จับเท็จนายฮัมดี สุหลง ภาค 5
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม
เมื่อวานนี้ เวลา 11:49 น.
ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ อิบนุฮะญัร ได้กล่าวในขณะอธิบายฮะดิษเกี่ยวกับการลงมา النزول ว่า
وَقَدْ اخْتُلِفَ فِيْ مَعْنَى النُّزُوْلِ عَلَى أَقْوَالٍ: فَمِنْهُمْ مَنْ حَمَلَهُ عَلَى ظَاهِرِهِ وَحَقِيْقَتِهِ وَهُمُ المُشَبِّهَةُ تَعَالَى اللهُ عَنْ قَوْلِهِمْ
"แท้จริงได้ถูกขัดแย้งกันในความหมายของการ เสด็จลงมา บนหลายทัศนะคำกล่าวด้วยกัน ส่วนหนึ่งจากพวกเขาคือ เขาได้ทำการให้ความหมายการลงมานั้นบน(ความหมาย)ถ้อยคำผิวเผิน(หรือถ้อยคำลักษณะภายนอก) และตามความหมายฮะกีกัต(คำแท้ของมันที่มีการเคลื่อนย้ายจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง) ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นคือพวกมุชับบะฮ์ (พวกที่ให้ความหมายในซีฟัตของอัลเลาะฮ์โดยไปคล้ายคลึงกับความหมายของมัคโลค) ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากคำกล่าวของพวกเขา" หนังสือฟัตฮุบารีย์ : 3/36
ดังนั้น ความเข้าใจความหมายเกี่ยวกับถ้อยคำซีฟัตของอัลเลาะฮ์ของพวกมุชับบิฮะฮ์ก็คือ การเข้าใจความหมายแบบผิวเผินและเขาใจความหมายแบบคำแท้คำตรง เช่น คำว่า "มือ" ความหมายคำตรงก็คือ "ส่วนอวัยวะที่มีฝ่ามือและนิ้ว" ......
...................
ชี้แจง
ข้างต้น เปลี่ยนมือกันโพสต์ ครั้งที่แล้วผู้โพสต์คือ อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ และนาย ฮัมดี สุหลง ไปกอ็ปมาโพสต์ต่อ โดยหมกเม็ดว่าเป็นผลงานตนเอง
ขอเรียนว่า ข้างต้นเป็นแนวคิดอะฮลุลกาลาม ยุคหลัง ไม่ใช่ทัศนะสะลัฟ ซึ่งอาชาอิเราะฮที่ตัดข้อความอิบนุหะญัรมาอ้าง น่าจะเป็นการแปลเจตนาของคำพูดอิบนุหะญัรผิด ดังที่จะชี้แจงต่อไปนี้
คำว่า
وَقَدْ اخْتُلِفَ فِيْ مَعْنَى النُّزُوْلِ عَلَى أَقْوَالٍ: فَمِنْهُمْ مَنْ حَمَلَهُ عَلَى ظَاهِرِهِ وَحَقِيْقَتِهِ وَهُمُ المُشَبِّهَةُ تَعَالَى اللهُ عَنْ قَوْلِهِمْ
"แท้จริงได้ถูกขัดแย้งกันในความหมายของการ เสด็จลงมา บนหลายทัศนะคำกล่าวด้วยกัน ส่วนหนึ่งจากพวกเขาคือ เขาได้ทำการให้ความหมายการลงมานั้นบน(ความหมาย)ถ้อยคำผิวเผิน(หรือถ้อยคำลักษณะภายนอก) และตามความหมายฮะกีกัต(คำแท้ของมันที่มีการเคลื่อนย้ายจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง) ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นคือพวกมุชับบะฮ์ (พวกที่ให้ความหมายในซีฟัตของอัลเลาะฮ์โดยไปคล้ายคลึงกับความหมายของมัคโลค) ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากคำกล่าวของพวกเขา" หนังสือฟัตฮุบารีย์ : 3/36
........
ข้อความที่นาย ฮัมดี สุหลง ข้างต้นเป็นการแปลบิดเบือนยัดใส้ ด้วยการเพิ่มเติมในวงเล็บตามความเห็น) ผู้อ่านสังเกตุดูก็รู้ว่า ยัดใส้เพิ่มเติมสอดใส่ความเห็นเข้าไป นี่คือความเจ้าเล่ห์ของอาชาอิเราะฮกลุ่มนี้
ความหมายจริงของประโยคข้างต้นที่ถูกต้งไม่ยัดใส้คือ
وَقَدْ اخْتُلِفَ فِيْ مَعْنَى النُّزُوْلِ عَلَى أَقْوَالٍ: فَمِنْهُمْ مَنْ حَمَلَهُ عَلَى ظَاهِرِهِ وَحَقِيْقَتِهِ وَهُمُ المُشَبِّهَةُ تَعَالَى اللهُ عَنْ قَوْلِهِمْ
และแท้จริง ได้ถูกเห็นขัดแย้งกัน ในความหมายของ อัลนุซูล บน หลายทัศนะ แล้วส่วนหนึ่ง จากพวกเขา คือ ผู้ที่ถือมัน ตามความหมายที่ปรากฏตามตัวบท และความหมายจริงของมัน และพวกเขาคือ มุชับบิฮะฮ ,อัลลอฮทรงบริสุทธิ์จากคำพูดของพวกเขา
.......
วิจารณ์
การอ้างว่า การอิษบาต(ยืนยัน)สิฟาตตามความหมายจริงในทางภาษาที่มีมาตามตัวบท คือ พวกมุชับบิฮะฮ (พวกเปรียบอัลลอฮกับมัคลูค)นั้น เป็นการอ้างที่ไม่ถูกต้อง
ดังที่ชัยค์ อับดุลลอฮ บิน มุหัมหมัด อัลฆุนัยมาน (Shaikh Abdullah bin Muhammad bin Ghunayman) กล่าวว่า
فقوله : إن الذين حملوه على ظاهره وحقيقته هم المشبهة.
يقال له: بل الذين حملوه على ظاهره وحقيقته هم الصحابة عموماً وأتباعهم إلى يوم الدين، ولا تستطيع أن تأتي بكلمة واحدة عن الرسول، أو عن أصحابه، تؤيد قول أهل التحريف الذين يسمون أنفسهم أهل السُّنَّة.
คำพูดของเขาที่ว่า แท้จริง ผู้ที่ถือมัน ตามความหมายที่ปรากฏตามตัวบท และความหมายจริงของมัน และพวกเขาคือ มุชับบิฮะฮ
(ชัยค์โต้แย้งว่า) จะถูกกล่าวแก่เขาว่า " แต่ในทางกลับกัน คือ บรรดาผู้ที่ถือมันตามความหมายที่ปรากฏของมัน และความหมายจริงๆของมันคือ เหล่าเศาะหาบะฮ โดยรวม และบรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามพวกเขา จนกระทั่งวันกิยามะฮ และท่านไม่สามารถที่จะนำเอาคำหนึ่งคำใด จาก รอซูล หรือจากเศาะหาบะฮ ที่จะมาสนับสนุน ทัศนะของนักบิดเบือน ที่เรียกตัวของพวกเขาเองว่า "อะฮลุสสุนนะฮ" - ดู ชัรหกิตาบิตเตาฮีด มิน เศาะเฮียะบุคอรี เล่ม 1 หน้า 356
.........

คือ ชัยค์อับดุลลอฮ โต้แย้งว่า ผู้ที่ถือตามความหมายจริงๆตามที่ปรากฏตามตัวบทนั้นคือ เหล่าเศาะหาบะฮ และผู้ที่เจริญรอยตามพวกเขา จนถึงวันกิยามะฮ และชัยค์บอกว่า พวกบิดเบือนที่อ้างว่าเป็นชาวสุนนะฮ ไม่สามารถหาหลักฐานแม้แต่คำเดียว ที่จะมาสนับสนุน ทัศนะของพวกเขาที่อ้างว่า การยืนยันสิฟัตตามความหมายที่ปรากฏตามตัวบทคือ พวกมุชับบิฮะฮ
อนึง เป็นไปได้ว่า อัลหาฟิซอิบนุหะญัร ท่านหมายถึง ผู้ที่ยึดตามตัวบทและ นึกมโนภาพว่าเหมือนมัคลูค ซึ่งถูกต้องตามที่ท่านอิบนุหะญัรพูดไว้ แต่..อาชาอิเราะฮกาลามียะฮ ไม่เข้าใจคำพูดของท่าน มาดูคำพูดของท่านที่ว่า
وَمِنْهُمْ مَنْ أَجْرَاهُ عَلَى مَا وَرَدَ مُؤْمِنًا بِهِ عَلَى طَرِيق الْإِجْمَال مُنَزِّهًا اللَّه تَعَالَى عَنْ الْكَيْفِيَّة وَالتَّشْبِيه وَهُمْ جُمْهُور السَّلَف
และส่วนหนึ่งจากพวกเขา คือผู้ที่ปล่อยมัน ให้เป็นไปตามสิ่งที่มีมารายงานมา โดยการศรัทธาด้วยมัน บน แนวทางสรุป โดยการให้อัลลอฮ ตาอาลาบริสุทธิ์ จาก(การอธิบาย)รูปแบบวิธีการและการเปรียบเทียบ และพวกเขาคือ สะลัฟส่วนใหญ่ - ดูฟัตหุลบารีย์ 3/30
............
ทัศนะสะลัฟ คือ การยืนยันสิฟาตตามที่มีมา โดยไม่อธิบายรูปแบบวิธีการ ไม่เปรียบเทียบ เพราะฉะนั้นที่ท่านอิบนุหะญัรกล่าว หมายถึง ผู้ที่เปรียบเทียบกับมัคลูค และการยืนยัน ความหมายตามตัวบท ที่อัลลอฮและนบีกล่าวไม่ถือว่าเป็นการตัชบีฮ ซึ่งอิสหาก บิน รอฮะวียะฮ(ฮ.ศ 238)ปราชญสะลัฟ ได้ยกตัวอย่างคำว่า "ตัชบีฮ"ว่า
إنما يكون التشبيه إذا قال يد كيد أو مثل يد أو سمع كسمع أو مثل سمع فإذا قال سمع كسمع أو مثل سمع فهذا التشبيه وأما إذا قال كما قال الله تعالى يد وسمع وبصر ولا يقول كيف ولا يقول مثل سمع ولا كسمع فهذا لا يكون تشبيها وهو كما قال الله تعالى في كتابه ليس كمثله شيء وهو السميع البصير
ท่านอิสหาก อิบนุอิบรอฮีม บินรอฮาวัยฮฺ ได้กล่าวอธิบายว่า การตัชบีฮฺ(เปรียบกับมัคลูก)นั้นคือการที่เรากล่าวว่า พระหัตถ์ของอัลลอฮฺก็เหมือนกับมือของฉันหรือใกล้เคียงกับมือของฉัน หรือการที่เขากล่าวว่า พระองค์อัลลอฮฺได้ยินเหมือนกับที่ฉันได้ยินหรือคล้ายกับที่ฉันได้ยิน แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าตัชบีฮฺ แต่หากเป็นการกล่าวในสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงตรัสไว้แล้ว เช่น พระหัตถ์, ทรงสดับฟัง, ทรงทอดพระเนตร พร้อมกับไม่ถามว่ามันเป็นอย่างไรแบบไหน ตลอดจนไม่กล่าวว่าอัลลอฮฺได้ยินเหมือนกับฉันได้ยิน ดังนั้นแบบนี้ไม่เป็นการตัชบีฮฺต่ออัลลอฮฺตะอาลา พระองค์กล่าวไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ว่า ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนหรือคล้ายคลึงกับพระองค์แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยินและทรงเห็น”
(หนังสือ สุนันอัตติรมิซีย์ เล่ม 3 หน้าที่ 50-51
...........
การอิษบาตรคำว่า “มือ(ยัด) ตามที่อัลลอฮบอก ไม่ใช่การเปรียบเทียบ (ตัชบีฮ) เมื่อไม่ใช่การตัชบีฮ แล้วจะเป็นมุญัสสิมได้อย่างไร
และทัศนะสะลัฟที่มายืนยันคำพูดชัยค์อับดุลลอฮ อัลฆุนัยมาน มีมากมาย ตัวอย่างเช่น
อิหม่ามอิบนุคุซัยมะฮ กล่าวว่า
نشهد شهادة مقر بلسانه مصدق بقلبه مستيقن بما في هذه الأخبار من ذكر نزول الرب من غير أن نصف الكيفية ، لأن نبينا المصطفى لم يصف لنا كيفية نزول خالقنا إلى سماء الدنيا وأعلمنا أنه ينزل والله جل وعلا لم يترك ولا نبيه عليه السلام بيان ما بالمسلمين الحاجة إليه من أمر دينهم فنحن قائلون مصدقون بما في هذه الاخبار من ذكر النزول غير متلكفين القول بصفته أو ((بصفة الكيفية)) إذ النبي لم يصف لنا كيفية النزول
เราขอปฏิญาน เป็นการปฏิญานของผู้ที่ยอมรับด้วย วาจาของเขา,เชื่อด้วยหัวใจของเขาและเชื่อมั่นด้วยสิ่งที่อยู่ในบรรดาหะดิษเหล่านี้ จากการระบุการเสด็จลงมาของพระผู้อภิบาล โดยเราไม่พรรณารูปแบบวิธีการว่าเป็นอย่างไร เพราะ นบีของเรา,อัลมุสเฏาะฟา(ผู้ทรงได้รับการคัดเลือก) ไม่ได้พรรณารูปแบบให้แก่เรา ว่าพระผู้ทรงสร้างเรา ทรงเสด็จลงมายังฟากฟ้าดุนยาอย่างไร และ ท่านได้บอกให้เรารู้ว่าทรงเสด็จลงมา และอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง และนบีของพระองค์ อะลัยฮิสสลาม จะไม่ละทิ้งการอธิบายสิ่งที่บรรดามุสลิมมีความจำเป็นต่อมัน จากกิจการศาสนาของพวกเขา (อย่างแน่นอน) ดังนั้น เราคือ ผู้กล่าว อีกทั้งเชื่อ ในสิ่งที่อยู่ในบรรดาหะดิษ ที่ระบุเกี่ยวกับการเสด็จลงมา(ของอัลลอฮ) โดยไม่กล่าวว่าลักษณะของมันเป็นอย่างไร หรือ(รูปแบบของมันว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร) เพราะท่านนบีไม่ได้ พรรณาลักณะรูปแบบวิธีการเสด็จลงมาให้เรารู้ - อัตเตาฮิด ของ อิบนุคุซัยมะฮ เล่ม 1 หน้า 289-290
قال ابن عبد البر رحمه الله
" أهل السنة مجمعون على الإقرار بالصفات الواردة في الكتاب والسنة وحملها على الحقيقة لا على المجاز ، إلا أنهم لم يكيفوا شيئا من ذلك " .
"العلو للعلي الغفار" (ص 250)
อิบนุอับดุลบัร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า “ ชาวสุนนะฮ พวกเขาทั้งหลายมีมติร่วมกันบนการรับรองบรรดาคุณลักษณะ(สิฟาต) ที่มีมาในอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ และถือมันตามความหมายจริง ไม่ใช่การอุปมา นอกจากว่า พวกเขาไม่อธิบายรูปแบบวิธีการสิ่งใดๆจากมันเท่านั้น – ดู อัลอะลู ลิลอะลียุลฆอฟฟาร หน้า 250
...............
เพราะฉะนั้น การรับรองสิฟาต ตามความหมายในทางภาษาที่ปรากฏตามตัวบท โดยไม่อธิบายรูปแบบวิธีการและไม่เปรียบกับมัคลูค นั้น ไม่ใช่มุชับบิฮะฮ ตามความเห็นของกลุ่มแนวคิดอะฮลุลกาลาม
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/10/60
เอกสารประกอบ