วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การอ้างเท็จว่าเคาะลิฟะฮอุมัรทำบิดอะฮ


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


การอ้างเท็จว่าเคาะลิฟะฮอุมัรทำบิดอะฮ
อิจมาอีย์ บินกิยะซีย์
ใช่คับ ท่านอีม่ามในยุคสลัฟคือท่านชาฟีอี(รห) ได้ทำการแบ่งบิดอะทางศาสนาออกเป็น2แบบ.คือบิดอะที่ดีและบิดอะทีเลว.....
ดังนั้น สิ่งใดที่ไปขัดกับคำสั่งในอัลกรุอ่านและหะดิสและอิจมะอุลามะมันคือบิดอะ(สิ่งที่ถูกกระทำขึ้นมาใหม่)ที่เป็นสิ่งดอลาละนั้นเอง.
ส่วน สิ่งใดที่ไม่ขัดกับคำสั่งในอัลกรุอ่านและหะดิสและอิจมะอุลามะมันคือบิดอะ(สิ่งที่ถูกกระทำขึ้นมาใหม่)ที่เป็นที่ฮะซะนะนั้นเอง.
/////////////////////
ดังนั้น การรวบผู้คนในละหมาดเป็นยามะอะในตะรอเวียะจากคำสั่งของท่านอุมัร(รด)ไปสู่การกระทำนั้นคือบิดอะหรือการกระทำขึ้นมาใหม่ในงานศาสนา..ที่ไม่เคยปรากฏในเดือนรอมาดอน.มาก่อน
@@@@
ชี้แจง
คุณ อิจมาอีย์ บินกิยะซีย์ อ้างว่า “การรวบผู้คนในละหมาดเป็นยามะอะในตะรอเวียะจากคำสั่งของท่านอุมัร(รด)ไปสู่การกระทำนั้นคือบิดอะหรือการกระทำขึ้นมาใหม่ในงานศาสนา..ที่ไม่เคยปรากฏในเดือนรอมาดอน.มาก่อน
........
ขอยืนยันว่า ข้างต้นคือการบิดเบือนคำพูดของท่านอุมัรและเป็นการอ้างเท็จให้แก่เคาะละฟะฮท่านอุมัร (ร.ฎ) เพราะการกระทำของท่านอุมัร (ร.ฎ)ที่รวบรวมคน ละหมาดตารอเวียะโดยการนำของอิหม่ามคนเดียวนั้น มีแบบอย่างมาจากท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ และท่านได้หยุดไปเพราะเกรงว่าจะถูกกำหนดให้เป็นฟัรดู ก็จะลำบากแก่อุมมะฮของท่าน ในยุคอบูบักร์ อยู่ในภาวะสงคราม ต่อมาในยุคเคาะลิฟะฮอุมัร ท่านได้ฟื้นฟูนสุนนะฮนี้ขึ้นมาอีก โดยให้อุบัย บิน กะอับ และตะมีม อัดดารี นำละหมาดบรรดาผู้คน
คำพูดของท่านอุมัร(ร.ฏ)ที่ว่า
نعمت البدعة هذه
บิดอะฮที่ดี คือสิ่งนี้แหละ- รายงาน โดยบุคอรีและอิหม่ามมาลิก
ในเรื่องนี้ อิบนุอับดิลบัร (ร.ฮ) ได้อธิบายว่า
فيه أن قيام رمضان سنة من سنن النبي عليه السلام مندوب إليها مرغب فيها ولم يسن منها عمر إلا ما كان رسول الله يحبه ويرضاه وما لم يمنعه من المواظبة عليه إلا أن يفرض على أمته وكان بالمؤمنين رؤوفا رحيما صلى الله عليه و سلم فلما علم عمر ذلك من رسول الله وعلم أن الفرائض في وقته لا يزاد فيها ولا ينقص منها أقامها للناس وأحياها وأمر بها وذلك سنة أربع عشرة من الهجرة صدر خلافته
แท้จริงละหมาดในยามค่ำคืนเราะมะฎอน(ละหมาดตะรอเวียะ) นั้น คือสุนนะฮ จากบรรดาสุนนะฮของนบี ศอ็ลฯ ที่ถูกสนับสนุนและส่งเสริมให้กระทำ ที่และแท้จริง ท่านอุมัร ไม่ได้กำหนดแบบอย่าง จากมัน เว้นแต่ เป็นสิ่งที่ รซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ รัก และพอใจมัน และไม่มีสิ่งใดยับยั้ง ท่านรซูลุลลอฮ ไม่ให้ปฏิบัติมัน นอกจาก การเกรงว่า มันจะถูกกำหนดให้เป็นข้อบังคับแก่อุมมะฮของท่าน และท่านนบี มีความสงสาร และ เมตตาต่อบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ดังนั้นเมื่อ ท่านอุมัร ได้รู้ดังกล่าวจาก รซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ และรู้ว่า บรรดาละหมาดฟัรดูในเวลาของมัน ไม่ถูกเพิ่มเติม และไม่ถูกลดจากมัน แล้ว ท่านอุมัร ได้จัดให้มันมีขึ้นมาอีก ,ได้ฟื้นฟูมัน และได้สั่งให้ปฏิบัติมัน และดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นในปี ฮ.ศ 14 ในช่วงแรกของการดำรงตำแหน่งเคาะลิฟะฮของเขา - อัลอิสติซกาซ 1/62-63
…………
ท่านอิบนุอับดิลบัร (ร.ฎ) ยืนยันว่าท่านอุมัร (ร.ฎ)ได้ฟื้นฟูสุนนะฮนบี ศอ็ลฯ และได้สั่งให้ประชาชนปฏิบัติ ด้วยสิ่งนั้น เพราะฉะนั้น การที่นาย อิจมาอีย์ บินกิยะซีย์ อ้างว่าท่านอุมัร (ร.ฎ)ได้กระทำขึ้นมาใหม่ในงานศาสนา..ที่ไม่เคยปรากฏในเดือนรอมาดอน.มาก่อน นั้น เป็นการบิดเบือนและอ้างเท็จ ให้แก่เคาะลิฟะฮอุมัร เพื่อสนับสนุนบิดอะฮต่างๆที่ถูกประดิษฐขึ้นมา จากความเชื่อและประเพณีปู่ย่าตายาย โดยอ้างว่าเป็นคำสอนศาสนา
และหลักฐานต่อไปนี้เป็นการตอกย้ำว่า ท่านอุมัรไม่ได้ทำบิดอะฮโดยคิดคำสอนหรือรูปแบบอิบาดะฮขึ้นมาใหม่ ตามที่ ได้อ้างเท็จคือ
وَرَوَى أَسَدُ بْنُ عَمْرٍو عَنْ أَبِي يُوسُفَ قَالَ : سَأَلْتُ أَبَا حَنِيفَةَ عَنِ التَّرَاوِيحِ وَمَا فَعَلَهُ عُمَرُ ؟ فَقَالَ : التَّرَاوِيحُ سُنَّةٌ مُؤَكَّدَةٌ وَلَمْ يَتَخَرَّصْهُ عُمَرُ مِنْ تِلْقَاءِ نَفْسِهِ وَلَمْ يَكُنْ فِيهِ مُبْتَدِعًا ، وَلَمْ يَأْمُرْ بِهِ إِلَّا عَنْ أَصْلٍ لَدَيْهِ وَعَهْدٍ مِنْ رَسُولِ اللَّهِ - صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ - ، وَلَقَدْ سَنَّ عُمَرُ هَذَا وَجَمَعَ النَّاسَ عَلَى أُبَيِّ بْنِ كَعْبٍ فَصَلَّاهَا جَمَاعَةً وَالصَّحَابَةُ مُتَوَافِرُونَ : مِنْهُمْ عُثْمَانُ وَعَلِيٌّ وَابْنُ مَسْعُودٍ وَالْعَبَّاسُ وَابْنُهُ وَطَلْحَةُ وَالزُّبَيْرُ وَمُعَاذٌ وَأُبَيٌّ وَغَيْرُهُمْ مِنَ الْمُهَاجِرِينَ وَالْأَنْصَارِ ، وَمَا رَدَّ عَلَيْهِ وَاحِدٌ مِنْهُمُ ، بَلْ سَاعَدُوهُ وَوَافَقُوهُ وَأَمَرُوا بِذَلِكَ
และรายงานโดย อะสัด บุตร อัมริน จากอบี ยูซูบ กล่าวว่า “ข้าพเจ้าถามอบูหะนีฟะอ เกี่ยวกับตะรอเวียะ และสิ่งที่ ท่านอุมัร ได้กระทำ แล้วท่านกล่าวว่า “ ละหมาดตะรอเวียะ เป็นสุนนะฮมุอักกะดะฮ โดยที่ท่านอุมัรไม่ได้กุเรื่องเท็จขึ้นมาจากตัวท่านเอง ท่านไม่ได้เป็นผู้อุตริ(ผู้ทำบิดอะฮ)ในเรื่องนั้น และท่านไม่ได้ใช้ให้กระทำ นอกจากมี หลักฐาน ณ ที่ท่าน และ เป็นคำสั่งจากท่านรซูลลุลลอฮ ศ็อลลอ็ลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และแท้จริงท่านอุมัร ได้ทำแบบอย่างนี้ขึ้นมา โดยรวมผู้คน ให้ละหมาดภายใต้การเป็นอิหม่ามของท่านกะอับ แล้วได้ทำการละหมาดนั้น(ละหมาดตะรอเวียะ) ในรูปของการละหมาดญะมาอะฮ โดยที่บรรดาเศาะหาบะฮจำนวนมากมาย จากชาวมุฮาญิรีนและชาวอันศอรฺ และไม่มีคนใดจากพวกเขาคัดค้านท่าน(อุมัร)เลย ตรงกันข้าม พวกเขากลับสนับสนุนท่าน พวกเขาเห็นฟ้องกับท่านและ พวกเขาใช้ให้กระทำเรื่องดังกล่าว
- ดู อัลอิคติยารอต ลิตะอฺลีลิลมุคตัร ของอัลมูศิลีย์ อัลหะนะฟีย์ เล่ม 1 หน้า 96-97
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
............
สิ่งที่เป็นมติเห็นฟ้องของเหล่าเศาะหาบะฮ มันจะเป็นบิดอะฮได้อย่างไร 
และถ้าผู้อ่านพิจารณา จะพบว่า ส่วนหนึ่งจากบิดอะฮที่ถูกอุตริขึ้นมาใหม่หลายอย่างที่มีผลประโยชน์แอบแฝง จึงมีกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์ตรงนี้ จากคนอาวาม หาเหตุผลและข้ออ้างปกป้องบิดอะฮ อย่างแข็งขันและจะเป็นปฏิปักษ์ทุกคนที่ต่อต้านบิดอะฮ โดยการใส่ร้ายและทำลายความเชื่อถือ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
27/6/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น