วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ข้อโต้แย้งหลักฐานกินบุญคนตาย ของละแบ





ข้อโต้แย้งหลักฐานกินบุญคนตาย ของละแบ
อิจมาอีย์ บินกิยาซีย์
หลักฐานจากท่านอิมามอัสศะยูฏีย์ได้กล่าวว่า
وَلْنَخْتِمِ الكِتَابَ بِلَطَائِفَ :الأُوْلَى : أَنَّ سُنَّةَ الإِطْعَامِ سَبْعَةُ أَيَّامٍ بَلَغَنِيْ أَنَّهَا مُسْتَمِرَّةٌ إِلَى الآنَ بِمَكَّةَ وَالْمَدِيْنَةَ فَالظَّاهِرُ أَنَّهَا لَمْ تُتْرَكَ مِنْ عَهْدِ الصَّحَابَةِ إِلَي الآنَ وَأَنَّهُمْ أَخَذُوْهَا خَلَفًا عًنْ سَلَفٍ إِلَى صَدْرِ الأَوَّلِ ورَأَيْتُ فِى التَّوَارِخِ كَثِيْرًا فِىْ تَرَاجِمِ الأَئِمَّةِ يَقُوْلُوْنَ : وَأَقَامَ النَّاسُ عَلَى قَبْرِهِ سَبْعَةَ أَيَّامٍ يَقْرَؤُوْنَ القُرْاَنَ ، وَأَخْرَجَ الْحَافِظُ الْكَبِيْرُ أَبُوْ القَاسِمِ بْنُ عَسَاكِرَ فِىْ كَتَابِهِ الْمُسَمَّي تَبْيِيْنِ كَذْبِ الْمُفْتَرِيْ فِيْمَا نُسِبَ إِلَى الإِمَامِ أَبِى الْحَسَنِ الأَشْعَرِىِّ سَمِعْتُ الشَّيْخَ الْفَقِيْهَ أَبَا الْفَتْحِ نَصْرَ اللهِ بْنَ مُحَمَّدٍ بْنِ عَبْدِ الْقَوِىِّ اَلْمَصِيْصِيِّ يَقُوْلُ : تُوُفِّىَ الشَّيْخُ نَصْرُ بْنِ إِبْرَاهِيْمِ الْمُقَدِّسِىُّ فِىْ يَوْمِ الثُّلاَثَاءِ التَّاسِعِ مِنَ الْمُحَرَّمِ سَنَةَ تَسْعِيْنَ وَأَرْبَعِمِائَةٍ بِدِمَشْقَ وَأَقَمْنَا عَلَى قَبْرِهِ سَبْعَ لَيَالٍ نَقْرَأُ كُلَّ لَيْلَةٍ عِشْرِيْنَ خَتْمَةً
"เราาจงจบท้ายบท ด้วยเกล็ดความรู้ที่ละเอียดละออ คือ ประการที่หนึ่ง สุนัตให้อาหาร(เป็นทาน) ในช่วง 7 วัน ซึ่งได้ทราบถึงข้าพเจ้าว่า การที่สุนัตให้อาหารเป็นทานแก่มัยยิด ยังคงมีการปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่องจากถึงปัจจุบัน ณ ที่นครมักกะฮ์และนครมะดีนะฮ์ ดังนั้น ที่ชัดเจนแล้ว คือ การสุนัตให้อาหาร(เป็นทานแก่มัยยิด)นั้น ไม่เคยถูกทิ้งการกระทำมาเลยตั้งแต่สมัยของซอฮาบะฮ จวบจนถึงปัจจุบันและข้าพเจ้า(คืออิมามอัสศะยูฏีย์) ได้เห็น(ทราบ)จากบรรดาประวัติศาสตร์มากมายของบรรดานักปราชญ์ ซึ่งพวกเขากล่าวว่า "บรรดานักปราชญ์ได้ทำการอาศัยอยู่ที่กุบูรผู้เสียชีวติ 7 วัน เพื่อทำการอ่านอัลกุรอาน , ท่านอัลหะฟิซฺผู้อาวโส คือท่านอบู อัลกอซิม บิน อะซากิร ได้นำเสนอรายงานไว้ในหนังสือของท่านที่มีชื่อว่า "ตับยีน กัซบฺ อัลมุฟตะรีย์ ฟีมา นุซิบ่า อิลา อัลอิมาม อบี อัลหะซัน อัลอัชอะรีย์ ว่า ข้าพเจ้าได้ยินท่าน ชัยค์ ผู้เป็นนักปราชญ์ฟิกห์ คือ อบู อัลฟัตหฺ นัสรุลเลาะฮ์ บิน มุฮัมมัด บิน อัลดุลก่อวีย์ อัลมะซีซีย์ กล่าวว่า "ท่านชัยค์ นัสรฺ บิน อิบรอฮีม อัลมุก๊ออดิซีย์ ได้เสียชีวติในวันอังคารที่ 9 เดือน มุหัรรอม ปี ที่ 490 ณ นครดิมัชกฺ และเราได้ทำการอาศัยที่อยู่ที่กุบูรของเขา 7 คืน โดยเราทำการอ่านอัลกุรอานในทุก ๆ คืน ถึง 20 จบ" ดู หนังสือ อัลหาวีย์ ฟี อัลฟะตาวา เล่ม 2 หน้า 234
@@@@@
ชี้แจง
การรักษาผลประโยชน์ และปากท้องของคนบางครั้ง เหมือนกับคนจะจมน้ำ ขอนไม้ผุๆลอยมา ก็คว้ายึดเอาไว้เอาไว้ก่อน
อ้างตามมัซฮับชาฟีอี (ร.ฮ) แตพอเอาเข้าจริง อะไรก็ได้ถ้าเป็นข้อความภาษาอาหรับ ละแบกลุ่มนี้ก็เอามาเป็นหลักฐานทางศาสนาหมด
อิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ) กล่าวว่า
وَأُحِبُّ لِجِيرَانِ الْمَيِّتِ أو ذِي قَرَابَتِهِ أَنْ يَعْمَلُوا لِأَهْلِ الْمَيِّتِ في يَوْمِ يَمُوتُ وَلَيْلَتِهِ طَعَامًا يُشْبِعُهُمْ فإن ذلك سُنَّةٌ وَذِكْرٌ كَرِيمٌ وهو من فِعْلِ أَهْلِ الْخَيْرِ قَبْلَنَا وَبَعْدَنَا لِأَنَّهُ لَمَّا جاء نَعْيُ جَعْفَرٍ قال رسول اللَّهِ صلى اللَّهُ عليه وسلم اجْعَلُوا لِآلِ جَعْفَرٍ طَعَامًا فإنه قد جَاءَهُمْ أَمْرٌ يَشْغَلُهُمْ
และข้าพเจ้า ชอบที่จะให้เพื่อนบ้านผู้ตาย หรือญาติใกล้ชิดของเขา ให้พวกเขาทำอาหารให้แก่ครอบครัวผู้ตาย ในวันที่เขาตายและในคืนที่เขาตาย ให้พวกเขาได้อิ่มหนำ เพราะแท้จริง ดังกล่าวนั้นคือ สุนนะฮและการระลึกถึงที่มีเกียรติ และมันคือ การปฏิบัติของคนดี ก่อนและหลังพวกเรา เพราะ เมื่อ ข่าวการตายของยะอฟัร มาถึง ท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ กล่าวว่า "พวกท่านจงทำอาหารให้แก่ครอบครัวของญะอฟัร เพราะแท้จริง สิ่งที่ทำให้พวกเขาสาละวน ได้ประสบกับพวกเขา - อัลอุม เล่ม 2/137

 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

من البدع ما يفعله أهل الميت من جمع الناس على الطعام بمناسبة ما يسمونه بمرور الأربعين ونحوه. وإذا كانت نفقة هذه الأطعمة من مال الورثة وفيهم قاصرون – أي غير بالغين – كان هذا الفعل من أشد المحرمات؛ لأنه أكل لمال اليتيم وإضاعة له في غير مصلحته. ويشترك في ارتكاب الحرمة كل من الداعي والآكل
และส่วนหนึ่งจากบิดอะฮ คือ สิ่งที่ครอบครัวผู้ตาย ได้ปฏิบัติมัน จากการรวมบรรดาผู้คน ให้มารับประทานอาหาร เนื่องในโอกาส ของสิ่งที่พวกเขาเรียกมัน ด้วยการผ่านไป 40 วัน (หมายถึงทำบุญครบรอบการการตาย 40วัน) และเช่นเดียวกับมัน (เช่น ครบรอบ 3, 7 วัน เป็นต้น) และเมื่อปรากฏว่า การใช้จ่ายของอาหารเหล่านี้ มาจากทรัพย์สินของบรรดาผู้รับมรดก และในหมู่พวกเขา มีผู้ที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะ การกระทำนี้ เป็นส่วนหนึ่งจาก สิ่งที่หะรอมอย่างรุนแรง เพราะแท้จริง มันคือ การกิน ทรัพย์สินลูกกำพร้า ,การทำให้ทรัพย์สินสูญเปล่า โดยปราศจากประโยชน์ และทุกผู้ที่เชิญ และผู้ที่กิน มีหุ้นสวนในการกระทำสิ่งที่หะรอม - หนังสือ ฟิกฮุ้ลมันฮะยีย์ อะลามัซฮับอิหม่ามชาฟิอี เล่ม 1 หน้า 263
....................ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
ส่วนการอ้างของละแบ อิจมาอีย์ บินกิยาซีย์ ต่อการกระทำของบุคล และอ้างว่าเป็นสุนัตนั้น เป็นแค่ความเห็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวบทที่มาจากกิตาบุลลอฮ ,อัสสุนนะฮ และอิจญมาอฺ จึงไม่มีน้ำหนักและไม่ใช่หลักฐานทางศาสนาแต่ประการใด
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
14/10/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น