วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วาทกรรมบิดเบือนหะดิษเพื่อสนับสนุนบิดอะฮ ภาค 5


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ในภาพอาจจะมี ข้อความ

วาทกรรมบิดเบือนหะดิษเพื่อสนับสนุนบิดอะฮ ภาค 5
Sulaiman Ma
24 ธันวาคม เวลา 7:25 น. · 
8⃣ หลักฐาน จากกุรอาน และ ฮาดีส "บิดอะฮาสานะ" มีอยู่จริงๆ
〰〰〰〰〰〰〰〰
👬5- รายงานโดยท่าน บูคอรี...
أن عثمان بن عفان رضي الله عنه حين رأى زيادة الناس يوم الجمعة عمل أذانًا ثانيًا فلم يعترض عليه أحدٌ من الصحابة ولا من جاء بعدهم ( وهو سنة أجمعت عليها الأمة ).
แท้จริง อุสมาน ในขณะที่เขา เห็น บวงมนุษย์ เพิ่มมากขึ้น เขาก็ได้ เสริม อาซานครังที่สอง , และไม่มีใคร จากบันดา ชอฮาบาต คัดค้าน เขาแม้แต่คนเดียว.
〰〰〰〰〰〰〰〰
@@@@@
ข้างต้น ก็เป็นอีกเคสหนึ่ง ที่นำการกระทำของเคาะลิฟะฮรอชิดีน มาชงตบตาคนอาวาม ให้เข้าใจว่า แม้แต่เคาะลิฟะฮ อัรรอชิดีน ก็ยังทำบิดอะฮ ที่เห็นว่าดี หรือ ที่ชื่อสวยหรูว่า "บิดะฮหะสะนะฮ" ความจริงข้างต้น ผู้อ้างไม่เข้าใจหรือไม่ก็เจตนาบิดเบือน
มาดูข้อเท็จจริงดังนี้
1. การกระทำของท่านเคาะลิฟะฮอุษมาน (ร.ฎ) และเคาะลิฟะฮท่านอื่นๆ ไม่ใช่บิดอะฮ แต่เป็นสุนนะฮที่ท่านนบี ศอ็ลฯรับรองและสั่งเสียเอาไว้
عليكم بسنتي وسنة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي ، تمسكوا بها وعضوا عليها بالنواجذ ، وإياكم ومحدثات الأمور ، فإن كل محدثة بدعة ، وكل بدعة ضلالة ) أخرجه أحمد 4/126 ، والترمذي برقم 2676
พวกท่านจงยึดมั่นในสุนนะฮ(แบบอย่าง)ของฉัน และบรรดาเคาะลิฟะฮผู้ชี้ทางที่ถูกต้อง ผู้ได้รับทางนำหลังจากฉัน จงยึดถือมัน และจงกัดกรามต่อมัน(หนักแน่นอดทน) และพึงระวังสิ่งที่ถูกอุตริขึ้นใหม่ในศาสนา และแท้จริงทุกสิ่งอุตริขึนใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ และทุกบิดอะฮ นั้น เป็นการหลงผิด" - บันทึกโดยอะหมัด และ อัตติรมิซีย์ 
..................................... 
ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ใช้คำว่า .... وسنة الخلفاء الراشدين (และสุนนะฮ(แบบอย่างของเคาะลิฟะอฮอัรรอชิดีน...) ไม่ได้ใช้คำ بدعة الخلفاء الراشدين (และบิดอะฮของเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน....) เพราะการกระทำของเคาะลิฟะฮในเรื่อง ศาสนา คือ สุนนะฮ ที่ท่านนบีได้รับรองไว้ มันเป็นบิดอะฮได้อย่างไร
2. การกระทำในสมัยนั้น ทำในหอสูงในตลาดเมืองมะดีนะฮ เรียกว่า อัซ-เซารออฺ ท่านอุษมานไม่ได้ทำในมัสยิด ดังรายงานโดยท่าน อัลบุคคอรีย์ จาก ท่าน อัลซาอิบ บิน ยะซีด เขากล่าวว่า
كان النداء يوم الجمعة أوله إذا جلس الإمام على المنبر على عهد النبي وإبي بكر وعمر رضي الله عنهما ، فلما كان عثمان
وكثر الناس زاد النداء الثالث على الزوراء
"การอะซาน ในช่วงแรกของวันศุกร์ นั้น เมื่ออิมามได้ทำการนั่งอยู่บนมิมบัร ซึ่งได้มีในสมัยของท่าน นบี(ซ.ล.) ท่านอบูบักร และท่านอุมัร (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา) ดังนั้น เมื่อถึงสมัยท่านอุษมาน บรรดาผุ้คนก็มากขึ้น จึงเพิ่มการอะซานครั้งที่ 3 ณ ที่อัลเซฺารออ์" ......................จึงถามคนที่อ้างแบบอย่างอุษมานว่า พวกท่านอาซานตามแบบอย่างอุษมานหรือไม่ เพราะท่านได้สั่งให้อาซานที่หอสูงใจกลางเมือง แต่พวกท่านทำในมัสยิด
3. เนื่องจากมีประชากรเพิ่มมากขึ้น ท่านเกรงว่า การอะซานได้ยินไม่ทั่วถึง จึงมีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น และไม่มีเศาะหะบะฮคนใดคัดค้านเลย แบบนี้เขาเรียกว่า อิจญมาอเศาะหาบะฮ ..........มติเศาะหาบะฮ ไม่ใช่บิดอะฮ แต่เป็นหลักฐานทางศาสนา
4. การอะซานดังกล่าว เป็นการเรียกผู้คน ให้มาทำการละหมาด ไม่ใช่อาซาน ตามที่มีบัญญัติไว้
روى عبدالرزاق عن أبى جريح قال سليمان بن موس أول من زادالأذان بالمدينة عثمان قال عطاء كلا إنماكان يدعواالناس دعاء لايؤذن غيرأذان واحد
รายงานโดยอับดุรรอซซาก จากอบีญุรัยน ว่า สุลัยมาน บุตร มูซา กล่าวว่า บุคคลแรกที่เพิ่มการอาซานขึ้นที่มะดีนะฮ คือ ท่านอุษมาน ท่านอะฏออฺ กล่าวว่า ไม่ใช่เช่นนั้น แต่ ความจริงท่านได้เรียกผู้คน ด้วยคำเรียกธรรมดาเท่านั้น ท่านไม่ได้ทำการอาซาน นอกจากอาซานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น - ดู ตัลคีศุลหะบีร เล่ม 2 หน้า 128 ดูสำเนาที่แนบมา
และ อิหม่ามชาฟิอีรายงานจากอะฏออฺ ว่า เขาคัดค้าน ที่ว่า อุษมานคือ ผู้ที่ประดิษฐอาซานขึ้นใหม่ และที่ท่านอุษมานได้กระทำนั้น ความจรืงคือการเตือนเท่านั้น และความจริงผู้ที่สั่งด้วยมันคือมุอาวิยะฮ -ดู อัลอุม 1/190 และ ตัลคีศอัลหะบีร 2/128
.........
คือเป็นแค่เรียกคนมาละหมาด ไม่ใช่อาซานตามถ้อยคำที่บัญญัติไว้
.............
การเอาการกระทำของบรรดาเคาะลิฟะฮรอชิดีน ที่ท่านนบี ศอ็ลฯและสั่งเสียให้อุมมะฮปฏิบัติตาม มาเป็นข้ออ้างรับรองบรรดาบิดอะฮที่ถูกประดิษฐขึ้นมาใหม่ในยุคหลัง ซึ่งนบีไม่ได้รับรอง ถือเป็นการบิดเบือนหะดิษหรือข้อเท็จจริงที่น่าละอายที่สุด
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
27/12/59

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น