วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2561

ตัวอย่างการชงบิดเบือนอะกีดะฮสะลัฟใส่ร้ายวะฮบีย์




ตัวอย่างการชงบิดเบือนอะกีดะฮสะลัฟใส่ร้ายวะฮบีย์
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ 
6 ชม.
โดย Matty Ibnufatim​Hamady
เปรียบเทียบอากีดะห์ อาชาอีเราะห์ กับอากีดะห์ วะห์ฮาบีย์ ลองดูว่า ใครที่ตามสะลัฟ??
A. อากีดะห์สะลัฟ ปฏิเสธ อวัยวะ เเก่อัลลอฮ์ ซบ.
1. ท่าน อะบุ บักร อัลคอลาล ( ฮ.ศ 235-311) ได้กล่าวในตำรา อัซซุนนะห์ รายงาน อากีดะห์ ของท่าน อีหม่าม อะห์หมัดว่า
قال الإمام احمد بن حنبل رضي الله عنه : إن لله تعالى يدان وهما صفة له في ذاته ليستا بجارحتين وليستا بمركبتين ولا جسم ولا جنس من الأجسام ولا من جنس المحدود والتركيب والأبعاض والجوارح ولا يقاس على ذلك
ความว่า " เเท้จริงเเล้วสำหรับ อัลลอฮ์นั้น สองพระหัตถ์ ซึ่งทั้งสองเป็น ซีฟัตหนึ่ง สำหรับพระองค์ สำหรับ ซาต ทั้งสอง ไม่ใช่อวัยวะ เเละทั้งสองไม่มีคุณละกษณะซ้อนกีน เเละ ไม่ใช่รูปร่าง เเละ ไม่ใช่ ชนิดหนึ่งของบรรดารูปร่าง เเละไม่ใช่ชนิดที่มีขอบเขต มีการซ้อนกัน มีสัดส่วนต่างๆ เเละไม่ใช่ บรรดาอวัยวะ เเละไม่ทำถูกทำการเปรียบเทียบบนสิ่งเหล่านั้น .............
2. ท่าน อิบนุ ญะรีร อัตฏอบรีย์ ( ฮ.ศ 224-310) ปฏิเสธ อวัยวะ เเก่ อัลลอฮ์ ในตำราของท่าน อัตตับซีร
وله سبحانه يدان ويمين وأصابع ، وليست جارحة
ولكن يدان مبسوطتان بالنعم على الخلق، لا مقبوضتان عن الخير
ความว่า " สำหรับอัลลอฮ์ ซบ. นั้น สองพระหัตถ์ เเละ ขวา เเละ บรรดานิ้ว ทั้งหมด ไม่ใช่ อวัยวะ เเต่เป็นสองพระหัตถ์ที่เผื่อเเผ่ด้วยเนียะมัต ต่อมัคลูกทั้งหลาย เเละไม่ได้ถูกปิดกั้น ( ถูกกำพระหัตถ์) จากความดีต่างๆ "
@@@@@
ชี้แจง
หลักฐานข้างต้นเปลี่ยมือกันมาโพสต์หลายครั้ง และนาย Matty Ibnufatim​Hamady โต๊ะครูอีแอบ เอามาชงใหม่ แล้วนาย อานัส ชูชื่น เอามาเผยแพร่อีกครั้ง
ขอชี้แจงดังนี้ 
1.อ้างท่าน อะบุ บักร อัลคอลาล ( ฮ.ศ 235-311) ว่ากล่าวถึงคำพูดของอิหม่ามอะหมัด แต่ไม่ระบุที่มา ถือเป็นการหมกเม็ดแหล่งที่มา 
1.1 ตามรายงานข้างต้น อิหม่ามอะหมัด (ร.ฮ) ยอมรับว่า "อัลลอฮมีสองมือ ซึ่งเป็นคุณลักษณะของซาต ต่างอาชาอิเราะฮซูฟีผ้าเขียว ที่ตีความว่า "การดูแลเป็นพิเศษ 
1.2 ส่วนคำว่า "อวัยวะ หรือไม่เป็นอวัยวะ เป็นการพรรณารูปแบบสิฟัต(كيفية ) ที่เกินจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ พร้อมกับขัดต่อคำพูดของอิหม่ามอะหมัดเองคือ
لايوصف الله إلا بما وصف به نفسه , أو وصفه به رسوله , لايتجاوز القرآن والحديث
อัลลอฮ จะไม่ถูกพรรณาคุณลักษณะ ยกเว้น ด้วยสิ่งที่พระองค์ทรงพรรณาคุณลักษณะ ให้แก่ตัวของพระองค์เองด้วยมัน หรือ รอซูลของพระองค์ ได้พรรณาคุณลักษณะแก่พระองค์ด้วยมัน และ เขาจะไม่เกินเลยอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ - ตัฟสีร มะหาสินิตตะวี้ล ของ อัลกอสิมีย์ บทนำหน้า 1/342
อิหม่ามอิบนุกุดามะฮ (ร.ฮ)ได้ถ่ายทอดคำพูดอิหม่ามอะหมัด(ร.ฮ)ว่า
وَنَقُولُ كَمَا قَالَ، وَنَصِفُهُ بِمَا وَصَفَ بِهِ نَفْسَهُ لاَ نَتَعَدَّى ذَلِكَ، وَلاَ تبلغه صفة الوَاصِفِينَ، نُؤْمِنُ بِالقُرْآنِ كُلِّهِ مُحْكَمِهِ وَمُتَشَابِهِهِ، وَلاَ نُزِيلُ عَنْهُ صِفَةً مِنْ صِفَاتِهِ لِشَنَاعَةٍ شُنِّعَتْ، وَلاَ نَتَعَدَّى القُرْآنَ وَالحَدِيثَ، وَلاَ نَعْلَمُ كَيْفَ كُنْهُ ذَلِكَ إِلاَّ بِتَصْدِيقِ الرَّسُولِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسلّمَ وَتَثْبِيتِ القُرْآنِ
และเรากล่าว ดังสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสไว้ และเราจะพรรณาคุณลักษณะแก่พระองค์ ด้วยสิ่งที่พระองค์ พรรณาคุณลักษณะให้แก่ตัวของพระองค์เองด้วยมัน เราจะไม่เกินเลย ดังกล่าว และการพรรณาคุณลักษณะของบรรดาผู้ที่พรรณาคุณลักษณะนั้นจะ ไม่เข้าถึงพระองค์ (ได้อย่างครอบคลุม), เราศรัทธา ด้วยอัลกุรอ่านทั้งหมด มุหกัมของมัน(อายะมุหกะมาต) และ มุตะชาบิฮของมัน (อายาตมุตะชาบิฮาต) และเราจะไม่ ทำให้คุณลักษณะหนึ่งคุณลักษณะใด จากบรรดาคุณลักษณะของพระองค์ หายไปจากพระองค์ เพราะความรังเกียจ ที่ถูก(ผู้อื่น)กล่าวหาว่าไม่ดี และ เราจะไม่เกินเลยอัลกุรอ่านและอัลหะดิษ และเราไม่รู้ขอบเขตดังกล่าว นอกจากด้วยการเชื่อรอซูล ศอ็ลฯ และการยืนยันของอัลกุรอ่าน - อิษบาตสิฟัตอัลอุลูว์ หน้า 24
.............
จึงขอถามนกรู้อย่างนาย Matty Ibnufatim​Hamady และนาย อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ ว่าอายะฮใด หรือหะดิษบทใดหรือที่ บอกว่า มือไม่ใช่อวัยวะ หรือ เป็นอวัยวะ ? เชื่อตามความหมายที่อัลลอฮและนบี ศอ็ลฯบอก ไม่พอหรือ จึงใช้ตรรถมโน ว่าถ้าอย่างนี้ต้องเป็นอย่างนั้น
2. อิหม่ามอิบนุญะรีรอัฏเฏาะบะรีย์ (ร.ฮ) มีอะกีดะฮต่างจากอาชาอิเราะฮซูฟีฏอรีกัตผ้าเขียว เพราะท่านยืนยันความหมายสิฟาต ตามที่มีมาจากตัวบท โดยไม่ตีความ ว่า "การดูแลเป็นพิเศษ และอื่นๆจากตรรกทางปัญญา มาดูคำพูดก่อนหน้านี้คือ
فنثبت كل هذه المعاني التي ذكرنا أنها جاءت بها الأخبار و الكتاب والتنزيل على ما يعقل من حقيقة الإثبات، وننفي التشبيه فنقول : يسمع جل ثناؤه الأصوات، لا بخرق في أذن، ولا جارحة كجوارح بني آدم. وكذلك يبصر الأشخاص ببصر لا يشبه أبصار بني آدم التي هي جوارح لهم.
ดังนั้นเราจึงยืนยันความหมายเหล่านี้ทั้งหมดที่เราได้บอกว่าแท้จริงบรรดาฮะดีษต่างๆ }อัลกิตาบและ อัลกุรอานนั้นได้นำมันมา (เราก็ยืนยันมัน)ตามความหมายที่ถูกเข้าใจจากกการยืนยันความหมายจริงๆตรงตามตัวของมัน และ เราก็จะปฏิเสธการเปรียบเทียบให้เหมือนมัคลูก ดังนั้นเราจึงจะกล่าวว่า : พระองค์ جل ثناؤه ทรงได้ยินเสียงต่างๆ แต่ไม่ใช่ด้วยกับรูหู และไม่ใช่ด้วยกับอวัยวะดังเช่นอวัยวะของมนุษย์ และในทำนองเดียวกัน พระองค์ทรงเห็นบุคคลต่างๆด้วยกับสายตาที่ไม่เหมือนกับสายตาของมนุษย์ที่มันคืออวัยวะของพวกเขา -ดู อัตตับศีร ฟีมะอาลิมิดดีน หน้า 141-145
.............
การยืนยันความหมายจริงของสิฟาตตามคำที่ปรากฏในตัวบท ไม่ใช่ เป็นการอธิบายรูปแบบของสิฟาต และไม่ใช่การเปรียบกับมัคลูค ดังตัวอย่างที่อิบนุญะรีร กล่าวว่า
พระองค์ทรงได้ยิน เสียง ไม่ใชได้ยินด้วย รูหู และไม่ใช่อวัยวะ เช่น อวัยวะฮมนุษย์
เพราะฉะนั้น เมื่อเราแปล สิฟัต سميع ว่า ทรงเป็นผู้ได้ยิน ก็ไม่ต้องไปจินตนาการว่าเหมือนมนุษย์ เพราะทรงตรัสไว่ ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน มันก็จบ แต่อาชาอิเราะฮฏอรีกัตผ้าเขียว ไม่จบที่อัลลอฮและนบีบอก และอ้างอิบนุญะรีร ความจริงเป็นการแอบอ้าง เพราะอะกีดะฮซูฟีฏอรีกัตผ้าเขียว ต่างกับอิบนุญะรีร เหมือนหน้ามือกับหลังเท้า
แปลก...เวลามันแปลสิฟัต 20 มันไม่มโนว่า จะเหมือนมัคลูค แปลกจริงอาชาอิเราะฮสายพันธ์นี้

والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
31/3/61





 à¹„ม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ





 à¹„ม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2561

อะกีดะฮพระเจ้าอยู่บนฟ้าเป็นอะกีดะฮมุสลิม ไม่ใช่ อะกีดะฮศาสนากาเฟร



ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


อะกีดะฮพระเจ้าอยู่บนฟ้าเป็นอะกีดะฮมุสลิม ไม่ใช่ อะกีดะฮศาสนากาเฟรอย่างที่แกนนำอาชาอิเราะสายฏอรีกัตอ้าง
เรื่อง อะกีดะฮพระเเจ้าอยู่บนฟ้าหรือการอยู่เบื้องสูง ได้ชี้แจงด้วยหลักฐาน ทั้งอัลกุรอ่าน อัสสุนนะฮ ทัศนะสะลัฟ และเคาะลัฟ มามากมาย แต่อาชาอิเราะฮแนวคิดญะฮมียะฮ และมุอตะซิละฮ พยายามเอาเหตุผลตรรกทางปัญญาตามแนวคิดอะฮลุลกาลาม มาโต้แย้งปฏิเสธ แถมด่าทอ ใส่ร้ายและปั้นเรืองเท็จมาดิสเครดิตตลอดเวลา ไม่ทราบว่าคนพวกนี้นับถือศาสนาของอัลลอฮหรือนับถือศาสนาชัยฏอน
หลักฐานมากมายจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ แสดงการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ เช่น
หลักฐานจากอัลกุรอ่าน ยืนยันโดย อิหม่ามอะหมัด บิน หัมบัล
อิหม่ามอะหมัด (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
وَقَدْ أَخْبَرَنَا أَنَّهُ فِي السَّمَاءِ فَقَالَ: "ءَأَمِنتُم مَّن فِي السَّمَاء أَن يَخْسِفَ بِكُمُ الأَرْضَ"، "أَمْ أَمِنتُم مَّن فِي السَّمَاء أَن يُرْسِلَ عَلَيْكُمْ حَاصِبًا"، وقال: "إِلَيْهِ يَصْعَدُ الْكَلِمُ الطَّيِّبُ" وقال: "إِنِّي مُتَوَفِّيكَ وَرَافِعُكَ إِلَيَّ" وقال: "بَل رَّفَعَهُ اللّهُ إِلَيْهِ"
และแท้จริง พระองค์ทรงบอกเราว่าแท้จริงพระองค์ทรงอยู่บนฟ้า เพราะพระองค์ ตรัสว่า(พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือ จากผู้ทรงอยู่ ณ ฟากฟ้าจะให้แผ่นดินสูบพวกเจ้า) (หรือว่าพวกเจ้าจะปลอดภัยจากผู้ทรงอยู่ ณ ฟากฟ้า จะทรงส่งลมหอบก้อนกรวดให้กระหน่ำมายัง พวกเจ้า) พระองค์ตรัสว่า (บรรดาถ้อยคำที่ดี ขึ้นไปยังพระองค์)พระองค์ ตรัสว่า (ข้าจะเป็นผู้รับเจ้าไปพร้อมด้วยชีวิตและร่างกายของเจ้า และจะเป็นผู้ยกเจ้าขึ้นไปยังข้า)และพระองค์ตรัสว่า(หามิได้ อัลลอฮฺได้ทรงยกเขา (อีซา) ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก)- ดู อัรร็อดอะลัลญะฮมียะฮวัซซะนาดิก หน้า 146
ที่นี้มาดู คำอธิบายของนักตัฟสีร
จากอายะฮข้างต้น อิหม่ามอัฏเฏาะบะรีย์ อธิบายว่า
( أَمْ أَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ ) وَهُوَ اللَّهُ ( أَنْ يُرْسِلَ عَلَيْكُمْ حَاصِبًا ) وَهُوَ التُّرَابُ فِيهِ الْحَصْبَاءُ الصِّغَارُ
“หรือพวกเจ้าปลอดภัย(จาก)ผู้อยู่บนชั้นฟ้า และพระองค์คือ อัลลอฮฺ (ที่จะส่งลมหอบหินลงมาทับถมเหนือพวกเจ้า) มันคือดิน ที่มี ก้อนกรวดเล็กๆอยู่ในนั้น "
- ดูตัฟสีร อัฏเฏาะบะรีย์ อรรถาธิบายอายะฮที่ 17 ซูเราะฮอัลมุ้ลกิ . 
อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
تَعْرُجُ ٱلْمَلاَئِكَةُ وَٱلرُّوحُ إِلَيْهِ فِي يَوْمٍ كَانَ مِقْدَارُهُ خَمْسِينَ أَلْفَ سَنَةٍ
มะลาอิกะฮฺและอัรรูหฺ (ญิบริล) จะขึ้นไปหาพระองค์ในวันหนึ่งซึ่งกำหนดของมันเท่ากับห้าหมื่นปี (ของโลกดุนยานี้)
อิหม่ามอิบนุญะรีร อธิบายว่า
يَقُول تَعَالَى ذِكْره : تَصْعَد الْمَلَائِكَة وَالرُّوح , وَهُوَ جِبْرِيل عَلَيْهِ السَّلَام إِلَيْهِ , يَعْنِي إِلَى اللَّه جَلَّ وَعَزَّ ; وَالْهَاء فِي قَوْله : { إِلَيْهِ } عَائِدَة عَلَى اسْم اللَّه { فِي يَوْم كَانَ مِقْدَاره خَمْسِينَ أَلْف سَنَة } يَقُول : كَانَ مِقْدَار صُعُودهمْ ذَلِكَ فِي يَوْم لِغَيْرِهِمْ مِنَ الْخَلْق خَمْسِينَ أَلْف سَنَة , وَذَلِكَ أَنَّهَا تَصْعَد مِنْ مُنْتَهَى أَمْره مِنْ أَسْفَل الْأَرْض السَّابِعَة إِلَى مُنْتَهَى أَمْره مِنْ فَوْق السَّمَوَات السَّبْع
อัลลอฮผู้ซึ่ง การสดุดีพระองค์นั้น ทรงสูงส่ง ตรัสว่า มลาอิกะฮ และอัรรูหฺ คือ ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม ขึ้นไปยังพระองค์ หมายถึง ขึ้นไปยังอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง และอักษรฮา ในคำว่า "อิลัยฮิ " นั้น เป็นสรรพนามแทนชื่อของอัลลอฮ , ในคำตรัสที่ว่า (ในวันหนึ่งซึ่งกำหนดของมันเท่ากับห้าหมื่นปี ) พระองค์ตรัสว่า กำหนดระยะทางการขึ้นของพวกเขา นั้น ในวันหนึ่ง สำหรับมัคลูคอื่นๆจากพวกเขานั้น เป็นเวลาห้าหมื่นปี และดังกล่าวนั้น พวกเขา(บรรดามลาอิกะฮ)ได้ขึ้นจาก จุดสิ้นสุด จากชั้นล่างสุดของแผ่นดินชั้นที่เจ็ด ไปยังจุดสิ้นสุด จาก เบื้องบนชั้นฟ้าที่เจ็ด – ดูตัฟสีรอัฏเฏาะบะรีย์ อรรถาธิบายอายะฮที่ 4 ซูเราะฮอัลมะอาริจญ 
หลักฐานจากอัสสุนนะอ
ท่านนบี ศอ็ลฯ กล่าวว่า
ألا تأمنوني وأنا أمين من في السماء، يأتيني خبر السماء صباحا ومساء
พวกท่านไม่ไว้วางใจฉันอย่างนั้นหรือ ทั้งๆที่ฉันคือ ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจของผู้ที่อยู่ในฟากฟ้า,ข่าวคราวแห่งฟากฟ้า ได้ถึงมายังฉัน ในยามเช้าและยามบ่าย (1)
---------------------------
(1) البخاري : المغازي (4351) , ومسلم : الزكاة (1064) , والنسائي : الزكاة (2578) , وأبو داود : السنة (4764) , وأحمد (3/68).
ในตอนหนึ่งของหะดิษเมียะรอจญ์ ระบุว่า
قَالَ - فَلَمْ أَزَلْ أَرْجِعُ بَيْنَ رَبِّي تَبَارَكَ وَتَعَالَى وَبَيْنَ مُوسَى - عَلَيْهِ السَّلاَمُ - حَتَّى قَالَ يَا مُحَمَّدُ إِنَّهُنَّ خَمْسُ صَلَوَاتٍ كُلَّ يَوْمٍ وَلَيْلَةٍ لِكُلِّ صَلاَةٍ عَشْرٌ فَذَلِكَ خَمْسُونَ صَلاَةً ‏.‏ وَمَنْ هَمَّ بِحَسَنَةٍ فَلَمْ يَعْمَلْهَا كُتِبَتْ لَهُ حَسَنَةً فَإِنْ عَمِلَهَا كُتِبَتْ لَهُ عَشْرًا وَمَنْ هَمَّ بِسَيِّئَةٍ فَلَمْ يَعْمَلْهَا لَمْ تُكْتَبْ شَيْئًا فَإِنْ عَمِلَهَا كُتِبَتْ سَيِّئَةً وَاحِدَةً -
ดังนั้นฉันจึงเทียวไปเทียวมาระหว่างองค์อภิบาลของฉันผู้ทรงจำเริญและสูงส่ง กับนบีมูซา อลัยฮิสสลาม จนกระทั่งพระองค์ทรงตรัสว่า โอ้มูฮัมหมัดเอ๋ย การละหมาดห้าเวลาในวันหนึ่งกับคืนหนึ่งนั้น แต่ละเวลาละหมาดเทียบเท่ากับสิบ ดังนั้น (การละหมาดห้าเวลา) จึงเท่ากับการละหมาดห้าสิบเวลา และผู้ใดตั้งใจกระทำความดีโดยที่ยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติ ก็จะถูกบันทึกให้กับเขาหนึ่งความดี แต่หากเขาได้กระทำความดีนั้น ก็จะถูกบันทึกให้กับเขาสิบเท่าตัว และผู้ใดตั้งใจกระทำความชั่ว แต่ยังไม่ได้ลงมือทำ ความชั่วนั้นก็จะยังไม่ถูกบันทึก แต่หากเขาลงมือกระทำมัน ก็จะถูกบันทึกเพียงความชั่วเดียว
قَالَ - فَنَزَلْتُ حَتَّى انْتَهَيْتُ إِلَى مُوسَى صلى الله عليه وسلم فَأَخْبَرْتُهُ فَقَالَ ارْجِعْ إِلَى رَبِّكَ فَاسْأَلْهُ التَّخْفِيفَ ‏.‏ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم فَقُلْتُ قَدْ رَجَعْتُ إِلَى رَبِّي حَتَّى اسْتَحْيَيْتُ مِنْهُ ‏"‏
แล้วฉันก็กลับมาจนกระทั่งมาถึงท่านนบีมูซา ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และแจ้งข่าวให้ท่านทราบ แต่ท่านก็ยังกล่าวอีกว่า จงกลับไปยังองค์อภิบาลของเจ้า และขอลดหย่อนต่อพระองค์อีก ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ฉันตอบกับท่านนบีมูซาว่า ฉันกลับไปหาองค์อภิบาลของฉัน (หลายครั้งเพื่อขอลดหย่อน) จนกระทั่งฉันละอายต่อพระองค์
มุสลิม/หมวดที่1/บทที่76/ฮะดีษเลขที่ 0309
.............
จากหะดิษข้างต้น
1.คำว่า
فَلَمْ أَزَلْ أَرْجِعُ بَيْنَ رَبِّي تَبَارَكَ وَتَعَالَى وَبَيْنَ مُوسَى - عَلَيْهِ السَّلاَمُ
ดังนั้นฉันจึงเทียวไปเทียวมาระหว่างองค์อภิบาลของฉันผู้ทรงจำเริญและสูงส่ง กับนบีมูซา อลัยฮิสสลาม
............
ข้างต้นแสดงว่า นบีมุหัมหมัด ศ็อลฯรู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหน เพราะนบีขึ้นไปยังอัลลอฮ และลงมาพบกับมูซา อะลัยฮิสสลาม
2. คำว่า
قَدْ رَجَعْتُ إِلَى رَبِّي حَتَّى اسْتَحْيَيْتُ مِنْهُ ‏"‏
ฉันกลับไปหาองค์อภิบาลของฉัน (หลายครั้งเพื่อขอลดหย่อน) จนกระทั่งฉันละอายต่อพระองค์
........
ข้อความข้างต้น ที่นบี ศอ็ลฯ กลับไปยังอัลลอฮ แสดงว่าท่านรู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหน และแสดงว่า คำพูดของแกนนำที่ว่า อัลลอฮ อยู่บนฟ้า คือสูงด้านฐานะ เป็นการอ้างอันเป็นเท็จ เพราะหากความสูงด้านฐานะ มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะขึ้นไปหาฐานะสูงส่งของพระเจ้า เพราะความสูงส่งเป็นนามธรรม ไม่ใช่รูปธรรม และการขึ้นไปยังพระเจ้า แสดงว่าพระเจ้าอยู่เบื้องสูงที่เป็นรูปธรรม คือ อยู่เบื้องสูงด้วยซาตของพระองค์
...........
จากส่วนหนึ่งจากหลักฐานข้างต้น ขอสาบานด้วยนามอัลลอฮว่า "อัลลอฮอยู่บนฟ้าคืออะกีดะฮอิสลาม ไม่ใช่อะกีดะฮศาสนากาเฟร อย่างที่แกนนำอาชาอิเราะฮอ้าง และขอท้าสาบานมุบาฮะละฮกับแกนนำอาชาอิเราะฮทุกท่าน ในเรื่องนี้ได้ทุกเวลา ดีกว่าปล่อยหมาให้มากัดคนที่เห็นต่าง เพราะวิธีแบบนี้มนุษย์ที่มีศาสนาเขาไม่ทำกัน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
29/3/61

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561

อัลลอฮอยู่บนฟ้า เป็นอะกีดะฮศาสนาของกาเฟรจริงหรือ






อัลลอฮอยู่บนฟ้า เป็นอะกีดะฮศาสนาของกาเฟรจริงหรือ
ในหนังสือโจมตีวะฮบีย์ ชื่อ หลักอะกีดะฮ์แนวทางสะลัฟระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮฺฮาบียะฮ์ หน้า 172
ท่าน อาจารย์ ผู้เขียนอ้างว่าอ้างอายะฮต่อไปนี้คือ
يَا هَامَانُ ابْنِ لِي صَرْحًا لَعَلِّي أَبْلُغُ الْأَسْبَابَ أَسْبَابَ السَّمَاوَاتِ فَأَطَّلِعَ إِلَى إِلَهِ مُوسَى
โอ้ฮามานเอ๋ย! จงสร้างหอสูงให้ฉันเพื่อฉันจะได้บรรลุถึงทางที่จะขึ้นไป ทางที่จะขึ้นไปสู่ชั้นฟ้าทั้งหลาย เพื่อฉันจะได้เห็นพระเจ้าของมูซา (ฆอฟีร 36-37)
แล้วท่านอาจารย์ผู้เขียนตำราโจมตีวะฮบีย์สรุปว่า "การพรรณาคุณลักษณะของอัลลอฮด้วยคุณลักษณะที่พระองค์อยู่บนฟ้า (แบบฟิรเอานฺโดยพรรณาว่า พระองค์ทรงอยู่บนฟ้าด้วยซาตของพระองค์ในเชิงรูปธรรม)นั้น เป็นศาสนาของฟิรเอานฺและบรรดาวงศ์วานของพวกเขาจากพวกการเฟร
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ชี้แจง
ต่อไปนี้คือ คำอธิบายของนักวิชาการยุคสะลัฟและเคาะลัฟ เพื่อผู้อ่านได้พิจารณาว่า การอ้างว่า การเชื่อว่าอัลลอฮอยู่บนฟ้า เป็นอะกีดะฮศาสนาฟิเอาน์ จริง หรือเป็นการอ้างเท็จ ขอให้ผู้อ่านพิจารณา
1.อบูอะหมัด อัลกะเราะญีย์ (ฮ.ศ 360) กล่าวว่า
قوله إخبارًا عن فرعون {يَا أَيُّهَا الْمَلَأُ مَا عَلِمْتُ لَكُمْ مِنْ إِلَهٍ غَيْرِي فَأَوْقِدْ لِي يَا هَامَانُ عَلَى الطِّينِ فَاجْعَلْ لِي صَرْحًا لَعَلِّي أَطَّلِعُ إِلَى إِلَهِ مُوسَى}، حجة على من يزعم أن الله بنفسه في الأرض؛ حال في كل مكان، وينكر كينونته بنفسه في السماء وعلمه في الأرض. إذ محال أ، يقول فرعون هذا القول إلا وقد دلّـلَه موسى -صلى الله عليه- أن إلهه في السماء دون الأرض
คำตรัสของพระองค์ เป็นการบอกเกี่ยวกับฟาโรห์ ว่า(“โอ้ปวงบริพารเอ๋ย! ข้าไม่เคยรู้จักพระเจ้าอื่นใดของพวกท่านนอกจากข้า โอ้ฮามานเอ๋ย ! จงเผาดินให้ฉันด้วยแล้วสร้างโครงสูงระฟ้า เพื่อที่ฉันจะได้ขึ้นไปดูพระเจ้าของมูซาและแท้จริงฉันคิดว่า เขานั้นอยู่ในหมู่ผู้กล่าวเท็จ”) คือหลักฐานตอบโต้ ผู้ที่อ้างว่า อัลลอฮ ด้วยตัวของพระองค์เอง อยู่ในแผ่นดิน ,อาศัยอยู่ทุกสถานที่ และคัดค้านการอยู่ของพระองค์ ด้วยพระองค์เองบนชั้นฟ้า และความรอบรู้ของพระองค์ อยู่ในแผ่นดิน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ ฟาโรห์กล่าว ด้วยคำกล่าวนี้ นอกจาก มูซา (ศอ็ลฯ) แนะนำเขาว่า พระเจ้าของเขา อยู่บนฟ้า ไม่ใช่อยู่บนแผ่นดิน...
نكت القرآن لأبي أحمد الكرجي القصاب (ج3 ص567-568)
ข้างต้น อบูอะหมัด อัลกะเราะญีย์ ปราชญ์ยุคสะลัฟ บอกว่า ที่ฟาโรห์พูดแบบนี้เพราะนบีมูซา แนะนำเขาว่า พระเจ้าอยู่บนฟ้า
2. อิหม่ามอิบนุญะรีรอัฏเฎาะบะรีย์(ฮ.ศ 310) อธิบายว่า
وَقَوْلُهُ : ( وَإِنِّي لَأَظُنُّهُ كَاذِبًا ) يَقُولُ : وَإِنِّي لِأَظُنُّ مُوسَى كَاذِبًا فِيمَا يَقُولُ وَيَدَّعِي مِنْ أَنَّ لَهُ فِي السَّمَاءِ رَبًّا أَرْسَلَهُ إِلَيْنَا 
และคำตรัสของพระองค์ที่ว่า (และแท้จริง ฉันคิดอย่างแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนโกหก) หมายถึง “แท้จริงฉันแน่ใจว่ามุซา โกหก ในสิ่งที่เขากล่าวและกล่าวอ้างว่า เขามีพระเจ้าอยู่บนฟากฟ้า พระองค์ส่งเขามายังเรา
– ดู ตัฟสีร อัฏฏอ็บรีย์ อรรถาธิบาย ซูเราะฮฆอฟีร อายะฮที่ 37
3. อบูกอสิม อิสมาอีล อัลอัศบะฮานีย์ (ฮ.ศ538) กล่าวว่า
(وأخبر عن فرعون أنه قال : {يَا هَامَانُ ابْنِ لِي صَرْحًا لَعَلِّي أَبْلُغُ الْأَسْبَابَ * أَسْبَابَ السَّمَاوَاتِ فَأَطَّلِعَ إِلَى إِلَهِ مُوسَى وَإِنِّي لَأَظُنُّهُ كَاذِبًا} فكان فرعون قد فهِم عن موسى أنه يثبت إلهًا فوق السماء حتى رام بصرحه أن يطلع إليه، واتّهم موسى بالكذب في ذلك.) (10
และ พระองค์ได้บอกเกี่ยวกับฟิรเอานฺว่า เขากล่าวว่า
และฟิรเอานฺกล่าวว่า( โอ้ฮามานเอ๋ย! จงสร้างหอสูงให้ฉันเพื่อฉันจะได้บรรลุถึงทางที่จะขึ้นไป ทางที่จะขึ้นไปสู่ชั้นฟ้าทั้งหลาย เพื่อฉันจะได้เห็นพระเจ้าของมูซา และแท้จริง ฉันคิดอย่างแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนโกหก) ปรากฏว่าฟิรเอาน์ได้เข้าใจจากมูซา ว่าแท้จริงเขา(มูซา)ยืนยัน พระเจ้า อยู่เหนือฟากฟ้า จนกระทั่ง เขาปรารถนา ด้วย (การสร้าง) หอสูงของเขา ที่จะขึ้นไปยังพระองค์ และเขากล่าวหามูซาว่าโกหกในเรื่องดังกล่าวนั้น
الحجة في بيان المحجة - لإسماعيل الأصبهاني (ج2 ص115)
>>>>>>>>>>>
อัลอัศบะฮานีย์ ยืนยันว่า ฟาโรห์ เข้าใจจากนบีมูซาว่า ท่านนบีมูซายืนยัน พระเจ้าอยู่เหนือชั้นฟ้า เลยเขาสั่งให้สร้างหอสูงเพื่อที่จะไปหาพระเจ้าของมูซา
4. อิหม่ามอัศเศาะบูนีย์ อธิบายว่า
قوله {وإني لأظنه كاذبا} يعني في قوله: إن في السماء إلهًا، وعلماء الأمة وأعيان الأئمة من السلف رحمهم الله لم يختلفوا في أن الله تعالى على عرشه، وعرشه فوق سماواته
คำตรัสของพระองค์ที่ว่า (และแท้จริงฉันคิดว่า เขานั้นอยู่ในหมู่ผู้กล่าวเท็จ) หมายถึง ในคำพูดของเขา(มูซา)ที่ว่า แท้จริงมีพระเจ้าอยู่บนฟากฟ้า) และบรรดาอุลามมาอฺแห่งอุมมะฮ และบรรดา ประชาชนแห่งอุมมะฮจากชาวสะลัฟ (ขออัลลอฮเมตตาต่อพวกเขา) พวกเขาไม่ได้เห็นต่างกัน เกี่ยวกับการที่อัลลอฮตะอาลาทรงอยู่บนฟากฟ้า บน อะรัช และอะรัชของพระองค์ อยู่เหนื่อบรรดาฟากฟ้าของพระองค์- อะกิดะฮสะลัฟวะอัศหาบุลหะดิษ หน้า 176
....
คำพูดของอิหม่ามอัศศอบูนีย์ยืนยันชัดเจนว่า อายะฮข้างต้น ปราชญ์ยุคสะลัฟไม่มีความเห็นขัดแย้งกันเลย เกี่ยวกับการที่อัลลอฮตะอาลาทรงอยู่บนฟากฟ้า บน อะรัช และอะรัชของพระองค์ อยู่เหนื่อบรรดาฟากฟ้าของพระองค์ แล้วการเชื่อแบบนี้ เป็นศาสนาฟิรเอานฺและเป็นศาสนากาเฟรได้อย่างไร –นะอูซุบิลละฮ
5. อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ (ฮ.ศ 748) อธิบายว่า
يعني: أظن موسى كاذبا أن إلهه في السماء، ولو لم يكن موسى عليه السلام يدعوه إلى إله في السماء لما قال هذا؛ إذ لو كان موسى قال له: إن الإله الذي أدعوك إليه، ليس في السماء/ لكان هذا القول من فرعون عبثًا، ولكان بناؤه القصر جنونًا
ความหมายคือ ข้าคิดว่า มูซาโกหก ว่าแท้จริงพระเจ้าของเขา อยู่บนฟ้า (อิหม่ามอัซซะฮะบีย์กล่าวต่อไปว่า) ถ้า ปรากฏว่ามูซา อะลัยฮิสสลาม ไม่เฃิญชวนเขาไปสู่พระเจ้า ที่อยู่บนฟ้า แน่นอน เขา(ฟาโรห์)จะไม่กล่าวคำนี้ เพราะถ้ามูซา กล่าวแก่เขาว่า แท้จริงพระเจ้า ที่ฉันเชิญชวนท่านไปสู่พระองค์นั้น ไม่ได้อยู่บนฟ้า แน่นอน คำกล่าวนี้ จากฟาโรห์ ก็เป็นการกล่าวเล่นๆ และแน่นอน การที่เขาสร้างหอสูงนั้น ก็เป็นความวิกลจริต - 
كتاب العرش للذهبي (ج2 ص17)
6. อิบนุอับดิลบัร (ฮ.ศ 463) ได้อธิบายอายะฮข้างล่าง ไว้ในอัตตัมฮีด บาบุลมีม หะดิษที่ 943 บาบุอิบนุชิฮาบดังนี้
وَقَالَ فِرْعَوْنُ يَا هَامَانُ ابْنِ لِي صَرْحًا لَعَلِّي أَبْلُغُ الأَسْبَابَ { 36 } أَسْبَابَ السَّمَوَاتِ فَأَطَّلِعَ إِلَى إِلَهِ مُوسَى وَإِنِّي لأَظُنُّهُ كَاذِبًا سورة غافر آية 36-37 ، فدل على أن موسى عليه السلام كان يقول : إلهي في السماء ، وفرعون يظنه كاذبا
และฟิรเอานฺกล่าวว่า โอ้ฮามานเอ๋ย! จงสร้างหอสูงให้ฉันเพื่อฉันจะได้บรรลุถึงทางที่จะขึ้นไป ทางที่จะขึ้นไปสู่ชั้นฟ้าทั้งหลาย เพื่อฉันจะได้เห็นพระเจ้าของมูซา และแท้จริง ฉันคิดอย่างแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนโกหก
อิบนุอับดิลบัร กล่าวว่า
فدل على أن موسى عليه السلام كان يقول : إلهي في السماء ، وفرعون يظنه كاذبا
มันได้แสดงบอกว่า มูซา อะลัยฮิสสลาม กล่าวว่า พระเจ้าของฉันอยู่บนฟ้า และฟาโรห์ คิดว่า เขา(มูซา)โกหก- อัตตัมฮีด 7/133
7. อิบนุคุซัยมะฮ (ฮ.ศ 311) ได้อธิบายว่า
وَفِي قَوْلِهِ : وَإِنِّي لأَظُنُّهُ كَاذِبًا سورة غافر آية 37 ، دَلالَةٌ عَلَى أَنَّ مُوسَى قَدْ كَانَ أَعْلَمَهُ أَنَّ رَبَّهُ جَلَّ وَعَلا أَعْلَى وَفَوْقَ
ในคำตรัสของพระองค์ที่(กล่าวถึงคำพูดฟาโรห์)ว่า (และแท้จริง ฉันคิดอย่างแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนโกหก) คือหลักฐานแสดงบอก ว่า มูซา ได้บอกให้เขา(ฟาโรห์)รู้ว่า แท้จริงพระเจ้าของเขา ผู้ทรงสูงส่ง และทรงเลิศยิง ทรงอยู่สูง และทรงอยู่เบื้องบน – ดู กิตาบุตเตาฮีด ของท่าน อิบนุคุซัยมะฮ เล่ม 1 หน้า 264
........
อิบนุคุซัยมะฮ บอกว่า มูซา ได้บอกให้เขา(ฟาโรห์)รู้ว่า แท้จริงพระเจ้าของเขา ผู้ทรงสูงส่ง และทรงเลิศยิง ทรงอยู่สูง และทรงอยู่เบื้องบน
>>>>>>>>>>>>>>.
จากหลักฐานคำอธิบายของปราชญ์สะลัฟและเคาะลัฟ ข้างต้น ยืนยันว่านบีมูซา อะลัยฮิสสลาม เรียกร้องให้ฟาโรห์มาศรัทธาพระเจ้าที่อยู่บนฟ้า และฟาโรห์ปฏิเสธ 
การเชื่อว่าพระเจ้าอยู่บนฟ้า ไม่ใช่อะกีดะฮฟาโรห์ เพราะฟาโรห์ ปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้าดังอายะฮนี้
ดังที่อัลลอฮได้กล่าวถึงคำพูดฟาโรห์ว่า
يَا أَيُّهَا الْمَلَأُ مَا عَلِمْتُ لَكُمْ مِنْ إِلَهٍ غَيْرِي
โอ้ปวงบริพารเอ๋ย! ฉันไม่เคยรู้จักพระเจ้าอื่นใดของพวกท่านนอกจากข้า-เกาะศอศ/38
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
22/3/61

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561

ตอบโต้การชงบิดเบือนทางวิชาการเพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ


ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ

ตอบโต้การชงบิดเบือนทางวิชาการเพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ
Matty Ibnufatim Hamady ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 2 ภาพ
27 นาที •
...
ท่าน อิบนุ บัรรอฺญาณ ( เสียชีวิต ฮ.ศ 536). กล่าวในตัฟซีรของท่านว่า " อัลลอฮ์ ทรงไม่ล้อมรอมด้วยทิศต่างๆ เเละปราศจากบรรดาสถานที่ต่างๆ เเละกาลเวลา"
อากีดะห์ อัลลอฮ์ ไม่มีสถานที่ ปราศจากทิศต่างๆ ถูกระบุ ในหลายพันเล่มตำรา .....เเละในตัฟซีรต่างๆ หลายร้อยเล่ม ดังนั้น จงศึกษา เรียนรู้ให้มาก อย่าเรียนเเค่ฟัรดูอีน เพราะ สมัยนี้ อากีดะห์ พระเจ้ามีสถานที่บนฟ้ากำลังระบาด...........เเละเราต้องปกป้องลูกหลานจากอากีดะห์ทีบิดอะห์นี้..
ผมพยายามนำเสนอ เผยเเพร่เรื่อยๆ เพื่อให้ทุกคนได้มีความรู้ เเละมั่นใจในสิ่งที่พ่อเเม่ ปู ย่า ตา ยาย ของเราได้ยึดมา...แล้วกล่าวหาผู้อื่นว่ามีอะกีดะฮบิดอะฮ ทั้งที่ตนเองปิดตาไม่ยอมอ่านหลักฐานที่ฝ่ายเห็นต่างนำเสนอ
[Matty Ibnufatim Hamady]
@@@@
แปลก....ไม่กล้าแปลตัวบทของหนังสือที่เอามาอวด มาโชว์ แต่ใช้ตรรกสรุปเอง โดยอ้างเพื่อรักษาสิ่งที่ปู่ย่าตายายยึดถือกันมา
สิ่งที่ปู่ย่าตายาย ยึดถืออยู่ไม่ได้เป็นเครื่องวัดความถูกต้องเสมอไป ที่ถูกต้องคือส่งที่ตรงกับคำสอนของอัลลอฮและรอซูลของพระองค์ (ศ็อลฯ)
พฤติกรรมอ้างความเชื่อและการกระทำปู่ยาตายาย โดยไม่คำนึงว่าตรงตามคำสอนศาสนาหรือไม่ ได้เกิดขึ้นแล้วจากพวกกาเฟรในอดีต ดังที่ อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า
وَإِذَا قِيلَ لَهُمُ اتَّبِعُوا مَا أَنزَلَ اللّهُ قَالُواْ بَلْ نَتَّبِعُ مَا أَلْفَيْنَا عَلَيْهِ آبَاءنَا أَوَلَوْ كَانَ آبَاؤُهُمْ لاَ يَعْقِلُونَ شَيْئاً وَلاَ يَهْتَدُونَ
และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่าจงปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาเถิดพวกเขาก็กล่าวว่า มิได้ เราจะแฏิบัติสิ่งที่เราได้พบบรรดาบรรพบุรุษของเราเคยปฏิบัติมาเท่านั้นและแม้ได้ปรากฏว่า บรรพบุรุษของพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใด และทั้งไม่ได้รับแนวทางอันถูกต้องก็ตามกระนั้นหรือ?- อัลบะเกาะเราะฮ /170
มีการยกสำเนาตัฟสีร อิบนุ บัรรอฺญาณ โดยไม่เอาตัวบทมาแปล แต่สรุปเองว่า "อัลลลอฮ์ ทรงไม่ล้อมรอมด้วยทิศต่างๆ เเละปราศจากบรรดาสถานที่ต่างๆ เเละกาลเวลา"
มาดูที่อิบนุบัรรอฺญาน อธิบายคือ
قوله تعالى: وهو الذي في السماء إله وفي الأرض إله[الزخرف: 84] أي: هو إله في السماء إله في الأرض، هو في السماء بما هو على العرش مستوى، لا تحويه الأقطار ولا تكتنفه الأمكنة والأزمان،
...................
สรุปจากคำอธิบายข้างต้น
ข้างต้น อิบนุบัรรอญาน กล่าวไว้ถูกต้องคือ ทรงอยู่บนอะรัช ที่บรรดาขอบเขตหรือบรรดาด้านไม่ได้บรรจุพระองค์และสถานที่และกาลเวลา ไม่ได้ห้อมล้อมพระองค์ แต่ท่านไม่ได้ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงเหนืออะรัช เพราะไม่มีใครเชื่อว่าการอยู่สูง(استوى )บนอะรัช คือการอาศัยอะรัชเป็นสถานที่ประทับ และไม่ใช่การอาศัยมัคลูคเป็นสถานที่อย่างที่อาชาอิเราะฮบางกลุ่มพยายามปรักปรำ
มาดูปราชญ์ยุคสะลัฟอธิบายอายะฮ ข้างต้นคือ
ท่านอิบนุญะรีร (ร.ฮ)อธิบายว่า
وَاللَّهُ الَّذِي لَهُ الْأُلُوهَةُ فِي السَّمَاءِ مَعْبُودٌ ، وَفِي الْأَرْضِ مَعْبُودٌ كَمَا هُوَ فِي السَّمَاءِ مَعْبُودٌ ، لَا شَيْءَ سِوَاهُ تَصْلُحُ عِبَادَتُهُ .
และอัลลอฮ ผู้ซึ่ง การเป็นพระเจ้าเป็นสิทธิ์ของพระองค์ คือผู้ถูกเคารพภักดี ณ ชั้นฟ้า และ คือผู้ถูกเคารพภักดี ณ แผ่นดิน ดังที่พระองค์คือ ผู้ถูกเคารพภักดี ณ ชั้นฟ้า ไม่มีสิ่งใด อื่นจากพระองค์ ที่สมควรจะเคารพภักดีต่อมัน – 
และอิบนุญะรีร ได้รายงานคำอธิบายของท่านกอตาดะฮว่า
حَدَّثَنَا ابْنُ عَبْدِ الْأَعْلَى قَالَ : ثَنَا ابْنُ ثَوْرٍ ، عَنْ مَعْمَرٍ ، عَنْ قَتَادَةَ فِي قَوْلِهِ : ( وَهُوَ الَّذِي فِي السَّمَاءِ إِلَهٌ وَفِي الْأَرْضِ إِلَهٌ ) قَالَ : يُعْبَدُ فِي السَّمَاءِ ، وَيُعْبَدُ فِي الْأَرْضِ .
อิบนุอับดิลอะอฺลา ได้เล่าเรา โดยเขากล่าวว่า อิบนุเษาริน ได้เล่าเรา ว่ารายงานจากมะอฺมัร จากกอตาดะฮ ในคำตรัสของพระองค์ที่ว่า (และพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า ณ ชั้นฟ้า และพระผู้เป็นเจ้า ณ แผ่นดิน ) เขา(กอตาดะฮ)กล่าวว่า “พระองค์ถูกเคารพภักดี ณ ชั้นฟ้า และถูกเคารพภักดี ณ แผ่นดิน – ดู ตัฟสีรอัฏเฏาะบะรีย์ อธิบายอายะฮที่ 84 ซูเราะฮอัซซุครุฟ
......
อายะฮข้างต้นไม่ได้ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ อย่างที่นาย Matty Ibnufatim Hamady อาชาอิเราะฮ พยายามชงบิดเบือนให้คนอาวามเข้าใจผิด

والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
21/3/91








 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ





 ในภาพอาจจะมี ข้อความ






วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2561

วาทกรรมบิดเบือนเกี่ยวกับหะดิษญารียะฮ


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ




วาทกรรมบิดเบือนเกี่ยวกับหะดิษญารียะฮ
Sukiman Tuanno
10 กุมภาพันธ์ · 
ครั้งที่แล้ว ผมก็ชี้แจงไปแล้วถึงกออีดะเกี่ยวกับดาลีลก๊อตอีย์กับดาลีลซอนนีย์ไปแล้วคร่าวๆ .. ทีนี้เรามาดูความเข้าใจของอุลามาอฺบนหลักการของกออีดะดังกล่าว
ดังนั้น ท่านจึงไม่แปลกว่าทำไมอุลามาอฺมีการขัดแย้งกันในทัศนะของตัวเอง จริงๆไม่ได้ขัดแย้งอะไรหรอก แต่เราไม่เข้าใจกออีดะของอุลามาอฺเลย ความญาฮิลของเราก็เลยถูกเปิดเผยออกสู่สังคมอย่างไม่มียางอาย เช่น เกี่ยวกับอัลลอฮฺอยู่บนฟ้าตามท่านอิบนุ ฮาญัร อัลอัสกอลานีย์ เราจะสังเกตได้ว่า ในอีกที่หนึ่งท่านอิบนุฮาญัรบอกว่า ห้ามมีการให้สถานที่แก่อัลลอฮฺเพราะอัลลอฮฺไม่ไช่ซาตที่มีแบบต้องมีสถานที่ แต่ในอีกที่หนึ่งท่านอิบนุฮาญัร กลับยืนยันว่าฮาดิษที่นาบีถามหญิงญารียะว่า อัลลอฮฺอยู่ไหน หญิงญารียะนั้นตอบว่า บนฟ้า ท่านอิบนุฮาญัรยืนยันชัดเจนว่า ฮาดิษนี้ซอฮีฮ ..
โดยผิวเผินเราจะเห็นว่า ทำไมอิบนุฮาญัร จึงมีคำตอบในอีกจุดนึงว่า ห้ามให้สถานที่แก่อัลลอฮฺ ทั้งที่ในฮาดิษที่หญิงญารียะตอบว่า อัลลอฮฺอยู่บนฟ้านั้น อิบนุฮาญัรเองที่บอกว่าเป็นฮาดิษที่ซอฮีฮ หรืออิบนุฮาญัร พยายามที่จะไม่ศรัทธาต่อฮาดิษดังกล่าวกระนั้นหรือ ??
ลาเฮาลาวาลากุววาตาอิลลาบิลลาฮฺ .. มันไม่ไช่อย่างงั้นเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฮาดิษญารียะนั้นซอฮีฮก็จริง แต่มันยังไม่ถึงขั้นดาลีลกอตอีย์ที่ความหมายของตัวบทหรือแม้แต่ตัวบทเองที่ไม่มีลักษณะของความเด็ดขาด(กอตอีย์) ดังนั้นเราจะมาใช้ในเรื่องอุศูลอากีดะไม่ได้
@@@@@
ข้างต้นคือส่วนหนึ่งที่นาย Sukiman Tuanno ใช้ตรรก เขียนบิดเบือนเกี่ยวหะดิษญารียะฮ โดยไม่มีหลักฐานทางวิชาการมาประกอบแม้แต่อักษรเดียว แล้วสรุปโกหกว่า "เราจะมาใช้ในเรื่องอุศูลอากีดะไม่ได้"
การที่นาย Sukiman Tuanno อ้างว่า หะดิษญารียะฮ ที่บอกว่า "อัลลอฮอยู่บนฟ้า" เอามาใช้ในอุศูลอะกีดะฮไม่ได้ "คือการโกหกโดยปราศจากหลักฐาน
อิหม่ามอัดดาริมีย์ (ฮ.ศ )กล่าวว่า
وَنُكَفِّرُهُمْ أَيْضًا أَنَّهُمْ لا يَدْرُونَ أَيْنَ اللَّهُ ، وَلا يَصِفُونَهُ بِأَيْنَ ، وَاللَّهُ قَدْ وَصَفَ نَفْسَهُ بِأَيْنَ ، فَقَالَ : الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى سورة طه آية 5 ، وَهُوَ الْقَاهِرُ فَوْقَ عِبَادِهِ سورة الأنعام آية 18 ، وَ إِنِّي مُتَوَفِّيكَ وَرَافِعُكَ إِلَيَّ وَمُطَهِّرُكَ مِنَ الَّذِينَ كَفَرُوا سورة آل عمران آية 55 ، يَخَافُونَ رَبَّهُمْ مِنْ فَوْقِهِمْ سورة النحل آية 50 ، أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ أَنْ يَخْسِفَ بِكُمُ الأَرْضَ سورة الملك آية 16 ، وَنَحْوُ هَذَا ، فَهَذَا كُلُّهُ وَصْفٌ بِأَيْنَ . وَوَصَفَهُ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِأَيْنَ ، فَقَالَ لِلأَمَةِ السَّوْدَاءِ : " أَيْنَ اللَّهُ ؟ " فَقَالَتْ : فِي السَّمَاءِ ، قَالَ : " مَنْ أَنَا ؟ " قَالَتْ : أَنْتَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ، قَالَ : " أَعْتِقْهَا فَإِنَّهَا مُؤْمِنَةٌ " ، وَالْجَهْمِيَّةُ تَكْفُرُ بِهِ ، ،
และเราตัดสินว่าพวกเขา(พวกญะฮมียะฮ)เป็นกาเฟรอีกเข่นกัน เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหน และพวกเขา ไม่พรรณาคุณลักษณะให้แก่พระองค์ด้วยคำว่า "ที่ใหน" ทั้งๆที่อัลลอฮ ได้ทรงพรรณาคุณลักษณะแก่ตัวพระองค์ ด้วยคำว่า "ที่ไหน" เพราะพระองค์ตรัสว่า
1.พระเจ้าผู้ทรงเมตตาทรงสถิตเหนือบัลลังค์ -ฏอฮา/5
2. “และพระองค์คือผู้ทรงพิชิตเหนือปวงบ่าวของพระองค์ ” (อัลอันอาม / 18 ) 
3. และข้าจะเป็นผู้รับเจ้าไปพร้อมด้วยชีวิตและร่างกายของเจ้า และจะเป็นผู้ยกเจ้าขึ้นไปยังข้าและจะเป็นผู้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์ พ้นจากบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา 
4. และพวกเขาต่างกลัวพระเจ้าของพวกเขา จากทางเบื้องบนของพวกเขา-(อันนะฮลฺ/50)
5.พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือ จากผู้ที่อยู่ บน ฟากฟ้าจะให้แผ่นดินสูบพวกเจ้า -อัลมุลกฺ/16 และที่เหมือนๆกันนี้
เพราะนี้คือทั้งหมดของมัน คือการพรรณาคุณลักษณะด้วยคำว่าอยู่ใหน และรซูลุลลอฮ ศ็อลฯ ได้พรรณาคุณลักษณะแก่พระองค์ด้วยคำว่าอยู่ใหน เพราะท่านรอซูลได้กล่าวแก่ทาสหญิงผิวดำว่า " อัลลอฮอยู่ใหน? แล้วนางตอบว่า "อยู่บนฟ้า " ท่านรอซูลกล่าวว่า "ฉันคือใคร? นางตอบว่า "ท่านคือศาสนทูตของอัลลอฮ ศ็อลฯ ,ท่านรซูลุลลอฮกล่าวว่า "ปล่อยนางให้เป็นอิสระเถิด เพราะแท้จริงนางคือหญิงผู้ศรัทธา" และพวกญะฮมียะฮ ปฏิเสธด้วยมัน - ดูอัรร็อดอะลัลญะฮมียะฮ หน้า 175 
............
จากคำพูดของอิหม่ามอัดดาริมีย์ข้างต้น ท่านได้ตัดสินการเป็นกาเฟร พวกญะฮมียะฮ ผู้ทีไม่รู้ว่าอัลลอฮอยู่ใหนและปฏิเสธ ว่าอัลลอฮอยู่ใหน
อิบนุอับดิลบัร อัลมาลิกีย์ (ฮ.ศ ๔๖๒) กล่าวว่า
وَأَمَّا قَوْلُهُ فِي هَذَا الْحَدِيثِ لِلْجَارِيَةِ : أَيْنَ اللَّهُ ؟ ، فَعَلَى ذَلِكَ جَمَاعَةُ أَهْلِ السُّنَّةِ ، وَهُمْ أَهْلُ الْحَدِيثِ ، وَرُوَاتُهُ الْمُتَفَقِّهُونَ فِيهِ ، وَسَائِرُ نَقَلَتِهِ ، كُلُّهُمْ يَقُولُ مَا قَالَ اللَّهُ تَعَالَى فِي كِتَابِهِ : الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى [ طه : 5 ] وَأَنَّ اللَّهَ عَزَّ وَجَلَّ فِي السَّمَاءِ وَعِلْمَهُ فِي كُلِّ مَكَانٍ...
สำหรับ คำพูดของท่านนบี ในหะดิษเกี่ยวกับทาสหญิง ที่ว่า “อัลลอฮอยูใหน? คณะหนึ่งของอะฮลุสสุนนะฮ อยู่บนดังกล่าวนั้น (คือเชื่อตามนั้น) พวกเขาคือ นักหะดิษ และบรรดานักรายงานมัน เป็นบรรดาผู้ที่เข้าใจในมัน และบรรดาผู้รายงานของมันที่เหลือทั้งหมด กล่าวเกี่ยวกับสิ่งที่อัลลอฮตะอาลาตรัสไว้ในคัมภีรของพระองค์ ที่ว่า (พระเจ้าผู้ทรงเมตตาทรงสถิตเหนือ บัลลังค์ – ฏอฮา/๕ ว่า “และแท้จริง อัลลอฮผู้ทรงสูงส่ง และทรงเลิศยิ่ง อยู่บนฟ้า และความรู้ ของพระองค์ อยู่ในทุกสถานที่ – อัลอิสติซกัร ของ อิบนุอับดิลบัร เล่ม 7 หน้า 337)
...........
อิหม่ามอิบนุอับดิลบัร ปราชญ์คนสำคัญมัซฮับ มาลิกีย์ ยืนยันว่า หะดิษญารียะฮ เป็นหลักฐานว่าอัลลอฮอยู่บนฟ้า และท่านได้ยกหลักฐานอายะฮอัลกุรอ่านหลายอายะฮ (ดูเพิ่มเติมจากหนังสืออัลอิสติซกัร) แต่ นาย Sukiman Tuanno ใช้ตรรกเพียวๆอ้างว่า หะดิษญารียะฮใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับอะกีดะฮไม่ได้ เป็นการ บิดเบือนหะดิษญารียะฮ

والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
19/3/61





เอกสารอ้างอิง





 ในภาพอาจจะมี ข้อความ

เขาอ้างว่า อัลลอฮอยู่บนฟ้า ไม่ใช่อะกีดะฮสะลัฟที่ดี






ในภาพอาจจะมี 1 คน



เขาอ้างว่า อัลลอฮอยู่บนฟ้า ไม่ใช่อะกีดะฮสะลัฟที่ดี
Matty Ibnufatim Hamady
11 มีนาคม เวลา 9:41 น. ·
...
ใครอยากทราบอะกีดะห์สะลัฟศอลิฮที่เเท้จริง สามารถตำราเล่มนี้ ทั้งหมดมีประมาณ 600 หน้า
ทั้งตำรากล่าวว่า อะกีดะห์ ที่ยึดว่า อัลลอฮ์ มีสถานที่อยู่บนฟ้า ด้านบน ไม่ใช่ อะกึดะห์สาลัฟที่ดี ( السلف الصالح) เเต่เป็นอากีดะห์ มุชับบีฮะห์ ดั่งคำกล่าวของท่าน อิบนุ ฮะญัร อัลอัศก่อลล่านีย์ รฮ
@@@@
ชี้แจง
นาย Matty Ibnufatim Hamady อ้างว่า อะกีดะฮที่ยึดว่า "อัลลอฮอยู่บนฟ้า" ไม่ใช่อะกีดะฮของสะลัฟที่ดีหรือสะลัฟผู้ทรงธรรม(السلف الصالح ) -นะอูซุบิลละฮ แสดงว่าสะลัฟที่ยึดอะกีดะฮอัลลอฮอยู่บนฟ้า ไม่ใช่อะกีดะฮของสะลัฟที่ดี แต่เป็นอะกีดะฮสะลัฟที่เลว หรือ ไม่ใช่อะกิดะฮสะลัฟที่ดี แต่เป็นอะกีดะฮ ที่ไม่ใข่สะลัฟ จะอย่างไรก็ตาม เอาตรรกแบบนี้มาจากใหน พูดได้อย่างไร
ไม่รู้ว่า คิดได้อย่างไร แล้วแอบอ้างอัลหาฟิซอิบนุหะญัร ทั้งๆที่หะดิษญารียะฮ ที่ระบุว่า อัลลอฮอยู่บนฟ้า อิบนุหะญัรยืนยันว่าเป็นหะดิษเศาะเฮียะ
อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์กล่าวว่า
قِصَّةِ الْجَارِيَةِ الَّتِي سَأَلَهَا النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَنْتِ مُؤْمِنَةٌ؟ قَالَتْ نَعَمْ ، قَالَ فَأَيْنَ اللَّهُ ؟ قَالَتْ فِي السَّمَاءِ ، فَقَالَ أَعْتِقْهَا فَإِنَّهَا مُؤْمِنَةٌ ، وَهُوَ حَدِيثٌ صَحِيحٌ أَخْرَجَهُ مُسْلِمٌ
เรื่องราวของทาสหญิง ที่นบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ถามนางว่า เธอเป็นผู้ศรัทธาใช่ไหม ? นางกล่าวว่า “ค่ะ ,ท่านนบีถามว่า “อัลลอฮอยู่ใหน?นางตอบว่า อยู่บนฟากฟ้า ,แล้วท่านนบีกล่าวว่า “จงปล่อยนางให้เป็นอิสระ เพราะแท้จริงนาง เป็นผู้ศรัทธา ,โดยที่มันเป็นหะดิษเศาะเฮียะ บันทึกโดย มุสลิม – ดูฟัตหุลบารีย์ เล่ม ๑๓ หน้า ๓๕
อิหม่ามอัลบัฆวีย์ กล่าวว่า
قَالَ : ائْتِنِي بِهَا فَجِئْتُ بِهَا ، فَقَالَ : أَيْنَ اللَّهُ ؟ قَالَتْ : فِي السَّمَاءِ ، قَالَ : مَنْ أَنَا ، قَالَتْ : أَنْتَ رَسُولُ اللَّهِ ، قَالَ : أَعْتِقْهَا فَإِنَّهَا مُؤْمِنَةٌ هَذَا حَدِيثٌ صَحِيحٌ ، أَخْرَجَهُ مُسْلِمٌ
ท่านนบี กล่าวว่า จงนำนางมาหาฉัน แล้วข้าพเจ้า ก็นำนางมา แล้วท่านนบี กล่าวว่า “ อัลลอฮอยู่ใหน ? นางกล่าวตอบว่า “อยู่บนฟ้า ,ท่านนบีกล่าวว่า “ฉันเป็นใคร ,นางกล่าวตอบว่า “ ท่านคือ ศาสนทูตของอัลลอฮ ,ท่านนบีกล่าวว่า “จงปลอยนางให้เป็นไท เพราะแท้จริงนางคือ หญิงผู้ศรัทธา ,นี้คือ หะดิษเศาะเฮียะ บันทึกโดย อิหม่ามมุสลิม – ชัรหุสุนนะฮ เล่ม 3 หน้า 43
และอิหม่ามอัซซะฮบีย์ ได้กล่าวถึงหะดิษข้างต้นอีกว่า
هذا حديث صحيح أخرجه مسلم وأبو داود والنسائي وغير واحد من الأئمة في تصانيفهم ، يمرونه كما جاء ولا يتعرضون له بتأويل ولا تحريف ، وهكذا رأينا كل من يسأل : أين الله ؟ ، يبادر بفطرته ويقول : في السماء ، ففي الخبر مسالتان :إحداهما : شرعية قول المسلم : أين الله .الثانية : قول المسؤول : في السماء . فمن أنكر هاتين المسألتين فإنما ينكر على المصطفى صلى الله عليه وسلم
นี้คือ หะดิษเศาะเฮียะ บันทึกโดย มุสลิม,อบูดาวูด,อันนะสาอีย์ และหลายคนจากบรรดาอิหม่ามในงานเขียนของพวกเขา ,โดยพวกเขาปล่อยให้มันผ่านไปและพวกเขาไม่คัดค้านมันด้วยการตีความและเปลี่ยนความหมาย และในทำนองเดียวกันนี้ เราเห็นว่า ทุกๆคนที่ถูกถามว่า “อัลลอฮอยู่ใหน? ด้วยธรรมชาติของเขา เขาจะตอบทันทีว่า “ อยู่บนฟากฟ้า” ดังนั้น ในหะดิษนี้ แบ่งออกเป็นสองประเด็นคือ
1. คำพูดของมุสลิมที่ว่า “อัลลอฮอยู่ใหน” ชอบด้วยหลักศาสนบัญญัติ
2. คำพูดของผู้ถูกถาม คือ อยู่บนฟากฟ้า
ดังนั้น ใครคัดค้าน สองประเด็นนี้ ความจริง เขาได้คัดค้านนบีมุหัมหมัด ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม – มุคตะศอรอัลอะลูย์ หน้า 81 และ อัลอุลูว์ ของอัซซะฮะบีย์ หน้า 28
ขอยกตัวอย่าง สะลัฟ สัก 1 ท่านที่ยืนยันว่า "อัลลอฮอยู่บนฟ้าคือ อบูบักรฺ อัศศิดดีก เช่น
حَدَّثَنَا حَدَّثَنَا عَبْدُ اللَّهِ بْنُ أَبِي شَيْبَةَ ، ثنا مُحَمَّدُ بْنُ فُضَيْلٍ ، عَنْ أَبِيهِ ، عَنْ نَافِعٍ ، عَنِ ابْنِ عُمَرَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا قَالَ : لَمَّا قُبِضَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ، قَالَ أَبُو بَكْرٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ : " أَيُّهَا النَّاسُ ، إِنْ كَانَ مُحَمَّدٌ إِلَهَكُمُ الَّذِي تَعْبُدُونَ فَإِنَّهُ قَدْ مَاتَ ، وَإِنْ كَانَ إِلَهُكُمُ اللَّهَ الَّذِي فِي السَّمَاءِ ، فَإِنَّ إِلَهَكُمْ لَمْ يَمُتْ " . ثُمَّ تَلَا وَمَا مُحَمَّدٌ إِلا رَسُولٌ قَدْ خَلَتْ مِنْ قَبْلِهِ الرُّسُلُ أَفَإِنْ مَاتَ أَوْ قُتِلَ انْقَلَبْتُمْ عَلَى أَعْقَابِكُمْ سورة آل عمران آية 144 . حَتَّى خَتَمَ الْآيَةَ
คำแปลตัวบท
รายงานจากอิบนุอุมัร เขากล่าวว่า "เมื่อรซูลุลลอฮ สอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เสียชีวิต อบูบักรฺกล่าว(ประกาศว่า) โอ้ประชาชนทั้งหลาย ถ้าหากว่า มุหัมหมัด เป็นพระเจ้าของพวกท่าน ที่พวกท่านเคารพภักดี ดังนั้น แท้จริงเขาได้ตายไปแล้ว และหากว่า พระเจ้าของพวกท่านคือ ผู้ซึ่งอยู่บนฟ้า ดังนั้น พระเจ้าของพวกท่าน ไม่ตาย ต่อมาเขา(อบูบักได้อ่านอายะฮที่ว่า
وَمَا مُحَمَّدٌ إِلاَّ رَسُولٌ قَدْ خَلَتْ مِن قَبْلِهِ الرُّسُلُ أَفَإِن مَّاتَ أَوْ قُتِلَ انقَلَبْتُمْ عَلَى أَعْقَابِكُمْ
และมุฮัมมัดนั้นหาใช่อื่นมดไม่นอกจากเป็นร่อซูลผู้หนึ่งเท่านั้น ซึ่งบรรดาร่อซูลก่อนจากเขาก็ได้ล่วงลับไปแล้ว แล้วหากเขาตายไปหรือเขาถูกฆ่าก็ตาม พวกเจ้าก็หันสันเท้าของพวกเจ้ากลับกระนั้นหรือ? -ซูเราะฮอาลิอิมรอน /144 จนจบอายะฮ
- ดูที่มาของหะดิษ
مصنف ابن أبي شيبة (ج20 ص560-5620) عن (محمد) ابن فضيل عن أبيه عن نافع عن ابن عمر؛ ومن
طريقه عثمان الدارمي في الرد على الجهمية (ص44-45)؛ والبزار في مسنده (ج1 ص182-183)
..................
ที่กล่าวมาทั้งหมด แสดงให้เห็นชัดเจนว่าที่อ้างว่า อะกีดะฮอัลลอฮอยู่บนฟ้า ไม่ใช่อะกีดะฮสะลัฟผู้ทรงธรรมหรือที่ดีนั้น เป็นการโกหกบิดเบือนใส่ร้ายสะลัฟ

والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
18/3/61





 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ





 ในภาพอาจจะมี ข้อความ