วันอังคารที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เขาอ้างรายงานเฎาะอีฟว่าสะลัฟตีความสิฟัตวัจญฮ(الوجه )

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

เขาอ้างรายงานเฎาะอีฟว่าสะลัฟตีความสิฟัตวัจญฮ(الوجه )
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
ได้เพิ่มรูปภาพ 47 ภาพลงในอัลบั้ม: ‎"صفات الله تعالى الخبرية ฉบับสมบูรณ์"‎
ผู้ดูแล • 18 กุมภาพันธ์ 2016
การตีความหรือตะอ์เวลของอุละมาอ์ในยุคสะลัฟซอและห์ในโองการต่างๆของอัลกุรอ่านที่บอกถึงคุณลักษณะต่างๆของอัลเลาะห์ตะอาลา หรือซี่ฟัตค่อบะรียะห์
ซึ่งได้รวบรวมมาเพราะมีวะฮาบีย์หลายท่านมักจะโกหกชาวบ้านว่าอุละมาอ์ในยุคสะลัฟนั้นไม่มีการตะอ์เว๊ลหรือการตีความอัลกุรอ่าน ไม่ว่าจะเป็นโองการเกี่ยวกับซี่ฟัตหรือเรื่องใดๆก็ตาม
@@@@
ชี้แจง
นายอานัส ชูชื่น หรือ นามแฝง อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ กล่าวหาว่า วะฮาบีย์หลายท่านมักจะโกหกชาวบ้านว่าอุละมาอ์ในยุคสะลัฟนั้นไม่มีการตะอ์เว๊ลหรือการตีความ(ตะวีล) โดยยกอายะฮที่ว่า
وَيَبْقَى وَجْهُ رَبِّكَ ذُو الْجَلَالِ وَالْإِكْرَامِ
27. คงเหลือแต่พระพักตร์แห่งพระผู้บาลของเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงโปรดปราน
นายอานัส ชูชื่น ได้นำสำเนาหนังสือ อ้างว่า อิบนุอับบาส ได้ตีความ คำว่า "วัจญฮ(وجه ) โดยอ้างคำพูดอิหมามอัลกุรฏุบีย์ว่า
وَقَالَ ابْنُ عَبَّاسٍ : الْوَجْهُ عِبَارَةٌ عَنْهُ كَمَا قَالَ : وَيَبْقَى وَجْهُ رَبِّكَ ذُو الْجَلَالِ وَالْإِكْرَامِ
และอิบนุอับบาส กล่าวว่า อัลวัจญ คือ คำอธิบายแทนพระองค์ (หมายถึงแทนตัวตนของอัลลอฮ)ดังที่พระองค์ ตรัสวา(คงเหลือแต่พระพักตร์แห่งพระผู้บาลของเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงโปรดปราน ) - อัลญาเมียะลิอะหกามอัลกุรอ่าน เล่ม 17 หน้า 165
......
ข้างต้น อิหม่ามอัลกุฏุบีย์ ( เสียชีวิต ฮ.ศ 671) อ้างคำพูดของ อับดุลลอฮ บิน อับบาส (เสียชีวิต ฮ.ศ 63) ห่างกัน ไม่ต่ำกว่า ห้าร้อยกว่าปี แต่ท่านอิหม่ามอัลกุรฏุบีย์ ไม่ได้ระบุ สายรายงาน(สะนัด)ที่สืบไปถึงอิบนิอับบาสเลยแม้แต่คนเดียว และการรายงานหะดิษ หรืออะษัร จะต้องมีสายรายงานที่ถูกต้องจึงจะเอามาเป็นหลักฐานได้
อะมีรุลมุอมินีน ในวิชาหะดิษ ,ชุอฺบะฮ บิน อัลหัจญาจญ์ (ร.ฮ)กล่าวว่า
إنما يعلم صحة الْحَدِيْث بصحة الإسناد
ความจริง เขาจะรู้ความถูกต้องของหะดิษ ด้วยความถูกต้องของสายรายงาน(สะนัด )- อัมุนตะกอ ชัรห มุวัฏฏออฺมาลิก 1/ 78 (บทนำ) อัตตัมฮีด 1/57
ท่านอับดุลเลาะห์ อิบนุ อัลมู่บาร๊อก(ร่อฮิม่าฮุ้ลเลาะห์)ได้กล่าวว่า :
الإسناد من الدين ، ولولا الإسناد لقال من شاء ما شاء ) ...
ความว่า "การอิงสายรายงาน(การรับวิชาความรู้กันมาแบบทอดๆ)นั้น เป็นส่วนหนึ่งจากเรื่องราวทางศาสนา เพราะหากว่าไม่มีการอ้างอิงสายรายงานเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่า บุคคลที่ต้องการจะพูดอะไร เขาก็จะพูดไปตามที่เขาต้องการ(โดยไม่มีที่มาที่ถูกต้อง)" (ดู มู่ก๊อดดิมะห์ ซอเฮี๊ยะห์มุสลิม เล่ม 1 หน้าที่ 12)
..............
เพราะฉะนั้น สิ่งที่นายอานัส ชูชื่น อ้างคำพูดอิบนุอับบาส แบบลอยไร้สะนัด เอามาเป็นหลักฐานไม่ได้ เพราะการอ้างหะดิษนบี หรือ อะษัรของสะลัฟ ของคนยุคหลังนั้น ต้องมีสายรายงานสืบไปถึงผู้พูด ไม่ใช่ อ้างลอยๆ
คำว่า الوجه (พระพักต์)ข้างต้น ปราชญสะลัฟเช่น อิหม่ามอบูหะซันอัลอัชอะรีย์ ได้ยืนยัน(รับรอง) ให้แก่อัลลอฮ โดยไม่ตีความคือ
وأن له وجهاً كما قال الله: {ويبقى وجه ربك} الرحمن27.
และพระองค์ทรงมีพระพักตร์ ดั่งที่พระองค์ทรงตรัสว่า "และพระพักตร์ของพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงโปรดปรานเท่านั้นที่จะยังคงเหลืออยู่ (อัรเราะห์มาน 55 : 27 - มะกอลาต อัลอิสลามมี่ยีน วะอิคติลาฟฟิลมุศ้อลลีน เล่ม 1 หน้า 285
..........
จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าหลักฐานที่นายอานัส ชูชื่น อ้างอิบนุอับบาสตีความนั้นไร้น้ำหนักและการกล่าวหาว่าวะฮบีย์โกหก การโกหกนั้นก็กลับเข้าตัวนายอานัส ชูชื่นอย่างจัง
โดยส่วนตัว คุณอ้างตามความเชื่อของคุณ นั้นไม่แปลก ผมไม่ตำหนิ เพราะคุณเรียนมาแบบนั้น แต่การโกหกใส่ร้าย ผู้อื่นโดยการโฆษณาชวนเชื่อ เพียงเพื่อเอาชนะ ผมถือว่า เป็นหน้าที่จะต้องชี้แจง เพื่อดับฟิตนะฮ (แปลก..อวดว่าอาชาอิเราะฮชนส่วนใหญ่มีสะนัด แต่อ้างหะดิษไม่มีสะนัด)
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
5/12/60

 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น