คณะเก่า..เก่าจริงหรือ?

 

 

คณะเก่า..เก่าจริงหรือ?

ในสังคมมุสลิมของประเทศไทยและประเทศในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีมุสลิมอยู เช่น บรูไน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอื่นๆ ได้ถูกแบ่ง ให้เป็น คณเก่า (Kaum Tua)และ คณะใหม่ (Kaum Muda) หรือ พวกวะฮบีย

การแบ่งมุสลิมเป็นสองขั้ว เกิดจากอคติและ การตะอัศศุบ ของผู้แบ่ง คือ คนที่นับถือศาสนาตามแนวทางของบรรพบุรุษ และผููกขาดกับมัซฮับหนึ่งมัซฮับใดเป็นการเฉพาะ จะตั้งชื่อกลุ่มมุสลิม ที่ไม่ผูกขาดกับมัซฮับและที่ไม่ยอมรับความเชื่อและประเพณีที่บรรพบุรษประดิษฐขึ้นมาว่า "พวกคณะใหม่"(Kaum Muda) และเรียก กลุ่มของตนเองที่อนุรักษ์ความเชื่อ ประเพณีบรรพบุรุษและสังกัดมัซฮับแบบผูกขาดว่า "คณะเก่า (Kaum Tua) 
การแบ่งมุสลิมเป็น 2 ฝ่าย มาจากวาทกรรมของกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า "คณะเก่า" แล้วฉายา คนที่เห็นต่างกับตนในเชิงลบ ว่า "คณะใหม่" ไม่ได้มาจากวาทกรรมของคนที่ถูกเรียกว่า "คณะใหม่ หรือ วะฮบีย์"

คณะเก่าหรือคณะเก่าเอาอะไรมาวัด

คำตอบคือ เอานัฟซู อคติ และความรู้สึกมาวัด ไม่ใช่หลักฐานทางศาสนาจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ

เพราะคำสอนดั้งเดินหรือคำสอนเก่าที่สุด คือ คำสอนที่มาจากวะหยูของอัลลอฮ ที่อยู่ในคัมภีรอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ไม่ใช่ความเชื่อและประเพณี หรืออุตริกรรมของบรรพบุรุษ อย่างที่คนบางส่วนเข้าใจกัน

บรรดาอุตริกรรมหรือบิดอะฮที่มาจากความเชื่อของบรรพบุรูษ เช่น
1.การทำบุญเนื่องจากการตาย 3 วัน 7 วัน 40 วัน
2.การพักแรมที่กุโบร์เพื่ออ่านอัลกุรอ่านอุทิศให้คนตาย
3. การทำอีซียกุโบร์
4. การกล่าวคำเนียต
5. การทำเมาลิด
6. การอ่านตัลกีน(สอน)คนตายในหลุมศพ
7. การตะวัซซุลกับหลุมศพวาลียุลลอฮ
8. การตีความอายาตและหะดิษสิฟาต
9. การสังกัดมัซฮับแบบผูกขาดกับคนหนึ่งคนใดเป็นการเฉพาะ
. และอื่นๆที่เป็นพิธีกรรมทางศาสนาที่ไม่มีในศาสนบัญญัติ

ข้างต้นคือ สิ่งที่ถูกนำมาเป็นตัวชี้วัด ว่าใครคือ คณะเก่าและคณะใหม่ โดยฝ่ายปฏิบัติ ก็จะเรียกตนเองว่า "พวกคณะเก่า หรือ(Kaum Tua) "และเรียกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตนในเรื่องดังกล่าวข้งต้นว่า "คณะใหม่ หรือ Kaum Muda
สิ่งนี้ถูกปลูกฝังมายังคนรุ่นหลัง จากรุ่นสู่รุ่น จนถึงทุกวันนี้

เวลามีใครสักคน เรียกร้องให้เลิกและละทิ้ง บรรดาความเชื่อและพิธีกรรมที่ถูกประดิษฐขึ้นมาใหม่ ข้างต้น คนส่วนหนึ่งก็จะตอบว่า "บรรพบุรูษได้เชื่อและทำกันมานานแล้ว" ซึ่งวาทกรรมนี้ ชนผู้ปฏิเสธสิ่งที่นบี ศอ็ลฯ นำมาเผยแพร่ ได้เคยกล่าวไว้เช่นกันคือ

อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า

وَإِذَا قِيلَ لَهُمُ اتَّبِعُوا مَا أَنزَلَ اللّهُ قَالُواْ بَلْ نَتَّبِعُ مَا أَلْفَيْنَا عَلَيْهِ آبَاءنَا أَوَلَوْ كَانَ آبَاؤُهُمْ لاَ يَعْقِلُونَ شَيْئاً وَلاَ يَهْتَدُونَ

และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่าจงปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาเถิดพวกเขาก็กล่าวว่า มิได้ เราจะแฏิบัติสิ่งที่เราได้พบบรรดาบรรพบุรุษของเราเคยปฏิบัติมาเท่านั้นและแม้ได้ปรากฏว่า บรรพบุรุษของพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใด และทั้งไม่ได้รับแนวทางอันถูกต้องก็ตามกระนั้นหรือ?- อัลบะเกาะฮเราะฮ /170

ในคำสอนศาสนานั้น สิ่งใหม่คือ บิดอะฮ คนที่ทำบิดอะฮ ควรที่จะถูกเรียกว่าคณะใหม่ และคนที่ต่อต้านบิดอะฮ และเรียกร้องให้ยึดคำสอนดั้งเดิม คือ กิตาบุลลอฮ และสุนนะฮนบี ควรที่จะเรียกว่า "คณะเก่า แต่...กลับถูกเรียกว่าคณะใหม่ -นะอูซุบิลละฮ

ท่านนบี ศอ็ลฯ เตือนให้ระวังสิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่ในศาสนา โดยกล่าวว่า

وإياكم ومحدثات الأمور فإن كل محدثة بدعة وكل بدعة ضلالة

ความว่า : “และพวกเจ้าจงระวังสิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่ ,ทุกๆสิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่นั้น คือ บิดอะฮ และ ทุกๆบิดอะฮฺนั้นคือความหลงผิด”(รางานโดย อะบูดาวุด: 4607 และติรมีซีย์ : 2676)

ความหมายคำว่า "บรรดาสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ "

وَمُحْدَثَاتُ الْأُمُورِ : مَا ابْتَدَعَهُ أَهْلُ الْأَهْوَاءِ مِنَ الْأَشْيَاءِ الَّتِي كَانَ السَّلَفُ الصَّالِحُ عَلَى غَيْرِهَا . وَفِي الْحَدِيثِ : ( إِيَّاكُمْ وَمُحْدَثَاتِ الْأُمُورِ ) جَمْعُ مُحْدَثَةٍ بِالْفَتْحِ ، وَهِيَ مَا لَمْ يَكُنْ مَعْرُوفًا فِي كِتَابٍ ، وَلَا سُنَّةٍ ، وَلَا إِجْمَاعٍ

และคำว่า "บรรดาสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ คือ สิ่งที่อะฮลุลอะฮวาอฺ (อะฮลุลบิดอะฮ) ได้อุตริมันขึ้นมาใหม่ จากบรรดาสิ่งต่างๆ ที่บรรดาบรรพชนยุคสะลัฟ ผู้ทรงธรรม อยู่บนแนวทางอื่นจากมัน และในหะดิษที่ว่า(พวกท่านจงระวังบรรดาสิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่ ) เป็นพหุพจน์ของคำว่า "มุหดะษะอ" ด้วยการอ่านฟัตหะฮ และมันคือ สิ่งที่ไม่เป็นท่ีรู้จัก ในอัลกุรอ่าน,ไม่เป็นทีรู้จักในสุนนะฮ และไม่เเป็นที่รู้จักในอิจญมาอฺ(มติของปวงปราชญ์) - อัลเมาสูอะฮอัลฟิกฮียะฮ เล่ม 8 หน้า 24 ความหมายคำว่า "อัลมุหดะษาต"และลิซานุลอัรบฺ เล่ม 4 หน้า 53

ในฟัตวาอัลลุจญนะฮ ให้ความหมายคำว่า

ياكم ومحدثات الأمور
พวกท่านพึงระวัง บรรดากิจการต่างๆที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่
ซึ่งหมายถึง
كل ما أحدثه الناس في دين الإسلام من البدع في العقائد والعبادات ونحوها مما لم يأت به كتاب ولا سنة ثابتة عن رسول الله صلى الله عليه وسلم، واتخذوه دينًا يعتقدونه، ويتعبدون الله به
ทุกสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ ขึ้นมาใหม่ในศาสนาอิสลาม ในเรื่อง อะกีดะฮ ,เรื่องอิบาดะฮ เป็นต้น จากสิ่งที่
อัลกุรอ่านไม่ได้นำมาและไม่ปรากฏ สุนนะฮที่แน่นอนจากรซูลุลลอฮ และพวกเขาเอามันมาทำเป็นศาสนา พวกเขาเชื่อมั่นและนำมันมาอิบาดะฮกับอัลลอฮ
- มัจญมัวะฟะตาวา อัลลุจญนะฮ เล่ม ๒๔ เรื่อง อะกีดะฮ
...................

ผู้อ่านที่แสวงหาความจริงที่เคารพ โปรดพิจารณาดูว่า กลุ่มใหนกันแน่ที่ควรเรียกคณะเก่า และกลุ่มใหนกันแน่ที่ควรเรียกคณะใหม่ คงตัดสินไม่ยาก เพราะคำว่าคณะเก่าต้องยึดคำสอนดั้งเดิมที่มาจากอัลกุรอ่านและสุนนะฮ และสิ่งที่บรรพชนผู้ทรงธรรมยุคสะลัฟ ดำเนินอยู่บนแนวทางนั้น ส่วนคณะใหม่คือ กลุ่มชนที่อุตริบิดอะฮ ขึ้นมาใหม่ ให้เป็นความเชื่อและพิธีกรรมในศาสนา

والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
22/6/60