เมื่ออาชาอิเราะฮกาลามียะฮ สอนอะกีดะฮให้คนศรัทธาในสิ่งที่ไม่รู้ความหมาย
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม
จับเท็จการโกหกของลุงอาสัน ที่อ้างตัวเองตามสลัฟ. จริงๆ. ข้อความที่ผมถูกแคบนั้น กระผมได้กล่าวเช่นนั้นจริงๆ. คือ ถ้าให้ความหมายซีฟัตอายัตมุตาซาบีฮาตด้วยความหมายที่ปรากฏหรือตามตัวนั้น เช่นให้ความหมายยาดุนว่ามือ วัจฮูนว่าใบหน้า แน่นอนมันคือการให้ความหมายว่าอัลลอฮมีอวัยวะ #ขอเรียนพี่น้องอย่างนี้นะครับ การแปลภาษากับแปลความหมายมันต่างกันนะครับ การแปลภาษาอาหรับไปยังภาษาไทย เช่นยาดุนแปลว่ามือตามภาษาไทย แบบนี้คือการแปลตามภาษา ซึ่งจริงๆตรงนี้อุลามะเขามีคีลาฟครับ บางทรรศนะบอกว่าได้ บางทรรศนะบอกว่าไม่ได้ ดั่งเช่นตามทรรศนะนี้. ท่านอัลบัยฮะกีย์ ปราชญ์หะดีษนามอุโฆษ(ช่วงปีฮ.ศ.384-558)ได้กล่าว(ถึงอะกีดะฮ์ของชาวสะลัฟ)รายงานถึงท่าน ซุฟยาน บิน อุยัยนะฮ์ ว่า
مَا وَصَفَ اللهُ تَبَارَكَ وَتَعَالَى بِنَفْسِهِ فِىْ كِتَابِهِ فَقِرَاءَتُهُ تَفْسِيْرُهُ ، لَيْسَ لِأَحَدٍ أَنْ يُفَسِّرَهُ بِالْعَرَبِيَّةِ وَلاَ بِالْفَارِسِيَّةِ
“ สิ่งที่อัลลอฮฺทรงพรรณนาด้วยกับพระองค์เองในคัมภีร์ของพระองค์นั้น การอ่าน(ผ่าน)มันก็คือการอธิบายมันแล้ว โดยที่ไม่อนุญาตให้คนใดคนหนึ่งทำการอธิบายมันด้วยภาษาอาหรับหรือภาษาเปอร์เซีย ”
อัลบัยฮะกีย์, อัลอัสมาอฺ วัศศิฟาต หน้า 298.
ท่านอิบนุสุร็อยจฺ(ช่วงปีฮ.ศ.249-306)ปราชญ์สะลัฟอะฮฺลิซซุนนะฮ์ มัซฮับชาฟิอีย์ ได้กล่าวเกี่ยวกับอายะฮ์ที่กล่าวถึงศิฟาตมุตะชาบิฮาตที่มีความหมายหลาย นัยหรือมีความหมายที่อาจจะนำไปสู่การคล้ายคลึงกับมัคโลค ว่า
وَلاَ نُتَرْجِمُ عَنْ صِفَاتِهِ بِلُغَةِ غَيْرِ الْعَرَبِيَّةِ
“ และ พวกเรา (คือพวกเหล่าปราชญ์สะลัฟศอลิหฺ) นั้น จะไม่ทำการแปลบรรดาศิฟาตคุณลักษณะของอัลลอฮฺให้เป็นภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอาหรับ ”
@@@@
ชี้แจง
ข้างต้นคือความหายนะที่เกิดจากตรรกทางปัญญา ห้ามแปลความหมายคุณลักษณะของอัลลอฮ เป็นภาษาอื่นๆจากภาษาอาหรับ เพราะฉะนั้นชาติอื่น เรียนอะกีดะฮแบบนกแก้นกขุนทอง ท่องแต่ถ้อยคำ แต่ห้ามรู้ความหมาย ให้ศรัทธาสิ่งที่ไม่รู้ความหมาย - นะอูซุบิลละฮ
ข้อห้ามแปลคุณลักษณะของอัลลอฮ เป็นภาษาอื่นจากอาหรับ มาจากความคิดเห็นโดยปราศจากหลักฐานทางศาสนาบัญญัติ
ขอชี้แจงว่า
คำพูดของอิบนุอุยัยนะฮไม่ใช่ห้ามแปลความหมายทางภาษา เกี่ยวกับสิฟาตอัลลอฮ แต่หมายถึงการอธิบายรูปแบบสิฟาต ว่าเป็นอย่างไร มาดูหลักฐานต่อไปนี้
ซูฟยาน บิน อุยัยนะฮ(ฮ.ศ 198) กล่าวว่า
كُلُّ شَيْءٍ وَصَفَ اللَّهُ بِهِ نَفْسَهُ فِي الْقُرْآنِ ، فَقِرَاءَتُهُ تَفْسِيرُهُ ، لا كَيْفَ وَلا مِثْلَ
ทุกสิ่งที่อัลอฮ พรรณนาคุณลักษณะแก่ตัวของพระองค์ด้วยมัน การอ่านมัน คือ การอธิบายมัน ไม่มีการถามว่าเป็นอย่างไร และไม่มีการยกตัวอย่างเปรียบเทียบ
كتاب الصفات للدارقطني (ص70)؛ شرح أصول اعتقاد أهل السنة والجماعة للالكائي (ج3 ص431)
อัลอัศบะฮานีย์ (ฮ.ศ 538) อธิบายคำพูดอิบนุอุยัยนะฮว่า
فقراءته تفسيره" أي هو على ظاهره لا يجوز صرفه إلى المجاز بنوع من التأويل
การอ่านของมัน คือการตัฟสีรมัน หมายถึง มันอยู่บนความหมายที่ปรากฏของมัน ไม่อนุญาตให้ผันมันไปสู่ความหมายเชิงอุปมา (มะญาซ) ด้วยชนิดใดๆ จากการตีความ
العلو للعلي الغفار للذهبي (ص263)؛ وكتاب العرش له (ج2 ص359-360
มาดูอิหม่ามอัซซะฮะบีย์อาธิบายดังนี้
وكما قال سفيان وغيره "قراءتها تفسيرها"، يعني أنها بينة واضحة في اللغة، لا يبتغى بها مضائق التأويل والتحريف. وهذا هو مذهب السلف مع إتفاقهم أيضا أنها لا تُشْبِه صفات البشر بوجه إذ الباري لا مثل له لا في ذاته ولا في صفاته
และดังที่ ซูฟยานและอื่นจากเขา กล่าวว่า “การอ่านมัน คือ การตัฟสีรมัน หมายถึง แท้จริงมันมีความหมายชัดเจน และแจ่มแจ้งในทางภาษา และไม่สมควร ทำให้ยุ่งยากด้วยการตีความและเปลี่ยนแปลงความหมาย และนี้คือ แนวทางของสะลัฟ พร้อมทั้งการเห็นฟ้องของพวกเขา อีกว่า ไม่คล้ายคลึงกับ บรรดาลักษณะของมนุษย์ จะด้วยทางใดๆ (ก็ตาม) เพราะ พระผู้ทรงสร้าง ไม่มีตัวอย่างเปรียบเทียบใดๆสำหรับพระองค์ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับซาตของพระองค์ และ ไม่ว่าเกี่ยวกับบรรดาคุณลักษณะของพระองค์ก็ตาม –ดู อัลอุลูว์ ลิลอะลียิลฆอฟฟาร หน้า 251
.........
ข้างต้น ให้อธิบายความหมายในทางภาษา และห้ามตีความ
ส่วนคำว่า
لَيْسَ لِأَحَدٍ أَنْ يُفَسِّرَهُ بِالْعَرَبِيَّةِ وَلاَ بِالْفَارِسِيَّةِ
โดยที่ไม่อนุญาตให้คนใดคนหนึ่งทำการอธิบายมันด้วยภาษาอาหรับหรือภาษาเปอร์เซีย ”
.....
ข้างต้นหมายถึง ห้ามอธิบายรูปแบบวิธีการ ไม่ใช่ห้ามแปลความหมายทางภาษา
อิหม่ามอัศศอบูนีย์(ร.ฮ)กล่าวว่า
أعاذ الله - تعالى - أهل السُّنة من التحريف والتشبيه والتكييف، ومَنَّ عليهم بالتعريف والتفهيم، حتى سلكوا سبيل التوحيد والتنزيه
อัลลอฮตาอาลา ได้คุ้มครองอะฮลุสสุนนะฮ ให้ปลอดภัยจากอัตตะหรีฟ(การบิดเบือนคำพูด) การตัชบีฮ(การเปรียบคุณลักษณะอัลลอฮกับมัคลูค)และการตักยิฟ (การอธิบายเกี่ยวกับรูปแบบวิธีการคุณลักษณะอัลลอฮ) และพระองค์ได้เมตตาอารีแก่พวกเขา ด้วยการให้ทำการรู้จักและทำความเข้าใจ จนกระทั่ง พวกเขาได้ดำเนินแนวทางแห่งเตาฮีดและ อัตตันซีฮ (การให้ความบริสุทธิ์แก่อัลลอฮ) - อะกีดะฮอัสสะลัฟวะอัศหาบิลหะดิษ หน้า 63
........
ข้างต้น ชัดเจนว่า แนวทางสะลัฟนั้น ห่างใกลจากการบิดเบือนหรือเปลี่ยนแปลงคำพูดออกจากที่ของมัน ,หากจากการเปรียบเทียบคุณลักษณะอัลลอฮกับมัคลูคและห่างจากการพรรณารูปแบบวิธีการคุณลักษณะของอัลลอฮ และแนวทางของพวกเขาคือ การทำความรู้จักและทำความเข้าใจ ซึ่งต่างกับอะฮลุตตัจญฮีล ที่ อ้างว่า ไม่มีใครู้จักความหมายอายาตและหะดิษสิฟาต
จึงถามว่า
จะเรียกว่า รู้จักอัลลอฮได้อย่างไร เมื่อไม่รู้ว่าความหมายคุณลักษณะอัลลอฮคืออะไร
......
ส่วนการอ้างคำพูด อิบนุสุรัยจฺ ว่าห้ามแปลสิฟาตด้วยภาษาอื่นจากอาหรับนั้น แสดงว่า สามารถแปลความหมายสิฟาตได้ ส่วนที่ห้ามแปลเป็นภาษาอื่นๆจากอาหรับนั้น ย่อมขัดกับเจตนารมณ์ของอัลกุรอ่าน ที่ประทานมาให้มนุษย์ทุกชาติทุกภาษาได้ทำความเข้าใจ และไม่มีบทบัญญัติห้ามในการแปลอัลกุรอ่านเป็นภาษาอื่นจากอาหรับ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับคุณลักษณะอัลลอฮหรือเรื่องอื่นๆ
ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ(ร.ฮ) กล่าวว่า
إذا أثبت الرجل معنًى حقّاً ، ونفى معنًى باطلاً واحتاج إلى التعبير عن ذلك بعبارة لأجل إفهام المخاطب لأنها من لغة المخاطب ، ونحو ذلك : لم يكن ذلك منهيّاً عنه ؛ لأن ذلك يكون من باب ترجمة أسمائه ، وآياته بلغة أخرى ليفهم أهل تلك اللغة معاني كلامه وأسمائه ، وهذا جائز ، بل مستحب أحياناً ، بل واجب أحياناً .
เมื่อ คนนั้นเขาได้ยืนยัน ความหมายจริง และปฏิเสธความหมายที่เป็นเท็จ และเขามีความจำเป็นที่จะต้อง อธิบายจากดังกล่าวนั้น ด้วยคำอธิบายใดๆ เพื่อให้ผู้ที่ถูกสนทนาด้วย เข้าใจ เพราะมันเป็น ส่วนหนึ่งจากภาษาของผู้ที่ถูกสนทนาด้วย และในทำนองนั้น ,ดังกล่าวนั้น(หมายถึงการถ่ายทอดภาษาที่คู่สนทนาเข้าใจนั้น) ไม่เป็นสิ่งที่ถูกห้ามจากมัน เพราะดังกล่าวนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากเรื่องการแปลบรรดาพระนามของพระองค์ และบรรดาอายาตต่างๆของพระองค์ ด้วยภาษาอื่น เพื่อให้เจ้าของภาษานั้นเข้าใจ บรรดาความหมายของคำพูดพระองค์และ บรรดาพระนามของพระองค์ และกรณีนี้ คือสิ่งที่อนุญาต ยิ่งไปกว่านั้น บางครั้งก็เป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้ทำ และบางครั้งก็เป็นวาญิบ ...บะยานตัลบิสอัลญะฮมียะฮ เล่ม 4 หน้า 389 .
.......
ไม่มีประเทศมุสลิมประเทศใด ที่ไม่ใช่อาหรับ ยึดความเห็นที่นายฮัมดี สุหลงเอามาอ้าง ว่าห้ามแปลอายาตหรือหะดิษที่เกี่ยวกับคุณลักษณะของอัลลอฮมาเป็นภาษาของชาติของตนเอง เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว มุสลิมที่ไม่ใช่อาหรับก็จะมีอะกีดะฮแบบนกแก้วนกขุนทอง คือ จำแต่ถ้อยคำ ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตนเองพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องอะกีดะฮ จะให้รู้จักอัลลอฮ โดยห้ามรู้ความหมายคุณลักษณะอัลลอฮ แบบนี้ เรียกว่า แนวคิดอันตราย ส่วนการให้ความบริสุทธิ์จากการเปรียบกับมัคลูคนั้น อัลลอฮตรัสไว้แล้วว่า ทรงไม่มีสิ่งใดเหมือน แล้วไปมโนจินตนาการในสิ่งที่สติปัญญาไปไม่ถึงได้อย่างไร
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
28/10/60

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น