วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

พอจนด้วยหลักฐานก็กล่าวหาว่าหนังสือเชื่อถือไม่ได้






พอจนด้วยหลักฐานก็กล่าวหาว่าหนังสือเชื่อถือไม่ได้
อบูอับดุลเกาะฮฺฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
3 ชม.
หนังสือที่เวาะสัน สะบิเดายกมานั้น นักวิชาการยังมีความขัดเเย้งกันว่า มีชื่อว่าอะไรกันเเน่ ที่เป็นงานเขียนของท่านอิบนอิบนุญะรี๊ร อัตตอบรี่ย์ 
1. ท่านอิมามอัซซุบกีย์บอกว่า หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า "อัตตับซี๊ร ฟีอุซูุลุดีน"
2. ยากู๊ต อัลหะมะวีย์บอกว่า หนังสือของท่านมีชื่อว่า "ริซาละตุ้ลบะซี๊ร ฟีมะอาลิมิดดีน" ซึ่งมีเนื้อหาอยู่เพียง กระดาษ 30 แผ่น 
3. ดร. มุฮำมัด อัซซุฮัยลีย์ บอกว่า หนังงสือเล่มนั้นมีชื่อตามที่ท่านซอฟดีย์บอกไว้คือ "อัลบะซี๊ร ฟีอุซูลิดดีน"
4. ดร.ฟุอ๊าด ซัสกีน บอกว่า หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า "ตับซี๊ร อุลิ้ลนะฮ์ ว่ะ มะอาลิมิ้ลฮุดา
ดังนั้นระดับนักวิชาการและนักตรวจสอบตำรายุคโบราณยังมีการขัดเเย้งกันเรื่องชื่อของตำราเล่มนี้ของท่านอิมามอิบนุญะรี๊ร ว่าเป็นเล่มใด ชือใดกันเเน่ และไม่มีการฟันธง
ผมก็ไม่รู้ และไม่เชื่อใจหนังสือที่เวาะอะสัน สะบิเดานำมาอ้างอิงว่าเป็นงานเขียนเล่มจริงๆของท่านอิมามอิบนญะรี๊ร เพราะตัวท่านเวาะอะสันสะบิเดา เคยบิดเบือนเนื้อหาในตัฟเซรของท่านอิมามกุรฏุบีย์และอิมามเชากานีย์มาเเล้ว 10 ปี ผลงานของท่านเวาะสัน สะบิเดา จึงไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าไหร่
@@@
ชี้แจง
พอจนด้วยหลักฐาน คุณ อานัส ก็บอกว่า หนังสือ อัตตับศีรฯ ของอิหม่ามอิบนุญะรีร เชื่อถือไม่ได้ เป็นของปลอม อิบนญะรีรไม่ได้เขียนเอง
คุณ อานัส ไม่ยอมเข้าใจว่า อายาตอัลกุรอ่านที่กล่าวถืง มือ ,ใบหน้า ,การสถิต และอื่นๆที่เกี่ยวกับ คุณลักษณะของอัลลอฮ ตาอาลา เขาเรียก "อายาตสิฟาต" แต่คุณอานัส กลับอ้างว่า อิบนุญะรีร ไม่เคยอธิบาย ว่า ยะดุลลอฮ คือ สิฟัต ผมไม่รู้ว่าคุณ อานัส เคยเรียนอะกีดะฮสะลัฟ จริงหรือเปล่า
อิบนุญะรีร (ร.ฮ)ยืนยันคำว่า "มือของอัลลอฮ" โดยไม่ตีความ มาดูตัวอย่างจากตัฟสีร อัฏฏอ็บรีย์ ดังนี้
มาดูอายะฮนี้
قَالَ يَا إِبْلِيسُ مَا مَنَعَكَ أَنْ تَسْجُدَ لِمَا خَلَقْتُ بِيَدَيَّ أَسْتَكْبَرْتَ أَمْ كُنْتَ مِنَ الْعَالِينَ
พระองค์ตรัสว่า “อิบลีสเอ๋ย อะไรเล่าที่ขัดขวางเจ้ามิให้เจ้าสุญูดต่อสิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยมือทั้งสองของข้า ? เจ้าเย่อหยิ่งจองหองนักหรือ หรือว่าเจ้าอยู่ในหมู่ผู้สูงส่ง – ศอด/47
ท่านท่านอิบนุญะรีรอัฏฏอ็บรีย์ อธิบายว่า
( لِمَا خَلَقْتُ بِيَدَيَّ ) يَقُولُ : لِخَلْقِ يَدَيَّ ، يُخْبِرُ - تَعَالَى ذِكْرُهُ - بِذَلِكَ أَنَّهُ خَلَقَ آدَمَ بِيَدَيْهِ .
ต่อสิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยมือทั้งสองของข้า) เขากล่าวว่า ต่อการสร้างของสองมือของข้า ,ผู้ทรงการสดุดีพระองค์ สูงส่งยิ่ง ได้บอกด้วยดังกล่าว ว่า แท้จริงพระองค์ทรงสร้างอาดัม ด้วยสองมือของพระองค์
แล้วอิบนุญะรีร ยืนยัน ว่า อัลลอฮทรงสร้างอาดัมด้วยมือ โดยการอ้างหะดิษต่อไปนี้
كَمَا حَدَّثَنَا ابْنُ الْمُثَنَّى قَالَ : ثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ جَعْفَرٍ قَالَ : ثَنَا شُعْبَةُ قَالَ : أَخْبَرَنِي عُبَيْدٌ الْمُكْتِبُ قَالَ : سَمِعْتُ مُجَاهِدًا يُحَدِّثُ عَنِ ابْنِ عُمَرَ قَالَ : خَلَقَ اللَّهُ أَرْبَعَةً بِيَدِهِ : الْعَرْشَ ، وَعَدْنَ ، وَالْقَلَمَ ، وَآدَمَ ، ثُمَّ قَالَ لِكُلِّ شَيْءٍ كُنْ فَكَانَ
.คำแปลตัวบทหะดิษ
จากอิบนุอุมัร กล่าวว่า “อัลลอฮทรงสร้าง สี่ประการด้วยมือของพระองค์ คือ อะรัช ,สวรรค์ ,ปากกา และอาดัม หลังจากนั้น พระองค์ได้กล่าวแก่ทุกๆสิ่งว่า “จงเป็น” แล้วมันก็เป็นขึ้นมา” – ดูตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์ อรรถาธิบาย ซูเราะศอด อายะฮ ที่ 47
ส่วนที่อ้างว่า "หนังสืออัตตับศีร ฟี มะอาลิมิดดีน (التبصير في معالم الدين)ว่า เป็นหนังสือเชื่อถือไม่ได้ ไม่ใช่อิบนุญะรีร เป็นผู้เขียน แล้วมาลอยๆว่าคนนั้น คนนี้ ว่าชื่อไม่ตรงกัน อะไรบ้าง นี่คือการอ้างที่ไร้น้ำหนัก
มาดูที่นับวิชาการเขายืนยันสะนัดของหนังสือ สืบไปถึง อิบนุญะรีร ดังนี้
อบูอับดุลลอฮ อัลหุมัยดีย์ (ฮ.ศ ) กล่าวไว้ในหนังสือ ญัซ วะฮมุกตะบิส ฟี ซิกริ วะลาติลอัลดะลิส หน้า ๑๔๐ กล่าวถึง ประวัติของ อะหมัด บิน อัลฟัฏลี บิน อัลอับบาส อัดดีนะวะรีย์ อบูบักรฺ อัลมุเฏาวิอีย์ ฮ.ศ ๓๔๙ ว่า

أحمد بن الفضل بن العباس الدينوري، أبو بكر المطوعى، سمع من جعفر بن محمد الفريابى، ومن أبي جعفر محمد بن جرير الطبري كتابه في التاريخ المعروف بذيل المذيل، وكتاب صريح السنة له، وفضائل الجهاد، له ورسالته إلى أهل طبرستان المعروفة بالتبصير
อะหมัด บิน อัลฟัฎลิ บิน อัลอับบาส อัดดีนะวะรีย์ อบูบักรฺ อัลมุเฏาวิอีย์ ว่า เขาได้ยินจาก ญะอฟัร บิน มุหัมหมัด อัลฟีรยานีย์ และจาก อบียะฮฟัร มุหัมหมัด บิน ญะรีร อัฏฏอ็บรีย์ หนังสือของเขา ใน ตาริค(หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์) ที่เป็นที่รู้จักกัน คือ ซัยลุลบะซีล หนังสือ เศาะเรียะอัสสุนนะฮของเขา ,หนังสือฟะฎออิลิลญิฮาดของเขา และ ริสาละฮ ของเขาที่ส่งไปยัง ชาว เฏาะบารีสสถาน(Tabaristan) ที่เป็นที่รู้จักกัน ด้วยชื่อว่า “อัตตับศีร (หมายถึง อัตตับศีร ฟี มะอาลิมิดดีน) 
และอิบนุอะสากีร ได้รายงานไว้ว่า
قرأت على أبي الحسن سعد الخير بن محمد الأنصاري ، عن أبي عبد الله محمد بن أبي نصر الحميدي في تاريخ الأندلس قال : أحمد بن الفضل بن العباس الدينوري أبو بكر المطوعي ، سمع من جعفر بن محمد الفريابي ، ومن أبي جعفر محمد بن جرير الطبري ، كتابه في التاريخ المعروف ( بذيل المذيل ) ، وكتاب ( صريح السنة ) ، ( وفضائل الجهاد ) ، ورسالته إلى أهل طبرستان المعروفة بالتبصرة
ข้าพเจ้า ได้อ่าน (ได้ศึกษา) เกี่ยวกับท่านอบิลหะซัน สะอฺดิลคอ็ยรฺ บืนมุหัมหมัด อันอันศอรีย์ จาก อบีอับดิลละฮ มุหัมหมัด บิน อบี นัศริลอัลหุมัยดีย์ ใน อัตตาริคอัลอันดาลุส ว่าเขากล่าวว่า อะหมัด บิน อัลฟัฎลิ บิน อัลอับบาส อัดดีนะวารีย อบูบักร์ อัลมุเฏาวิอีย์ ว่า เขาได้ยินจาก ญะอฟัร บิน มุหัมหมัด อัลฟีรยานีย์ และจาก อบียะฮฟัร มุหัมหมัด บิน ญะรีร อัฏฏอ็บรีย์ หนังสือของเขา ใน ตาริค(หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์) ที่เป็นที่รู้จักกัน คือ ซัยลุลบะซีล หนังสือ เศาะเรียะอัสสุนนะฮของเขา ,หนังสือฟะฎออิลิลญิฮาดของเขา และ ริสาละฮ ของเขาที่ส่งไปยัง ชาว เฏาะบารีสสถานที่เป็นที่รู้จักกัน ด้วยชื่อว่า “อัตตับศีเราะฮ (หมายถึง อัตตับศีร ฟี มะอาลิมิดดีน) –ดู ตาริคดิมัชกิ(หรือตาริคามัซกัส) ของอิบนิอะสากีร อักษร อาลิล หมวดชื่ออะหมัด ๔๗/๓๔๒ (ดูเสาเนาหนังสือที่แนบมา)
................
จากหลักฐานข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า หนังสือ อัตตับศีร ฟี มะอาลิมิดดีน เป็นหนังสือที่เป็นเอกสาร ที่สงไปยังชาว เฏาะบาริสสถาน เขียนโดย อิบนุญะรีรจริง เพราะมีสายรายงาน(สะนัด)ไปถึงอิบนุญะรีร และแสดงให้เห็นว่า ข้ออ้างของ นาย อานัส ชู่ชื่อ ที่ว่าเชื่อถือไม่ได้ เป็นการนั่งเทียนอ้างเพื่อเอาชนะตามอารมณ์เท่านั้นเอง
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
๑/๙/๕๙
ปล. สัจธรรมไม่มีวันตาย ใครจะทำลายมันก็ยังคงอยู่

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ใครบอกว่าอิหม่ามชาฟิอีส่งเสริมให้ทำบิดอะฮ ภาค 2






ใครบอกว่าอิหม่ามชาฟิอีส่งเสริมให้ทำบิดอะฮ ภาค 2
คนที่อ้างว่า สังกัดมัซฮับอิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ) บางกลุ่ม บอกว่าเขาตามชาฟิอี (ร.ฮ) โดยอ้างว่าอิหม่ามชาฟิีอี แบ่งบิดอะฮเป็นสองประเภทคือ บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ และบิดอะฮที่ถูกตำหนิ ซึ่ง ได้อธิบายไปแล้วในภาคแรกว่า หมายถึงบิดอะฮในทางภาษา ไม่ได้หมายถึง บิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ อันหมายถึง การอิบาดะฮในสิ่งที่ไม่มีบัญญัติใช้ให้กระทำ
ก่อนอื่นขอนำ คำอธิบายของ ชัยค์ อิบนุอุษัยมีน (ร.ฮ) ที่ได้อธิบายเกี่ยวกับบิดอะฮ โดยท่านได้อธิบายบิดอะฮในทางศาสนบัญญัติเอาไว้ ดังนี้
التعبد لله بما لم يشرعه الله"، وإن شئت فقل: "التعبد لله - تعالى- بما ليس عليه النبي صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ولا خلفاؤه الراشدون" فالتعريف الأول مأخوذ من قوله- تعالى-: {أَمْ لَهُمْ شُرَكَاءُ شَرَعُوا لَهُمْ مِنَ الدِّينِ مَا لَمْ يَأْذَنْ بِهِ اللَّهُ} . والتعريف الثاني مأخوذ من قول النبي عليه الصلاة والسلام: «عليكم بسنتي وسنة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي تمسكوا بها وعضوا عليها بالنواجذ وإياكم ومحدثات الأمور»
(บิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ)คือ การอิบาดะฮ ต่ออัลลอฮ ด้วยสิ่งที่อัลลอฮไม่ได้บัญญัติมัน และถ้าหากท่านจะกล่าว(แบบนี้ก็ได้)คือ การอิบาดะฮต่ออัลลอฮตาอาลา ด้วยสิ่งที่ ท่านนบี สอ็ลฯ และบรรดาเคาะละฟะฮของท่านนบี ผู้ทรงชี้นำทางที่ถูกต้อง ไม่ได้ดำเนินอยู่บนมัน
ดังนั้นนิยามที่หนึ่ง เอามาจากคำตรัสของอัลลอฮตาอาลาที่ว่า (หรือว่าพวกเขามีภาคีต่าง ๆ ที่ได้บัญญัติศาสนาแก่พวกเขา ซึ่งอัลลอฮฺมิได้ทรงอนุมัติ-)
และนิยามที่สอง เอามาจากคำพูดของท่านนบี (อ.)ที่ว่า "ดังนั้นพวกท่านจงปฏิบัติตามสุนนะฮฺ(แนวทาง)ของฉัน และสุนนะฮฺของบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงธรรมที่ได้รับทางนำหลังจากฉัน ,พวกท่านจงยึดมันและ จงกัดมันด้วยฟันกราม บนมัน และพวกท่านจงพึงระวังบรรดาสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นไหม่(ในศาสนา) - มัจญมัวะฟะตาวาวะเราะสาอีลอัลอุษัยมีน 2/291
มาดูตัวอย่างของอิหม่ามชาฟิอี(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)ที่ให้ความสำคัญกับการตามสุนนะฮ
อัลหาฟิซอิบนุหะญัร กล่าวว่า
أجاب الشافعي عن قول من قال ليس شيء من البيت مهجوراً بأن لم ندع استلامها هجراً للبيت وكيف يهجره وهو يطوف به؟ ولكن نتبع السنة فعلاً أو تركاً
อัชชาฟิอี ได้ตอบ คำพูดของผู้ที่กล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดจากบัยตุลลอฮ ที่ถูกละทิ้ง ด้วยการที่เราจะไม่ละทิ้งการลูบมัน โดยที่ละทิ้ง(การลูบ)บัยตุลลอฮ และเราจะละทิ้งมันได้อย่างไร โดยที่เราทำการฏอวาฟด้วยมัน ?
(อิหม่ามชาฟิอีตอบว่า) แต่เราตามสุนนะฮ ในการกระทำ หรือ ในการทิ้ง – ดูฟัตหุลบารีย์ เล่ม 4 หน้า 220
.............................
กล่าวคือ มีคนพูดว่า เขาจะไม่ทิ้งการลูบ(มุม)บัยตุลลอฮ เวลาทำการฏอวาฟ เพราะเมื่อเราฏอวาฟด้วยมัน เราก็จะลูบมันด้วย
อิหม่ามชาฟิอี ตอบกรณีนี้ว่า แต่เราตามสุนนะฮ ในสิ่งที่นบีทำ และตามในสิ่งที่นบีไม่ทำ เพราะไม่มีสุนนะฮให้ลูบบัยตุลลอฮ ขณะทำการฏอวาฟ อิหม่ามชาฟิอีจึงไม่ทำ เพราะท่านตามสุนนะฮนบี
ท่านอิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ) ได้ กล่าวถึงสุนนะฮ 2 ประเภทคือ
1.สุนนะฮเฟียะลียะฮ คือ แบบอย่างในการกระทำของนบี ซึ่งหมายถึง ปฏิบัติตามในสิ่งที่นบีปฏิบัติ
2.สุนนะฮตัรกียะฮ คือ แบบอย่างในการละทิ้ง หมายถึง เมื่อท่านนบี ศอ็ลฯไม่ปฏิบัติ เราก็ไม่ปฏิบัติ
อิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ) ห้าม การใช้ความคิดเห็นว่าดีในเรื่องศาสนา โดยไม่มีหลักฐานทางศาสนบัญญัติบอกไว้นั้นคือ
أن حراماً على أحد أن يقول بالاستحسان إذا خالف الاستحسان الخبر
แท้จริง เป็นการต้องห้าม แก่คนหนึ่งคนใด ต่อการที่เขากล่าวด้วยความคิดเห็นว่าดี เมื่อการคิดเห็นว่าดี(อัลอิสติหซาน)นั้นขัดแย้งกับหะดิษ -ดู อัรริสาละฮ ของอิหม่ามชาฟิอี หน้า 504
อิหม่ามชาฟิอีย(ร.ฮ) กล่าวว่า
ﻭﺇﻧّﻤﺎ ﺍﻻﺳﺘﺤﺴﺎﻥ ﺗﻠﺬﺫ، ﻭﻟﻮ ﺟﺎﺯ ﻷﺣﺪ ﺍﻻﺳﺘﺤﺴﺎﻥ ﻓﻲ ﺍﻟﺪﻳﻦ ﻟﺠﺎﺯ ﺫﻟﻚ ﻷﻫﻞ ﺍﻟﻌﻘﻮﻝ ﻣﻦ ﻏﻴﺮ ﺃﻫﻞ ﺍﻟﻌﻠﻢ، ﻭﻟﺠﺎﺯ ﺃﻥ ﻳﺸﺮﻉ ﻓﻲ ﺍﻟﺪﻳﻦ ﻓﻲ ﻛﻞّ ﺑﺎﺏ، ﻭﺃﻥ ﻳﺨﺮﺝ ﻛﻞّ ﺃﺣﺪ ﻟﻨﻔﺴﻪ ﺷﺮﻋﺎً
และความจริง อัลอิสติหซาน(การคิดเห็นว่าดีโดยไม่อ้างอิงหลักฐานทางศาสนบัญญัติ) คือ การลิ้มรส(หมายถึงการตามอารมณ์ชอบ) และถ้าการอิสติหซาน ในเรื่องศาสนา เป็นที่อนุญาต แน่นอนดังกล่าวนั้น ก็อนุญาติแก่ผู้ที่ฉลาด จากผู้ที่ไม่ใช่เป็นผู้ที่มีความรู้ และก็จะอนุญาตให้เขาบัญญัติในเรื่องศาสนาในทุกเรื่อง และแต่ละคนก็จะออกบัญญัติให้แก่ตัวเขาเอง -อัรริสาละฮ 507
.......
คือ ถ้าสมมุติว่า อนุญาตให้ใช้ความคิดเห็นว่าดีตามความเห็น ในเรื่องศาสนา ก็ย่อมที่จะอนุญาตให้คนที่ฉลาดที่ไม่มีความรู้ด้านศาสนาออกบทบัญญัติให้ตัวเองได้
และท่านอิหม่ามชาฟิอี กล่าวอีกว่า
مَنِ اسْتَحْسَنَ فَقَدْ شَرَعَ .
ผู้ใดคิดว่าดี ตามความเห็น แน่นอน เขาได้บัญญัติศาสนบัญญัติแล้ว
قَالَ الرُّويَانِيُّ : مَعْنَاهُ أَنَّهُ يَنْصِبُ مِنْ جِهَةِ نَفْسِهِ شَرْعًا غَيْرَ الشَّرْعِ
อัรเรายานีย์ กล่าวว่า ความหมายของมันคือ แท้จริง เขากำหนดหุกุมศาสนา ที่มาจากตัว(ความเห็น)เขาเอง โดยปราศจากการอ้างอิงศาสนบัญญัติ - ดู อิรชาดุลฟุหูล ของอิหม่ามเชาการนีย์ หน้า 240
................
จากที่กล่าวมาข้างต้น การอ้างว่า อิหม่ามชาฟิอีย์ (ร.ฮ) ส่งเสริมให้ทำบิดอะฮที่มนุษย์ว่าดี ตามความคิดเห็นนั้น เป็นการอ้างที่ไม่ถูกต้อง และห่างใกลจากความเป็นจริง
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
27/8/59

ใครบอกว่าอิหม่ามชาฟิอีส่งเสริมให้ทำบิดอะฮ




ใครบอกว่าอิหม่ามชาฟิอีส่งเสริมให้ทำบิดอะฮ
อะหมัดรอชีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์
4 ชม.
ระหว่าง วะฮฺฮาบีคณะใหม่ กับ ท่านอิหม่ามชาฟีอี พี่น้องชาวอะฮฺลิสซุนนะฮ์จะเชื่อถือใครดีครับ ?
มีพี่น้องส่งข้อความมาให้ผมฟังคลิป นักพูดของวะฮฺฮาบีภาคใต้ตนหนึ่งที่เคยตำหนิท่านจุฬาราชมนตรีเรื่องจุฬาไม่ใช่ผู้นำ ผมฟังแล้วสงสารคนที่ตามเขามาก โดยเขากล่าวว่า
“ ในเมื่อท่านนะบีย์บอกว่า ทุกๆบิดอะฮ์ นั้นถือว่าหลงผิดทั้งหมด แล้วมันจะมาบอกได้อย่างไรว่า บิดอะฮ์มีบิดอะฮ์ที่ดี ! คิดไม่ออกกับสมองมนุษย์จริงๆ ถ้าใครคิดไม่ได้ เสียดายรอยหยักบนหัว-สมองมันนั้นแหละ ”................................................
แล้วท่านอะหมัดรอชีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ อ้างหลักฐานว่า
: อิบนุ อัลอะษีร, อันนิฮายะฮ์ ฟี ฆ่อรีบ อัลอะษัร, เล่ม 1, หน้า 267.
ท่านอะบู นุอัยม์ ได้รายงานว่า ท่านอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ปราชญ์ใหญ่แห่งยุคสะลัฟศอลิห์ 300 ปีแรกแห่งอิสลาม ได้กล่าวว่า
اَلْبِدْعَةُ بِدْعَتَانِ مَحْمُوْدَةٌ وَمَذْمُوْمَةٌ فَمَا وَافَقَ السُّنَّةَ فَهُوَ مَحْمُوْدٌ وَمَا خَالَفَهَا فَهُوَ مَذْمُوْمٌ
“ บิดอะฮ์มีสองประเภท บิดอะฮ์ที่ถูกสรรเสริญ และบิดอะฮ์ที่ถูกตำหนิ ดังนั้นบิดอะฮ์ที่สอดคล้องกับซุนนะฮ์ ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกสรรเสริญ และบิดอะฮ์ที่ขัดกับซุนนะฮ์ ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกตำหนิ ”
: อะบู นุอัยม์, หิลยะตุลเอาลิยาอฺ, เล่ม 9, หน้า 113.
สำหรับผม ผมเชื่อท่านอิหม่ามชาฟีอี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ
................
@@@@@@
ชี้แจง
บางคนพยายามที่จะเอาคำพูดอิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ) มาสนับสนุนบิดอะฮ ที่ตนคิด่าดี โดยไม่พิจารณาที่มาของคำพูดของท่านอิหม่ามชาฟิอีว่าท่านหมายถึงบิดอะฮในด้านใด
มาดูคำอธิบายของนักปราชญ์ตัวจริง คือ อิบนุเราะญับ (ร.ฮ) ดังนี้
وَقَدْ رَوَى الْحَافِظُ أَبُو نُعَيْمٍ بِإِسْنَادٍ عَنْ إِبْرَاهِيمَ بْنِ الْجُنَيْدِ ، [ حَدَّثَنَا حَرْمَلَةُ بْنُ يَحْيَى ] قَالَ : سَمِعْتُ الشَّافِعِيَّ رَحْمَةُ اللَّهِ عَلَيْهِ يَقُولُ : الْبِدْعَةُ بِدْعَتَانِ : بِدْعَةٌ مَحْمُودَةٌ ، وَبِدْعَةٌ مَذْمُومَةٌ ، فَمَا وَافَقَ السُّنَّةَ فَهُوَ مَحْمُودٌ ، وَمَا خَالَفَ السُّنَّةَ فَهُوَ مَذْمُومٌ . وَاحْتَجَّ بِقَوْلِ عُمَرَ : نِعْمَتُ الْبِدْعَةُ هِيَ .
และอัลหาฟิซ อบูนุอัยมฺ ได้รายงานด้วยสายรายงาน จากอิบรอฮีม บืน อัลญุนัยดฺว่า หัรมะละฮ บิน ยะหยา ได้เล่าเราว่า ข้าพเจ้าได้ยิน ชาฟิอี (ร.ฮ) กล่าวว่า
บิดอะฮ นั้นมี 2 ประเภท คือ
หนึ่ง – บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ
สอง – บิดอะฮที่ถูกตำหนิ
ดังนั้นสิ่งใดที่สอดคล้องกับอัสสุนนะฮ มันคือ สิ่งที่ถูกสรรเสริญ และสิ่งใดที่ขัดแย้งกับอัสสุนนะฮ มันคือ สิ่งที่ถูกตำหนิ และเขา(อิหม่ามชาฟิอีย) ได้อ้างหลักฐาน คำพูดของท่านอุมัร ที่ว่า มันคือ บิดอะฮที่ดี
แล้ว อิบนุเราะญับได้ ชี้แจงว่า
وَمُرَادُ الشَّافِعِيِّ رَحِمَهُ اللَّهُ مَا ذَكَرْنَاهُ مِنْ قَبْلُ : أَنَّ الْبِدْعَةَ الْمَذْمُومَةَ مَا لَيْسَ لَهَا أَصْلٌ مِنَ الشَّرِيعَةِ يُرْجَعُ إِلَيْهِ ، وَهِيَ الْبِدْعَةُ فِي إِطْلَاقِ الشَّرْعِ ، وَأَمَّا الْبِدْعَةُ الْمَحْمُودَةُ فَمَا وَافَقَ السُّنَّةَ ، يَعْنِي : مَا كَانَ لَهَا أَصْلٌ مِنَ السُّنَّةِ يُرْجَعُ إِلَيْهِ ، وَإِنَّمَا هِيَ بِدْعَةٌ لُغَةً لَا شَرْعًا ، لِمُوَافَقَتِهَا السُّنَّةَ
และจุดมุ่งหมายของอิหม่ามชาฟิอี (ขออัลอฮเมตตาต่อท่าน) ต่อสิ่งที่เราได้ระบุมันมาก่อนหน้านี้ คือ แท้จริงบิดอะฮ ทีถูกตำหนิ(บิดอะฮมัซมูมะฮ) คือ สิ่งที่ไม่มีรากฐานจากศาสนบัญญัติ ทีจะถูกนำกลับไปหามัน และมันคือ บิดอะฮในความหมายทางศาสนา และสำหรับ บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ นั้น คือ สิ่งที่สอดคล้องกับสุนนะฮ หมายถึง สิ่งที่มีรากฐานมาจากสุนนะฮ ที่จะถูกนำกลับไปหามัน ความจริง มันคือ บิดอะฮในทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญัติ เพราะมันสอดคล้องกับอัสสุนนะฮ” – ดู ญามิอุลอุลูม วัลหิกัม หน้า 28
............
ท่านอิบนุเราะญับ(ร.ฮ)ได้ยืนยันว่า อิหม่ามชาฟิอี(ร.ฮ) หมายถึงบิดอะฮในทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ(บิดอะฮขัรอีย์)
ทั้งนี้เพราะ
อิหม่ามชาฟิอี (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)ได้อ้างกระทำของเคาะลิฟะฮอุมัร เป็นตัวอย่างของคำว่า “บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ “ เพราะการกระทำของอุมัร มีรากฐานมาจากการกระทำของท่านรซูลุลลอฮ
ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในรูปแบบย่ามาอะฮ หลายคืน แต่ท่านได้หยุดเพราะเกรงว่า จะถูกบัญญัติให้เป็นฟัรดู ก็จะเกิดความลำบากแก่อุมมะฮของท่าน ,พอมาในยุคเคาะลิฟะฮ อบูบักรฺ ท่านสาละวนอยู่กับการทำสงครามปราบปรามขบถศาสนา จึงไม่ได้จัดระเบียบการละหมาดญะมาอะฮตะรอเวียะตามรูปแบบที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เคยทำ พอมาในสมัยเคาะลิฟะฮอุมัร (ร.ฎ) ท่านได้ริเริ่มขึ้นใหม่ โดยจัดให้มีการละหมาดญะมาอะฮละหมาดตะรอเวียะ ตามรูปแบบที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เคยทำไว้ และ “การริเริ่ม” ก็คือ บิดอะฮในความหมายทางภาษา ไม่ใช่ความหมายทางศาสนา
อิหม่ามอัชชาฏิบีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)ได้อธิบายว่า
إنما سمّاها بدعةً باعتبار ظاهر الحال؛ من حيث تركها رسول الله صلى الله عليه وسلم واتَّفق أنْ لم تقع في زمان أبي بكر رضي الله عنه، لا أنَّها بدعةً في المعنى، فمن سمّاها بدعةً بهذا الاعتبار؛ فلا مشاحة في الأسامي، وعند ذلك لا يجوز أن يُسْتَدَلَّ بها على جواز الابتداع بالمعنى المتكلم فيه؛ لأنَّه نوع من تحريف الكلم عن مواضعه
ความจริง ที่เรียกมันว่า บิดอะฮ โดยการพิจารณาสภาพที่ปรากฏ(ในขณะนั้น) โดยที่ท่านรซูลลุลลอฮ ศ็อลลอ็ลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ทิ้งมัน และ บังเอิญว่า ไม่ปรากฏในสมัยของอบูบักร (ร.ฎ) เพราะความจริง มันไม่ใช่เป็นบิดอะฮในด้าน ความหมาย ดังนั้น ผู้ใด เรียกมันว่า “บิดอะฮ”ด้วยการพิจารณานี้ ก็อย่าให้ความสำคัญกับการเรียกชื่อ และในขณะดังกล่าว ไม่อนุญาตให้อ้างมัน เป็นหลักฐานว่า อนุญาตให้อุตริบิดอะฮ ด้วยความหมายที่ถูกพูดถึงในมัน เพราะแท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งของการบิดเบือนคำพูดออกจากที่ของมัน - อัลเอียะติศอม เล่ม 1 หน้า 195
กล่าวคือ อย่าไปอ้างความหมายบิดอะฮในทางภาษาไปอุตริบิดอะฮในทางศาสนา
อิบนุเราะญับ(ร.ฮ) ได้ยืนว่า คำพูดของชาวสะลัฟนั้น เมื่อเขาพูดถึงบิดอะฮที่ดี เขาหมายถึง บิดอะฮในทางภาษา
وَأَمَّا مَا وَقَعَ فِي كَلَامِ السَّلَفِ مِنَ اسْتِحْسَانِ بَعْضِ الْبِدَعِ ، فَإِنَّمَا ذَلِكَ فِي الْبِدَعِ اللُّغَوِيَّةِ ، لَا الشَّرْعِيَّةِ ، فَمِنْ ذَلِكَ قَوْلُ عُمَرَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ لَمَّا جَمَعَ النَّاسَ فِي قِيَامِ رَمَضَانَ عَلَى إِمَامٍ وَاحِدٍ فِي الْمَسْجِدِ ، وَخَرَجَ وَرَآهُمْ يُصَلُّونَ كَذَلِكَ فَقَالَ : نِعْمَتُ الْبِدْعَةُ هَذِهِ .
สำหรับสิ่งที่ปรากฏในคำพูดของสะลัฟ จากการที่เห็นว่าบางส่วนของบิดอะฮเป็นสิ่งที่ดีนั้น ความจริง ดังกล่าวนั้น เกี่ยวกับบิดอะฮในเชิงภาษา ไม่ใช่ ในด้านศาสนา แล้วส่วนหนึ่งจากดังกล่าวนั้น คือ คำพูดของอุมัร (ร.ฎ)เมื่อได้รวมผู้คนให้มาละหมาดกิยามุเราะมะฏอน(ตะรอเวียะ) ภายใต้การนำของอิหม่ามคนเดียวกัน ในมัสญิด และท่านได้ออกมาเห็นพวกเขา กำลังละหมาดเช่นนั้น จึงกล่าวว่า “ นี่คือ บิดอะฮที่ดี – ญามิอุลอุลูมวัลหิกัม 1/129
.........
ท่านอุมัร (ร.ฎ) ได้จัดให้มีการละหมาดตะรอเวียะในรูปแบบญะมาอะฮ
หลังจากที่ได้มีการปฏิบัติมาแล้วโดยการนำของนบี ศอ็ลฯแต่ท่านนบี ศอ็ลฯ ได้หยุดไว้ เพราะเกรงว่า อัลลอฮจะกำหนดให้เป็นฟัรดู ซึ่งจะสร้างความลำบากแก่อุมมะฮ ต่อมาในสมัยเคาะลิฟะฮอุมัร(ร.ฮ)ท่านอุมัรได้ริเริ่มขึ้นใหม่ ตามแบบที่นบีเคยทำ ท่านจึงกล่าวว่า
نِعْمَتُ الْبِدْعَةُ هَذِهِ
นี่คือ บิดอะฮที่ดี
หมายถึงการริเริ่มที่ดีนั้นเอง
เพราะเหตุนี้ ท่านชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ จึงกล่าวว่า
ومعلوم أنّ كل ما لم يسنه ولا استحبه رسول الله صلى الله عليه وسلم ولا أحد من هؤلاء الذين يقتدي بهم المسلمون في دينهم فإنه يكون من البدع المنكرات، ولا يقول أحد في مثل هذا أنّه بدعة حسنة"
مجموع الفتاوى (27/152)
และเป็นที่รู้กันว่า ทุกสิ่งที่ท่านรซูลลุลลอฮ ศ็อลลอ็ลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ได้ทำแบบอย่างเอาไว้และไม่ได้ส่งเสริมมัน และไม่มีคนหนึ่งคนใดจากพวกเขา (หมายถึงเหล่าเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน)ที่บรรดามวลมุสลิมปฏิบัติตามพวกเขา ในเรื่องศาสนาของพวกเขา (ได้ทำแบบอย่างและส่งเสริมให้กระทำ) ดังนั้นแท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งจากบิดอะฮที่ต้องห้าม และไม่มีคนใดกล่าว ในกรณีแบบนี้ว่า เป็น “บิดอะฮหะสะนะฮ”
- มัจญมัวะอัลฟะตาวา เล่ม 27 หน้า 152
...............
เพราะฉะนั้นอย่าได้เข้าใจผิดว่า อิหม่ามชาฟิอี ขออัลลอฮเมตตตาต่อท่าน ปราชญ์สะลัฟ ผู้มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดคำสอนศาสนาสู่อุมมะฮอิสลาม ส่งเสริมให้อุตริบิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ ที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ห้ามและเตือนให้ระวัง ซึ่งความจริงท่านหมายถึงการริเริ่มทำสิ่งที่ดี ที่มีรากฐานการกระทำมาจาก ท่านรซูลลุลลอฮ ศ็อลลอ็ลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และต้องระมัดระวังในการอ้างคำพูดสะลัฟ เพื่อสนับสนุนการอุตริบิดอะฮไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือข้ออ้างใดก็ตาม
บุตรชายของท่านเคาะลิฟะฮอุมัรเองก็มีทัศนะว่าทุกบิดอะฮ คือการหลงผิด เช่น
حَدَّثَنَا حَدَّثَنَا إِسْحَاقُ ، أنبا وَكِيعٌ ، عَنْ هِشَامِ بْنِ الْغَازِ ، أَنَّهُ سَمِعَ نَافِعًا ، يَقُولُ : قَالَ ابْنُ عُمَرَ : " كُلُّ بِدْعَةٍ ضَلالَةٌ وَإِنْ رَآهَا النَّاسُ حَسَنًا " .
คำแปลตัวบท
อิบนุอุมัร กล่าวว่า "ทุกบิดอะฮคือ การหลงผิด และแม้บรรดามนุษย์จะเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดีก็ตาม - อัสสุนนะฮ ของ อัลมัรวะซีย์ หะดิษหมายเลข 68
อิหม่ามอะหมัด (ร.ฮ) ศิษย์อิหม่ามชาฟิอี กล่าวว่า
أصول السنَّة عندنا التمسكُ بما كان عليه أصحاب رسول الله - عليه الصلاة والسلام - والاقتداء بهم، وترك البدع، وكل بدعة فهي ضلالة
รากฐานอัสสุนนะฮ ในทัศนะของเรา คือ การยึดถือ สิ่งที่บรรดาสาวกของท่านรซูลลุฮ สอ็ลฯ ได้ดำเนินอยู่บนมัน และปฏิบัติตามพวกเขา และละทิ้งบรรดาบิดอะฮ และทุกบิดอะฮ คือการหลงผืด - ดูซัมมุตตะวีล ของอิบนุกุดามะฮ หน้า 32
..................
เพราะฉะนั้น สนุปว่า ไม่มีสะลัฟคนใด รวมถึงอิหม่ามชาฟิอีด้วย ส่งเสริมให้ทำบิดอะฮ ในทางศาสนา ตามที่บางคนพยายามนำคำพูดสะลัฟมาสนับสนุนบิดอะฮที่ตนเองทำ ณ เวลานี้
والله اعلم بالصواب
อะสัน หมัดอดั้ม
28/8/59

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

การบิดเบือนใส่ร้ายชัยค์อัลบานีย์ว่าตักฟีรอิหม่ามบุคอรี






การบิดเบือนใส่ร้ายชัยค์อัลบานีย์ว่าตักฟีรอิหม่ามบุคอรี
Amaluddeen Abdulqodir
17 ชม.
ลูกหาบวาฮาบีว่าไง....
เช็คอัลบานีย์ อุลามาอ์ยุคสุดท้ายของวะฮาบีย์ ได้ทำการตักฟี้ร ท่านอิหม่ามอัลบุคอรีย์ ร.ฮ อุลามาอ์หะดิษของเรา
เนื่องจากอิหม่ามอัลบุคอรีย์ ได้ทำการตะวี้ล(อธิบายเจาะจงความหมาย)อายัตกุรอ่าน
(ท่านอิหม่ามอัลบุคอรีย์ได้ตะวี้ล จากวัจฮุน เป็น มุลก์)
เลยเป็นที่ไม่พอใจของนายอัลบานีย์ ถึงขนาดบอกว่า "นี่เป็นคำกล่าวของคนที่ไม่ใช่มุสลิมและมุมิน" (นะอูซุบิลลาฮ)
อ้างอิง..ดูได้จากตำราของอัลบานีย์ ที่ชื่อ อัลฟะตาวา หน้าที่523
........
พี่น้องครับ อย่าได้เชื่อคนกลุ่มนี้เลยครับ เพราะนานๆเข้า ท่านจะกลายเป็นนักตักฟี้รและนักตับเดี้ยะอ์โดยไม่รู้ตัว หัวใจก็จะมืดบอดจากสัจธรรมคำสอนของอิสลามที่ละนิดๆ จนยากที่จะเยียวยา
(นะอูซูบิลลาฮ)
..................................
@@@
ชี้แจง
ความพยายามที่จะดิสเครดิตและทำลายปราชญ์ที่ต่อต้านชิริก ต่อต่อต้านบิดอะฮและต่อต้านการใช้ตรรกทางปัญญาตีความอัลกุรอ่าน ยังคงทะยอยมาไม่ขาดสาย ข้างต้นก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ นาย
Amaluddeen Abdulqodir เอามาใส่ร้ายชัยค์อัลบานีย์ ซึ่งความจริง มีคนระดับแกนนำอาชาอิเราะฮบางคนเคยกล่าวหาชัยค์อัลบานีย์ในประเด็นนี้มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน
สืบเนื่องมาจากได้ปรากฏข้อความในเศาะเฮียะบุคอรี ในกิตาบตัฟสีรอัลกุรอ่าน ซุเราะฮอัลเกาะศอศว่า
كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ إِلَّا مُلْكَهُ وَيُقَالُ إِلَّا مَا أُرِيدَ بِهِ وَجْهُ اللَّهِ وَقَالَ مُجَاهِدٌ فَعَمِيَتْ عَلَيْهِمْ الْأَنْبَاءُ الْحُجَجُ
และทุกสิ่งทุกสิ่งย่อมพินาศนอกจากพระพักตร์ของพระองค์) หมายถึง เว้นแต่ อำนาจการปกครองของพระองค์ และมีผู้กล่าวว่า นอกจากสิ่งที่ เพื่อพระพักต์ของพระองค์ด้วยมัน และ มุญาฮิด กล่าว(เกี่ยวกับอายะฮที่ว่า) ดังนั้น ข้อแก้ตัวได้ทำให้พวกเขามืดมน หมายถึง ข้ออ้าง
...................
จากข้อความข้างต้น พวกบิดเบือนได้ตัดข้องความมาเพียงท่อนหนึ่งคือ
كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ إِلَّا مُلْكَهُ
และทุกสิ่งทุกสิ่งย่อมพินาศนอกจากพระพักตร์ของพระองค์) หมายถึง เว้นแต่ อำนาจการปกครองของพระองค์
.................
แล้วมาอ้างว่า อิหม่ามบุคอรีย์ ตีความ สิฟัตวัจญ ว่าหมายถึง อำนาจปกครอง
ความจริงไม่ใช่คำพูดของท่านอิหม่ามบุคอรี แต่ท่านvbs,jk,[68viu ได้ รายงานคำพูดคนอื่นอีกที่
ส่วนคำพูดของอิม่ามบุคอรีจริงๆคือ ประโยคที่ว่า
إِلَّا مَا أُرِيدَ بِهِ وَجْهُ اللَّهِ
ซึ่งมีความหมายว่า “เว้นแต่ สิ่งที่ถูกให้มีจุดประสงค์ เพื่อพระพักต์ของพระองค์ด้วยมัน
เพราะท่าน อิบนุกะษีร ได้ยืนยันว่า
وَقَالَ مُجَاهِدٌ وَالثَّوْرِيُّ فِي قَوْلِهِ : ( كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ ) أَيْ : إِلَّا مَا أُرِيدَ بِهِ وَجْهُهُ وَحَكَاهُ الْبُخَارِيُّ فِي صَحِيحِهِ كَالْمُقَرِّرِ لَهُ
และมุญาฮิด และอัษเษารีย์ กล่าวในคำตรัสของอัลลอฮที่ว่า(ทุกสิ่งย่อมพินาศนอกจากพระพักตร์ของพระองค์) หมายถึง เว้นแต่ สิ่งที่ถูกให้มีจุดประสงค์ เพื่อพระพักต์ของพระองค์ด้วยมัน และ อัลบุคอรีย์ได้รายงานมันในเศาะเฮียะของเขา เสมือนหนึ่งว่า เป็นผู้ยอมรับมัน – ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร เล่ม 6 หน้า 262
ส่วนคำว่า “إِلَّا مُلْكَهُ
หมายถึง นอกจากอำนาจปกครองของพระองค์
คำข้างต้นเป็นคำพูดของ มุอฺมัร ดังที่หาฟิซอิบนุหะญัรกล่าวว่า
قوله : إلا وجهه : إلا ملكه . في رواية النسفي وقال معمر فذكره
คำตรัสของพระองค์ที่ว่า “ นอกจากพระพักต์ของพระองค์” หมายถึง นอกจากอำนาจปกครองของพระองค์ ในรายงานหนึ่งของ อัลนุสฟีย์ ระบุว่า "และ มุอฺมัรได้ กล่าว" แล้วเขา(นุสฟีย)ได้ระบุมัน -ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 8 หน้า 505
อิหม่ามบุคอรีนั้น ให้การรับ รอง สิฟัตวัจญฺ(พระพักต์) ในการอรรถาธิบาย อายะฮที่ว่า
(كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ)
ใน กิตาบุตเตาฮีด ดังนี้
بَاب قَوْلِ اللَّهِ تَعَالَى كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ
แล้วท่านได้อ้างหะดิษที่ว่า
حَدَّثَنَا قُتَيْبَةُ بْنُ سَعِيدٍ حَدَّثَنَا حَمَّادُ بْنُ زَيْدٍ عَنْ عَمْرٍو عَنْ جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ قَالَ لَمَّا نَزَلَتْ هَذِهِ الْآيَةُ قُلْ هُوَ الْقَادِرُ عَلَى أَنْ يَبْعَثَ عَلَيْكُمْ عَذَابًا مِنْ فَوْقِكُمْ قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَعُوذُ بِوَجْهِكَ فَقَالَ أَوْ مِنْ تَحْتِ أَرْجُلِكُمْ فَقَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَعُوذُ بِوَجْهِكَ قَالَ أَوْ يَلْبِسَكُمْ شِيَعًا فَقَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ هَذَا أَيْسَرُ
กุตัยบะฮ บินสะอีด ได้เล่าเราว่า หัมมาด บินเซด จากอัมริน จาก ญาบีร บิน อับดุลลอฮ ได้กล่าวขณะที่อายะฮนี้ลงมา( จงกล่าวเถิด พระองค์คือ ผู้ทรงสามารถส่งการลงโทษจาก จากเบื้องบนของพวกเจ้า ) ท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า (ฉันขอความคุ้มครอง ด้วยพระพักต์ของพระองค์ท่าน) แล้วเขากล่าว(ถึงอายะฮดังกล่าวต่อไปว่า) หรือจากใต้เท้าของพวกเจ้า ) แล้วท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม (ฉันขอความคุ้มครอง ด้วยพระพักต์ของพระองค์ท่าน) เขากล่าว(อายะฮดังกล่าวต่อไปว่า) “หรือ ให้พวกท่านปนเปกันโดยมีหลายพวกเจ้า”แล้วท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ นี้ มันเบาที่สุด” – เศาะเฮียะอัลบุคอรีย์ หะดิษหมายเลข 6971 ว่าด้วยเรื่อง อรรถาธิบายอัลกุรอ่าน
………………
เพราะฉะนั้น การตีความ คำว่า “ وجهه เป็น ملكه (อำนาจการปกครองของพระองค์) ย่อมจะไม่ใช่การตีความของอิหม่ามบุคอรีแน่นอน
และด้วยเหตุนี้ ชัยค์อัลบานีย์ (ร.ฮ) จึงฟันธงว่า การตีความ คำว่า " คำว่า “ وجهه เป็น ملكه (อำนาจการปกครองของพระองค์) ย่อมจะไม่ใช่การตีความของอิหม่ามบุคอรี
ท่านอัลบานีย์จึงกล่าวตอบในฟัตวา ว่า
الشيخ: أنت سمعت مني التشكيك في أن يقول البخاري هذه الكلمة؛ لأن تفسير قوله تعالى: { وَيَبْقَى وَجْهُ رَبِّكَ ذُو الْجَلالِ وَالْأِكْرَامِ } [الرحمن:27] أي: ملكه، يا أخي! هذا لا يقوله مسلم مؤمن
ชัยค์(หมายถึงชัยค์อัลบานีย) : ท่านได้ยิน ข้อสงสัย จากข้าพเจ้า ในการที่อัลบุคอรีกล่าวในคำนี้ เพราะแท้จริง การตัฟสีร คำตรัสของอัลลอฮตาอาลาที่ว่า (และพระพักตร์ของพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงโปรดปรานเท่านั้นที่จะยังคงเหลืออยู่ (อัรเราะห์มาน 55 ) หมายถึง อำนาจปกครองของพระองค์ ,โอ้ พี่น้องของข้าพเจ้า การตัฟสีรแบบนี้ มุสลิมที่เป็นผู้ศรัทธา เขาไม่กล่าวมันหรอก ...ดูฟัตวาชัยค์อัลบานีย หน้า 523
ชัยค์อัลบานีย์ ยืนยันว่า อิหม่ามบุคอรีย์ บริสุทธิ์จากการตีความคำนี้ และยืนยันว่าอิหม่ามบุคอรี มีอะกีดะฮสะลัฟ ดังข้อความข้างล่าง
هذا يا أخي ما يحتاج إلى تدليل على بطلانه لكن المهم أن ننزه الإمام البخاري أن يؤول هذه الآية وهو إمام في الحديث وفي الصفات وهو سلفي العقيدة والحمد لله
ชัยค์กล่าวว่า กรณีนี้ โอ้พี่น้องของข้าพเจ้า คือ สิ่งที่จำเป็นต้องอาศัยหลักฐานแสดงบอกถึงการเป็นโมฆะของมัน แต่ที่สำคัญคือ อิหม่ามบุคอรีย์ บริสุทธิ์ จากการตีความ อายะฮนี้ และเขาคือ อิหม่ามในเรื่องหะดิษ และในเรื่อง บรรดาสิฟาตนั้น เขาคือ ผู้ที่มีอะกีดะฮตามแนวสะลัฟ -วัลหัมดุลิลละฮ - ฟาตาวาชัยค์อัลบานีย์ หน้า 523
@@@
1. ชัยค์อัลบานีย์ ปกป้องความเข้าใจผิด ที่อ้างว่า อิหม่ามบุคอรีย์ตีความ
2. ชัยค์อัลบานีย์ ยืนยันว่า ไม่ใช่การตีความของอิหม่ามบุคอรีย์
3. ชัยค์อัลบานีย์ ยืนยันว่า อิหม่ามบุคอรีย์ มีอะกีดะฮตามแนวสะลัฟ
จึง ขอถามผู้ที่ฟิตนะฮใส่ร้ายชัยค์อัลบานีย์ว่า "ใหนหรือที่อัลบานีย์หุกุมอิหม่ามบุคอรีย์ว่าเป็นกาเฟร -นะอูซุบิลละฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
27/8/59
ปล. การทำลายของคนที่เห็นต่างของคนกลุ่มนี้ด้วยการบิดเบือนใส่ร้าย จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ขอให้พี่น้องผู้รักความเป็นธรรมและรักษ์สัจธรรม ช่วยกันชี้แจงเถอะครับ เพื่ออัลลอฮ

อัลลอฮอยู่บนฟ้า หมายความว่าอย่างไร





อัลลอฮอยู่บนฟ้า หมายความว่าอย่างไร
ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) ได้ชี้แจงเกี่ยวกับความหมายของหะดิษญารียะฮที่นาง ตอบว่า "อัลลอฮอยู่บนฟ้า ดังนี้
وَقَالَ فِي سِيَاقِ حَدِيثِ الْجَارِيَةِ الْمَعْرُوفِ : { أَيْنَ اللَّهُ ؟ قَالَتْ : فِي السَّمَاءِ } لَكِنْ لَيْسَ مَعْنَى ذَلِكَ أَنَّ اللَّهَ فِي جَوْفِ السَّمَاءِ وَأَنَّ السَّمَوَاتِ تَحْصُرُهُ وَتَحْوِيهِ فَإِنَّ هَذَا لَمْ يَقُلْهُ أَحَدٌ مِنْ سَلَفِ الْأُمَّةِ وَأَئِمَّتِهَا ; بَلْ هُمْ مُتَّفِقُونَ عَلَى أَنَّ اللَّهَ فَوْقَ سَمَوَاتِهِ عَلَى عَرْشِهِ بَائِنٌ مِنْ خَلْقِهِ ; لَيْسَ فِي مَخْلُوقَاتِهِ شَيْءٌ مِنْ ذَاتِهِ وَلَا فِي ذَاتِهِ شَيْءٌ مِنْ مَخْلُوقَاتِهِ
และเขา(หมายถึงอิบนตัยมียะฮเอง)ได้กล่าวความหมายของหะดิษญารียะฮ ที่เป็นที่รู้จักกันว่า (อัลลอฮอยู่ใหน) นางตอบว่า “อยู่บนฟ้า ,แต่ว่า ดังกล่าวนั้น ไม่ได้หมายถึงอัลลอฮ อยู่ในโพรงของฟ้า และ บรรดาฟากฟ้า ได้กำหนดขอบเขต พระองค์และบรรจุพระองค์ไว้ เพราะแท้จริง ลักษณะแบบนี้ ไม่มีสะลัฟแห่งอุมมะฮและบรรดาอิหม่ามของพวกเขาคนใด กล่าวแบบนั้น แต่ทว่า พวกเขา เห็นฟ้อง ว่า แท้จริง อัลลอฮ อยู่เหนื่อ บรรดาฟากฟ้าของพระองค์ บน อะรัชของพระองค์ แยกจากมัคลูคของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดจากซาต(ตัวตน)ของพระองค์ อยู่ในบรรดามัคลูคของพระองค์ และไม่มีสิ่งใดจากบรรดามัคลูคของพระองค์อยู่ในซาต(ตัวตน)ของพระองค์ - ดูมัจญมัวะอัลฟะตาว่า เล่ม 5 หน้า 258 เรื่อง كتاب مفصل اعتقاد السلف
.............
เพราะฉะนั้น คำว่า อยู่บนฟ้าคือ อยู่สูงเหนือบรรดามัคลูคทั้งหลาย ไม่ใช่ อาศัยอยู่ในห้องของฟากฟ้า
ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ ได้อ้างคำพูดของอิหม่ามมาลิก ว่า
وَقَدْ قَالَ مَالِكُ بْنُ أَنَسٍ : إنَّ اللَّهَ فَوْقَ السَّمَاءِ وَعِلْمُهُ فِي كُلِّ مَكَانٍ
และแท้จริงมาลิก บิน อะนัส กล่าวว่า แท้จริง อัลลอฮ อยู่เหนือฟากฟ้า และความรู้ของพระองค์ อยู่ในทุกสถานที่ - จากตำราอิบนุตัยมียะฮที่อ้างแล้ว
คำพูดของ อิหม่ามมาลิก (ร.ฮ) มีสายรายงานดังนี้
قال الإمام عبد الله بن إمام أحمد حدثني أبي رحمه الله، نا سريج بن النعمان، نا عبد الله بن نافع، قال: كان مالك بن أنس يقول:" الله في السماء وعلمه في كل مكان لا يخلو منه شيء
อิหม่ามอับดุลลอฮ บิน อิหม่ามอะหมัด กล่าวว่า บิดาของข้าพเจ้า (ร.ฮ) ได้เล่าข้าพเจ้าว่า "สุรัยญ บิน อัลนุอมาน ได้ เล่าเรา ว่า อับดุลลอฮ บิน นาเฟียะได้เล่าเรา โดยเขาได้กล่าวว่า อานัส บิน มาลิก กล่าวว่า " อัลลอฮ อยู่บนฟากฟ้า และความรู้ของพระองค์ อยู่ในทุกสถานที่ ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นจากมัน
-แหล่งอ้างอิง
"مسائل أحمد من رواية أبي داود 263"، "السنة لعبد الله بن أحمد (1/280) "والشريعة للآجري 289"، "وشرح أصول اعتقاد أهل السنة للالكائي 673"وابن عبد البر في"التمهيد"(7/138)
อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ ได้วิจารณ์หะดิษของอิหม่ามมาลิกว่า
هذا حديث ثابت عن مالك رحمه الله، أخرجه عبد الله بن أحمد بن حنبل في كتاب "الرد على الجهمية" عن أبيه، عن سريج بن النعمان، عن عبد الله بن نافع تلميذ مالك وخصيصه.اهــ
นี่คือ หะดิษที่แน่นอน(เชื่อถือได้) จาก มาลิก (ร.ฮ) บันทึกโดย อับดุลลอฮ บิน อะหมัด บิน หัมบัล ในหนังสือ "อัรรอ็ด อะลัลญะฮมียะฮ จากบิดาของเขา จาก สุรัยญ บิน อัลนุอฺมาน จาก อับดุลลอฮ บิน นาเฟียะ ศิษย์ของมาลิก และคนสนิทของเขา - อัลอะรัช 2/180-181
..............
จากที่กล่าวมาทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า อะกีดะฮ อัลลอฮอยู่บนฟ้า เป็นอะกีดะฮ ตามแนวทางสะลัฟ ไม่ใช่อกีดะฮวะฮบีย์ลูกครึ่งยิว ที่ถูกคนบางกลุ่มกล่าวหา
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
26/8/59

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เมื่อเขาวาดแผนที่บอกตำแหน่งที่อยู่อัลลอฮเพื่อเย้ยหยันวะฮบีย์





เมื่อเขาวาดแผนที่บอกตำแหน่งที่อยู่อัลลอฮเพื่อเย้ยหยันวะฮบีย์
อบูอับดุลเกาะฮฺฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
52 นาที
ในวงกลมสีน้ำเงิน เป็นตำเเหน่งสถานที่อยู่ของพระเจ้าของวะฮาบีย์ที่พวกเขาจินตนาการขึ้นมาว่าทรงประทับอยู่เหนืออะรัช สถานที่ๆแยกมาจากมัคลู๊ก
>>>>>>>>>>>>>>
ชี้แจง
นะอูซุบิลละฮ ท่านโต๊ะครู อานัส วาดแผนที่บอกจุดที่อยู่ของอัลลอฮ แสดงการเย้ยหยัน หดหู่ จริงๆ....มาถึงตอนนี้ ผมไม่ทราบว่า คุณ อานัส ชูชื่น เคยเรียนอะกีดะฮสะลัฟมาบ้างหรือไม่นอกจาก การศึกษาอะกีดะฮ ตามแนวคิดนักวิภาษวิทยาหรือ อะฮลุลกาลาม ที่ใช้เหตุผลทางปัญญานำหน้าอัลกุุรอ่านและอัสสุนนะฮ
ทำให้นึกถึงคำพูดอิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ) ที่ว่า
حُكْمِي فِي أهْلِ الكلاَمِ أنْ يُضْرَبُوا بِالْجَرِيْدِ وَالنِعَالِ وَيُطَافُ بِهِمْ فِي العَشَائِرِ وَالقَبَائِلِ وَيُقَالُ : هَذَا جَرَاءُ مَنْ تَرَكَ الكِتَابَ وَالسُنَّةَ وَأقْبَلَ عَلَى الكلاَمِ
“คำตัดสินของฉันเกี่ยวกับนักวิพากษ์นิยมนั้นคือ ให้หวดด้วยก้านอินผลัม และรองเท้า แล้วจับแห่รอบวงศาคณาญาติและชนเผ่าต่างๆ โดยให้กล่าวว่า นี่คือรางวัลของผู้ละทิ้งอัลกุรอานและซุนนะห์แล้วไปรับเอาวิชากะลาม” ซิยะรุ้ลอะอ์ลามิลนุบะลาอ์ 10/29
แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติมข้างล่าง
أخرجه البيهقي في مناقب الشافعي 1/462، والخطيب والغدادي في شرف أصحاب الحديث رقم: 163، وابن عبد البر في الانتقاء في مناقب الأئمة الثلاثة الفقهاء ص 123-124، وأبو نعيم في حلية الأولياء 9/116، والبغوي في شرح السنة 1/218، وابن حجر في توالي التأسيس ص 111، وذكره الذهبي في سير أعلام النبلاء 10/29، وعلي القاري في شرح الفقه الأكبر ص 2-3، والسيوطي في الأمر بالإتباع والنهي عن الابتداع ص 72، وفي صون المنطق والكلام ص 31 و65، وابن مفلح الحنبلي في الآداب الشرعية 1/225،
นักวิภาษนิยม หรือ ตรรกนิยาม ถือ เอาเหตุผลทางปัญญาเป็นหลักฐานหรือมาตรฐาน คือ หลักฐานใดกินกับปัญญาก็รับ หลักฐานใดไม่กินกับปัญญาก็ตีความ(ตะวีล)เพื่อให้สดรับกับปัญญา
وَقَوْلُ الإمَامِ أَبِي الْمُظَفَّر مَنْصُوْرِ بْنِ مُحَمَّدٍ السَمْعَانِيّ رَحِمَهُ اللهُ : فَمِنَ الدِيْنِ مَعْقُوْلٌ وَغَيْرُ مَعْقُوْلٍ وَالاتّبَاعُ فِي جَمِيْعِهِ وَا
และคำพูดของอิหม่าม อบีลมุศ็อฟฟัร มันซูร บิน มูฮัมหมัด อัสซัมอานีย์ รอฮิมะฮุ้ลลอฮ์ ที่ว่า : ส่วนที่เป็นศาสนานั้นมีทั้งที่กินกับปัญญาและไม่กินกับปัญญา และการตามทั้งหมดนั้นเป็นวาญิบ” อัลอินติศอรลิอัศฮาบิ้ลฮะดีษ หน้าที่ 78
การเชื่อว่า อัลลอฮตาอาลาทรงอยู่สูงเหนือมัคลูคนั้น เป็นอะกีดะฮที่อัลลอฮได้สอนไว้ และเป็นอะกีดะฮที่ชาวสะลัฟได้ให้การยืนยัน
อบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ ผู้นำมัซฮับอะชาอิเราะฮ กล่าวว่า
وأنه تعالى فوق سماواته على عرشه دون أرضه، وقد دل على ذلك بقوله: {أأمنتم من في السماء أن يخسف بكم الأرض} الملك16
، 
และแท้จริง พระองค์ผู้ทรงสูงส่ง อยู่เหนือบรรดาฟากฟ้าของพระองค์ บน อะรัช อื่นจาก แผ่นดินของพระองค์และหลักฐานแสดงบอกดังกล่าวคือ 
พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือจากผู้ที่อยู่บนฟากฟ้า ว่าจะไม่ทำให้แผ่นดินสูบพวกเจ้ากระนั้นหรือ” (อัลมุลก์/16) 
رسالة إلى أهل الثغر (ص232-236).
อิหม่ามอัลมุซานีย์ ศิษย์ของอิหม่ามชาฟิอีย์ กล่าวว่า
عال على عرشه بائن من خلقه موجود ليس بمعدوم ولا مفقود.
ทรงสูงเหนืออะรัชของพระองค์ แยกจากมัคลูคของพระองค์ ทรงมีอยู่ ไม่ทรงไม่มี และไม่ทรงสูญหาย - ดู 
ดู ชัรหุสุนนะฮของ อัลมุซันนีย์ หน้า 82 และ 
اجتماع الجيوش (168) والعلو (2|1143)
คำว่า แยกออกจากมัคลูค
معنى أن الله بائن من خلقه: أي أنه منفصل عن المخلوقات، فليس في ذاته شيء من مخلوقاته، ولا في مخلوقاته شيء من ذاته. ولا يحويه أو يُحيط به شيء من خلقه.
ความหมายคำว่า อัลลอฮแยกออกจากมัคลูคของพระองค์ หมายถึง พระองค์ทรงแยกออกจากบรรดามัคลูค ไม่มีสิ่งใดจากมัคลูคของพระองค์ อยู่ในซาต(ตัวตน)ของพระองค์ และไม่มีสิ่งใดจากซาตของพระองค์ อยู่ในมัคลูค และไม่มีสิ่งใดจากมัคลูคของพระองค์บรรจุและห้อมล้อม พระองค์
>>>>>>>
ศิษย์ของอิหม่ามชาฟิอีย์ ชื่อเต็มว่า
أَبُو إِبْرَاهِيمَ إِسْمَاعِيلُ بْنُ يَحْيَى بْنِ إِسْمَاعِيلَ بْنِ عَمْرِو بْنِ مُسْلِمٍ الْمُزَنِيُّ الْمِصْرِيُّ
ท่านผู้นี้เป็นชาวสะลัฟ เชื่อว่า "อัลลอฮทรงสูงเหนืออะรัชของพระองค์ แยกจากมัคลูคของพระองค์"
แต่คุณ อานัส ชูชื่น กลับปฏิเสธ แถมมโนนั่งเทียนวาดรูปตำแหน่งที่อยู่ของอัลลอฮ เพื่อแสดงการเย้ยหยันวะฮบีย์ สิ่งที่อยู่นอกเหนือจินตนาการ คุณอานัส ชูชื่น กลับจินตนาการวาดแผนที่ตำแหน่งที่อยู่ของอัลลอฮ - วัลอิยาซุบิลละฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
๒๔/๘/๕๙

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559

หะดิษอาหาดใช้เป็นหลักฐานในเรื่องอะกีดะฮไม่ได้จริงหรือ






หะดิษอาหาดใช้เป็นหลักฐานในเรื่องอะกีดะฮไม่ได้จริงหรือ
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม กล่าวว่า
แล้วนายอานัสมั่นใจได้ไงว่า คำพูดคำว่า อัยนา เป็นคำพูดของท่านนบีครับ..Anas Samaae ในเมื่อฮาดิษญารียะห์มีสำนวนอื่นที่รายงานต่างกันหลายบท ที่ไม่สามารถรวมกันได้... อีกอย่างฮาดิษนี้เป็นคอบัรอาฮาด
……………..
@@@@@
ชี้แจง
พอท่าน ฮัมดี สุหลง พูดคำที่ป็นข้อความ ถามคุณอานัส สาแม ข้างต้น บรรดาขาเชียร์กดไลท์กันใหญ่ แถมโพสต์รูปหัวใจให้ด้วย
จึงเห็นว่าประเด็นนี้ต้องชี้แจง เพื่อไม่ให้ผู้อ่านที่มีสติปัญญาแสวงหาความจริงเข้าใจสับสน กับคำพูดของท่านมุหัดดิษ ฮัมดี สุหลง
ซึ่งเป็นอีกคนที่ผมรักอยากที่จะให้เข้าใจ เพราะเห็นว่า แก่มีความเป็นธรรมกับผมอยู่บ้างเล็กน้อย จึงขอชี้แจงดังนี้
หะดิษอาหาดในทางภาษาคือ
الآحاد جمع أحد بمعنى الواحد ،وخبر الواحد هو ما يرويه شخص واحد
อัลอาหาด เป็นพหุพจน์ของคำว่า อะหัด ด้วยความหมายว่า วาหิด (คนเดียว) และเคาะบัรอะหาดคือ สิ่งที่ บุคคลเพียงคนเดียวรายงาน
ส่วนความหมายในทางศาสนา คือ
الحديث الذي لم يجمع شروطا لمتواتر.
หะดิษที่ไม่ได้รวมบรรดาเงื่อนไข ของหะดิษมุตาวาตีร
กล่าวคือ หะดีษอาหาด آحاد คือหะดีษที่ไม่ถึงระดับมุตะวาติรนั้นเอง
ขอเรียนว่า หะดิษหรือเคาะบัรอาหาด หากเศาะเฮียะ ก็สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในทางศาสนา ไม่ว่า ในเรื่องอะกีดะฮหรือเรื่องอิบาดะฮเพราะมันคือคำสอนศาสนาเหมือนกัน
อิบนุกอ็ยยิม กล่าวว่า
ومعلوم مشهور استدلال أهل السنة بالأحاديث ورجوعهم إليها، فهذا إجماع منهم على القبول بأخبار الآحاد، وكذلك أجمع أهل الإسلام متقدموهم ومتأخروهم على رواية الأحاديث في صفات الله تعالى ومسائل القدر والرؤية وأصول الإيمان
และเป็นที่รู้กันแพร่หลายว่า อะฮลุสสุนนะฮ อ้างหลักฐานด้วยบรรดาหะดิษ และพวกเขากลับไปยังมัน ดังนั้นนี้คือ มติเอกฉันท์จากพวกเขา บนการรับรองเคาะบัรอะหาด (การบอกเล่าของคนๆเดียวหรือหะดิษไม่อยู่ในระดับมุตะวาตีร) และในทำนองเดียวกันนั้นชาวอิสลาม ยุคก่อนและยุคหลัง ของพวกเขา มีมติบนรายงานบรรดาหะดิษ ในเรื่องบรรดาสิฟาตอัลลอฮ ตาอาลา ,บรรดาประเด็นเรื่องอัลเกาะดัร ,เรื่องการเห็นอัลลอฮ และบรรดาหลักการศรัทธา....ดูมุคตะศอรอัศเศาะวาอิกอัลมุระละฮ 1/332
อิบนุอับดุลบัร ขออัลลอฮเมตตาต่อท่านกล่าวว่า
وكلهم يرون خبر الواحد العدل في الاعتقادات، ويعادي ويوالي عليها، ويجعلها شرعاً وحكماً وديناً في معتقده، على ذلك جماعة أهل السنة
พวกเขาทั้งหมด รายงานคำบอกเล่าของคนๆเดียว(หมายถึงหะดิษอะหาด) ที่อาดิล(ที่มีคุณธรรม) ในเรืองอะกีดะฮ และเป็นปฏิปักษ์และเป็นมิตรกันบนมัน (บนคำบอกเล่าของคนๆเดียวที่อาดิล(มีคุณธรรม) และได้กำหนดมัน ให้เป็นศาสนบัญญัติ ,เป็นหุกุมและ เป็นศาสนา ในอะกีดะฮของเขา บนดังกล่าวนั้น คือทัศนะของญะมาอะฮอะฮลุสสุนนะฮ – อัตตัมฮีด เล่ม 1 หน้า 8
........
อิบนุอับดุลบีร ระบุว่า ทัศนะของนักวิชาการคณะหนึ่งที่เป็นชาวอะฮลุสสุนนะฮ นำหะดิษอาหาดที่เศาะเฮียะมาใช้เป็นหลักฐานในเรื่อง อะกีดะฮและเรื่อง หุกุม ศาสนา
อิบนุดะฮียะฮ กล่าวว่า
وعلى قبول خبر الواحد الصحابة والتابعون وفقهاء المسلمين وجماعة أهل السنة، يؤمنون بخبر الواحد ويدينون به في الاعتقاد"
และบนการรับรองเคาะบัรวาฮิด(คำบอกเล่าของคนๆเดียว)นั้น, บรรดาเศาะหาบะฮ,บรรดาตาบิอีน, บรรดานักวิชาการฟิกฮของบรรดามุสลิม และคณะหนึ่งจากอะฮลิสสุนนะฮ และพวกเขาเชื่อด้วยคำบอกเล่าของคนๆเดียว และพวกเขายึดถือศาสนาด้วยมันในเรื่องหลักศรัทธา- อัลอิบติฮาจญ ฟี อะหาดิษ มินฮาจญ หน้า 78
เพราะฉะนั้นการอ้างว่าหะดิษอาหาดมาอ้างเป็นหลักฐานไม่ได้เป็นคำพูดที่ไร้น้ำหนัก เพราะแม้แต่อิหม่ามชาฟิอีและอิหม่ามบุคอรีก็ยังอนุญาตให้ใช้หะดิษเป็นหลักฐาน โดยไม่ได้แยกว่า เรื่องอะกีดะฮหรือเรื่องอิบาดะฮแต่อย่างใด ดู อัรริสาละฮ หน้า 457 และฟัตหุ้ลบารีย เล่ม 13 หน้า 233
.........................
จึงไม่ทราบว่า ท่านมุหัษดิษ ฮัมดี สุหลง ท่านใช้อะไรเป็นมาตรฐานว่า ถ้าหะดิษอาหาดใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ ถึงขนาด ไม่ยอมรับหะดิษญารียะฮ
อีกข้ออ้างหนึ่ง ท่านมุหัษดิษ ฮัมดี สุหลง บอกว่า สำนวนอื่นที่รายงานต่างกันหลายบท ที่ไม่สามารถรวมกันได้
........................
ขอตอบว่า นั้นคือตรรกของพวกญะฮมียะฮเช่น หะซัน อาลีย์ อัสสักกอฟ เพราะหะดิษญารียะฮ ที่นางกล่าวว่า อัลลอฮอยู่บนฟ้า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ แม้แต่อิหม่ามชาฟิอีก็นำเป็นหลักฐาน และปราชญ์คนสำคัญในมัซฮับชาฟิอี คือ อัลหาฟิซ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ก็ยืนยันว่า เศาะเฮียะ
อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์กล่าวว่า
قِصَّةِ الْجَارِيَةِ الَّتِي سَأَلَهَا النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَنْتِ مُؤْمِنَةٌ؟ قَالَتْ نَعَمْ ، قَالَ فَأَيْنَ اللَّهُ ؟ قَالَتْ فِي السَّمَاءِ ، فَقَالَ أَعْتِقْهَا فَإِنَّهَا مُؤْمِنَةٌ ، وَهُوَ حَدِيثٌ صَحِيحٌ أَخْرَجَهُ مُسْلِمٌ
เรื่องราวของทาสหญิง ที่นบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ถามนางว่า เธอเป็นผู้ศรัทธาใช่ไหม ? นางกล่าวว่า “ค่ะ ,ท่านนบีถามว่า “อัลลอฮอยู่ใหน?นางตอบว่า อยู่บนฟากฟ้า ,แล้วท่านนบีกล่าวว่า “จงปล่อยนางให้เป็นอิสระ เพราะแท้จริงนาง เป็นผู้ศรัทธา ,โดยที่มันเป็นหะดิษเศาะเฮียะ บันทึกโดย มุสลิม – ดูฟัตหุลบารีย์ เล่ม ๑๓ หน้า ๓๕๙
.......................
หาฟิซอิบนุหะญัร ซึ่งอะชาอีเราะฮอ้างว่า เป็นอะชาอีเราะฮ ยอมรับหะดิษนี้ แต่ อะชาอีเราะฮในเว็บสะติวเด้นบอกว่า เฎาะอีฟ แล้วนำเสนอหะดิษ อีกบทหนึ่งซึ่งเฏาะอีฟ มาค้าน
………………………
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
23/8/59

เปิดโปงวาทกรรมบิดเบือนตามสไตล์ญะมียะฮ




เปิดโปงวาทกรรมบิดเบือนตามสไตล์ญะมียะฮ
Nazaie Al-baihagi
2 ชม.
จับเท็จ เวาะสัน สถิตย์ ครั้งที่ 39 กับการกล่าวหาหรือบิดเบือนต่อบรรดาอีม่ามของมัสหับทั้ง 4จากอะลิสซุนนะวัญญามาอะฮ์
และในครั้งนี้เวาะสัน สะบิเดา ก็ได้บิดเบือนอะกีดะฮ์ของท่านอีม่ามอัซซะฮาบีย์ปราชย์อีม่ามมัสหับสลัฟชาฟีอี(รฮ)อีกโดยกล่าวอ้างคำพูดของอิม่ามอัซซะฮะบีย์ว่า
مقالة السلف وأئمة السنة بل الصحابة والله ورسوله صلى الله عليه وسلم والمؤمنين : وأن الله فوق سماواته
คำพูดสะลัฟ และบรรดาอิหม่ามสุนนะฮ โดยเฉพาะ เศาะหาบะฮ และ,อัลลอฮ,รอซูลของพระองค์ (ศอลฯ) และบรรดาผู้ศรัทธา คือ
แท้จริงอัลลอฮ อยู่บนฟากฟ้าของพระองค์ – อัลอะลูว์ หน้า 107
ชี้แจง
ความหมายคำว่า فوق เฟากอ มีความหมายว่า ด้านบน หรือ เบื้องบนหรือเบื้องสูง
โดยมีหลักฐานคำกล่าวกล่าวนี้ จากท่านอับดุลลอฮฺบินมัสอู๊ด(รฏ)ซึ่งมีครั้งหนึ่งว่า ท่านได้ถูกถามจากพวยะฮูดีย์ เกี่ยวคุณลักษณะของอัลลอฮ์ผู้ทรงดูแลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายว่า พระองค์เป็นเช่นไร ท่านได้กล่าวว่า
واللهتباركوتعالىفوقالعرش
“และพระองค์อัลลอฮฺตะบาเราะกะวะตะอาลานั้นทรง “เฟากอ” (อยูเหนือ) บัลลังค์”[5]
.....................
ส่วนตำราที่ชื่อ อัลอะลูว์ เล่มที่เวาะสัน นำมาอ้างนี้ พวกวะฮาบีย์ได้ตีพิมพ์และบิดเบือนความเข้าใจของอีม่ามอัซซะฮาบีย์ที่มีอะกีดะฮ์อาชาอีเราะฮ์มามากมายหลายครั้งแล้ว..ซึ่งตำราเล่มดังกล่าวนี้พวกวะฮาบีย์ชอบนำมาเท็จใส่ท่านอีม่ามอัซซะฮาบีย์(รฮ)เสมอๆ.
............
ชี้แจง
หลักฐาน อิหม่ามอัซซะฮะบีย์กล่าวไว้ชัดเจน ยังจะหาว่าผมบิดเบือนทั้งๆ อิม่ามอัซซะฮะบีย์ว่า
مقالة السلف وأئمة السنة بل الصحابة والله ورسوله صلى الله عليه وسلم والمؤمنين : وأن الله فوق سماواته
คำพูดสะลัฟ และบรรดาอิหม่ามสุนนะฮ โดยเฉพาะ เศาะหาบะฮ และ,อัลลอฮ,รอซูลของพระองค์ (ศอลฯ) และบรรดาผู้ศรัทธา คือ
แท้จริงอัลลอฮ อยู่บนฟากฟ้าของพระองค์ – อัลอะลูว์ หน้า 107
ชี้แจง
.....
ก่อนประโยคข้างต้น อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ ระบุว่า
หัมมาด บิน เซด (ฮ.ศ 179)ปราชญสะลัฟกล่าวว่า
إنما يدورون ، على أن يقولوا : ليس في السماء إله إله " . يعني : الجهمية
ความจริงพวกเขา ยังคงวนเวียนอยู่บน การกล่าวว่า บนฟ้า ไม่มีพระเจ้า บนฟ้าไม่มีพระเจ้า หมายถึงพวกญะฮมียะฮ
แล้วอิหม่ามอัซซะฮะบียกล่าวถึงทัศนะของท่านเองว่า
قلت : مقالة السلف ، وأئمة السنة ، بل والصحابة ، والله ورسوله والمؤمنين : أن الله في السماء ، وأن الله على العرش ، وأن الله فوق سماواته
ข้าพเจ้า กล่าวว่า "คำพูดสะลัฟ และบรรดาอิหม่ามสุนนะฮ โดยเฉพาะ เศาะหาบะฮ และ,อัลลอฮ,รอซูลของพระองค์ (ศอลฯ) และบรรดาผู้ศรัทธา คือแท้จริงอัลลอฮ อยู่บนฟากฟ้าของพระองค์ .....
แล้วอิหม่ามอัซซะฮะบีย์ กล่าวถึง ทัศนะอะฮลุลกาลามยุคหลังว่า
مقال متأخري المتكلمين ؛ ان الله تعالى ليس في السماء ، ولا على العرش ، ولا على السموات ، ولا على الأرض ، ولا داخل العالم ، ولا خارج العالم ، ولا هو بائن عن خلقه ، ولا متصل بهم . . . ليس في الأمكنة ، ولا خارجا منها ، ولا فوق عرشه ، ولا هو متصل بالخلق ، ولا بمنفصل عنهم ، ولا ذاته المقدسة متحيزة ، ولا بائنة من مخلوقاته ، ولا في الجهات ، ولا خارجا عن الجهات ، ولا ، ولا
คำพูดของนักกะลามรุ่นหลัง คือ แท้จริงอัลลอฮ ตะอาลา ไม่ได้อยู่ในฟ้า ,ไม่ได้อยู่บนอะรัช ,ไม่ได้อยู่บนฟากฟ้า,ไม่ได้อยู่บนพื้นดิน,ไม่ได้อยู่ภายในอาลัม(จักรวาล),ไม่ได้อยู่ภายนอกอาลัม และไม่ได้แยกจากมัคลูคของพระองค์,ไม่ได้ติดกับมัคลูคของพระองค์,ไม่ได้อยู่ในสถานที่,ไม่ได้อยู่นอกสถานที่,ไม่ได้อยู่เหนืออะรัชของพระองค์ และพระองค์ไม่ได้ติดกับมัคลูค และไม่ได้แยกจากมัคลูค และ ซาต(ตัวตน)ของพระองค์อันบริสุทธิ์ ไม่ถูกให้เป็นชิ้นส่วน และ ไม่ได้แยกจากบรรดามัคลูคของพระองค์ และไม่ได้อยู่ในบรรดาทิศ และไม่ได้อยู่นอกทิศ และไม่....และไม่.. 
- ดู มุคตะศอรอัลอะลูวีย์ หน้า 146 
................
สรุปว่า
1.อะกีดะฮญะฮมียะฮ ไม่เชื่อว่าบนฟ้ามีพระเจ้า
2.อะกีดะฮอะฮลุสสุนนะฮ คือแท้จริงอัลลอฮ อยู่บนฟากฟ้าของพระองค์ ซึ่งเป็นทัศนะอิหม่ามอัซซะฮะบีย์
3. อะกีดะฮอะลุลกาลาม (นักตรรกวิทยา) อัลลอฮไม่อยู่บนฟ้า และอัลลอฮไม่ได้อยู่ที่ใหนเลย
........
จึงถามว่า อิหม่ามอัซซะฮะบีย เลือกทัศนะใหนครับ ท่านโต๊ะครู 
Nazaie Al-baihagi (ตอบมาซิครับ อย่าเอาเวลาวางสายสืบเฝ้าดูพฤติกรรมผมที่โรงเรียนอยู่ มันไม่แฟร์ครับ)
.
อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ ยืนยันการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ ส่วนที่อ้างว่า
อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ ไม่ประทับใจ ในการใช้ความหมายสถิต ( الاستقرار) ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านได้ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ ตาอาลา
ท่านอัซซะฮะบีย์ (ร.ฮ.) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัลอุลู้ว ของท่านว่า
لا يعجبني قوله استقر بل أقول كما قال مالك الإمام الإستواء معلوم
“ไม่ประทับใจแก่ฉันเลย คำกล่าวที่ว่า สถิต(บนบัลลังก์) แต่ฉันจะกล่าวเหมือนกับสิ่งที่อิหม่ามมาลิก ได้กล่าวว่า อัลอิสติวาอฺ เป็นที่รู้กันดี
คำว่า "เป็นรู้กันหมายถึง ความหมายเป็นที่รู้กัน
อบูบักร์ อิบนุอัลอะเราะบีย์ อัลมะลิกีย์ (ฮ.ศ 543)
ท่านได้อธิบายหะดิษสิฟัตในสุนันติรมิซีย์ว่า
ومذهب مالك رحمه الله أن كل حديث منها معلوم المعنى، ولذلك قال للذي سأله: "الاستواء معلوم، والكيفية مجهولة
และแนวทางของมาลิก (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) แท้จริงทุกหะดิษจากมัน(จากหะดิษที่ระบุเกี่ยวกับสิฟาต) ความหมาย เป็นที่รู้กัน และเพราะดังกล่าว เขาได้กล่าวแก่ผู้ที่ถามเขาว่า " อัลอิสติวาอฺนั้น เป็นที่รู้กัน และรูปแบบวิธีการนั้น ไม่เป็นที่รู้กัน - อาริเฎาะตุลอะหวะซีย์ 3/166
................ 
ต่อไปนี้คือ หลักฐานที่ยืนยันว่าอิหม่ามอัซซะฮะบีย์ยืนยันการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ
อิหม่ามอัซซะฮะบีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
قال الحافظ أبو القاسم اللالكائي: وجدت في كتاب أبي حاتم محمد ابن ادريس الحنظلي مما سمع منه يقول: "( مذهبنا واختيارنا: اتباع رسول الله صلى الله عليه وسلم وأصحابه والتابعين، والتمسك بمذاهب أهل الأثر مثل الشافعي وأحمد وإسحاق وأبي عبيد، ولزوم الكتاب والسنة، ونعتقد أن الله عز وجل على عرشه "ليس كمثله شيء وهو السميع البصير 
อัลหาฟิซ อบุลกอซิม อัลลาลุกาอีย์ กล่าวว่า " ฉันพบในหนังสือของอบีหาติม มุหัมหมัด บิน อิดรีส อัลหันเซาะลีย์ จากสิ่งที่เขา ได้ยินมา โดย เขา กล่าวว่า (แนวทางของเราและทางเลือกของเรา คือ การเจริญรอยตามรซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลฯ,บรรดาสาวกของท่านและบรรดาตาบิอีน และยึดถือตามแนวทางของนักหะดิษ เช่น อิหม่ามชาฟิอีย์ ,อะหมัด,อิสหากและอบีอุบัยดิน และ การยืนหยัดในอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ และเราเชื่อว่า แท้จริง อัลลอฮ ผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงเลิศยิ่ง อยู่เหนืออะรัช "ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์คือ ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น - สิยะรุอะอฺลาม อัลนุบะลา 13/60
คำว่า "สถิต" ผมได้เคยชี้แจงหลายครั้งแล้วว่า ความหมายสามัญ ก็แปล ว่าอยู่ คำ استقر على العرش ก็คือ อยู่บนอะรัช นั้นเอง
....
ส่วนที่อ้างว่า หนังอัลอุลูว์ของอิหม่ามอัซซะฮะบีย ถูกบิดเบือน ใครพูดครับ เวลาถึงทางตันก็บอกว่า อิบานะฮก็ถูกบิดเบือน อย่าลืมเอาของแท้มาด้วยครับท่าน
ท่านอิหม่ามอัซซะฮะบีย์ได้เขียนหนังสือ ชื่อ อัลอุลูว ลิอะลียิลฆอ็ฟาร เพื่อยืนยันการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ ครับคุณ 
Nazaie Al-baihagi อย่าได้บิดเบือนเลย ถ้าแน่ใจเอาของจริงมา ถ้าเอามาไม่ได้ท่านคือ คนที่โกหก
والله أعلم بالصواب
23/8/59