วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ใครบอกว่าอิหม่ามชาฟิอีส่งเสริมให้ทำบิดอะฮ




ใครบอกว่าอิหม่ามชาฟิอีส่งเสริมให้ทำบิดอะฮ
อะหมัดรอชีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์
4 ชม.
ระหว่าง วะฮฺฮาบีคณะใหม่ กับ ท่านอิหม่ามชาฟีอี พี่น้องชาวอะฮฺลิสซุนนะฮ์จะเชื่อถือใครดีครับ ?
มีพี่น้องส่งข้อความมาให้ผมฟังคลิป นักพูดของวะฮฺฮาบีภาคใต้ตนหนึ่งที่เคยตำหนิท่านจุฬาราชมนตรีเรื่องจุฬาไม่ใช่ผู้นำ ผมฟังแล้วสงสารคนที่ตามเขามาก โดยเขากล่าวว่า
“ ในเมื่อท่านนะบีย์บอกว่า ทุกๆบิดอะฮ์ นั้นถือว่าหลงผิดทั้งหมด แล้วมันจะมาบอกได้อย่างไรว่า บิดอะฮ์มีบิดอะฮ์ที่ดี ! คิดไม่ออกกับสมองมนุษย์จริงๆ ถ้าใครคิดไม่ได้ เสียดายรอยหยักบนหัว-สมองมันนั้นแหละ ”................................................
แล้วท่านอะหมัดรอชีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ อ้างหลักฐานว่า
: อิบนุ อัลอะษีร, อันนิฮายะฮ์ ฟี ฆ่อรีบ อัลอะษัร, เล่ม 1, หน้า 267.
ท่านอะบู นุอัยม์ ได้รายงานว่า ท่านอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ปราชญ์ใหญ่แห่งยุคสะลัฟศอลิห์ 300 ปีแรกแห่งอิสลาม ได้กล่าวว่า
اَلْبِدْعَةُ بِدْعَتَانِ مَحْمُوْدَةٌ وَمَذْمُوْمَةٌ فَمَا وَافَقَ السُّنَّةَ فَهُوَ مَحْمُوْدٌ وَمَا خَالَفَهَا فَهُوَ مَذْمُوْمٌ
“ บิดอะฮ์มีสองประเภท บิดอะฮ์ที่ถูกสรรเสริญ และบิดอะฮ์ที่ถูกตำหนิ ดังนั้นบิดอะฮ์ที่สอดคล้องกับซุนนะฮ์ ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกสรรเสริญ และบิดอะฮ์ที่ขัดกับซุนนะฮ์ ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกตำหนิ ”
: อะบู นุอัยม์, หิลยะตุลเอาลิยาอฺ, เล่ม 9, หน้า 113.
สำหรับผม ผมเชื่อท่านอิหม่ามชาฟีอี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ
................
@@@@@@
ชี้แจง
บางคนพยายามที่จะเอาคำพูดอิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ) มาสนับสนุนบิดอะฮ ที่ตนคิด่าดี โดยไม่พิจารณาที่มาของคำพูดของท่านอิหม่ามชาฟิอีว่าท่านหมายถึงบิดอะฮในด้านใด
มาดูคำอธิบายของนักปราชญ์ตัวจริง คือ อิบนุเราะญับ (ร.ฮ) ดังนี้
وَقَدْ رَوَى الْحَافِظُ أَبُو نُعَيْمٍ بِإِسْنَادٍ عَنْ إِبْرَاهِيمَ بْنِ الْجُنَيْدِ ، [ حَدَّثَنَا حَرْمَلَةُ بْنُ يَحْيَى ] قَالَ : سَمِعْتُ الشَّافِعِيَّ رَحْمَةُ اللَّهِ عَلَيْهِ يَقُولُ : الْبِدْعَةُ بِدْعَتَانِ : بِدْعَةٌ مَحْمُودَةٌ ، وَبِدْعَةٌ مَذْمُومَةٌ ، فَمَا وَافَقَ السُّنَّةَ فَهُوَ مَحْمُودٌ ، وَمَا خَالَفَ السُّنَّةَ فَهُوَ مَذْمُومٌ . وَاحْتَجَّ بِقَوْلِ عُمَرَ : نِعْمَتُ الْبِدْعَةُ هِيَ .
และอัลหาฟิซ อบูนุอัยมฺ ได้รายงานด้วยสายรายงาน จากอิบรอฮีม บืน อัลญุนัยดฺว่า หัรมะละฮ บิน ยะหยา ได้เล่าเราว่า ข้าพเจ้าได้ยิน ชาฟิอี (ร.ฮ) กล่าวว่า
บิดอะฮ นั้นมี 2 ประเภท คือ
หนึ่ง – บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ
สอง – บิดอะฮที่ถูกตำหนิ
ดังนั้นสิ่งใดที่สอดคล้องกับอัสสุนนะฮ มันคือ สิ่งที่ถูกสรรเสริญ และสิ่งใดที่ขัดแย้งกับอัสสุนนะฮ มันคือ สิ่งที่ถูกตำหนิ และเขา(อิหม่ามชาฟิอีย) ได้อ้างหลักฐาน คำพูดของท่านอุมัร ที่ว่า มันคือ บิดอะฮที่ดี
แล้ว อิบนุเราะญับได้ ชี้แจงว่า
وَمُرَادُ الشَّافِعِيِّ رَحِمَهُ اللَّهُ مَا ذَكَرْنَاهُ مِنْ قَبْلُ : أَنَّ الْبِدْعَةَ الْمَذْمُومَةَ مَا لَيْسَ لَهَا أَصْلٌ مِنَ الشَّرِيعَةِ يُرْجَعُ إِلَيْهِ ، وَهِيَ الْبِدْعَةُ فِي إِطْلَاقِ الشَّرْعِ ، وَأَمَّا الْبِدْعَةُ الْمَحْمُودَةُ فَمَا وَافَقَ السُّنَّةَ ، يَعْنِي : مَا كَانَ لَهَا أَصْلٌ مِنَ السُّنَّةِ يُرْجَعُ إِلَيْهِ ، وَإِنَّمَا هِيَ بِدْعَةٌ لُغَةً لَا شَرْعًا ، لِمُوَافَقَتِهَا السُّنَّةَ
และจุดมุ่งหมายของอิหม่ามชาฟิอี (ขออัลอฮเมตตาต่อท่าน) ต่อสิ่งที่เราได้ระบุมันมาก่อนหน้านี้ คือ แท้จริงบิดอะฮ ทีถูกตำหนิ(บิดอะฮมัซมูมะฮ) คือ สิ่งที่ไม่มีรากฐานจากศาสนบัญญัติ ทีจะถูกนำกลับไปหามัน และมันคือ บิดอะฮในความหมายทางศาสนา และสำหรับ บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ นั้น คือ สิ่งที่สอดคล้องกับสุนนะฮ หมายถึง สิ่งที่มีรากฐานมาจากสุนนะฮ ที่จะถูกนำกลับไปหามัน ความจริง มันคือ บิดอะฮในทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญัติ เพราะมันสอดคล้องกับอัสสุนนะฮ” – ดู ญามิอุลอุลูม วัลหิกัม หน้า 28
............
ท่านอิบนุเราะญับ(ร.ฮ)ได้ยืนยันว่า อิหม่ามชาฟิอี(ร.ฮ) หมายถึงบิดอะฮในทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ(บิดอะฮขัรอีย์)
ทั้งนี้เพราะ
อิหม่ามชาฟิอี (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)ได้อ้างกระทำของเคาะลิฟะฮอุมัร เป็นตัวอย่างของคำว่า “บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ “ เพราะการกระทำของอุมัร มีรากฐานมาจากการกระทำของท่านรซูลุลลอฮ
ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในรูปแบบย่ามาอะฮ หลายคืน แต่ท่านได้หยุดเพราะเกรงว่า จะถูกบัญญัติให้เป็นฟัรดู ก็จะเกิดความลำบากแก่อุมมะฮของท่าน ,พอมาในยุคเคาะลิฟะฮ อบูบักรฺ ท่านสาละวนอยู่กับการทำสงครามปราบปรามขบถศาสนา จึงไม่ได้จัดระเบียบการละหมาดญะมาอะฮตะรอเวียะตามรูปแบบที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เคยทำ พอมาในสมัยเคาะลิฟะฮอุมัร (ร.ฎ) ท่านได้ริเริ่มขึ้นใหม่ โดยจัดให้มีการละหมาดญะมาอะฮละหมาดตะรอเวียะ ตามรูปแบบที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เคยทำไว้ และ “การริเริ่ม” ก็คือ บิดอะฮในความหมายทางภาษา ไม่ใช่ความหมายทางศาสนา
อิหม่ามอัชชาฏิบีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)ได้อธิบายว่า
إنما سمّاها بدعةً باعتبار ظاهر الحال؛ من حيث تركها رسول الله صلى الله عليه وسلم واتَّفق أنْ لم تقع في زمان أبي بكر رضي الله عنه، لا أنَّها بدعةً في المعنى، فمن سمّاها بدعةً بهذا الاعتبار؛ فلا مشاحة في الأسامي، وعند ذلك لا يجوز أن يُسْتَدَلَّ بها على جواز الابتداع بالمعنى المتكلم فيه؛ لأنَّه نوع من تحريف الكلم عن مواضعه
ความจริง ที่เรียกมันว่า บิดอะฮ โดยการพิจารณาสภาพที่ปรากฏ(ในขณะนั้น) โดยที่ท่านรซูลลุลลอฮ ศ็อลลอ็ลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ทิ้งมัน และ บังเอิญว่า ไม่ปรากฏในสมัยของอบูบักร (ร.ฎ) เพราะความจริง มันไม่ใช่เป็นบิดอะฮในด้าน ความหมาย ดังนั้น ผู้ใด เรียกมันว่า “บิดอะฮ”ด้วยการพิจารณานี้ ก็อย่าให้ความสำคัญกับการเรียกชื่อ และในขณะดังกล่าว ไม่อนุญาตให้อ้างมัน เป็นหลักฐานว่า อนุญาตให้อุตริบิดอะฮ ด้วยความหมายที่ถูกพูดถึงในมัน เพราะแท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งของการบิดเบือนคำพูดออกจากที่ของมัน - อัลเอียะติศอม เล่ม 1 หน้า 195
กล่าวคือ อย่าไปอ้างความหมายบิดอะฮในทางภาษาไปอุตริบิดอะฮในทางศาสนา
อิบนุเราะญับ(ร.ฮ) ได้ยืนว่า คำพูดของชาวสะลัฟนั้น เมื่อเขาพูดถึงบิดอะฮที่ดี เขาหมายถึง บิดอะฮในทางภาษา
وَأَمَّا مَا وَقَعَ فِي كَلَامِ السَّلَفِ مِنَ اسْتِحْسَانِ بَعْضِ الْبِدَعِ ، فَإِنَّمَا ذَلِكَ فِي الْبِدَعِ اللُّغَوِيَّةِ ، لَا الشَّرْعِيَّةِ ، فَمِنْ ذَلِكَ قَوْلُ عُمَرَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ لَمَّا جَمَعَ النَّاسَ فِي قِيَامِ رَمَضَانَ عَلَى إِمَامٍ وَاحِدٍ فِي الْمَسْجِدِ ، وَخَرَجَ وَرَآهُمْ يُصَلُّونَ كَذَلِكَ فَقَالَ : نِعْمَتُ الْبِدْعَةُ هَذِهِ .
สำหรับสิ่งที่ปรากฏในคำพูดของสะลัฟ จากการที่เห็นว่าบางส่วนของบิดอะฮเป็นสิ่งที่ดีนั้น ความจริง ดังกล่าวนั้น เกี่ยวกับบิดอะฮในเชิงภาษา ไม่ใช่ ในด้านศาสนา แล้วส่วนหนึ่งจากดังกล่าวนั้น คือ คำพูดของอุมัร (ร.ฎ)เมื่อได้รวมผู้คนให้มาละหมาดกิยามุเราะมะฏอน(ตะรอเวียะ) ภายใต้การนำของอิหม่ามคนเดียวกัน ในมัสญิด และท่านได้ออกมาเห็นพวกเขา กำลังละหมาดเช่นนั้น จึงกล่าวว่า “ นี่คือ บิดอะฮที่ดี – ญามิอุลอุลูมวัลหิกัม 1/129
.........
ท่านอุมัร (ร.ฎ) ได้จัดให้มีการละหมาดตะรอเวียะในรูปแบบญะมาอะฮ
หลังจากที่ได้มีการปฏิบัติมาแล้วโดยการนำของนบี ศอ็ลฯแต่ท่านนบี ศอ็ลฯ ได้หยุดไว้ เพราะเกรงว่า อัลลอฮจะกำหนดให้เป็นฟัรดู ซึ่งจะสร้างความลำบากแก่อุมมะฮ ต่อมาในสมัยเคาะลิฟะฮอุมัร(ร.ฮ)ท่านอุมัรได้ริเริ่มขึ้นใหม่ ตามแบบที่นบีเคยทำ ท่านจึงกล่าวว่า
نِعْمَتُ الْبِدْعَةُ هَذِهِ
นี่คือ บิดอะฮที่ดี
หมายถึงการริเริ่มที่ดีนั้นเอง
เพราะเหตุนี้ ท่านชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ จึงกล่าวว่า
ومعلوم أنّ كل ما لم يسنه ولا استحبه رسول الله صلى الله عليه وسلم ولا أحد من هؤلاء الذين يقتدي بهم المسلمون في دينهم فإنه يكون من البدع المنكرات، ولا يقول أحد في مثل هذا أنّه بدعة حسنة"
مجموع الفتاوى (27/152)
และเป็นที่รู้กันว่า ทุกสิ่งที่ท่านรซูลลุลลอฮ ศ็อลลอ็ลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ได้ทำแบบอย่างเอาไว้และไม่ได้ส่งเสริมมัน และไม่มีคนหนึ่งคนใดจากพวกเขา (หมายถึงเหล่าเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน)ที่บรรดามวลมุสลิมปฏิบัติตามพวกเขา ในเรื่องศาสนาของพวกเขา (ได้ทำแบบอย่างและส่งเสริมให้กระทำ) ดังนั้นแท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งจากบิดอะฮที่ต้องห้าม และไม่มีคนใดกล่าว ในกรณีแบบนี้ว่า เป็น “บิดอะฮหะสะนะฮ”
- มัจญมัวะอัลฟะตาวา เล่ม 27 หน้า 152
...............
เพราะฉะนั้นอย่าได้เข้าใจผิดว่า อิหม่ามชาฟิอี ขออัลลอฮเมตตตาต่อท่าน ปราชญ์สะลัฟ ผู้มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดคำสอนศาสนาสู่อุมมะฮอิสลาม ส่งเสริมให้อุตริบิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ ที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ห้ามและเตือนให้ระวัง ซึ่งความจริงท่านหมายถึงการริเริ่มทำสิ่งที่ดี ที่มีรากฐานการกระทำมาจาก ท่านรซูลลุลลอฮ ศ็อลลอ็ลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และต้องระมัดระวังในการอ้างคำพูดสะลัฟ เพื่อสนับสนุนการอุตริบิดอะฮไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือข้ออ้างใดก็ตาม
บุตรชายของท่านเคาะลิฟะฮอุมัรเองก็มีทัศนะว่าทุกบิดอะฮ คือการหลงผิด เช่น
حَدَّثَنَا حَدَّثَنَا إِسْحَاقُ ، أنبا وَكِيعٌ ، عَنْ هِشَامِ بْنِ الْغَازِ ، أَنَّهُ سَمِعَ نَافِعًا ، يَقُولُ : قَالَ ابْنُ عُمَرَ : " كُلُّ بِدْعَةٍ ضَلالَةٌ وَإِنْ رَآهَا النَّاسُ حَسَنًا " .
คำแปลตัวบท
อิบนุอุมัร กล่าวว่า "ทุกบิดอะฮคือ การหลงผิด และแม้บรรดามนุษย์จะเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดีก็ตาม - อัสสุนนะฮ ของ อัลมัรวะซีย์ หะดิษหมายเลข 68
อิหม่ามอะหมัด (ร.ฮ) ศิษย์อิหม่ามชาฟิอี กล่าวว่า
أصول السنَّة عندنا التمسكُ بما كان عليه أصحاب رسول الله - عليه الصلاة والسلام - والاقتداء بهم، وترك البدع، وكل بدعة فهي ضلالة
รากฐานอัสสุนนะฮ ในทัศนะของเรา คือ การยึดถือ สิ่งที่บรรดาสาวกของท่านรซูลลุฮ สอ็ลฯ ได้ดำเนินอยู่บนมัน และปฏิบัติตามพวกเขา และละทิ้งบรรดาบิดอะฮ และทุกบิดอะฮ คือการหลงผืด - ดูซัมมุตตะวีล ของอิบนุกุดามะฮ หน้า 32
..................
เพราะฉะนั้น สนุปว่า ไม่มีสะลัฟคนใด รวมถึงอิหม่ามชาฟิอีด้วย ส่งเสริมให้ทำบิดอะฮ ในทางศาสนา ตามที่บางคนพยายามนำคำพูดสะลัฟมาสนับสนุนบิดอะฮที่ตนเองทำ ณ เวลานี้
والله اعلم بالصواب
อะสัน หมัดอดั้ม
28/8/59

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น