วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

อะกีดะฮสะลัฟทีไม่เหมือนอะชาอิเราะฮกาลามียะฮ


 ในภาพอาจจะมี ข้อความ

อะกีดะฮสะลัฟทีไม่เหมือนอะชาอิเราะฮกาลามียะฮ
อับดุลลอฮ บิน อัซ-ซุบัยรฺ อัล-กุร็อยชีย์ อัล-อะสะดีย์ อัล-หุมัยดีย์) เสียชีวิต เสียชีวิตในปีฮิจเราะฮฺที่ 219 ผู้รู้ที่ยิ่งใหญ่แห่งเมืองมักกะฮฺ ลูกศิษย์สุฟยาน บิน อุยัยนะฮฺ และเป็นครูของอิมามอัล-บุคอรีย์ กล่าวว่า
รากฐานอัสสุนนะฮ แล้วเขาก็กล่าวบางสิ่งบางอย่าง หลังจากนั้นเขากล่าวว่า
وَمَا نَطَقَ بِهِ الْقُرْآنُ وَالْحَدِيثُ؛ مِثْلُ: ﴿وَقَالَتِ الْيَهُودُ يَدُ اللَّهِ مَغْلُولَةٌ غُلَّتْ أَيْدِيهِمْ﴾ [المائدة: 64]، وَمِثْلُ: ﴿وَالسَّمَاوَاتُ مَطْوِيَّاتٌ بِيَمِينِهِ﴾ [الزمر: 67]، وَمَا أَشْبَهَ هَذَا مِنَ الْقُرْآنِ وَالْحَدِيثِ، لَا نَزِيدُ فِيهِ، وَلَا نُفَسِّرُهُ؛ نَقِفُ عَلَى مَا وَقَفَ عَلَيْهِ الْقُرْآنُ وَالسُنَّةُ.
وَنَقُولُ: ﴿الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى (5)﴾ [طه: 5]، وَمَنْ زَعَمَ غَيْرَ هَذَا فَهُوَ مُعَطِّلٌ جَهْمِيٌّ.
และสิ่ง ที่อัลกุรอ่านและหะดิษได้พูดเอาไว้ด้วยมัน เช่น
وَقَالَتِ الْيَهُودُ يَدُ اللَّهِ مَغْلُولَةٌ غُلَّتْ أَيْدِيهِمْ
“และชาวยิวนั้นได้กล่าวว่า พระหัตถ์ของอัลลอฮ์นั้นถูกล่ามตรวน มือของพวกเขาต่างหากที่ถูกล่ามตรวน”- อัลมาอิดะฮ/64 หรือดำรัสของอัลลอฮที่ว่า
وَالسَّماوَاتُ مَطْوِيَّاتٌ بِيَمِينِهِ
“และชั้นฟ้าทั้งหลายจะม้วนกลิ้งด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์” -อัซซุมัร/67 และอายะฮฺและหะดีษที่คล้ายคลึงกันนี้ เราจะไม่เพิ่มเติมและจะไปอรรถาธิบาย(ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไร?) เราจะหยุด ตามสิ่งที่อัล-กุรอาน และอัส-สุนนะฮฺได้หยุดบนมัน (โดยไม่กล่าวว่าแท้จริงแล้วมันเป็นเช่นไร?) และเราจะกล่าวว่า
الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى
“ผู้ทรงกรุณาปรานี ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์” -ฏอฮา/5] ผู้ใดกล่าวอ้าง อื่นจากนี้(หมายถึงไม่เชื่อตามนี้) เขาก็คือ พวกญะฮฺมียะฮฺที่มีแต่ความมดเท็จ -ดู อุศูลอัสสุนนะฮ ของ อับดุลลอฮ บิน อัซ-ซุบัยรฺ อัล-กุร็อยชีย์ อัล-อะสะดีย์ อัล-หุมัยดีย์ หน้า 24
..............
สะลัฟจะศรัทธาต่อสิ่งที่อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ระบุเอาไว้ โดยไม่มีการเพิ่มเติม และไม่มีการอธิบายรูปแบบว่าเป็นอย่างไร จะพอกับสิ่งที่อัลลอฮและท่านนบี ศอ็ลฯ บอกไว้ ใครก็ตามที่ไม่พอ ไม่หยุด และไม่เชื่อตามที่อัลลอฮและนบีบอกไว้ เขาคือ ผู้มีแนวคิดญะฮมียะฮ
อิบนุมันดะฮ (ฮ.ศ 310 -395) กล่าวว่า อัลหุมัยดีย์ กล่าวว่า
إن الله خلق آدم يعنى بيديه " .
فقال: لا نقول غير هذا على التسليم والرضا بما جاء القرآن والحديث. لا نستوحش أن نقول كما القرآن والحديث.
แท้จริงอัลลอฮทรงสร้างอาดัม หมายถึง ด้วยสองมือของพระองค์ 
เขา(อัลหุมัยดีย์ กล่าวว่า " เราะจะไม่กล่าวอื่นจากนี้ บนการยอมรับ และพอใจ ด้วยสิ่งที่ อัลกุรอ่านและ อัลหะดิษ นำมา เราะจะไม่ รู้สึกหนักใจ ต่อการที่เราจะกล่าว ดังเช่น สิ่งที่อัลกุรอ่านและหะดิษ (ได้กล่าวไว้) - ดู อัตเตาฮีด ของ อิบนุมันดะฮ เล่ม 3 หน้า 309
........
สะสัฟยอมรับ คุณลักษณะที่มีมาตามตัวบท ที่อัลลอฮและรอซูล ได้บอกไว้ เขาจะไม่หนักใจที่จะกล่าวตามที่อัลลอฮและรอซูลบอก ต่างกับพวกแนวคิดญะฮมียะฮ ที่มโนว่าถ้ายืนยันตามที่มีมาในตัวบท จะทำให้เกิดจินตนาการว่าอัลลอฮเหมือนมัคลูค เลยอุตริเปลี่ยนความหมายด้วยการตีความ ให้กินกับปัญญา
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม 
30/10/60

 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ตรรกทางปัญญาเดิมๆของอะฮลุลกาลาม


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ตรรกทางปัญญาเดิมๆของอะฮลุลกาลาม
Matty Ibnufatim Hamady
22 ตุลาคม เวลา 8:09 น. · 
ในตัฟซีรของท่าน อีหม่าม อัลบัยฎอวีย์ ( ฮ.ศ 685) ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า อัลลอฮ์ไม่ต้องการทรงสถานที่ เเละปราศจาก การมีสถานที่
ดูคำว่า منزه عن التحيز والحلول
คำว่า التحيز มาจากคำว่า تحيز ซึ่งคือ การต้องการสถานที่ ( انحصر فى مكان)
ดังนั้น อย่าไปยึดว่า อัลลอฮ์ มีสถานที่ คนที่ยึดว่า อัลลอฮ์ มีสถานที่ อ้างหลักฐานซอนนีย์ ไม่ใช่ กอตอีย์ ........
เราต้องไปยึดอายัตมุฮฺกามาต ซึ่งมาจากคำว่า มุฮฺกะมะห์ หรือ ภาษาบ้าน เรียกว่า อายัต กือมะห์ ( เเข็งเเรง) มาจากคำว่า احكم
หลักฐานที่ซอนนีย์ ไม่สามารถเป็นหลักฐานให้เรายึดได้........การยึดว่า อัลลอฮ์มีสถานที่ เป็นการยึดของพวกมุยัสสิมะห์ เเละมุชับบิฮะห์ ไม่มีสถานที่ที่เหมาะสมเเก่พระเจ้า เพราะสถานที่ คือ สิ่งที่ถูกสร้าง ผู้สร้างไม่อาศัยสถานที่ เพราะมีซีฟัต قيامه بنفسه หากพระองค์ต้องการสถานที่ จะกลายเป็น قيامه بغيره
ท่าน อะบูอิสฮาคกล่าวว่า คำว่า قيامه بنفسه หมายถึง พระองค์ทรง المستغنى عن المحل والمخصص ( ทรงปราศจากสถาที่เเละสิ่งที่กำหนดพระองค์)
@@@@
ชี้แจง
นั่งเทียนมโน สร้างวาทกรรม ว่า ถ้าถ้ายึดตัวบท หรือยืนยันสิฟาตอัลลอฮตามตัวบท คือการให้สถานที่แก่อัลลอฮ และเป็นพวกมุญัสสิมะฮ มันคือ วาทกรรมเท็จที่อุปโลกน์ขึ้นมา เป็นอาวุธทำร้ายคนที่ยึดความหมายในทางภาษาตามที่อัลลอฮตาอาลาและรอซูล(ศอ็ลฯ) บอกไว้ในอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ
อัลกอฎี อบูยะอลา (ร.อ) ฮ.ศ 380 -458 ปราชญ์มัซฮับหัมบะลีย์ กล่าวว่า
أَعْلَمُ أَنَّهُ لا يَجُوزُ رَدُّ هَذِهِ الأَخْبَارِ عَلَى مَا ذَهَبَ إِلَيْهِ جَمَاعَةٌ مِنَ الْمُعْتَزِلَةِ ، وَلا التَّشَاغُلُ بِتَأْوِيلِهَا عَلَى مَا ذَهَبَ إِلَيْهِ الأَشْعَرِيَّةُ.
وَالْوَاجِبُ حَمْلُهَا عَلَى ظَاهِرِهَا ، وَأَنَّهَا صِفَاتٌ لِلَّهِ تَعَالَى لا تُشْبِهُ سَائِرَ الْمَوْصُوفِينَ بِهَا مِنَ الْخَلْقِ ، وَلا نَعْتَقِدُ التَّشْبِيهَ فِيهَا ، لَكِنْ عَلَى مَا رُوِيَ عَنْ شَيْخِنَا وَإِمَامِنَا أَبِي عَبْدِ اللَّهِ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ حَنْبَلٍ ، وَغَيْرِهِ مِنْ أَئِمَّةِ أَصْحَابِ الْحَدِيثِ ، أَنَّهُمْ قَالُوا فِي هَذِهِ الأَخْبَارِ : أَمِرُّوهَا كَمَا جَاءَتْ ، فَحَمَلُوهَا عَلَى ظَاهِرِهَا فِي أَنَّهَا صِفَاتٌ لِلَّهِ تَعَالَى لا تُشْبِهُ سَائِرَ الْمَوْصُوفِينَ
โปรดทราบไว้เถิดว่า ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธบรรดาหะดิษเหล่านี้ (หมายถึงบรรดาหะดิษสิฟาต) ตามสิ่งที่ คณะหนึ่งจากมุอตะซิละฮ ได้มีทัศนะไปสู่มัน และ ไม่สาละวน กับการตีความมัน บนสิ่งที่อะชาอิเราะฮมีทัศนะไปสู่มัน และ วาญิบจะต้องถือมันบนความหมายที่ปรากฏของมัน และแท้จริง มันคือบรรดาคุณลักษณะของอัลลอฮ ตาอาลา มันจะไม่ถูกเปรียบเทียบกับบรรดาผู้ที่ถูกอธิบายลักษณะอื่นๆด้วยมันจากบรรดามัคลูค และเราะจะไม่เชื่อว่า มีความคล้ายคลึงในมัน แต่ว่า (เรา)จะอยู่บน สิ่งที่ถูกรายงานจากครูของเราและอิหม่ามของเรา คือ อบีอับดุลลอฮ อะหมัด บิน มุหัมหมัด บิน หัมบัล และคนอื่นจากเขา จากบรรดานักปราชญที่เป็นนักหะดิษ แท้จริงพวกเขากล่าว เกี่ยวกับบรรดาหะดิษเหล่านี้ (หมายถึงหะดิษสิฟาต) ว่า ปล่อยมันให้ผ่านไป เช่นที่มันได้มีมา แล้วพวกเขาได้ถือมัน บน ความหมาย(ของถ้อยคำ)ที่ปรากฏของมัน ว่า แท้จริงมันคือ บรรดาสิฟาต ของอัลลอฮ ตาอาลา ไม่ถูกเปรียบเทียบกับบรรดาผู้ที่ถูกอธิบายลักษณะอื่นๆ- อิบฏอลุลตะวีล 1/43-44
คำว่า "حَمْلُهَا عَلَى ظَاهِرِهَا " หมายถึง ถือบรรดาหะดิษสิฟาต บนความหมายจริงๆที่ปรากฏของถ้อยคำตามตัวบท
ดังที่อบูบักร์ อิบนิ อบี อาศิม ฮ.ศ 287 (ร.ฮ) กล่าวว่า
وجميع ما في كتابنا كتاب السنة الكبير الذي فيه الأبواب من الأخبار التي ذكرنا أنها توجب العلم، فنحن نؤمن بها لصحتها، وعدالة ناقليها، ويجب التسليم لها على ظاهرها، وترك تكلف الكلام في كيفيتها
และบรรดา สิ่ง ที่อยู่ในหนังสือของเรา คือ กิตาบอัสสุนนะฮอัลกะบีร ซึ่งในนั้นระบุ บรรดาเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับบรรดาหะดิษ ที่เราได้ระบุไว้ว่า "แท้จริง มัน จะถูกให้จำเป็นต้องรู้ ดังนั้นเรา ศรัทธาด้วยมัน เพราะมันเป็นหะดิษเศาะเฮียะ และบรรดาผู้รายงานมันมีความยุติธรรม และจำเป็นจะต้องยอมรับมัน บนความหมายที่ปรากฏของมัน และละทิ้งความพยายามการวิภาษ ในรูปแบบวิธีการของมัน -
كتاب العرش للذهبي (ج2 ص273) والعلو للعلي الغفار (ص 197)
...
อิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ) กล่าวว่า
آمنت بالله، وبما جاء عن الله، وعلى مراد الله، وآمنت برسول الله، وبما جاء به رسول الله، وعلى مراد رسول الله

ฉันศรัทธา ต่ออัลลอฮ ,ศรัธาด้วยสิ่งที่มาจากอัลลอฮ และศรัทธาตามสิ่งที่เป็นจุดมุ่งหมายของอัลลอฮ และฉันศรัทธาต่อรซูลุลลอฮ ,ศรัทธาด้วยสิ่งที่รซูลุลลอฮ นำมาด้วยมัน และศรัทธาตามสิ่งที่เป็นจุดมุ่งหมายของรซูลุลลอฮ
ذم التأويل / 11، ولمعة الاعتقاد لابن قدامة/ 45، ومجموع الفتاوى 4/ 2.
อาชาอิเราะฮตามแนวคิดอะฮลุลกาลาม อ้างว่า ความหมายตามตัวบท ไม่ใช่ความหมายที่อัลลอฮต้องการ จึงถามว่า
"อัลลอฮและรอซูลบอกไว้สักคำหรือสักประโยคใหม ที่บอกว่า "ความหมายที่ปรากฏตามตัวบท ไม่ใช่ความหมายที่ต้องการ" 
เปล่าเลย...มันเป็นมโนของอะฮลุลกาลามเองทั้งนั้น
การเชื่อว่า อัลลอฮอยู่เหนืออะรัช ไม่มีใครบอกว่า ทรงอาศัยอะรัชเป็นสถานที่ ย่างที่พวกอาชาอิเราะฮปรักปรำ แต่เขาหมายถึง การอยู่สถานที่เบื้องสูงแยกจากมัคลูค
มุหัมหมัด บิน เคาะลีล บิน ฮะรอช กล่าวว่า
فَأَهْلُ السُّنَّةِ وَالْجَمَاعَةِ يُؤْمِنُونَ بِمَا أَخْبَرَ بِهِ سُبْحَانَهُ عَنْ نَفْسِهِ مِنْ أَنَّهُ مُسْتَوٍ عَلَى عَرْشِهِ ، بَائِنٌ مِنْ خَلْقِهِ بِالْكَيْفِيَّةِ الَّتِي يَعْلَمُهَا هُوَ جَلَّ شَأْنُهُ ؛ كَمَا قَالَ مَالِكٌ وَغَيْرُهُ : ( الِاسْتِوَاءُ مَعْلُومٌ ، وَالْكَيْفُ مَجْهُولٌ )
อะฮลุสสุนนะฮ วัลญะมาอะฮ ศรัทธาด้วยสิ่งที่อัลลอฮ ซ.บ ทรงบอกเกี่ยวกับพระองค์เอง จากการที่ว่า แท้จริง พระองค์ผู้ทรงสถิต เหนือ อะรัชของพระองค์ แยกจากมัคลูคของพระองค์ ด้วยรูปแบบวิธีการที่พระองค์ผู้ทรงเกรียงไกร ทรงรู้มัน ดังที่มาลิกและคนอื่นจากเขากล่าวว่า (การอิสติวาอฺนั้น เป็นที่รู้กันและรูปแบบวิธีการนั้น ไม่เป็นที่รู้กัน)-ชัรหอัลอะกีดะฮอัลวาสิฏียะฮ 1/173
................
والله أعلم بالصواب

อะสัน หมัดอะดั้ม
30/10/60





เอกสารประกอบเนื้อหา









ในภาพอาจจะมี ข้อความในภาพอาจจะมี ข้อความ

จับเท็จนายฮัมดี สุหลง ภาค 5


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

จับเท็จนายฮัมดี สุหลง ภาค 5
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม 


 เมื่อวานนี้ เวลา 11:49 น.
ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ อิบนุฮะญัร ได้กล่าวในขณะอธิบายฮะดิษเกี่ยวกับการลงมา النزول ว่า
وَقَدْ اخْتُلِفَ فِيْ مَعْنَى النُّزُوْلِ عَلَى أَقْوَالٍ: فَمِنْهُمْ مَنْ حَمَلَهُ عَلَى ظَاهِرِهِ وَحَقِيْقَتِهِ وَهُمُ المُشَبِّهَةُ تَعَالَى اللهُ عَنْ قَوْلِهِمْ
"แท้จริงได้ถูกขัดแย้งกันในความหมายของการ เสด็จลงมา บนหลายทัศนะคำกล่าวด้วยกัน ส่วนหนึ่งจากพวกเขาคือ เขาได้ทำการให้ความหมายการลงมานั้นบน(ความหมาย)ถ้อยคำผิวเผิน(หรือถ้อยคำลักษณะภายนอก) และตามความหมายฮะกีกัต(คำแท้ของมันที่มีการเคลื่อนย้ายจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง) ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นคือพวกมุชับบะฮ์ (พวกที่ให้ความหมายในซีฟัตของอัลเลาะฮ์โดยไปคล้ายคลึงกับความหมายของมัคโลค) ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากคำกล่าวของพวกเขา" หนังสือฟัตฮุบารีย์ : 3/36
ดังนั้น ความเข้าใจความหมายเกี่ยวกับถ้อยคำซีฟัตของอัลเลาะฮ์ของพวกมุชับบิฮะฮ์ก็คือ การเข้าใจความหมายแบบผิวเผินและเขาใจความหมายแบบคำแท้คำตรง เช่น คำว่า "มือ" ความหมายคำตรงก็คือ "ส่วนอวัยวะที่มีฝ่ามือและนิ้ว" ......
...................
ชี้แจง
ข้างต้น เปลี่ยนมือกันโพสต์ ครั้งที่แล้วผู้โพสต์คือ อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ และนาย ฮัมดี สุหลง ไปกอ็ปมาโพสต์ต่อ โดยหมกเม็ดว่าเป็นผลงานตนเอง
ขอเรียนว่า ข้างต้นเป็นแนวคิดอะฮลุลกาลาม ยุคหลัง ไม่ใช่ทัศนะสะลัฟ ซึ่งอาชาอิเราะฮที่ตัดข้อความอิบนุหะญัรมาอ้าง น่าจะเป็นการแปลเจตนาของคำพูดอิบนุหะญัรผิด ดังที่จะชี้แจงต่อไปนี้
คำว่า
وَقَدْ اخْتُلِفَ فِيْ مَعْنَى النُّزُوْلِ عَلَى أَقْوَالٍ: فَمِنْهُمْ مَنْ حَمَلَهُ عَلَى ظَاهِرِهِ وَحَقِيْقَتِهِ وَهُمُ المُشَبِّهَةُ تَعَالَى اللهُ عَنْ قَوْلِهِمْ
"แท้จริงได้ถูกขัดแย้งกันในความหมายของการ เสด็จลงมา บนหลายทัศนะคำกล่าวด้วยกัน ส่วนหนึ่งจากพวกเขาคือ เขาได้ทำการให้ความหมายการลงมานั้นบน(ความหมาย)ถ้อยคำผิวเผิน(หรือถ้อยคำลักษณะภายนอก) และตามความหมายฮะกีกัต(คำแท้ของมันที่มีการเคลื่อนย้ายจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง) ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นคือพวกมุชับบะฮ์ (พวกที่ให้ความหมายในซีฟัตของอัลเลาะฮ์โดยไปคล้ายคลึงกับความหมายของมัคโลค) ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากคำกล่าวของพวกเขา" หนังสือฟัตฮุบารีย์ : 3/36
........
ข้อความที่นาย ฮัมดี สุหลง ข้างต้นเป็นการแปลบิดเบือนยัดใส้ ด้วยการเพิ่มเติมในวงเล็บตามความเห็น) ผู้อ่านสังเกตุดูก็รู้ว่า ยัดใส้เพิ่มเติมสอดใส่ความเห็นเข้าไป นี่คือความเจ้าเล่ห์ของอาชาอิเราะฮกลุ่มนี้
ความหมายจริงของประโยคข้างต้นที่ถูกต้งไม่ยัดใส้คือ
وَقَدْ اخْتُلِفَ فِيْ مَعْنَى النُّزُوْلِ عَلَى أَقْوَالٍ: فَمِنْهُمْ مَنْ حَمَلَهُ عَلَى ظَاهِرِهِ وَحَقِيْقَتِهِ وَهُمُ المُشَبِّهَةُ تَعَالَى اللهُ عَنْ قَوْلِهِمْ
และแท้จริง ได้ถูกเห็นขัดแย้งกัน ในความหมายของ อัลนุซูล บน หลายทัศนะ แล้วส่วนหนึ่ง จากพวกเขา คือ ผู้ที่ถือมัน ตามความหมายที่ปรากฏตามตัวบท และความหมายจริงของมัน และพวกเขาคือ มุชับบิฮะฮ ,อัลลอฮทรงบริสุทธิ์จากคำพูดของพวกเขา
.......
วิจารณ์
การอ้างว่า การอิษบาต(ยืนยัน)สิฟาตตามความหมายจริงในทางภาษาที่มีมาตามตัวบท คือ พวกมุชับบิฮะฮ (พวกเปรียบอัลลอฮกับมัคลูค)นั้น เป็นการอ้างที่ไม่ถูกต้อง
ดังที่ชัยค์ อับดุลลอฮ บิน มุหัมหมัด อัลฆุนัยมาน (Shaikh Abdullah bin Muhammad bin Ghunayman) กล่าวว่า
فقوله : إن الذين حملوه على ظاهره وحقيقته هم المشبهة.
يقال له: بل الذين حملوه على ظاهره وحقيقته هم الصحابة عموماً وأتباعهم إلى يوم الدين، ولا تستطيع أن تأتي بكلمة واحدة عن الرسول، أو عن أصحابه، تؤيد قول أهل التحريف الذين يسمون أنفسهم أهل السُّنَّة.
คำพูดของเขาที่ว่า แท้จริง ผู้ที่ถือมัน ตามความหมายที่ปรากฏตามตัวบท และความหมายจริงของมัน และพวกเขาคือ มุชับบิฮะฮ 
(ชัยค์โต้แย้งว่า) จะถูกกล่าวแก่เขาว่า " แต่ในทางกลับกัน คือ บรรดาผู้ที่ถือมันตามความหมายที่ปรากฏของมัน และความหมายจริงๆของมันคือ เหล่าเศาะหาบะฮ โดยรวม และบรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามพวกเขา จนกระทั่งวันกิยามะฮ และท่านไม่สามารถที่จะนำเอาคำหนึ่งคำใด จาก รอซูล หรือจากเศาะหาบะฮ ที่จะมาสนับสนุน ทัศนะของนักบิดเบือน ที่เรียกตัวของพวกเขาเองว่า "อะฮลุสสุนนะฮ" - ดู ชัรหกิตาบิตเตาฮีด มิน เศาะเฮียะบุคอรี เล่ม 1 หน้า 356
.........ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
คือ ชัยค์อับดุลลอฮ โต้แย้งว่า ผู้ที่ถือตามความหมายจริงๆตามที่ปรากฏตามตัวบทนั้นคือ เหล่าเศาะหาบะฮ และผู้ที่เจริญรอยตามพวกเขา จนถึงวันกิยามะฮ และชัยค์บอกว่า พวกบิดเบือนที่อ้างว่าเป็นชาวสุนนะฮ ไม่สามารถหาหลักฐานแม้แต่คำเดียว ที่จะมาสนับสนุน ทัศนะของพวกเขาที่อ้างว่า การยืนยันสิฟัตตามความหมายที่ปรากฏตามตัวบทคือ พวกมุชับบิฮะฮ
อนึง เป็นไปได้ว่า อัลหาฟิซอิบนุหะญัร ท่านหมายถึง ผู้ที่ยึดตามตัวบทและ นึกมโนภาพว่าเหมือนมัคลูค ซึ่งถูกต้องตามที่ท่านอิบนุหะญัรพูดไว้ แต่..อาชาอิเราะฮกาลามียะฮ ไม่เข้าใจคำพูดของท่าน มาดูคำพูดของท่านที่ว่า
وَمِنْهُمْ مَنْ أَجْرَاهُ عَلَى مَا وَرَدَ مُؤْمِنًا بِهِ عَلَى طَرِيق الْإِجْمَال مُنَزِّهًا اللَّه تَعَالَى عَنْ الْكَيْفِيَّة وَالتَّشْبِيه وَهُمْ جُمْهُور السَّلَف
และส่วนหนึ่งจากพวกเขา คือผู้ที่ปล่อยมัน ให้เป็นไปตามสิ่งที่มีมารายงานมา โดยการศรัทธาด้วยมัน บน แนวทางสรุป โดยการให้อัลลอฮ ตาอาลาบริสุทธิ์ จาก(การอธิบาย)รูปแบบวิธีการและการเปรียบเทียบ และพวกเขาคือ สะลัฟส่วนใหญ่ - ดูฟัตหุลบารีย์ 3/30
............
ทัศนะสะลัฟ คือ การยืนยันสิฟาตตามที่มีมา โดยไม่อธิบายรูปแบบวิธีการ ไม่เปรียบเทียบ เพราะฉะนั้นที่ท่านอิบนุหะญัรกล่าว หมายถึง ผู้ที่เปรียบเทียบกับมัคลูค และการยืนยัน ความหมายตามตัวบท ที่อัลลอฮและนบีกล่าวไม่ถือว่าเป็นการตัชบีฮ ซึ่งอิสหาก บิน รอฮะวียะฮ(ฮ.ศ 238)ปราชญสะลัฟ ได้ยกตัวอย่างคำว่า "ตัชบีฮ"ว่า
إنما يكون التشبيه إذا قال يد كيد أو مثل يد أو سمع كسمع أو مثل سمع فإذا قال سمع كسمع أو مثل سمع فهذا التشبيه وأما إذا قال كما قال الله تعالى يد وسمع وبصر ولا يقول كيف ولا يقول مثل سمع ولا كسمع فهذا لا يكون تشبيها وهو كما قال الله تعالى في كتابه ليس كمثله شيء وهو السميع البصير
ท่านอิสหาก อิบนุอิบรอฮีม บินรอฮาวัยฮฺ ได้กล่าวอธิบายว่า การตัชบีฮฺ(เปรียบกับมัคลูก)นั้นคือการที่เรากล่าวว่า พระหัตถ์ของอัลลอฮฺก็เหมือนกับมือของฉันหรือใกล้เคียงกับมือของฉัน หรือการที่เขากล่าวว่า พระองค์อัลลอฮฺได้ยินเหมือนกับที่ฉันได้ยินหรือคล้ายกับที่ฉันได้ยิน แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าตัชบีฮฺ แต่หากเป็นการกล่าวในสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงตรัสไว้แล้ว เช่น พระหัตถ์, ทรงสดับฟัง, ทรงทอดพระเนตร พร้อมกับไม่ถามว่ามันเป็นอย่างไรแบบไหน ตลอดจนไม่กล่าวว่าอัลลอฮฺได้ยินเหมือนกับฉันได้ยิน ดังนั้นแบบนี้ไม่เป็นการตัชบีฮฺต่ออัลลอฮฺตะอาลา พระองค์กล่าวไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ว่า ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนหรือคล้ายคลึงกับพระองค์แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยินและทรงเห็น” 
(หนังสือ สุนันอัตติรมิซีย์ เล่ม 3 หน้าที่ 50-51 
...........
การอิษบาตรคำว่า “มือ(ยัด) ตามที่อัลลอฮบอก ไม่ใช่การเปรียบเทียบ (ตัชบีฮ) เมื่อไม่ใช่การตัชบีฮ แล้วจะเป็นมุญัสสิมได้อย่างไร
และทัศนะสะลัฟที่มายืนยันคำพูดชัยค์อับดุลลอฮ อัลฆุนัยมาน มีมากมาย ตัวอย่างเช่น
อิหม่ามอิบนุคุซัยมะฮ กล่าวว่า
نشهد شهادة مقر بلسانه مصدق بقلبه مستيقن بما في هذه الأخبار من ذكر نزول الرب من غير أن نصف الكيفية ، لأن نبينا المصطفى لم يصف لنا كيفية نزول خالقنا إلى سماء الدنيا وأعلمنا أنه ينزل والله جل وعلا لم يترك ولا نبيه عليه السلام بيان ما بالمسلمين الحاجة إليه من أمر دينهم فنحن قائلون مصدقون بما في هذه الاخبار من ذكر النزول غير متلكفين القول بصفته أو ((بصفة الكيفية)) إذ النبي لم يصف لنا كيفية النزول
เราขอปฏิญาน เป็นการปฏิญานของผู้ที่ยอมรับด้วย วาจาของเขา,เชื่อด้วยหัวใจของเขาและเชื่อมั่นด้วยสิ่งที่อยู่ในบรรดาหะดิษเหล่านี้ จากการระบุการเสด็จลงมาของพระผู้อภิบาล โดยเราไม่พรรณารูปแบบวิธีการว่าเป็นอย่างไร เพราะ นบีของเรา,อัลมุสเฏาะฟา(ผู้ทรงได้รับการคัดเลือก) ไม่ได้พรรณารูปแบบให้แก่เรา ว่าพระผู้ทรงสร้างเรา ทรงเสด็จลงมายังฟากฟ้าดุนยาอย่างไร และ ท่านได้บอกให้เรารู้ว่าทรงเสด็จลงมา และอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง และนบีของพระองค์ อะลัยฮิสสลาม จะไม่ละทิ้งการอธิบายสิ่งที่บรรดามุสลิมมีความจำเป็นต่อมัน จากกิจการศาสนาของพวกเขา (อย่างแน่นอน) ดังนั้น เราคือ ผู้กล่าว อีกทั้งเชื่อ ในสิ่งที่อยู่ในบรรดาหะดิษ ที่ระบุเกี่ยวกับการเสด็จลงมา(ของอัลลอฮ) โดยไม่กล่าวว่าลักษณะของมันเป็นอย่างไร หรือ(รูปแบบของมันว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร) เพราะท่านนบีไม่ได้ พรรณาลักณะรูปแบบวิธีการเสด็จลงมาให้เรารู้ - อัตเตาฮิด ของ อิบนุคุซัยมะฮ เล่ม 1 หน้า 289-290
قال ابن عبد البر رحمه الله 
" أهل السنة مجمعون على الإقرار بالصفات الواردة في الكتاب والسنة وحملها على الحقيقة لا على المجاز ، إلا أنهم لم يكيفوا شيئا من ذلك " . 
"العلو للعلي الغفار" (ص 250)
อิบนุอับดุลบัร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า “ ชาวสุนนะฮ พวกเขาทั้งหลายมีมติร่วมกันบนการรับรองบรรดาคุณลักษณะ(สิฟาต) ที่มีมาในอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ และถือมันตามความหมายจริง ไม่ใช่การอุปมา นอกจากว่า พวกเขาไม่อธิบายรูปแบบวิธีการสิ่งใดๆจากมันเท่านั้น – ดู อัลอะลู ลิลอะลียุลฆอฟฟาร หน้า 250
...............
เพราะฉะนั้น การรับรองสิฟาต ตามความหมายในทางภาษาที่ปรากฏตามตัวบท โดยไม่อธิบายรูปแบบวิธีการและไม่เปรียบกับมัคลูค นั้น ไม่ใช่มุชับบิฮะฮ ตามความเห็นของกลุ่มแนวคิดอะฮลุลกาลาม

والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/10/60








เอกสารประกอบ








 

จับเท็จอาชาอิเราะฮแอบอ้างอบูหะนีฟะฮ ภาค 4

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


จับเท็จอาชาอิเราะฮแอบอ้างอบูหะนีฟะฮ ภาค 4
สินค้าฮาลาล"รวมพลคนรักปอเนาะ" ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ลงในอัลบั้ม: อะห์​ลุ​้​ซซุนนะห์​วั้ลญะมาอะห์​ถูกใจเพจ
16 ชม.
คำพูดของท่านอัลกุรตุบีย์ที่ว่า “สะลัฟยุคแรกไม่ได้กล่าวปฏิเสธทิศ”
หมายความว่าอย่างไร? 
.
หมายถึง: พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธเพราะว่าประเ
ด็นปัญหาเรื่องทิศนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นแ
ละนำมาถกในสมัยของพวกเขา
.
คำพูดของท่านอัลกุรตุบีย์ที่ว่า “พวกเขาไม่ได้พูดสิ่งดังกล่าว(คือไม่พูดการมีทิศ)”
.
หมายถึง: การที่พูดเขาไม่พูดการมีทิศนั้น
เพราะว่า การยืนยันมีทิศทางไม่ใช่อะกีดะฮ
์ของสะลัฟ
.
เพราะปราชญ์สะลัฟอย่างท่านอิมาม
อบูหะนีฟะฮฺกล่าวยืนยันในการปฏิเสธทิศว่า
ﻭﻟﻘﺎﺀ ﺍﻟﻠﻪ ﺗﻌﺎﻟﻰ ﻷﻫﻞ ﺍﻟﺠﻨﺔ ﺑﻼ ﻛﻴﻒ ﻭﻻ ﺗﺸﺒﻴﻪ ﻭﻻ ﺟﻬﺔ ﺣﻖ
" และการที่อัลเลาะฮฺ(ตะอาลา)ทรงพบกับชาวพบสวรรค์ โดยไม่มีวิธีการ ไม่มีการคล้ายคลึง และไม่มีทิศนั้น เป็นสัจจะธรรมความจริง" ดู กิตาบ อัลวะซียะฮฺ ของอบูหะนีฟะฮฺ หน้า 4
@@@@@
ชี้แจง
หลักฐานแอบอ้างอบูหะนีฟะฮข้างต้น อาชาอิเระฮลูกทีม เปลี่ยมือกันโพสต์ ครั้งก่อนนาย อานัส ชูชื่น เอามาจากข้อมูลโต๊ะครูใหญ่เว็บสะติวเด้น ครั้งนี้ เพจ "รวมพลคนรักปอเนาะ รับไม้ต่อ มาโพสต์เผยแพร่อีก อยากรู้นักว่าใครคือ หัวขบวนกลุ่มรวมพลคนรักปอเนาะที่ไม่กล้าเปิดตัวแม้แต่คนเดียว
เดิมๆซ้ำซาก แต่ก็ยังเอาหลักฐานแอบอ้าง และ แปลผิดเหมือนเดิม
คำว่า بلا كيف นายอานัสไปกอ็บมาจาก อ.ใหญ่ ที่แปลผิด โดยแปลว่า ไม่มีรูปแบบวิธีการ รูปแบบวิธีการมันมีครับ แต่เราไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
เช่นอิหม่ามมาลิกบอกว่า
الاستواء معلوم والكيفية مجهولة
อัลอิสติวาอฺ เป็นที่รู้กัน และรูปแบบวิธีการนั้น ถูกไม่รู้ (ไม่เป็นที่รู้กัน) 
แล้วอ้างคำพูดที่แอบอ้างอบูหะนีฟะฮ ข้างต้น พวกญะฮมียะฮชอบเอามาอ้าง หรือเรียกว่า “เป็นหลักฐานเด็ด ของเขา รายงานนี้ และ สายรายงานนี้ ถูกทำให้ต่อเนื่อง ด้วยบรรดาผู้รายงานที่ไม่เป็นที่รู้จัก(السند مسلسل بالمجاهيل )
ดร.อับดุลอะซีซ บิน อะหมัด อัลหุมัยดีย์ กล่าวว่า
في هذا الكتاب مسائل كثيرة مخالفة لمذهب أهل السنة والجماعة في الاعتقاد بل ومخالفة لما هو منقول معروف عن الإمام أبي حنيفة - رحمه الله
ในหนังสือเล่มนี้ (หมายถึงอัลวะศียะฮ) มีบรรดาประเด็นมากมาย ทีขัดแย้ง กับมัซฮับอะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ ใน เรื่อง อัลเอียะติกอด(หลักการเชื่อมั่น) และขัดแย้งกับสิ่งที่มันถูกรายงานมาจากอิหม่ามอบีหะนีฟะฮ (ร.ฮ)..........
أن كتاب " الوصية " متضمن لتقرير العقيدة الأشعرية التي إنما حدثت بعد وفاة الإمام أبي حنيفة بأكثر من قرن ونصف من الزمان , فهذا يؤكد مع سقوط سند الكتاب أيضاً براءة الإمام - رحمه الله - من هذا الكتاب وما تضمنه من مسائل محدثة , مخالفة لأصول أهل السنة والجماعة - رحمهم الله - .
- .
แท้จริงหนังสือ อัลวะศียะฮ ถูกประกอบขึ้นมา เพื่อให้รับรองอะกีดะฮอัลอัชอะรียะฮ ซึ่งความจริงมันเกิดขึ้นใหม่หลังจากที่อิหม่ามอบีหะนีฟะฮ เสียชีวิตแล้ว มากกว่า ศตวรรษครึ่ง ดังนั้น กรณีนี้ พร้อมกับการขาดตอนของสายรายงานตำรานี้ มันยังตอกย้ำว่า อิหม่ามอบูหะนีฟะฮ (ร.ฮ)ไม่เกี่ยวกับตำราเล่มนี้อีกด้วย และสิ่งที่มันถูกประกอบขึ้นจากประเด็นต่างๆที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ขัดแย้งกับบรรดารากฐานของอะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ (ร.ฮ) –ดู บะรออะฮ อัลอะอิมมะฮอัลอัรบะอะฮ มิน มะสาอิลิลมุตะกัลลิมีน อัลมุบตะดิอะฮ หน้า 76-79
....................
คนจะจมน้ำ เมื่อเจออะไรลอยมาก็ยึดทั้งนั้น ไม่เว้นขอนไม้ผุๆ มาเป็นหลักฐาน ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ
ขอบอกว่า อิหม่ามสายฎอรีกัด กอดีรียะฮ คือ อับดุลกอดีร อัลญีลานีย์ ยืนยัน อัลลอฮอยูทิศเบื้องสูง
وهو بجهة العلو مستو على العرش، محتو على الملك، محيط علمه بالأشياء، {إليه يصعد الكلم الطيب والعمل الصالح يرفعه})

และพระองค์อยู่ทิศเบื้องสูง ทรงเป็นผู้สถิตเหนือบัลลังค์ ทรงเป็นผู้มีอำนาจเหนือการปกครอง ความรู้ของพระองค์ ครอบคลุมบรรดาสรรพสิ่ง (คำกล่าวที่ดีย่อมจะขึ้นไปสู่พระองค์ และการงานที่ดีนั้นพระองค์ทรงยกย่องสรรเสริญมัน(ฟาฏิร/10) – ดู อัลฆุนยะฮ ลิฏอลีบีย์เฏาะรีกิลหัก 1/,123
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
29/10/60





เอกสารเพิ่มเติม

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

 ในภาพอาจจะมี ข้อความ

จับเท็จนายฮัมดี สุหลง บิดเบือนอกีดะฮอิบนุญะรีร ภาค 3



จับเท็จนายฮัมดี สุหลง บิดเบือนอกีดะฮอิบนุญะรีร ภาค 4
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ·
เรามาดูความหมาย อิสตาวา ที่ท่านได้เลือกพร้อมการอธิบายความหมาย ท่านอัฏเฏาะบะรีย์ได้กล่าว.
وأوْلى المعاني بقول الله جل ثناؤه:"ثم استوى إلى السماء فسوَّاهن"، علا عليهن وارتفع، فدبرهنّ بقدرته، وخلقهنّ سبع سموات
“บรรดาความหมายที่ดีที่สุด จากคำตรัสของอัลลอฮ์ ที่ว่า “หลังจากพระองค์ทรงอิสติวาสู่ฟากฟ้า แล้วพระองค์ก็ทรงสร้างมัน” คือ พระองค์ทรงสูงขึ้นสู่ฟากฟ้า แล้วพระองค์ก็ทรงบริหารฟากฟ้าด้วยเดชานุภาพของพระองค์และทรงสร้างฟ้าเจ็ดชั้น
ซึ่งท่านอัฏเฏาะบะรีย์ก็ได้อธิบายว่า..
فَإِنْ زَعَمَ أَنَّ ذَلِكَ لَيْسَ بِإِقْبَالِ فِعْل وَلَكِنَّهُ إقْبَال تَدْبِير , قِيلَ لَهُ : فَكَذَلِكَ فَقُلْ : عَلَا عَلَيْهَا عُلُوّ مُلْك وَسُلْطَان لَا عُلُوّ انْتِقَال وَزَوَال
"ดังนั้น ก็จะถูกกล่าวแก่เขาว่า ท่านอ้างว่า การตีความคำว่า "اِسْتَوَى" นั้น คือ การมุ่งหน้า . ฉะนั้น หรือว่าพระองค์ทรงผินหลังให้กับฟากฟ้า จากนั้นพระองค์ก็มุ่งไปยังฟากฟ้า?? แต่หากเขาอ้างว่า ดังกล่าวนั้น ไม่ใช่การมุ่งหน้าแบบกระทำ(มุ่งหน้า) แต่เป็นการมุ่งบริหาร. (ท่านอัฏเฏาะบะรีย์จึงกล่าวตอบโต้ว่า) ก็ให้กล่าวแก่เขาว่า ดังนั้น แบบนั้นแหละ(คือการให้ความหมายว่าเป็นการมุ่งกระทำเชิงบริหาร) ท่านก็จงกล่าวว่า "พระองค์ทรงสูงส่งเหนือฟากฟ้า แบบการสูงส่งของการปกครองและอำนาจ (ไม่ใช่อยู่สูงแบบมีสถานที่) ไม่ใช่สูงแบบเคลื่อนย้ายและก็หายไป" ดู ตัฟซีร เฏาะบะรีย์ เล่ม 1/430
*******************************
เรามาดูความหมาย علا และ ارتفع อุลามะอธิบายไว้อย่างไรกันบ้างจะได้รู้ว่าไม่ใช่ การสถิตย์
@@@@
ข้างต้น มาจัับเท็จ การแปลของนายฮัมดี สุหลง ดังนี้
นี่คือคำแปลของนายฮัมดี
وأوْلى المعاني بقول الله جل ثناؤه:"ثم استوى إلى السماء فسوَّاهن"، علا عليهن وارتفع، فدبرهنّ بقدرته، وخلقهنّ سبع سموات
“บรรดาความหมายที่ดีที่สุด จากคำตรัสของอัลลอฮ์ ที่ว่า “หลังจากพระองค์ทรงอิสติวาสู่ฟากฟ้า แล้วพระองค์ก็ทรงสร้างมัน” คือ พระองค์ทรงสูงขึ้นสู่ฟากฟ้า แล้วพระองค์ก็ทรงบริหารฟากฟ้าด้วยเดชานุภาพของพระองค์และทรงสร้างฟ้าเจ็ดชั้น
.......
1. นายฮัมดี สุหลง แปล คำว่า علا عليهن ว่า สูงขึ้นสู่ฟากฟ้า
คว่ามจริง คำว่า علا เป็นคำกริยา แลว่า สูง และ คำว่า على เป็น คำบุพบท มีความหมาย แสดงการอยู่สูง( الاستعلاء)
เพราะ คำว่า استوى ที่ถูกเจาะจงด้วย คำว่า على หมายถึง สูง (العلو والارتفاع) ในทัศนะนักวิชาการทางภาษา และเมื่อเจาะจงด้วยคำว่า الى ก็หมายถึง สูง ,ขึ้นสูง ในทัศนะสะลัฟ เช่นกันดูสำเนาหนังสือที่แนนบมา
อิหม่ามอัสสะอดีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า
وتارة تكون بمعنى "علا "و "ارتفع "وذلك إذا عديت بـ "على "كما في قوله تعالى: { ثم استوى على العرش
และบางครั้งมัน (อิสตะวา) มีความหมายว่า علا (อยู่สูง) ارتفع (ขึ้นสูง) และดังกล่าวนั้น เมือถูกให้เป็นสกรรมกริยา ด้วยคำว่า على เช่น ในคำตรัสของอัลลอฮตาอาลาที่ว่า(พระเจ้าผู้ทรงเมตตาทรงอยู่เหนือบัลลังค์ – ตัฟสีรอัสสะอดีย์ เล่ม 1 หน้า 48
อัรซัรกอนีย์(ร.ฮ)กล่าวว่า
مقيد بـ "على" مثل قوله: لتستووا على ظهوره » [الزخرف: آية ١٣] وهذا معناه العلو والارتفاع والاعتدال بإجماع أهل اللغة
(คำว่า อิสตะวา) ถูกจำกัดด้วย คำว่า (อะลา) เช่น คำตรัสของพระองค์ที่ว่า(เพื่อพวกเจ้าจักได้ขี่บนหลังมัน หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ระลึกถึงความโปรดปรานแห่งองค์อภิบาลของเจ้าเมื่อพวกเจ้าขึ้นขี่มัน –อัซซุครุฟ/๑๓ –และนี่ ความหมายของมัน คือ อัลอุลูว์วัลอิรติฟาอฺ (การอยู่สูง)และอัลเอียะติดาล (ความเท่าเทียมกัน) ด้วยมติของนักภาษาศาสตร์ – ดู มะนาฮิลุลอุรฟาน ฟี อุลูมิลกุรอ่าน หน้า 752 และอัลอะรัช ของอัซซะฮะบีย์ เล่ม 1 หน้า 169
เพราะฉะนั้น คำแปลที่ถูกต้อง คือ
وَأَوْلَى الْمَعَانِي بِقَوْلِ اللَّهِ جَلَّ ثَنَاؤُهُ : " ثُمَّ اسْتَوَى إِلَى السَّمَاءِ فَسَوَّاهُنَّ " عَلَا عَلَيْهِنَّ وَارْتَفَعَ ، فَدَبَّرَهُنَّ بِقُدْرَتِهِ ، وَخَلَقَهُنَّ سَبْعَ سَمَاوَاتٍ .
และบรรดาความหมายที่ดีที่สุด ด้วยคำตรัสของอัลลฮผู้ซึ่ง การสรรเสริญ พระองค์สูงส่งยิ่ง ที่ว่า ภายหลังได้ทรงมุ่งสู่ฟากฟ้า และได้ทำให้มันสมบูรณ์ขึ้น ) หมายถึง ทรงอยู่สูงเหนือมันและทรงขึ้นไป แล้วบริหารจัดการมันด้วยพลานุภาพของพระองค์ และทรงสร้างมัน เป็นเจ็ดชั้นฟ้า.- ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์ 1/430
อาชาอิเราะฮสายกาลามพยายามบิดเบือน ว่าอิบนุญะรีร ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ โดยบอกว่าอิบนุญะรีร ให้ความหมายอิสติวาอฺ ว่าอำนาจการปกครอง ทั้งๆที่อิบนุญะรีร ได้กล่าวความหมายที่ท่านเลือกว่า
وَأَوْلَى الْمَعَانِي بِقَوْلِ اللَّهِ جَلَّ ثَنَاؤُهُ : " ثُمَّ اسْتَوَى إِلَى السَّمَاءِ فَسَوَّاهُنَّ " عَلَا عَلَيْهِنَّ وَارْتَفَعَ ، فَدَبَّرَهُنَّ بِقُدْرَتِهِ ، وَخَلَقَهُنَّ سَبْعَ سَمَاوَاتٍ .
และบรรดาความหมายที่ดีที่สุด ด้วยคำตรัสของอัลลฮผู้ซึ่ง การสรรเสริญ พระองค์สูงส่งยิ่ง ที่ว่า ภายหลังได้ทรงมุ่งสู่ฟากฟ้า และได้ทำให้มันสมบูรณ์ขึ้น ) หมายถึง ทรงอยู่สูงเหนือมันและทรงขึ้นไป แล้วบริหารจัดการมันด้วยพลานุภาพของพระองค์ และทรงสร้างมัน เป็นเจ็ดชั้นฟ้า.- ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์ 1/430
......
ถ้าพี่น้องเปิดดูตัฟสีรข้างต้น จะสังเกตุได้ว่า จุดจบประโยค(full stop) จะอยู่ท้ายประโยค وَخَلَقَهُنَّ سَبْعَ سَمَاوَاتٍ . (ดูสำเนาหนังสือ)
มาดูคำพูดอิบนุญะรีรต่อ ดังนี้
قَالَ أَبُو جَعْفَرٍ : وَإِنْ قَالَ لَنَا قَائِلٌ : أَخْبِرْنَا عَنِ اسْتِوَاءِ اللَّهِ جَلَّ ثَنَاؤُهُ إِلَى السَّمَاءِ ، كَانَ قَبْلَ خَلْقِ السَّمَاءِ أَمْ بَعْدَهُ ؟
อบูยะอฟัร (หมายถึงอิบนุญะรีร)กล่าวว่า และถ้าหากผู้กล่าวคนหนึ่งกล่าวแก่เราว่า “ จงบอกเรามาซิ เกี่ยวกับอัลอิสติวาอฺ ของอัลลอฮ (ซ.บ) สู่ฟากฟ้า ,มันเกิดก่อนสร้างฟากฟ้าหรือหลังจากนั้น?
قِيلَ : بَعْدَهُ ، وَقَبْلَ أَنْ يُسَوِّيَهُنَّ سَبْعَ سَمَاوَاتٍ ، كَمَا قَالَ جَلَّ ثَنَاؤُهُ ( ثُمَّ اسْتَوَى إِلَى السَّمَاءِ وَهِيَ دُخَانٌ فَقَالَ لَهَا وَلِلْأَرْضِ ائْتِيَا طَوْعًا أَوْ كَرْهًا ) [ سُورَةُ فُصِّلَتْ : 11 ] . وَالِاسْتِوَاءُ كَانَ بَعْدَ أَنْ خَلَقَهَا دُخَانًا ، وَقَبْلَ أَنْ يُسَوِّيَهَا سَبْعَ سَمَاوَاتٍ
ก็จะถูกกล่าวว่า “หลังจากมัน และก่อนที่ทำให้มันสมบูรณ์ขึ้นเป็นเจ็ดชั้นฟ้า ดังเช่นที่ พระองค์ ผู้ซึ่งการสรรเสริญพระองค์สูงส่งยิ่ง ตรัสว่า(แล้วพระองค์ทรงมุ่งสู่ฟากฟ้าขณะที่มันเป็นไอหมอก พระองค์จึงตรัสแก่ชั้นฟ้าและแผ่นดินว่า เจ้าทั้งสองจงมาจะโดยเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม มันทั้งสองกล่าวว่า ข้าพระองค์มาอย่างเต็มใจแล้ว) ซูเราะฮฟุสิลัต/11 และ อัลอิสติวาอฺ มันปรากฏหลังจากที่พระองค์ทรงสร้างมันให้เป็นไอหมอก และก่อนที่ทรงทำมันให้สมบูรณ์ เป็นเจ็ดชั้นฟ้า –ดูตัฟสีรอิบนุญะรีร 1/431
............
เพราะฉะนั้น คำว่า อิสติวาอฺในทัศนะของอิบนุญะรีรในที่นี้ทรงอยู่สูงเหนือฟากฟ้า ไม่ใช ความหมายสูงส่งในด้านฐานะ เพราะ เป็นไปไม่ได้ ที่แปลว่า ฐานะสูงส่งอัลลอฮ เกิดขึ้นหลังจากสร้างฟากฟ้า

การพยายามของนายฮัมดี ที่จะปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ โดยการบิดเบือนทัศนะและอะกีดะฮอิบนุญะรีรว่า "อิสติวาอฺ คือ การปกครอง หรืออำนาจปกครองนั้น ถือเป็นความไร้อมานะฮทางวิชาการที่น่าอดสูที่สุด
อนึ่ง สวนความหมายคำว่า "สถิต ก็คือความหมายหนึ่งของ อัลอิสติวาอฺ ซึ่งผมอธิบายหลายรอบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้บทความยืดยาว
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
29/10/60





เอกสารประกอบ





 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ตอบโต้การหมกเม็ดทางวิชาการของนายฮัมดี สุหลง ภาค 2





ตอบโต้การหมกเม็ดทางวิชาการของนายฮัมดี สุหลง ภาค 2
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม 

ซึ่งอบู ญะฟัร บิน อะบีชัยบะฮ์ สะลัฟของวะฮ์ฮาบีย์นี้ นักปราชญ์หะดีษบอกว่า อบู ญะฟัร บิน อะบีชัยบะฮ์ เป็น “จอมโกหก”
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร ได้กล่าวถึง อะบู ญะฟัร บิน อะบีชัยบะฮ์ว่า
وأما عبد الله بن أحمد بن حنبل فقال: كذاب. وقال ابن خراش: كان يضع الحديث
“สำหรับอับดุลลอฮ์ บุตร อะห์มัด บิน หัมบัล ได้กล่าว(ถึงอะบูญะฟัร บิน อะบีชัยบะฮ์)ว่า เขานั้นจอมโกหก และท่านอิบนุ ค็อรร็อส กล่าวว่า เขานั้นชอบกุหะดีษ” ลิซาน อัลมีซาน 2/434
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร ได้กล่าวต่อไปอีกตอนหนึ่งว่า
ومن الطائفة التي حكى ابن عقدة عنهم أنهم كذبوا محمداً: جعفر الطيالسي وعبد الله بن إبراهيم بن قتيبة وجعفر بن هذيل ومحمد بن أحمد العدوي
“และกลุ่มหนึ่ง(จากปราชญ์หะดีษ)ที่ท่านอิบนุอุกดะฮ์ ได้รายงานจากพวกเขาว่า แท้จริงพวกเขานั้นได้ยืนยันว่า(อบูญะฟัร)มุฮัมมัด(บิน อุษมาน อิบ อะบีชัยบะฮ์)เป็นคนโกหก (ซึ่งปราชญ์หะดีษที่ได้ยืนยันเช่นนั้นคือ) ท่านญะฟัร อัฏฏ่อยาลิซีย์, ท่านอับดุลลอฮ์ บิน อิบรอฮีม บิน กุนัยบะฮ์, ท่านญะฟัร บิน ฮุซัยล์, ท่านมุฮัมมัด บิน อะห์มัด อัลอะดะวีย์” ลิซาน อัลมีซาน 2/434
ท่านอัลฮาฟิซฺ อัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวว่า
وأما عبدالله بن أحمد بن حنبل فقال: كذاب وقال ابن خراش: كان يضع الحديث...وقال البرقانى: لم أزل أسمعهم يذكرون أنه مقدوح فيه.
“สำหรับอับดุลลอฮ์ บุตร อิหม่ามอะห์มัด บิน หัมบัล ได้กล่าวว่า เขานั้นจอมโกหก และท่านอิบนุ ค็อรร็อช กล่าวว่า เขานั้นกุหะดีษ...และท่านอัลบัรกอนีย์กล่าวว่า ฉันยังคงได้ยินพวกเขา(นักปราชญ์หะดีษ)กล่าวว่า เขานั้นถูกตำหนิ”ลิซาน อัลมีซาน 3/642-643
@@@@@
ชี้แจง
ข้อมูลข้างต้น เป็นข้อมูลเดิมๆของนาย Sunnah Core Salafussalah โต๊ะครูใหญ่แห่งเว็บสุนนะฮสะติวเด้น ซึ่งจนบัดนี้ ไม่ทราบว่าคือใคร ประเด็นนี้เฉพาะนายฮัมดี สุหลง นำมาโพสต์รอบที่สอง 
จุดประสงค์ของนาย Sunnah Core Salafussalah เพื่อที่จะทำลายความเชื่อถือ ของ อบูญะฟัร บิน อบีชัยบะฮ( ฮ.ศ 297)ที่ท่านกล่าวว่า
فهو فوق السماوات وفوق العرش بذاته متخلصا من خلقه بائنا منهم،
แล้วพระองค์ อยู่บน ฟากฟ้า และอยู่เหนืออะรัช ด้วยตัวตนของพระองค์ เป็นอิสระจากมัคลูคของพระองค์ โดยแยกจากพวกเขา -อัลอะรัช ของอิบนุอบีชัยบะฮ หน้า 291-292
.............
หะดิษข้างต้นยืนยัน การอยูเหนืออะรัชของอัลลอฮด้วยซาต จึงเป็นหนามยอกอกอาชาอิเราะฮสายอะฮกาลาม แนวคิดมุอตะซิละฮที่ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ พวกนี้จึงพยายามทำลายความเชื่อถือของอิบนุอบีชัยบะฮ
นายตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม หรือนายฮัมดี สุหลง ไปกอ็ปปี้มาจากคนที่ไร้อามานะฮทางวิชาการและปกปิดหมกเม็ดส่วนที่มีผู้ให้การรับรอง อิบนุอบีชัยบะฮ ไว้ใต้สมองอันสกปรกของตน แล้วเอาส่วนที่มีผู้วิจารณ์ในทางลบ มาดิสเครดิต อิบนุอบีย์ชัยบะฮ เพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ คนที่ชั่วร้ายทำลายคนแบบนี้ควรได้รับการประณาม
ส่วนที่อัลหาฟิซอิบนุหะญัร ระบุนักวิชาการที่ยอมรับ อิบนุอบีชัยบะฮ ถูกคนสารเลว และไร้อามานะทางวิชาการ ตัดออกไป ทำไมไม่เสนอทั้งสองด้าน มาดูอัลหาฟิซ ระบุปราชญ์ที่ให้ความเชื่อถืออิบนุอบีชัยบะฮ ไว้ แต่ สุนัขรับใช้แนวคิดญะฮมียะฮตัดออกคือ
وكان عالما بصيرا بالحديث والرجال له تواليف مفيدة وثقه صالح جزرة وقال بن عدي لم أر له حديثا منكرا وهو على ما وصف لي عبدان لا بأس به
และ เขาเป็นผู้ทรงความรู้ มีความลึกซึ้งเกี่ยวกับหะดิษและบรรดาผู้รายงานหะดิษ เขามีบรรดางานเขียน ที่มีประโยชน์ และ ศอลิห ญะซะเราะฮ ได้ให้ความเชื่อถือเขา ,อิบนุอาดีย์ กล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่เห็นหะดิษใดๆของเขาที่เป็นหะดิษมุงกัร และ อยู่บนสิ่งที่อับดานได้อธิบายคุณลักษณะแก่ข้าพเจ้า ว่า " ไม่เป็นไร "
- ดู -ลิสานุลมีซาน เล่ม 7 หน้า 341 หมายเลข 7158 (ดูสำเนาที่แนบ ส่วนสีเหลือ ถูกนายฮัมดี สุหลงตัดออก แล้วเอาส่วนสีฟ้า เพื่อดิสเครดิตอิบนุอบีชัยบะฮ)
สำหรับอิบนุอบีย์ชัยบะฮนั้น นักวิชาการบางท่านวิจารณ์ในเชิงลบแต่ก็มีนักวิชาการส่วนหนึงได้ยืนยันถึงความเชื่อถือ แต่พวกแนวแนวคิดญะฮมียะฮ หมกเม็ดปิดบังเอาไว้ เช่น
وَقَالَ صَالِحٌ جَزَرَةُ : ثِقَةٌ .
และศอลิห ญะซะเราะฮกล่าวว่า เชื่อถือได้
. وقال ابن عدي لم أرَ له حديثا منكرا فأذكره
อิบนุอาดีย์ กล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่เห็นว่า เขามีหะดิษใดๆที่เป็นหะดิษมุงกัร ข้าพเจ้าจึงระบุมัน 
وَعَنْ عَبْدَانَ قَالَ : لَا بَأْسَ بِهِ .
และจาก อับดาน เขากล่าวว่า ไม่เป็นไร ด้วยเขา (คือเชื่อถือได้)- ดู สิยัรเอียะลามอัลนุบะลาอฺ ของอิหม่ามอัซซะฮะบีย์ 14/21
................
มาดูที่นายฮัมดี สุหลง เอา และบอกชื่อหนังสือก็ผิด
ท่านอัลฮาฟิซฺ อัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวว่า
وأما عبدالله بن أحمد بن حنبل فقال: كذاب وقال ابن خراش: كان يضع الحديث...وقال البرقانى: لم أزل أسمعهم يذكرون أنه مقدوح فيه.
“สำหรับอับดุลลอฮ์ บุตร อิหม่ามอะห์มัด บิน หัมบัล ได้กล่าวว่า เขานั้นจอมโกหก และท่านอิบนุ ค็อรร็อช กล่าวว่า เขานั้นกุหะดีษ...และท่านอัลบัรกอนีย์กล่าวว่า ฉันยังคงได้ยินพวกเขา(นักปราชญ์หะดีษ)กล่าวว่า เขานั้นถูกตำหนิ”ลิซาน อัลมีซาน 3/642-643
........................
และมาดูส่วนที่นายฮัมดี สุหลง จอมเจ้าเล่ห ไร้อามานะตัดออก แถมบอกชือหนังสือข้างต้นก็ผิด เพราะไปตักลิดลอกมาจากเว็บสะติวเด้น ความจริงชื่อหนังสือคือ มีซาลอัลเอียะติดาล"
ดูที่นักวิชาการให้ความเชื่อถือ แต่คนที่นายฮัมดีย์ตักลิดลอกมาตัดออก คือ
وثقه صالح جزرة. وقال ابن عدي: لم أر له حديثا منكرا، وهو على ما وصف لي عبدان لا بأس به.

และศอลิห ญะซะเราะฮกล่าวว่า เชื่อถือได้ และ อิบนุอาดีย์ กล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่เห็นว่า เขามีหะดิษใดๆที่เป็นหะดิษมุงกัร ข้าพเจ้าจึงระบุมัน โดยที่เขา ตามสิ่งที่อับดานได้ ได้อธิบายคุณลักษณะแก่ข้าพเจ้า ว่า " เขานั้นไม่เป็นไร(เชื่อถือได้ - มีซาลเอียะติดาล เล่ม 3 หน้า 642 และ สิยัรเอียะลามอัลนุบะลาอฺ ของอิหม่ามอัซซะฮะบีย์ เล่ม14 หน้า 21 
...
เอาส่วนที่มีการวิจารณ์ในทางลบ และหมกเม็ดปิดบังส่วนที่มีการวิจารณ์ในทางบวก อย่างไร้อามานะฮ ส่วยนายฮัมดี สุหลงไปปิดตาลอกมา แล้วโจมตีใส่ร้ายผมว่าบิดเบือน 
พวกแนวคิดญะฮมียะฮกลุ่มนี้นอกจากจะบิดเบือนตัดตอนไร้อามานะฮทางวิชาการแล้ว ยังทำลายคนที่เห็นต่างกับพวกตนอย่างอธรรมไร้ความยำเกรงต่ออัลลอฮ
والله اعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดัม 


 28/10/60








เอกสารประกอบ





 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ








 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ





 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ