
การรวบรวมอัลกุรอ่าน ในยุคอบูบักร์ เป็นบิดอะฮจริงหรือ
มีกลุ่มอนุรักษ์บิดอะฮบางกลุ่ม ได้อ้างการรวบรวมอัลกุรอ่านในสมัยของอบูบักร์ ภายใต้การนำของ เซด บิน ษาบิด ว่า คือ การกระทำที่ไม่มีในสมัยนบี ศอ็ลฯ แต่เป็นบิดอะฮที่ดี เพื่อมาเป็นข้ออ้างในการรับบิดอะฮต่างที่ปู่ย่าตายายหรือผู้รู้ในอดีตทำไว้โดยคิดว่าดี
จึงขอชี้แจงดังนี้
การรวบรวมอัลกุรอ่านนั้น คือ การรักษาไว้ซึ่งคำสอนศาสนาไม่ให้สูญหาย ไม่ใช่การเพิ่มเติม หรือตัดตอนคำสอนศาสนา ไม่ได้อยู่ในความหมายของคำว่า "การทำบิดอะฮในศาสนา" แต่ในทางกลับกันคือ สิ่งที่เป็นความจำเป็นและวาญิบต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำก็จะเกิดผลเสียหายต่อศาสนา
ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) กล่าวว่า
ما رآه المسلمون مصلحة إن كان بسبب أمر حدث بعد النبي فها هنا يجوز إحداث ما تدعو الحاجة إليه
สิ่งที่บรรดามุสลิมเห็นว่ามันเป็นประโยชน์ถึงแม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเนื่องด้วยสาเหตุของกิจการที่ริเริ่มขึ้นมาใหม่หลังจากท่านนบี ศล. ฉนั้น(ประเด็น) ตรงนี้ถือว่าอนุญาตให้ริเริ่มได้กับสิ่งที่ความจำเป็นนั้นร้องหาไปยังมัน- อิกติดออุซศิรอฏิลมุสตะกีม หน้าที่ 258
@@@
คำว่า “จำเป็นในที่นี้ คือ หากไม่ทำ ก็จะเกิดผลเสียต่อประชาชน เช่น ถ้าไม่รวบรวมอัลกุรอ่าน ก็จะทำให้มนุษย์ไม่ได้รู้ศาสนาบทบัญญัติในอัลกุรอ่าน และถ้าไม่จัดให้มี โรงเรียน ,มหาลัยสอนศาสนา ก็จะไม่มีสถานที่ที่จะให้มุสลิมศึกษาศาสนาอย่างทั่วถึงและพัฒนาไปในระดับที่สูงขึ้น และเพื่อผลิตบุคลากรที่เป็นผู้รู้ศาสนา ไปถ่ายทอดศาสนาต่อไป
@@@
คำว่า “จำเป็นในที่นี้ คือ หากไม่ทำ ก็จะเกิดผลเสียต่อประชาชน เช่น ถ้าไม่รวบรวมอัลกุรอ่าน ก็จะทำให้มนุษย์ไม่ได้รู้ศาสนาบทบัญญัติในอัลกุรอ่าน และถ้าไม่จัดให้มี โรงเรียน ,มหาลัยสอนศาสนา ก็จะไม่มีสถานที่ที่จะให้มุสลิมศึกษาศาสนาอย่างทั่วถึงและพัฒนาไปในระดับที่สูงขึ้น และเพื่อผลิตบุคลากรที่เป็นผู้รู้ศาสนา ไปถ่ายทอดศาสนาต่อไป
อิหม่ามอัสสะยูฏีย์(ร.ฮ) ได้ยืนยันว่า การรวบรวมอัลกุรอ่านนั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ โดยท่านได้กล่าวว่า
وَقَالَ الْحَارِثُ الْمُحَاسَبِيُّ فِي كِتَابِ فَهْمِ السُّنَنِ : كِتَابَةُ الْقُرْآنِ لَيْسَتْ بِمُحْدَثَةٍ فَإِنَّهُ - صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ - كَانَ يَأْمُرُ بِكِتَابَتِهِ ، وَلَكِنَّهُ كَانَ مُفَرَّقًا فِي الرِّقَاعِ وَالْأَكْتَافِ وَالْعُسُبِ ، فَإِنَّمَا أَمَرَ الصَّدِيقِ بِنَسْخِهَا مِنْ مَكَانٍ إِلَى مَكَانٍ مُجْتَمِعًا ، وَكَانَ ذَلِكَ بِمَنْزِلَةِ أَوْرَاقٍ وُجِدَتْ فِي بَيْتِ رَسُولِ اللَّهِ - صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ - فِيهَا قُرْآنٌ مُنْتَشِرٌ ، فَجَمَعَهَا جَامِعٌ ، وَرَبَطَهَا بِخَيْطٍ حَتَّى لَا يَضِيعَ مِنْهَا شَيْءٌ .
อัลหาริษ อัลมุหาสะบีย์ ได้กล่าวไว้ใน ฟะฮมิอัสสุนัน ว่า การบันทึกอัลกุรอ่านนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่(หมายถึงไม่ใช่บิดอะฮ) เพราะแท้จริงนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เคยสั่งให้บันทึกมัน แต่ว่า มัน ถูกแยกกัน อยู่ใน กระดาษ ,แผ่นหนังและ ก้านอินทผลัม แล้วความจริง อัศเศาะดีก(หมายถึงอบูบักร)ได้สั่งคัดลอกมัน จากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่ง โดยถูกรวมกัน และปรากฏว่าดังกล่าวนั้น อยู่ในที่ของบรรดาแผ่นกระดาษ ที่มันถูกพบในบ้านของรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งในมัน คืออัลกุรอ่าน ที่ถูกให้กระจัดกระจาย แล้ว ผู้รวบรวมรวมได้รวบรวมมัน และ ได้เย็บมันด้วยเชือกด้าย จนกระทั่งไม่มีสิ่งใดจากมันสูญหาย – ดู อัลอิตกอน ฟีอุลูมิลกุรอ่น เล่ม 1 หน้า 385
............ 
และอิหม่ามสะยูฏีย์กล่าวอีกว่า

และอิหม่ามสะยูฏีย์กล่าวอีกว่า
وكان غرضهم أن لا يكتب إلا من عين ما كتب بين يدي النبي(ص)لا من مجرد الحفظ .
และจุดมุ่งหมายของพวกเขา คือ จะไม่บันทึก นอกจาก ต้นฉบับของสิ่งที่ถูกบันทึก ต่อหน้าท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เท่านั้น ไม่ใช่จากสิ่งที่ได้จำมาอย่างเดียว – ดู อัลอิตกอน เล่ม 1 หน้า 60
และจุดมุ่งหมายของพวกเขา คือ จะไม่บันทึก นอกจาก ต้นฉบับของสิ่งที่ถูกบันทึก ต่อหน้าท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เท่านั้น ไม่ใช่จากสิ่งที่ได้จำมาอย่างเดียว – ดู อัลอิตกอน เล่ม 1 หน้า 60
รายงานจาก อับดุลลอฮ บิน อัมริน บิน อัลอาศ กล่าวว่า
جمعت القرآن ، فقرأت به كل ليلة ، فبلغ النبي (ص) فقال : أقرأه في شهر. الحديث
ข้าพเจ้า ได้รวบรวมอัลกุรอ่าน และข้าพเจ้าอ่านมันทุกคืน แล้ว ข่าวนี้ได้ถึงไปยังท่านนบี ศอ็ลฯ ท่านจึงกล่าวว่า ท่านจงอ่านมัน ทุกๆเดือน – จนจบหะดิษ
، وأصله في الصحيح.
فتح الباري: ج 9 ص 47. السنن الكبرى للنسائي، ج 5، ص 24، مسند أحمد، ج 2، ص 163، صحيح ابن حبان، ج 3، ص 33
جمعت القرآن ، فقرأت به كل ليلة ، فبلغ النبي (ص) فقال : أقرأه في شهر. الحديث
ข้าพเจ้า ได้รวบรวมอัลกุรอ่าน และข้าพเจ้าอ่านมันทุกคืน แล้ว ข่าวนี้ได้ถึงไปยังท่านนบี ศอ็ลฯ ท่านจึงกล่าวว่า ท่านจงอ่านมัน ทุกๆเดือน – จนจบหะดิษ
، وأصله في الصحيح.
فتح الباري: ج 9 ص 47. السنن الكبرى للنسائي، ج 5، ص 24، مسند أحمد، ج 2، ص 163، صحيح ابن حبان، ج 3، ص 33
บางคนอาจจะอ้างว่า "ในสมัยนบี ไม่ได้มีการรวบรวมอัลกุรอ่านเย็บเป็นเล่ม
......
ขอตอบว่า ในสมัยของท่านนบี ศอ็ลฯ เป็นสมัยที่วะหยูของอัลลอฮลงมาไม่จบ และบางอายะฮถูกยกเลิก บางอายะฮถูกนำมาแทน เพราะฉะนั้น การประทานวะหวูยังไม่จบ จะรวมเล่มได้อย่างไร
แต่พอท่านนบี ศอ็ลฯเสียชีวิต จึงมีการรวบรวมอัลกุรอ่านเป็นเล่ม เพื่อรักษาไว้ไม่ให้สูญหาย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น ไม่เกี่ยวกับเรื่องบิดอะฮ
ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮกล่าวว่า
......
ขอตอบว่า ในสมัยของท่านนบี ศอ็ลฯ เป็นสมัยที่วะหยูของอัลลอฮลงมาไม่จบ และบางอายะฮถูกยกเลิก บางอายะฮถูกนำมาแทน เพราะฉะนั้น การประทานวะหวูยังไม่จบ จะรวมเล่มได้อย่างไร
แต่พอท่านนบี ศอ็ลฯเสียชีวิต จึงมีการรวบรวมอัลกุรอ่านเป็นเล่ม เพื่อรักษาไว้ไม่ให้สูญหาย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น ไม่เกี่ยวกับเรื่องบิดอะฮ
ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮกล่าวว่า
وهكذا جمع القرآن فإن المانع من جمعه على عهد رسول الله صلى الله عليه وسلم كان أن الوحي كان لا يزال ينزل فيغير الله ما يشاء ويحكم ما يريد فلو جمع في مصحف واحد لتعسر أو تعذر تغييره كل وقت فلما استقر القرآن بموته صلى الله عليه وسلم واستقرت الشريعة بموته صلى الله عليه وسلم أمن الناس من زيادة القرآن ونقصه وأمنوا من زيادة الايجاب والتحريم والمقتضي للعمل قائم بسنته صلى الله عليه وسلم فعمل المسلمون بمقتضى سنته صلى الله عليه وسلم وذلك العمل من سنته صلى الله عليه وسلم وإن كان يسمى هذا في اللغة بدعة
และในทำนองเดียวกันนี้ (ทำนองเดียวกับเรื่องละหมาดตะรอเวียะญามาอะฮ) คือ การรวบรวมอัลกุรอ่าน เพราะแท้จริง มีอุปรรคขัดขวางจากการรวบรวม ในสมัยรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งปรากฏว่า วะหยูยังคง ถูกประทานลงมาอยู่ (หมายถึงยังไม่ได้สิ้นสุดลง) เพราะอัลลอฮจะทรงเปลี่ยนแปลง สิ่งที่พระองค์ ทรงประสงค์ และทรงตัดสิน สิ่งที่พระองค์ทรงต้องการ เพราะถ้าหากรวมรวมอัลกุรอ่านให้เป็นเล่มเดียว(อย่างที่ทำในสมัยอุษมาน) ก็จะเกิดความลำบาก หรือ เพราะสุดวิสัยที่จะเปลียนแปลงมัน ทุกเวลา ดังนั้น เมื่อ อัลกุรอ่านได้คงที่แล้ว(คือ การประทานได้จบสิ้นแล้ว) ด้วยการเสียชีวิตของท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และอัชชะรีอะฮ ได้คงที่แล้ว ด้วยการเสียชีวิตของท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มนุษย์ก็ปลอดภัยจากการเพิ่มเติมและการตัดตอนมัน และพวกเขาปลอดภัยจากการเพิ่มเติมการกำหนดหุกุมวาญิบ และหุกุมต้องห้าม (หะรอม) และ มันถูกตัดสิน สำหรับการปฏิบัติ ตามสุนนะฮ ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ดังนั้น บรรดามุสลิมีน ก็ปฏิบัติ ด้วยการตัดสิน /หรือความต้องการ ของสุนนะฮนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นส่วนหนึ่งของ สุนนะฮท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และหากว่า สิ่งนี้ถูกเรียกในทางภาษาว่า “บิดอะฮ”ก็ตาม ....-ดู - อิกติดออุซศิรอฏิลมุสตะกีม หน้าที่ เล่ม 2 หน้า 588-589 

.....
อิหม่ามสะยูฏีย์ ได้อ้างสาเหตุของการที่ไม่มีการรวบรวมเป็นเล่มมุศฮัฟ ในสมัยนบี ศอ็ลฯ โดยกล่าวว่า
قَالَ الْخَطَّابِيُّ : إِنَّمَا لَمْ يَجْمَعْ - صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ - الْقُرْآنَ فِي الْمُصْحَفِ ; لِمَا كَانَ يَتَرَقَّبُهُ مِنْ وُرُودِ نَاسِخٍ لِبَعْضِ أَحْكَامِهِ أَوْ تِلَاوَتِهِ ، فَلَمَّا انْقَضَى نُزُولُهُ بِوَفَاتِهِ أَلْهَمَ اللَّهُ الْخُلَفَاءَ الرَّاشِدِينَ ذَلِكَ ، وَفَاءً بِوَعْدِهِ الصَّادِقِ بِضَمَانِ حِفْظِهِ عَلَى هَذِهِ الْأُمَّةِ ، فَكَانَ ابْتِدَاءُ ذَلِكَ عَلَى يَدِ الصِّدِّيقِ بِمَشُورَةِ عُمَرَ .
อัลคิฎอบบีย์ กล่าวว่า ความจริง ท่านนบี ศอ็ลฯ ไม่ได้รวบรวมอัลกุรอ่าน ให้อยู่ในมุศฮัฟ(รูปเล่ม) เพราะสิ่งที่ ท่านคอยท่า มัน จากรายงานที่มายกเลิก บางส่วนของบรดาหุกุมหรือการอ่านของมัน ดังนั้นเมื่อ การลงมาของมันสิ้นสุดลงด้วยการเสียชีวิตของท่านนบี ศอ็ล ,อัลลอฮก็ทรงดลใจ ให้บรรดาเคาะลิฟะฮอัรรอชีดีน (ให้ทำหน้าที่)ดังกล่าว โดยการปฏิบัติให้สมบูรณ์ด้วยคำมั่นสัญญาของ อบูบักร์อัศเศาะดีก ด้วยความรับผิดชอบการดูแลรักษามัน แก่อุมมะฮนี้ แล้ว ดังกล่าวก็ได้เริ่มขึ้น บน อำนาจหน้าที่ของอบูบักร์ อัศเศาะดีก ด้วยการปรึกษาหารือของท่านอุมัร - ดู อัลอิตกอน ฟิอุลูมิลกุรอ่าน เล่ม 1 หน้า 377
..........
..........
คำอธิบายข้างต้น แสดงให้เห็นชัดเจนเช่นกันว่า การรวบรวมอัลกุรอ่านเป็นเล่ม ไม่ใช่บิดอะฮ เพราะสิ่งนั้น มีเหตุอุปสรรค์ที่จะทำในสมัยนบี เพราะอัลกุรอ่านกำลังประทานลงมา และบางครั้ง อัลลอฮได้มีการเปลี่ยนแปลงหุกุม ซึ่งยุ่งยากที่จะแก้ไขทุกวัน แต่พอการประทานอัลกุรอ่านยุติลง และชะรีอะฮคงที่แล้วไม่เปลี่ยนแปลงด้วยการเสียชีวิตของท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็มีการริเริ่ม รวบรวมเป็นเล่ม แบบนี้ไม่ใช่บิดอะฮ แม้ในทางภาษา เรียกว่า บิดอะฮก็ตาม และสิ่งที่คือความจำเป็นแก่มนุษย์ ที่จะได้ศึกษา และรักษาหุกุมอัลลอฮ เช่น เดียวกับการสร้างโรงเรียนศาสนา ก็เพราะมนุษย์มีความจำเป็น เพื่อจะได้ศึกษาศาสนา ไม่ใช่เพิ่มเติมศาสนา และไม่ใช่ตัดตอนหุกุมศาสนา
เพราะฉะนั้น การอ้างเรื่องการรวบรวมอัลกุรอ่านเป็นเล่มว่า "คือบิดอะฮหะสะนะฮ" แล้วเอามาเป็นข้ออ้างอุตริบิดอะฮ ให้ออกลูกออกหลานจนเต็มไปในหน้าแผ่นดิน จนคนอาวามเข้าใจว่าคือ คำสอนศาสนา มันอันตรายยิ่งนัก
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
28/6/60
อะสัน หมัดอะดั้ม
28/6/60
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น