
ข้างล่างคือสำเนาหนังสือ นัยลุลเอาฏอร ของอิหม่ามอัชเชากานีย์ ถ้าใครอ่านและแปลได้จะรู้ว่าข้างต้นคือการบิดเบือน

วาทกรรมบิดอ้างว่า ละหมาดกิยามุลลัยลในเดือนเราะมะฎอน ไม่ใช่ตารอเวียะ
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม
เรื่องที่ท่านอุมัรบินคอตตอบ รวบรวมมนุษย์มายังมัน เป็นเรื่องที่พึงพอใจยิ่งกับฉัน นั่นคือ11 รอกะอะ และนั่นคือละหมาดของท่านรอซูล(ซล)
ซึ่งเขากล่าวกับอิหม่ามมาลิกว่า:การละหมาดของท่านรอซูล มี11รอกะอะหรือ ? อิหม่ามมาลิกบอกว่า:ใช่ และไกล้ๆ13รอกะอะด้วย และท่านอิหม่ามมาลิกกล่าวว่า:และฉันไม่รู้ว่าการละหมาดที่มากนี้มาจากใหน
......
ดูการวิจารณ์คำพูดนี้ในด้านล่าง
ซึ่งเขากล่าวกับอิหม่ามมาลิกว่า:การละหมาดของท่านรอซูล มี11รอกะอะหรือ ? อิหม่ามมาลิกบอกว่า:ใช่ และไกล้ๆ13รอกะอะด้วย และท่านอิหม่ามมาลิกกล่าวว่า:และฉันไม่รู้ว่าการละหมาดที่มากนี้มาจากใหน
......
ดูการวิจารณ์คำพูดนี้ในด้านล่าง
นักวิชาการบางส่วนปฏิเสธคำพูดนี้เพราะอิหม่ามมาลิกไม่เคยปฏิเสธผู้ละหมาด39รอกะอะ พร้อมวิติร
และอิหม่ามเชากานีย์ สรุปว่าالصحيح ที่ถูกต้องคือ การละหมาด11รอกะอะนี้คือ กิยามุลลัยลฺ..(ไม่ใช่ตารอแวฮ
และอิหม่ามเชากานีย์ สรุปว่าالصحيح ที่ถูกต้องคือ การละหมาด11รอกะอะนี้คือ กิยามุลลัยลฺ..(ไม่ใช่ตารอแวฮ
@@@@@
ชี้แจง
สืบเนื่องมาจาก นาย ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ได้บิดเบือนคำพูด ของ อิหม่ามเชาการนีต่อไปนี้และสรุปว่า ละหมาดที่นบี ศอ็ลฯ คือ กิยามุลลัย ไม่ใช่ตารอแวะ ช่างโกหก มุสายิ่งนัก โดยขอชี้แจงดังนี้
1. คำว่า "กิยามุลลัยล" ในเดือนเราะมะฏอน คือ ตะรอเวียะ
เช็คบินบาซ กล่าวว่า
أما التراويح : فهي تطلق عند العلماء على قيام الليل في رمضان أول الليل ، مع مراعاة التخفيف وعدم الإطالة ، ويجوز أن تسمى تهجدا ، وأن تسمى قياما لليل ، ولا مشاحة في ذلك ، والله الموفق "
สำหรับ ละหมาดตะรอเวียะนั้น ในทัศนะนักวิชาการ มันถูกให้หมายถึง การละหมาดกิยามุลลัยลฺ(ละหมาดยามค่ำคืน) ในเดือนเราะมะฎอน ในช่วงแรกของกลางคืน พร้อมกับ ให้ละหมาดสั้นๆ และไม่อ่านยาวๆ และอนุญาตให้เรียกว่า “ตะฮัจญุด” และให้เรียกว่า กิยามุลลัยลฺ” ก็ได้ และไม่ได้มีความแตกต่างในดังกล่าว วัลลอฮุลมุวัฟฟิก
"فتاوى الشيخ ابن باز" (11/ 317
สำหรับ ละหมาดตะรอเวียะนั้น ในทัศนะนักวิชาการ มันถูกให้หมายถึง การละหมาดกิยามุลลัยลฺ(ละหมาดยามค่ำคืน) ในเดือนเราะมะฎอน ในช่วงแรกของกลางคืน พร้อมกับ ให้ละหมาดสั้นๆ และไม่อ่านยาวๆ และอนุญาตให้เรียกว่า “ตะฮัจญุด” และให้เรียกว่า กิยามุลลัยลฺ” ก็ได้ และไม่ได้มีความแตกต่างในดังกล่าว วัลลอฮุลมุวัฟฟิก
"فتاوى الشيخ ابن باز" (11/ 317
ท่านอิมามอัลบุคอรีย์ ได้รายงาน จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ความว่า
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ صَلَّى ذَاتَ لَيْلَةٍ فِي الْمَسْجِدِ فَصَلَّى بِصَلَاتِهِ نَاسٌ، ثُمَّ صَلَّى مِنْ الْقَابِلَةِ فَكَثُرَ النَّاسُ، ثُمَّ اجْتَمَعُوا مِنْ اللَّيْلَةِ الثَّالِثَةِ أَوْ الرَّابِعَةِ فَلَمْ يَخْرُجْ إِلَيْهِمْ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَلَمَّا أَصْبَحَ قَالَ قَدْ رَأَيْتُ الَّذِي صَنَعْتُمْ، وَلَمْ يَمْنَعْنِي مِنْ الْخُرُوجِ إِلَيْكُمْ إِلَّا أَنِّي خَشِيتُ أَنْ تُفْرَضَ عَلَيْكُمْ وَذَلِكَ فِي رَمَضَانَ
“แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ละหมาดในค่ำคืนหนึ่งที่มัสยิด บรรดาผู้คนจึงได้การละหมาด ตามการละหมาดของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หลังจากนั้น ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ได้ทำการละหมาดในคืนต่อไป ผู้คนจึงมากขึ้น หลังจากนั้น พวกเขาได้ทำการละหมาดรวมกัน ในคืนที่สาม หรือคืนที่สี่ โดยที่ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ได้ออกมายังพวกเขา ดังนั้น เมื่อถึงเวลาซุบฮิ ท่านนบี ได้กล่าวว่า ฉันได้เห็นสิ่งที่พวกท่านได้กระทำแล้ว โดยไม่มีสิ่งใดที่มาห้ามฉัน ให้ออกไปยังพวกท่าน นอกจากเสียว่า ฉันเกรงว่ามันจะถูกฟัรฎู เหนือพวกท่านต่างหาก และเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น อยู่ในช่วงของเดือนร่อมะฎอน
อิบนุหะญัร (ร.ฮ)กล่าวเกี่ยวกับหะดิษข้างต้นว่า
نَدْبُ قِيَامِ اللَّيْلِ وَلَا سِيَّمَا فِي رَمَضَانَ جَمَاعَةً ، لِأَنَّ الْخَشْيَةَ الْمَذْكُورَةَ أُمِنَتْ بَعْدَ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ، وَلِذَلِكَ جَمَعَهُمْ عُمَرُ بْنُ الْخَطَّابِ عَلَى أُبَيِّ بْنِ كَعْبٍ
ส่งเสริมให้กิยามุลลัยลฺ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเดือนเราะมะฎอน ในรูปแบบญะมาอะฮ เพราะการกลัวที่ถูกกล่าวถึง(หมายถึงกลัวว่าจะถูกกำหนดให้เป็นฟัรดู) ได้ถูกให้ปลอดภัยแล้ว หลังจากที่ ท่านนบี สอ็ลฯ (ได้เสียชีวิต) และเพราะเหตุดังกล่าวนั้น ท่านอุมัร บิน อัลคอฏฏอ็บ ได้รวบรวมบรรดาผู้คน โดยการนำละหมาดของท่านอุบัย บิน กะอับ - ดูฟัตหุ้ลบารีย เล่ม 3 หน้า 18
.......
.......
คำว่า "กิยามุลลัยลฺ( قِيَامِ اللَّيْلِ) เมื่อปฏิบัติในเดือนเราะมะฎอน เรียกว่า "กิยามุเราะมะฎอน" (قيام رمضان) และคำว่า กิยามุเราะมะฎอน ก็หมายถึง ละหมาดตารอเวียะนั้นเอง ดังที่อิหม่ามนาวาวีย์กล่าวว่า
والمراد بقيام رمضان صلاة التراويح
และ ความต้องการ ด้วยคำว่า "กิยามุเราะมะฎอน"นั้นคือ ละหมาดตารอเวียะ - ดู ชัรหมุสลิม เล่ม 6 หน้า 58
อนึ่ง หะดิษท่านหญิงอาอีฉะฮ (ร.ฎ) นั้น ท่านตอบคำถามเกี่ยวกับผู้ถามเรื่องการละหมาดของท่านนบี (ศอ็ลฯ)ในเดือนเราะมะฎอน ขอให้พวกบิดเบือนสุนนะฮนบี ศอ็ลฯ ที่อ้างว่า 11 รอ็กอัตไม่ใช่ตารอเวียะ ดูให้ชัดๆดังนี้
عنْ أَبِي سَلَمَةَ بْنِ عَبْدِ الرَّحْمَنِ ، أَنَّهُ سَأَلَ عَائِشَةَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهَا : كَيْفَ كَانَتْ صَلاَةُ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِي رَمَضَانَ ؟ قَالَتْ : " مَا كَانَ يَزِيدُ فِي رَمَضَانَ وَلاَ فِي غَيْرِهِ عَلَى إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً ، يُصَلِّي أَرْبَعَ رَكَعَاتٍ ، فَلاَ تَسْأَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ ، ثُمَّ يُصَلِّي أَرْبَعًا ، فَلاَ تَسْأَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ ، ثُمَّ يُصَلِّي ثَلاَثًا ، ......
ความว่า “ครั้งหนึ่งมีคนถามท่านหญิงอาอิชะฮฺว่าลักษณะการละหมาดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในเดือนเราะมะฎอนเป็นอย่างไร? ท่านตอบว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่เคยละหมาดเกินสิบเอ็ดร็อกอะฮฺเลยไม่ว่าในเดือนเราะมะฎอนหรือเดือนอื่นๆ ท่านละหมาดสี่ร็อกอะฮฺซึ่งไม่ต้องบอกถึงความสละสลวยและความยาวนานของมัน แล้วท่านละหมาดอีกสี่ร็อกอะฮฺซึ่งไม่ต้องบอกถึงความสละสลวยและความยาวนานของมันเช่นกัน แล้วท่านก็ละหมาดอีกสามร็อกอะฮฺ” ...(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข 1147)
..............
หะดิษข้างต้น อบีสะละมะฮ บิน อับดุรเราะหมาน ถามท่านหญิงอาอีฉะฮเกี่ยวกับการละหมาดของนบีในเดือนเราะมะฎอน และท่านได้บอกจำนวน 11 รอ็กกะอัต แต่....นะอูซุบิลละฮ นักบิดเบือนสุนนะฮนบี ศอ็ลฯ และโกหก ว่า "ไม่ใช่ตารอเวียะฮ "จึงถามว่า "ถ้ากิยามุเราะมะฎอน" ไม่ใช่ตารอเวียะ มันคือละหมาดอะไรอีกหรือ โอ้...มุนาฟิกฮ จอมมุสา
ความว่า “ครั้งหนึ่งมีคนถามท่านหญิงอาอิชะฮฺว่าลักษณะการละหมาดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในเดือนเราะมะฎอนเป็นอย่างไร? ท่านตอบว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่เคยละหมาดเกินสิบเอ็ดร็อกอะฮฺเลยไม่ว่าในเดือนเราะมะฎอนหรือเดือนอื่นๆ ท่านละหมาดสี่ร็อกอะฮฺซึ่งไม่ต้องบอกถึงความสละสลวยและความยาวนานของมัน แล้วท่านละหมาดอีกสี่ร็อกอะฮฺซึ่งไม่ต้องบอกถึงความสละสลวยและความยาวนานของมันเช่นกัน แล้วท่านก็ละหมาดอีกสามร็อกอะฮฺ” ...(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข 1147)
..............
หะดิษข้างต้น อบีสะละมะฮ บิน อับดุรเราะหมาน ถามท่านหญิงอาอีฉะฮเกี่ยวกับการละหมาดของนบีในเดือนเราะมะฎอน และท่านได้บอกจำนวน 11 รอ็กกะอัต แต่....นะอูซุบิลละฮ นักบิดเบือนสุนนะฮนบี ศอ็ลฯ และโกหก ว่า "ไม่ใช่ตารอเวียะฮ "จึงถามว่า "ถ้ากิยามุเราะมะฎอน" ไม่ใช่ตารอเวียะ มันคือละหมาดอะไรอีกหรือ โอ้...มุนาฟิกฮ จอมมุสา
2. นายฮัมดี สุหลง อ้างว่า
และอิหม่ามเชากานีย์ สรุปว่าالصحيح ที่ถูกต้องคือ การละหมาด11รอกะอะนี้คือ กิยามุลลัยลฺ..(ไม่ใช่ตารอแวฮ
@@@
ขอตอบว่า
@@@
ขอตอบว่า
ข้างต้นเป็นการโกหกบิดเบือนคำพูดของอิหม่ามอัชเชากานีย์ มาดูเถิดพี่น้องผู้อ่าน
อิหม่ามอัชเชากานีย์ ได้ระบุ 2 หะดิษต่อไปนี้ไว้ในเรื่อง ละหมาดตะรอเวียะ โดยตั้งชื่อเรื่องว่า
باب صلاة التراويح
باب صلاة التراويح
แล้วท่านได้ระบุหะดิษต่อไปนี้ไว้ในเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า
، وَأَمَّا الْعَدَدُ الثَّابِتُ عَنْهُ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِي صَلَاتِهِ فِي رَمَضَانَ ، فَأَخْرَجَ الْبُخَارِيُّ وَغَيْرُهُ عَنْ عَائِشَةَ أَنَّهَا قَالَتْ { مَا كَانَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَزِيدُ فِي رَمَضَانَ وَلَا فِي غَيْرِهِ عَلَى إحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً }
.
และสำหรับจำนวนรอ็กอะฮ ที่ยืนยันรายงานจาก ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในการละหมาดของท่านในเดือนเราะมะฏอน ,อัลบุคอรีย์และคนอื่นจากเขา ได้รายงานจาก อาอีฉะฮว่า นางกล่าวว่า “ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์
และอีกหะดิษที่อิหม่ามเชากานีย์ ระบุคือ
.
และสำหรับจำนวนรอ็กอะฮ ที่ยืนยันรายงานจาก ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในการละหมาดของท่านในเดือนเราะมะฏอน ,อัลบุคอรีย์และคนอื่นจากเขา ได้รายงานจาก อาอีฉะฮว่า นางกล่าวว่า “ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์
และอีกหะดิษที่อิหม่ามเชากานีย์ ระบุคือ
وَأَخْرَجَ ابْنُ حِبَّانَ فِي صَحِيحِهِ مِنْ حَدِيثِ جَابِرٍ { أَنَّهُ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ صَلَّى بِهِمْ ثَمَانِ رَكَعَاتٍ ثُمَّ أَوْتَرَ } .
อิบนุหิบบาน ได้บันทึกในเศาะเฮียะของเขา จากหะดิษญาบีรว่า “แท้จริง “ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดกับพวกเขา 8 รอ็กอะฮ หลังจากนั้น ท่านได้ละหมาดวิตร - ดู นัยลุลเอาฏอร เล่ม 3 หน้า 66
.........
คงไม่ต้องอธิบาย พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ที่นาย ตาชัง หรือ นายฮัมดี สุหลง อ้างว่า ละหมาด 11 รอ็กอัต นั้น อิหม่ามอัชเชาการนีย์ บอกว่า ละหมาด 11 รอ็กอัตไม่ใช่ตารอเวียะ -นะอูซุบิลละฮ เมื่อไหรการบิดเบือนเช่นนี้จะหยุดเสียที
อิบนุหิบบาน ได้บันทึกในเศาะเฮียะของเขา จากหะดิษญาบีรว่า “แท้จริง “ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดกับพวกเขา 8 รอ็กอะฮ หลังจากนั้น ท่านได้ละหมาดวิตร - ดู นัยลุลเอาฏอร เล่ม 3 หน้า 66
.........
คงไม่ต้องอธิบาย พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ที่นาย ตาชัง หรือ นายฮัมดี สุหลง อ้างว่า ละหมาด 11 รอ็กอัต นั้น อิหม่ามอัชเชาการนีย์ บอกว่า ละหมาด 11 รอ็กอัตไม่ใช่ตารอเวียะ -นะอูซุบิลละฮ เมื่อไหรการบิดเบือนเช่นนี้จะหยุดเสียที
والله أعلم بالصواب
นายอะสัน หมัดอะดั้ม
นายอะสัน หมัดอะดั้ม
2/6/60
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น