยาดะฮ ของอัลบานีย์ หน้า 771 หะดิษหมายเลข 5341 (ดูสำเนาที่แนบบมา)
2. หะดิษที่ 2 ท่านบาบอ Abdulhaleem Matraksa ได้อ้างว่าท่านนบี(ซล)กล่าวว่า
(موتوا قبل أن تموتوا... الحديث)
:พวกท่านจงตายเสียก่อนที่พวกท่านจะตาย.
วิจารณ์
حَدِيثُ : " مُوتُوا قَبْلَ أَنْ تَمُوتُوا " ، قَالَ الْعَسْقَلَانِيُّ : إِنَّهُ غَيْرُ ثَابِتٍ ، قُلْتُ : هُوَ مِنْ كَلَامِ الصُّوفِيَّةِ ،
หะดิษ พวกท่านจงตาย ก่อนที่พวกท่านจะตาย " อัลอัสกอลานีย์ ได้กล่าวว่า แท้จริงมันเป็นหะดิษที่ไม่มีความแน่นอน และข้าพเจ้า (อัลมุลาอาลี อัลกอรี)กล่าวว่า "มันคือส่วนหนึ่งจากคำพูดซูฟียะฮ - อัลอัสรอร อัลมัรฟูอะฮ ฟิลอัคบาร อัลเมาฎูอะฮ หน้า 349 หะดิษหมายเลข 539
.............
คนที่มักง่าย ไม่ตรวจสอบหะดิษ แล้วอ้างว่าท่านนบี ศอ็ลฯ หากท่านนบี ศอ็ลฯ ไม่ได้พูดก็จงเตรียมตัวลงนรก
ท่านนบี ศอ็ลฯเตือนว่า
مَنْ يَقُلْ عَلَيَّ مَا لَمْ أَقُلْ فَلْيَتَبَوَّأْ مَقْعَدَهُ مِنَ النَّارِ
“ผู้ใดอุปโลกน์คำพูดให้แก่ฉัน สิ่งซึ่งฉันไม่ได้พูดไว้ ดังนั้น เขาจงเตรียมที่อยู่ในนรก * รายงานโดย บุคอรี
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
25/12/60

เอกสารอ้างอิง

 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ