เขาบอกว่า เมื่อหะดิษขัดกับสติปัญญา มันเป็นโมฆะ
สินค้าฮาลาล"รวมพลคนรักปอเนาะ"
เมื่อวานนี้ เวลา 5:52 น.
เมื่อวานนี้ เวลา 5:52 น.
.
1. เมื่อหะดิษนั้นขัดกับสติปัญญา จึงรู้ได้ว่ามัน
เป็นโมฆะ เนื่องจากศาสนานั้น จะมีมาได้ด้วยกั
บบรรดาสิ่งที่กินกับสติปัญญา ดังนั้น สิ่งที่ขัดกับสติปัญญานั้น ย่อมไม่ถูกปฏิเสธ
1. เมื่อหะดิษนั้นขัดกับสติปัญญา จึงรู้ได้ว่ามัน
เป็นโมฆะ เนื่องจากศาสนานั้น จะมีมาได้ด้วยกั
บบรรดาสิ่งที่กินกับสติปัญญา ดังนั้น สิ่งที่ขัดกับสติปัญญานั้น ย่อมไม่ถูกปฏิเสธ
@@@@
ชี้แจง
ข้างต้นคือ แนวคิดที่อันตรายมาก เพราะเชื่อว่า หากหะดิษนั้น ไม่กินกับปัญญา หะดิษกลายเป็นโมฆะ
และข้างต้น เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ทำไม่คนบางกลุ่ม เอาปัญญา นำหน้าหลักฐาน ก็เพราะความเชื่อข้างต้น
อิหม่ามอะห์หมัด รอฮิมะฮุลลอฮ์ ที่กล่าวว่า
لَيْسَ فِي السُنَّةِ قِيَاسٌ وَلاَ يُضْرَبُ لَهَا الأمْثَالُ وَلاَ يُدْرَكُ بِالعُقُوْلِ وَلاَ الأهْوَاءِ إنَّمَا هُوَ الاتّبَاعُ وَتَرْكُ الهَوَى
“ไม่มีการนำสิ่งใดมาเปรียบเทียบในเรื่องซุนนะห์ (ไม่ถือเป็นการกิยาสในสิ่งที่ขัดแย้งกับซุนนะห์ หรือที่มีซุนนะห์ชัดเจนอยู่แล้ว) และไม่มีการนำสิ่งใดมาอุปมาเป็นตัวอย่าง และไม่สามรถล่วงรู้ได้ด้วยสติปัญญา แม้แต่อารมณ์ความรู้สึก แต่มันคือการปฏิบัติตาม และการละทิ้งอารมณ์ความรู้สึกนั้น” อุศูลุลซุนนะห์ หน้าที่ 19
อิหม่ามอบูลมุซอฟัร อัสสัมอานีย์( ฮ.ศ 489) กล่าวว่า
إن الله تعالى أسس دينه وبناه على الاتباع، وجعل إدراكه وقبوله بالعقل، فمن الدين معقول وغير معقول، والاتباع في جميعه واجب
แท้จริง อัลลอฮตาอาลา ได้วางรากฐานศาสนาของพระองค์ และก่อสร้างมัน บนการให้ปฏิบีติตาม และ ทรงทำให้การรับรู้มัน และยอมรับมัน ด้วยสติปัญญา เพราะส่วนหนึ่งจากศาสนานั้น คือสิ่งที่กินกับปัญญา และไม่กินกับปัญญา และการปฏิบัติตามมันทั้งหมดของมันนั้นคือวาญิบ - ดู อัลฟุศูล มิน กิตาบ อัลอินติศอร ลิอัษหาบิลหะดิษ หน้า 78และ อัลหุจญะฮ ฟี บะยานิลมะหัจญะฮ เล่ม 1 หน้า 317 ของ อัลอัศบะฮานีย์
อิหม่ามอัลบัรบะฮารีย์ (ร.ฮ 329) ปราชญสะลัฟกล่าวว่า
اعلم رحمك الله! أن الدين إنما جاء من قبل الله تبارك وتعالى، لم يوضع على أقوال الرجال وآرائهم، وعلمه عند الله وعند رسوله، فلا تتبع شيئاً بهواك فتمرق من الدين
จงรู้ไว้เถิด ขออัลลอฮ ประทานความเมตตาแก่ท่าน ,แท้จริง ศาสนานั้น ความจริง มันมาจากอัลลอฮ ผู้ทรงบริสุทธิ์ ผู้ทรงสูงส่ง มันไม่ได้ถูกวางอยู่บนบรรดาความเข้าใจของบรรดาผู้คนและบรรดาความเห็นของพวกเขา และความรู้ของมัน(ของศาสนา)นั้น อยู่ที่ อัลลอฮ และรอซูลของพระองค์ ดังนั้น ท่านอย่าปฏิบัติตามสิ่งใดๆ ด้วยอารมณ์ของท่าน เพราะจะทำให้ท่าน ออก จากศาสนา - ชัรหอัสสุนนะฮ หน้า 69 หะดิษหมายเลข 5
อัลอัศบะฮานีย์ กล่าวว่า
لا نعارض سنة النبي صلى الله عليه وسلم بالمعقول ، لأن الدين إنما جاء هو العقل ، لأن العقل ما يؤدي إلى قبول السنة ، فأما ما يؤدي إلى إبطالها فهو جهل لا عقل
เราจะไม่ค้านสุนนะฮนบี ศอ็ลฯ ด้วยความความเข้าใจ(หมายถึงด้วยสิ่งที่กินกับปัญญา) เพราะแท้จริง ศาสนานั้น มันมีมา คือ ความรู้ความเข้าใจ เพราะแท้จริง ความรู้ความเข้าใจ คือ สิ่งที่ นำไปสู่การยอมรับอัสสุนนะฮ ,สำหรับสิ่งที่ นำไปสู่การทำสุนนะฮให้เป็นโมฆะนั้น มันคือความโง่เขลา และไม่มีสติปัญญา -อัลหุจญะฮ ฟี บะยานิลมะหัจญะฮ 2/509
อิหม่ามอะหมัด (ร.ฮ) กล่าวว่า
فأما من تأوله على ظاهره بلا دلالة من رسول الله صلى الله عليه وسلم ولا أحد من أصحابه، فهذا تأويل أهل البدع
สำหรับ ผู้ที่ตีความมัน(อัลกุรอ่าน) บน ตัวบทที่ปรากฏของมัน(ของอัลกุรอ่าน) โดยไม่มีหลักฐาน จากรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ และ ไม่ หลักฐานจากคนหนึ่งคนใดจาก บรรดาเศาะหาบะฮของท่านนบี นี่คือการตีความของอะฮลุลบิดอะฮ - อัสสุนนะฮ ของ อัลเคาะลาล 3/23
............
หลักฐานที่นำมาข้างต้น แสดงให้เห็นว่า คำสอนศาสนามาจากอัลลอฮและรอซูล ไม่ใช่มาจากความคิดเห็น และจะเอาความคิดเห็นทางปัญญามาค้านกับอัสสุนนะฮไม่ได้
หลักฐานที่นำมาข้างต้น แสดงให้เห็นว่า คำสอนศาสนามาจากอัลลอฮและรอซูล ไม่ใช่มาจากความคิดเห็น และจะเอาความคิดเห็นทางปัญญามาค้านกับอัสสุนนะฮไม่ได้
.....ส่วนที่อ้าง คำพูด เคาะฏิบอัลบัฆดาดีย์ ที่รวมพลคนรักปอเนาะ"อ้างว่า ###เมื่อหะดิษนั้นขัดกับสติปัญญา จึงรู้ได้ว่ามันเป็นโมฆะ"## ผู้อ้างไม่กล้าเอาตัวบทมาลง บอก หน้า 132 แต่ไม่บอก ว่าเล่มที่เท่าไหร จึงไม่ชัดเจน และ เท่าที่ดู การพิจารณา หะดิษ ที่ว่าไม่กินกับปัญญานั้น หมายถึงหะดิษที่มีความหมายเกินจริง และ แปลก เช่น อย่างที่มีคนอ้างว่า เมียที่เตรียมเสบียงให้สามีออกดะอวะฮ จะได้เข้าสวรรค์ก่อนสามี 500 ปี แบบนี้เขาเรียกหะดิษที่ไม่กินกับปัญญา
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
20/10/60
20/10/60


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น