บิดอะฮที่ผู้รู้ไม่ปฏิเสธกลายเป็นสุนนะฮจริงหรือ

ท่านถามมาสิ แล้วเราจะตอบถูกใจเพจ
11 ชม. • ไคโร, Cairo Governorate, ประเทศอียิปต์

โดย รอฟีกี มูฮำหมัด

ผู้นำอีกท่านหนึ่งในยุคสลัฟที่ได้พูดถึงเรื่องของสิ่งไหม่ และให้การยอมรับว่า หากบิดอะห์นั้นสอดคล้องกับหลักมูลฐานทางศาสนา และผู้รู้มิได้ปฎิเสธมัน ก็เป็นสิ่งที่ยอมรับให้กระทำได้ เช่น ท่านอีหม่ามเอาซาอีย์(รฮ.) เสียชีวิตในปีฮิจเราะห์ที่ 157 ท่านได้กล่าวว่า

إذا ظهرت البدع ، فلم ينكرها أهل العلم ، صارت سنة

ความว่า

"เมื่อได้มีสิ่งใหม่เกิดขึ้น(หมายถึงสิ่งใหม่ที่มีที่มาทางบทบัญญัติ) และบรรดาผู้รู้มิได้ปฎิเสธมัน สิ่งนั้นก็จะกลายเป็นซุนนะห์"

(หนังสือ มะวาอิส อัลอีหม่าม อัลเอาซาอีย์ โดย ซอและห์ อะห์หมัด อัชชามีย์)

นี่คือ ความเข้าใจในหลักวิชาการจากบรรดาผู้นำในยุคสลัฟและค่อลัฟที่โลกอิสลามให้การยอมรับ และถือว่า เป็นความเข้าใจที่ใกล้เคียงความถูกต้องมากที่สุด ..

วัสสลามู่อ้าลัยกุม ว่าเราะห์ม่าตุ้ลลอฮี่ ว่าบาร่อกาตุฮ์
...............

ชี้แจง

คำพูดอิหม่ามอัลเอาซาอีย์ ข้างต้น ไม่ใช่หมายถึง เมื่อปรากฏคนทำบิดอะฮ แล้วบรรดาผู้รู้ไม่ปฏิเสธ บิดอะฮนั้นกลายเป็นสุนนะฮ อย่างที่คุณ รอฟิกี มูฮำหมัดเข้าใจ แต่ความหมายจริงๆดังนี้

إذا ظهرت البدع ، فلم ينكرها أهل العلم ، صارت سنة

เมื่อบรรดาบิดอะฮได้ปรากฏ แล้ว ผู้มีความรู้ไม่ปฏิเสธ มันก็จะกลายเป็นสุนนะฮ

........
กล่าวคือ เมื่อปรากฏบรรดาบิดอะฮ แล้วผู้รู้ไม่ทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่คัดค้าน บิดอะฮก็จะถูกคนเข้าใจว่าเป็นสุนนะฮ โดยผู้ คนจะนำไปปฏิบัติกัน เพราะเข้าใจว่าเป็นสุนนะฮ นี่คือสิ่งที่อันตราย ท่านอัลเอาซาอีย์ ต้องการเตือนบรรดาผู้รู้ว่า ถ้ามีบิดอะฮเกิดขึ้น บรรดาผู้รู้ไม่ต่อต้าน บิดอะฮอะฮนั้น คนก็จะถูกเข้าใจว่าเป็นสุนนะฮ มันก็จะอันตราย ไม่ใช่ หมายถึง เมื่อมีบิดอะฮเกิดขึ้น ถ้าผู้รู้ไม่คัดค้าน บิดอะฮนั้นกลายเป็นสุนนะฮที่ส่งเสริมให้ปฏิบัติตามที่คุณครู รอฟิกีอ้าง

ผู้อ่านลองพิจารณาดูว่า "มันเป็นไปได้หรือ ที่บิดอะฮ กลายเป็นสุนนะฮ ด้วยเหตุผลเพราะผู้รู้ไม่ปฏิเสธ บิดอะฮกลายพันธ์เป็นสุนนะฮ เพราะผู้รู้ไม่ห้าม -วัลอิยาซุบิลละฮ

อิหม่ามเอาซาอีย์ ท่านเป็นผู้ที่ส่งเสริมให้ยึดมั่นตามสุนนะฮ

أَخْبَرَنَا الْحَسَنُ بْنُ عُثْمَانَ ، قَالَ : أَخْبَرَنَا أَحْمَدُ بْنُ حَمْدَانَ ، قَالَ : حَدَّثَنَا بِشْرُ بْنُ مُوسَى ، قَالَ : حَدَّثَنَا مُعَاوِيَةُ بْنُ عَمْرٍو ، قَالَ : حَدَّثَنَا أَبُو إِسْحَاقَ ، قَالَ : سَأَلْتُ الْأَوْزَاعِيَّ فَقَالَ : " اصْبِرْ نَفْسَكَ عَلَى السُّنَّةِ ، وَقِفْ حَيْثُ وَقَفَ الْقَوْمُ ، وَقُلْ بِمَا قَالُوا ، وَكُفَّ عَمَّا كَفُّوا ، وَاسْلُكْ سَبِيلَ سَلَفِكَ الصَّالِحِ ، فَإِنَّهُ يَسَعُكَ مَا وَسِعَهُمْ

อบูอิสหากกล่าวว่า ฉันถามอัลเอาซาอีย์ แล้วเขากล่าวว่า ท่านจงอดตนตัวของท่านบนอัสสุนนะฮ และจงหยุดอยู่ ตามที่กลุมชนนั้น(หมายถึงเหล่าเศาะหาบะฮ)หยุดอยู่ และจงพูด(หมายถึงปฏิบัติ)ตามที่พวกเขาพูด(หมายถึงตามที่พวกเขาปฏิบัติ) และจงยับยั้งจากสิ่งที่พวกเขายับยั้ง และจงดำเนินตาม บรรพชนผู้ทรงธรรมยุคก่อนจากท่าน เพราะแท้จริง สิ่งที่เป็นทางออกแก่พวกเขา มันจะเป็นทางออกให้แก่ท่าน – ดู ชัรอุศูลิดสุนนะฮ ของ อัฏฏฮ็บรีย์ เล่ม 1 หน้า 174 เรืองอะกีดะฮของอิหม่ามอัลเอาซาอีย์

อัลอับบาส บิน วะลิด บิน มัซยัด กล่าวว่า บิดาของข้าพเจ้าได้บอกว่า ท่านได้ยินอิหม่ามอัลเอาซาอีย์กล่าวว่า

عَلَيْكَ بِآثَارِ مَنْ سَلَفَ وَإِنْ رَفَضَكَ النَّاسُ ، وَإِيَّاكَ وَآثَارَ الرِّجَالِ وَإِنْ زَخْرَفُوا لَكَ الْقَوْلَ

ท่านมีหน้าที่ปฏิบัติตามร่องรอย(หมายถึงคำพูด)ผู้ที่อยู่ก่อนหน้า (หมายถึงชาวสะลัฟ)และแม้บรรดาผู้คนจะปฏิเสธท่านก็ตาม และท่านจงระวังบรรดาร่องรอย(หมายถึงบรรดาคำพูด)ของบรรดาผู้คนและแม้พวกเขาจะเสริมแต่งคำพูดให้ท่านเห็นว่าดีก็ตาม – ดู ญิมิอุลบะยาน วัลอิลมิ ของอับดุลบัร หะดิษหมายเลข 1277 และ ในอีกสำนวนหนึ่งกล่าวว่า

وإيّاك وآراء الرجال وإن زخرفوها لك بالقول؛

และท่านจงระวังบรรดาความเห็นของบรรดาผู้คนและแม้พวกเขาจะเสริมแต่งมันด้วยคำพูดให้ท่านเห็นว่าดีก็ตาม – ซัมมุตตะวีล ของอิบนุกุดามะฮ หน้า 32 ดูเพิ่มเติมจากตำราต่อไปนี้ 
، الشريعة للآجري (124) ، سير أعلام النبلاء (7/120) ، طبقات الحنابلة (1/236)]

.........................

ถ้าตามความเข้าใจของคุณรอฟิกีที่ว่า บิดอะฮ ถ้าผู้รู้ไม่ปฏิเสธ มันจะกลายเป็นสุนนะฮ แบบนี้บิดอะฮก็จะเต็มบ้านเต็มเมือง และคำว่า”บิดอะฮ คือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับอัสสุนนะฮ มันจะกลายเป็นสุนนะฮได้อย่างไร
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
15/2/59