วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เมื่อทรัมป์จะรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล



ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


เมื่อทรัมป์จะรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล
ตอนนี้มุสลิมส่วนหนึ่ง กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตีโพยตีพาย ฟูมฟาย โมโหโทโส ฟาดฟันกันเองด้วยสงครามคีบอร์ดและน้ำลาย เพราะเดือดที่ ทรัมป์จะรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล และเทียวหูเบาว่า ผู้นำคนนั้น คนนี้ จะยกเยรูซาเลม ให้อิสรอเอล มโนไปหรือเปล่า ผมไม่เชื่อว่ามุสลิมจริงๆไม่ว่าใครก็ตาม เขาจะไม่รักมัสยิดอัลอักซอ ที่อยู่ในเยรูซาเลม แต่ เขาเชื่อว่า อัลลอฮจะทรงปกป้องมัน เฉกเช่นที่ทรงปกป้องกะฮบะฮ ให้พ้นจากน้ำมือของอับรอฮะฮเมื่อสิบสี่ศตวรรษที่ผ่านมา ที่ต้องการทำลายกะฮบะฮ ในที่สุด พวกเขาก็ถูกอัลลอฮลงโทษย่อยยับ
وَأَرْسَلَ عَلَيْهِمْ طَيْرًا أَبَابِيلَ
และได้ทรงส่งนกเป็นฝูง ๆ ลงมาบนพวกเขา
تَرْمِيهِم بِحِجَارَةٍ مِّن سِجِّيلٍ
มันได้ขว้างพวกเขาด้วยหินที่ทำด้วยดินแข็ง
فَجَعَلَهُمْ كَعَصْفٍ مَّأْكُولٍ
แล้วพระองค์ทรงทำให้พวกเขาเป็นเช่นใบไม้ที่ถูก (สัตว์) กิน- ซูเราะฮ อัล-ฟีล 3-5
..........
ต่อให้โวยวายให้ปากฉีก ปากแหก มีก็แค่เสือกระดาษ จะไปสู้รบกับราชสีห์ตัวจริงได้หรือ ยังไม่ได้รบกับยิวเลย มารบรากันและทำลายกันเองเสียแล้ว และนี่คือ ที่นบี ศอ็ลฯ บอกว่าอุมมะฮของท่านในอนาคต ไร้คุณภาพ เป็นเมือนฟองน้ำในแม่น้ำ มากเสียเปล่า
รายงานจากอิบนุอับบาส (ร.ฮ)ว่า
عَنْ ثَوْبَانَ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُوشِكُ الْأُمَمُ أَنْ تَدَاعَى عَلَيْكُمْ كَمَا تَدَاعَى الْأَكَلَةُ إِلَى قَصْعَتِهَا فَقَالَ قَائِلٌ وَمِنْ قِلَّةٍ نَحْنُ يَوْمَئِذٍ قَالَ بَلْ أَنْتُمْ يَوْمَئِذٍ كَثِيرٌ وَلَكِنَّكُمْ غُثَاءٌ كَغُثَاءِ السَّيْلِ وَلَيَنْزَعَنَّ اللَّهُ مِنْ صُدُورِ عَدُوِّكُمْ الْمَهَابَةَ مِنْكُمْ وَلَيَقْذِفَنَّ اللَّهُ فِي قُلُوبِكُمْ الْوَهْنَ فَقَالَ قَائِلٌ يَا رَسُولَ اللَّهِ وَمَا الْوَهْنُ قَالَ حُبُّ الدُّنْيَا وَكَرَاهِيَةُ الْمَوْتِ
รายงานจากเษาบาน ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า
ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮะวะซัลลัม กล่าวว่า“ประชาชาติต่างๆจะรุมกินโต๊ะพวกท่านให้สูญสิ้นไป เหมือนกับอาหารที่อยู่ในจานใหญ่ ที่จะถูกกินให้หมดไป(หมายถึงประชาชาติมุสลิมถูกรุม)มีผู้ถามว่า "โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ เนื่องจากพวกเรามีจำนวนน้อยใช่ไหม?ท่านกล่าวตอบว่า "ไม่ใช่หรอก แต่พวกท่าน เป็นเสมือนฟองน้ำในแม่น้ำ โดยที่ความเกรงกลัวจะถูกถอดจากหัวใจศัตรูของพวกท่านและความอ่อนแอ(อัลวะฮฺนุ)จะถูกนำมาวางไว้ในหัวใจของพวกท่านแทน พวกเขา(เหล่าศอฮาบะฮฺ)กล่าวถามว่า " โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ อะไรเล่าคือ ความอ่อนแอ(อัลวะฮฺนุ)?ท่านกล่าวตอบว่า "คือ ความรักการเป็นอยู่ดุนยานี้ และการรังเกียจ(กลัว)ความตาย" (สุนันอะบูดาวูด อิมามอัลบานีย์รับรองหะดิษนี้ว่าเศาะเฮียะฮฺ )
...........
เมื่ออยู่ในภาวะที่อ่อนด้อยในเชิงกำลัง (แม้จะมากด้วยจำนวน) บรรดาผู้นำมุสลิม เขาก็หาวิธีการที่นุ่มนวล ทางการทูต ทางการเจรจา เขาพยายามกันอยู่ แต่ไม่ทันใจพวกใจร้อน พวกฮาร์ดคอร์(Hard-core ) แข็งแต่ปาก แต่ กำลังอ่อนปวกเปียก เลยถูกด่าทอ ถูกเหยียดหยาม ถูกใส่ร้ายว่า ยอมยก เยรูซาเลมให้อิสรอเอล
สมัยที่อับรอฮะจะมาทำลายกะอบะฮ ท่านอับดุลมุฏฏอลิบ ผู้นำชายกุเรช ก็ไปพบกับผู้นำกองทัพช้าง คืออับรอฮะฮ
فَأَتَاهُمْ عَبْدُ الْمُطَّلِبِ فَقَالَ إِنَّ هَذَا بَيْتُ اللَّهِ لَمْ يُسَلِّطْ عَلَيْهِ أَحَدًا قَالُوا لَا نَرْجِعُ حَتَّى نَهْدِمَهُ فَكَانُوا لَا يُقَدِّمُونَ فِيلَهُمْ إِلَّا تَأَخَّرَ فَدَعَا اللَّهُ الطَّيْرَ الْأَبَابِيلَ فَأَعْطَاهَا حِجَارَةً سَوْدَاءَ فَلَمَّا حَاذَتْهُمْ رَمَتْهُمْ فَمَا بَقِيَ مِنْهُمْ أَحَدٌ إِلَّا أَخَذَتْهُ الْحَكَّةُ فَكَانَ لَا يَحُكُّ أَحَدٌ مِنْهُمْ جِلْدَهُ إِلَّا تَسَاقَطَ لَحْمُهُ
แล้ว อับดุลมุฏฏอลิบ ได้มายังพวกเขา(อับรอฮะฮและกองทัพ) แล้วกล่าวว่า "นี่คือบ้านของอัลลอฮ พระองค์จะไม่ให้คนหนึ่งคนใดมีอำนาจปกครองเหนือมัน(ที่จะทำลาย)ได้ ,พวกเขา(พวกกองทัพอับรอฮะฮ) กล่าวว่า เราจะไม่กลับ จนกว่า เราจะทำลายมัน ,แล้วปรากฏว่าพวกเขา ยังไม่ทันได้สั่งให้ช้างพวกเขาเดินหน้า นอกจาก มันถอยกลับ แล้วอัลลอฮได้เรียกฝูงนก อัลอะบาบีล แล้วทรงมอบหินสีดำให้แก่มัน เมื่อมัน(ฝูงนก)เผชิญหน้ากับพวกเขา มันก็กว้างใส่พวกเขา แล้วไม่มีคนใดในหมู่พวกเขาหลงเหลืออยู่เลย นอกจากกลายเป็นโรคคันตามผิวหนัง แล้วปรากฏว่า ไม่มีคนใดจากพวกเขาเป็นโรคคัน ที่ผิวหนังของเขา นอกจากเนื้อของเขาได้หลุดออกมา - ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 12 หน้า 207
...........
เห็นไหมว่า อำนาจของอัลลอฮยิ่งใหญ่แค่ใหน เราไม่เชื่อมั่นพระองค์หรือ
เพราะฉะนั้นในยามที่เราอ่อนแอด้านศักยภาพทางกำลัง การแหกปากตะโกน โวยวาย ตีโพยตีพาย ฟิตนะฮใส่กันเอง มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ เรามาช่วยกันดุอา ต่ออัลลอฮ ตาอาลาให้ช่วยคุ้มครอง และช่วยให้สมานความเป็นหนึ่งเดียวให้มุสลิมเข้มแข็งไม่ดีกว่าหรือ และนี่คือ วิธีของมุสลิมที่เข้าใจอิสลามอย่างแท้จริงในภาวะอย่างนี้ ไม่ใช่ฟิตนะฮใส่กันเอง
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดัม
11/12/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น