
พอขวางละแบกินบุญคนตาย..ก็ถูกหาว่าเป็นบุคคลอันตราย
มานะศักดิ์ เวชกุล
โปรดรู้เถิดว่า..นายอะสัน หมัดอะดัมคนนี้คือบุคคลทีอันตรายและเป็นภัยอย่างยิ่งต่ออุลามะที่อยู่ในแนวทางมัสหับทั้งหลาย
ทีกล้าดูถูกอิจมะฮ์ของบรรดาปราชญ์มุสลิม.ทีเห็นตรงกันว่า..การทำบุญเลี้ยงอาหารทีเป็นทานซอดาเกาะของบรรดาญาติของผู้ตายนั้นเป็น สุนัติ..
ทีกล้าดูถูกอิจมะฮ์ของบรรดาปราชญ์มุสลิม.ทีเห็นตรงกันว่า..การทำบุญเลี้ยงอาหารทีเป็นทานซอดาเกาะของบรรดาญาติของผู้ตายนั้นเป็น สุนัติ..
@@@@
ชี้แจง
พอชี้แจงเรื่อง ละแบเรื่องการกินบุญคนตาย ละแบเดือด รวมหัวกันด่าทอ และกล่าวหาว่า เรียนไม่ผ่านครู แถมกลายเป็นบุคคลอันตราย สำหรับเขา
ขอเรียนว่า ผมไม่กลัวที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นบุคคลอันตราย ในทัศนะของละแบทั้งหลัยที่อนุรักษ์กินบุญคนตาย แต่ผมภูมิใจที่ได้ปกป้องสุนนะฮของท่านนบี ศอ็ลฯ ซึ่งเป็นสุนนะฮ ที่ส่งเสริมสงเคราะห์ครอบครัวผู้ตาย ไม่ใช่ประเพณีที่สร้างความเดือดร้อน ล้างผลาญทรัพย์สินครอบครัวผู้ตาย โดยแลกกับการตะฮลีล และดุอา อุทิศบุญให้ผู้ตาย ซึ่งไม่มีแบบอย่างจากสุนนะฮ
นาย มานะศักดิ์ เวชกุล โกหกว่า ผมเป็นเป็นภัยต่อบรรดาปราชญมัซฮับทั้งสี่ ความจริงแล้วผมนี่แหละ สนับสนุนปราชญมัซฮับทั้งสี่ที่ห้ามครอบครัวผู้ตายเลี้ยงอาหารละแบทั้งหลาย
มาดูทัศนะปราชญ์ 4 มัซฮับ ต่อไปนี้
1.มัซฮับหะนะฟีย์
อิบนุอาบิดีน (ปราชญ์มัซฮับหะนะฟียฺ) กล่าวว่า
อิบนุอาบิดีน (ปราชญ์มัซฮับหะนะฟียฺ) กล่าวว่า
وَيُكْرَهُ اتِّخَاذُ الضِّيَافَةِ مِنْ الطَّعَامِ مِنْ أَهْلِ الْمَيِّتِ، لِأَنَّهُ شُرِعَ فِي السُّرُورِ لَا فِي الشُّرُورِ، وَهِيَ بِدْعَةٌ مُسْتَقْبَحَةٌ! وَرَوَى الْإِمَامُ أَحْمَدُ وَابْنُ مَاجَهْ بِإِسْنَادٍ صَحِيحٍ عَنْ جَرِيرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ قَالَ " كُنَّا نَعُدُّ الِاجْتِمَاعَ إلَى أَهْلِ الْمَيِّتِ وَصُنْعَهُمْ الطَّعَامَ مِنْ النِّيَاحَةِ"
และการเลี้ยงอาหารแขก จากฝ่ายครอบครัวผู้ตายนั้น เป็นมักรูฮ(น่ารังเกียจ) เพราะแท้จริงมัน(การเลี้ยงอาหารแก่แขก)นั้น ถูกบัญญัติในโอกาสมีความยินดี ไม่ใช่ในยามทุกข์ และมันคือ บิดอะฮที่น่าเกลียด และอิหม่ามอะหมัด,อิบนุมาญะฮได้รายงานด้วยสายรายงานที่เศาะเฮียะจากอิบนุญะรีร บินอับดุลลอฮ ว่าเขากล่าวว่า ““พวกเรานับว่า การไปชุมนุมกัน ที่ครอบครัวผู้ตาย และทำอาหารเลี้ยงกันหลังจากมัน (หลังจากการตาย)นั้น เป็นส่วนหนึ่งจากอัลนิยาหะฮ(หมายถึง การร้องให้คร่ำครวญถึงผู้ตายที่ต้องห้าม ) - ดู รอดดุลมุหตาร อาลัดดุรริลมุคตาร เล่ม 6 หน้า 666
2. มัซฮับมาลิกีย์
มุหัมหมัด บิน มุหัมหมัด บิน อับดุรเราะหมาน อัลหะฏอ็บ กล่าวว่า
وَيَجُوزُ حَمْلُ الطَّعَامِ لِأَهْلِ الْمَيِّتِ فِي يَوْمِهِمْ وَلَيْلَتِهِمْ وَاسْتَحَبَّهُ الشَّافِعِيُّ وَالْأَصْلُ فِيهِ مَا رَوَاهُ عَبْدُ اللَّهِ بْنُ جَعْفَرٍ أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ «اصْنَعُوا لِآلِ جَعْفَرٍ طَعَامًا فَإِنَّهُمْ فَاجَأَهُمْ أَمْرٌ شَغَلَهُمْ» خَرَّجَهُ أَبُو دَاوُد، لِأَنَّ ذَلِكَ زِيَادَةٌ فِي الْبِرِّ وَالتَّوَدُّدِ لِلْأَهْلِ وَالْجِيرَانِ. ِ .
..
และการพาอาหารไปให้แก่ครอบครัวผู้ตาย ในตอนกลางวันและกลางคือนของพวกเขานั้น เป็นที่อนุญาต และอัชชาฟิอี ได้ชอบ(ส่งเสริม)ให้ปฏิบัติมัน และ ที่มา(หลักฐาน)ในมัน(ในการส่งเสริมให้นำอาหารเลี้ยงครอบครัวผู้ตาย)คือ สิ่งที่อับดุลลอฮ บิน ญะอฟัรได้รายงานมัน ว่า แท้จริง นบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “พวกท่านจงทำอาหารไปให้แก่ครอบครัวยะอฟัร เพราะแท้จริงพวกเขา นั้น เรื่องที่ทำให้พวกเขาสาละวน(หมายถึง การตาย) ได้มาประสบกับพวกเขา –บันทึกโดย อบูดาวูด เพราะดังกล่าวนั้น (หมายถึงการนำอาหารไปเลี้ยงครอบครัวผู้ตาย) เป็นการเพิ่มในความดีงามและ ความรักใคร่แก่ครอบครัวผู้ตายและเพื่อนบ้านใกล้เคียง
..
และการพาอาหารไปให้แก่ครอบครัวผู้ตาย ในตอนกลางวันและกลางคือนของพวกเขานั้น เป็นที่อนุญาต และอัชชาฟิอี ได้ชอบ(ส่งเสริม)ให้ปฏิบัติมัน และ ที่มา(หลักฐาน)ในมัน(ในการส่งเสริมให้นำอาหารเลี้ยงครอบครัวผู้ตาย)คือ สิ่งที่อับดุลลอฮ บิน ญะอฟัรได้รายงานมัน ว่า แท้จริง นบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “พวกท่านจงทำอาหารไปให้แก่ครอบครัวยะอฟัร เพราะแท้จริงพวกเขา นั้น เรื่องที่ทำให้พวกเขาสาละวน(หมายถึง การตาย) ได้มาประสบกับพวกเขา –บันทึกโดย อบูดาวูด เพราะดังกล่าวนั้น (หมายถึงการนำอาหารไปเลี้ยงครอบครัวผู้ตาย) เป็นการเพิ่มในความดีงามและ ความรักใคร่แก่ครอบครัวผู้ตายและเพื่อนบ้านใกล้เคียง
أَمَّا إصْلَاحُ أَهْلِ الْمَيِّتِ طَعَامًا وَجَمْعُ النَّاسِ عَلَيْهِ فَقَدْ كَرِهَهُ جَمَاعَةٌ وَعَدُّوهُ مِنْ الْبِدَعِ ; لِأَنَّهُ لَمْ يُنْقَلْ فِيهِ شَيْءٌ وَلَيْسَ ذَلِكَ مَوْضِعَ الْوَلَائِمِ
สำหรับ การที่ครอบครัวผู้ตาย เตรียมอาหาร และ การชุมนุมของบรรดาผู้คน บนมัน นักวิชาการคณะหนึ่ง ได้ถือว่ามันเป็นมักรูฮ และ นับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งจากบิดอะฮ เพราะ ไม่มีสิ่งใด(หมายถึงไม่มีหลักฐานใดๆ) ถูกรายงานในมัน และดังกล่าวนั้น ไม่ใช่สถานที่จัดเลี้ยงอาหาร - ดู มะวาฮิบุลญะลีล 2/229
3.มัซฮับหัมบะลีย์
อัลบะฮูตีย์ (ปราชญ์มัซฮับฮัมบะลี)กล่าวว่า
وَيَنْوِي فِعْلَ ذَلِكَ لِأَهْلِ الْمَيِّتِ ( لَا لِمَنْ يَجْتَمِعُ عِنْدَهُمْ ، فَيُكْرَهُ ) لِأَنَّهُ مَعُونَةٌ عَلَى مَكْرُوهٍ ، وَهُوَ اجْتِمَاعُ النَّاسِ عِنْدَ أَهْلِ الْمَيِّتِ نَقَلَ الْمَرُّوذِيُّ عَنْ أَحْمَدَ هُوَ مِنْ أَفْعَالِ الْجَاهِلِيَّةِ ، وَأَنْكَرَ شَدِيدًا ، وَلِأَحْمَدَ وَغَيْرِهِ عَنْ جَرِيرٍ وَإِسْنَادُهُ ثِقَاتٌ قَالَ : " كُنَّا نَعُدُّ الِاجْتِمَاعَ إلَى أَهْلِ الْمَيِّتِ وَصَنْعَةَ الطَّعَامِ بَعْدَ دَفْنِهِ مِنْ النِّيَاحَةِ " .
และให้เขาเนียตการกระทำดังกล่าว(การเลี้ยงอาหาร) ให้แก่ครอบครอบครัวผู้ตาย (ไม่ใช่ให้แก่ผู้ที่มาชุมนุม ณ ที่พวกเขา (หมายถึงที่ครอบครัวผู้ตาย)เพราะเป็นมักรูฮ(เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ) เพราะแท้จริง มันเป็นการข่วยเหลือ บนสิ่งที่เป็นมักรูฮ คือ การชุมนุมของบรรดาผู้คน ที่ครอบครัวผู้ตาย ,อัลมัรวะซีย์ ได้รายงานจากอะหมัดว่า (เขากล่าวว่า) มันคือ ส่วนหนึ่งจากการกระทำของพวกญาฮิลียะฮ และเขาได้คัดค้านอย่างรุนแรง และรายงานของอะหมัดและคนอื่นจากเขา จากญะรีร ด้วยสายรายงานที่เชื่อถือได้ กล่าวว่า (พวกเรานับว่า การไปชุมนุมกัน ที่ครอบครัวผู้ตาย และทำอาหารเลี้ยงกันหลังจากมัน (หลังจากการตาย)นั้น เป็นส่วนหนึ่งจากอัลนิยาหะฮ(หมายถึง การร้องให้คร่ำครวญถึงผู้ตายที่ต้องห้าม) – - ดู กัชชาฟุลกินาอฺ ของอัลบะฮูตีย์ เล่ม 2 กิตาบุลญะนาอิซ
4. มัซฮับชาฟีอีย
อิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย(ปราชมัซฮับชาฟิอี) กล่าวว่า
وَمَا اُعْتِيدَ مِنْ جَعْلِ أَهْلِ الْمَيِّتِ طَعَامًا لِيَدْعُوا النَّاسَ عَلَيْهِ بِدْعَةٌ مَكْرُوهَةٌ كَإِجَابَتِهِمْ لِذَلِكَ، لِمَا صَحَّ عَنْ جَرِيرٍ كُنَّا نَعُدُّ الِاجْتِمَاعَ إلَى أَهْلِ الْمَيِّتِ وَصُنْعَهُمْ الطَّعَامَ بَعْدَ دَفْنِهِ مِنْ النِّيَاحَةِ
สำหรับ สิ่งที่เป็นประเพณี จากการที่ครอบครัวผู้ตายทำอาหาร และเชิญบรรดาผู้คน บนมันนั้น เป็นบิดอะฮที่น่ารังเกียจ เช่นเดียวกัน การตอบรับคำเชิญพวกเขา สำหรับดังกล่าว เพราะ มีสิ่งที่เศาะเฮียะ รายงานจาก ญะรีร “ว่า (พวกเรานับว่า การไปชุมนุมกัน ที่ครอบครัวผู้ตาย และทำอาหารเลี้ยงกันหลังจากมัน (หลังจากการตาย)นั้น เป็นส่วนหนึ่งจากอัลนิยาหะฮ(หมายถึง การร้องให้คร่ำครวญถึงผู้ตายที่ต้องห้าม) – ดู ตุคฟะตุลมุหตาจญ ฟี ชัรห มินฮาจญ เล่ม 3 หน้า 208
>>>>>>>
>>>>>>>
จากทัศนะของปราชญ์สี่มัซฮับข้างต้น เป็นที่ชัดเจนว่า การทำบุญเลี้ยงอาหารบ้านผู้ตายและเชิญผู้คนมาชุมนุมรับประทานกัน เป็นมักรูฮ และเป็นบิดอะฮ ไม่มีแบบอย่างจากนบี ศอลฯ ไม่มีหนทางใดที่จะหาข้ออ้างให้มันเป็นสุนนะฮได้ นอกจากผู้ที่ส่งเสริมการทำบิดอะฮเท่านั้น
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น