
เมื่อกฏว่าด้วยเรื่องอาดะฮถูกนำไปใช้เรื่องอิบาดะฮ (จึงเกิดวาทกรรมนบีไม่ทำก็ทำได้)
ปู่ หิน
14 ชม.
เมื่อยังมีฟิตนะห์ไม่เลิกในเรื่องเมาลิด
ด้วยตรรกะที่ว่า
ท่านนี(ซล)ทำหรือไม่
ซอฮาบะห์ทำหรือไม่
อีหม่ามทั้งสี่ทำหรือไม่
ชาวสลัฟทำหรือไม่
>>>>>>ผมขอตอบแบบคนไม่รู้ครับว่าไม่รู้จริงๆครับ
>>>>>>และผมก็ไม่เคยพบเห็นหลักฐานการห้ามกระทำผมจึงกระทำตามหะดิษที่มีใจความว่า
"สิ่งงที่ฮาลาลมีกล่าวไว้ในกีตาบ(กรุอ่าน)สิ่งที่ฮารอมมีกล่าวไว้ในกีตาบ(กรุอ่าน)สิ่งใดที่นิ่งคือไม่กล่าวไว้นั้นเป็นที่อนุญาติ
พวกท่านจงรับการอนุญาติจากอัลลอฮ์เถิด"(เป็นใจความนะไม่ใช่คำแปล)
คำถาม:::
คนี่ห้ามทำมีหลักฐานส่าห้ามไหมครับถ้ามีจงนำมาผมจะหยุดทำทันที
:::และถ้าไม่มีพวกท่านประดิฐฮุก่มมาใหม่กันทำใมครับ
14 ชม.
เมื่อยังมีฟิตนะห์ไม่เลิกในเรื่องเมาลิด
ด้วยตรรกะที่ว่า
ท่านนี(ซล)ทำหรือไม่
ซอฮาบะห์ทำหรือไม่
อีหม่ามทั้งสี่ทำหรือไม่
ชาวสลัฟทำหรือไม่
>>>>>>ผมขอตอบแบบคนไม่รู้ครับว่าไม่รู้จริงๆครับ
>>>>>>และผมก็ไม่เคยพบเห็นหลักฐานการห้ามกระทำผมจึงกระทำตามหะดิษที่มีใจความว่า
"สิ่งงที่ฮาลาลมีกล่าวไว้ในกีตาบ(กรุอ่าน)สิ่งที่ฮารอมมีกล่าวไว้ในกีตาบ(กรุอ่าน)สิ่งใดที่นิ่งคือไม่กล่าวไว้นั้นเป็นที่อนุญาติ
พวกท่านจงรับการอนุญาติจากอัลลอฮ์เถิด"(เป็นใจความนะไม่ใช่คำแปล)
คำถาม:::
คนี่ห้ามทำมีหลักฐานส่าห้ามไหมครับถ้ามีจงนำมาผมจะหยุดทำทันที
:::และถ้าไม่มีพวกท่านประดิฐฮุก่มมาใหม่กันทำใมครับ
@@@@
ข้างต้น เป็นหะดิษเกี่ยวกับกฏเกณฑ์ในเรื่องอาดะฮ หรือเรื่อง หะรอม หะล้าล ที่เกี่ยวเรื่องอาหารเครื่องใช้ ซึ่งตัวบทมีอยู่ว่า
وما أحل الله فى كتابه فهو حلال وما حرم فهو حرام ، وما سكت عته فهو عفو ، فأقبلوا من الله عافيته ، فإن الله لم يكن لينسى شيئا ، ثم تلا ( وما كان ربك نسيا
"สิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงอนุมัตในคำภีร์ของพระองค์นั้น คือสิ่งที่หะลาล และสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามนั้น คือสิ่งที่หะรอม และสิ่งที่พระองค์ทรงนิ่งจากมัน ย่อมเป็นการอนุโลมให้ ดังนั้น พวกท่านตอบรับการผ่อนปรนของพระองค์เถิด เพราะแท้จริงแล้ว อัลเลาะฮ์ไม่ทรงเคยลืมเลย จากนั้นท่านร่อซูลได้อ่านอายะฮ์ที่ว่า "และพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น ไม่ทรงลืม" (1)
หะดิษข้างต้น เกี่ยมกับประเด็นทางสังคมในเรื่องหะรอม หะลาล ไม่ได้เกี่ยวกับ เรื่องอิบาดะฮแต่อย่างใด
หลักการศาสนาเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกิจการทางโลก
หะดิษข้างต้น เกี่ยมกับประเด็นทางสังคมในเรื่องหะรอม หะลาล ไม่ได้เกี่ยวกับ เรื่องอิบาดะฮแต่อย่างใด
หลักการศาสนาเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกิจการทางโลก
الْأَصْلُ فِي الْأَشْيَاءِ الْإِبَاحَةُ حَتَّى يَدُلُّ الدَّلِيلُ عَلَى التَّحْرِيمِ
หลักเดิมในบรรดาสิ่งต่างๆนั้น คือการอนุญาต จนกว่า จะมีหลักฐานแสดงบอกว่า เป็นการห้าม- อัลอัชบาฮวัลนะซออิร หน้า 60
...............
หมายถึง บรรดากิจการต่างๆในทางโลก หรือ เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นเรื่องปกติวิสัยของมนุษย์ ในทางโลก(อาดัต) หรือด้านปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ทางสังคม (มุอามะลาต) เรื่อง อาหาร การกิน หากไม่มีตัวบทจากศาสนบัญญัติมาแสดงบอกว่า ห้าม ก็ถือว่า สิ่งนั้น เป็นสิ่งอานุญาต
...............

หมายถึง บรรดากิจการต่างๆในทางโลก หรือ เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นเรื่องปกติวิสัยของมนุษย์ ในทางโลก(อาดัต) หรือด้านปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ทางสังคม (มุอามะลาต) เรื่อง อาหาร การกิน หากไม่มีตัวบทจากศาสนบัญญัติมาแสดงบอกว่า ห้าม ก็ถือว่า สิ่งนั้น เป็นสิ่งอานุญาต
ถ้ายึดหลักการในเรื่องศาสนาแล้วคิดเองอย่างท่านปู่หิน หรือปู่อุดม แล้วคำสอนศาสนาจริงจะเหลืออะไร เพราะคิดอะไรว่าดีแล้วอ้างว่าเป็นอิบาดะฮ ถึงนบีไม่ทำก็ทำได้ ตกลงศาสนาสอนให้บัญญัติคำสอนศาสนาเองอย่างนั้นหรือ แต่ที่น่าเสียใจคือ พอเราเสนอหลักฐานทางวิชาการ อีกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ย้อนศรด่าทอกลับมา แบบนี้จึงทำให้สังคมมุสลิมจมปลักอยู่ในบ่อโคลนแห่งบิดอะฮจนไม่มีวันจบสิ้น
والله اعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
14/10/60
อะสัน หมัดอะดั้ม
14/10/60
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น