วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561

หะดิษลูบหน้า หลังจากดุอาเป็นหลักฐานเศาะเฮียะจริงหรือ ภาค 1




หะดิษลูบหน้า หลังจากดุอาเป็นหลักฐานเศาะเฮียะจริงหรือ ภาค 1
Zeeham Darachay
เรามาดูหลักฐานในเรื่องนี้กันครับ
หลักฐานที่ 1
روى الترمذي وصححه (5/131) (عن عمر رضي الله عنه قال كان رسول الله صلى الله عليه وسلم إذا مد يديه في الدعاء لم يردهما حتى يمسح بهما وجهه) قال الترمذي بعد روايته صحيح غريب
ท่านติรมีซีได้รายงานฮะดิษ เเละบอกว่ามันซอเฮียะ (5/131)
“จากท่านอุมัร (รด) ได้กล่าวว่า ปรากฎว่าท่านนบีซ้อลลั้ลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เมื่อท่านเเบมือทั้งสองของท่านในการขอดุอาอฺ ท่านไม่เอามือกลับไปจนกว่าท่านจะลูบหน้าของท่านด้วยมือทั้งสองของท่านเสียก่อน” ท่านติรมีซีได้กล่าวว่า “(ฮะดิษนี้)ซอเฮียะ ฆอรีบ “ หลังจากที่ท่านได้รายงานมัน
ท่านอิหม่ามอิบนุฮะญัร ได้กล่าวว่า
وله شواهد منها عند أبي داود من حديث ابن عباس وغيره ومجموعها يقضي بأنه حديث حسن
เเละสำหรับมันนั้นมีหลายหลักฐาน ส่วนหนึ่งจากหลักฐานก็คือ ที่อบีดาวูด จากฮะดิษ ของท่านอิบนุอับบาส และท่านอื่นๆ ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นบ่งชี้ว่ามันนั้นคือฮะดิษที่ฮะซัน
سبل السلام (4/19)
@@@@@
ชี้แจง
หะดิษข้างต้นผมได้เขียนบทความชี้แจงไปแล้ว แต่ขอชี้แจงใหม่ เพราะเขาหาว่าตัดตอน ของเขา ทั้งๆที่ผมได้ชี้แจงเป็นตอนๆแล้ว
นี่คือสายรายงาน
حَدَّثَنَا أَبُو مُوسَى مُحَمَّدُ بْنُ الْمُثَنَّى وَإِبْرَاهِيمُ بْنُ يَعْقُوبَ وَغَيْرُ وَاحِدٍ قَالُوا حَدَّثَنَا حَمَّادُ بْنُ عِيسَى الْجُهَنِيُّ عَنْ حَنْظَلَةَ بْنِ أَبِي سُفْيَانَ الْجُمَحِيِّ عَنْ سَالِمِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ عَنْ أَبِيهِ عَنْ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِذَا رَفَعَ يَدَيْهِ فِي الدُّعَاءِ لَمْ يَحُطَّهُمَا حَتَّى يَمْسَحَ بِهِمَا وَجْهَهُ قَالَ مُحَمَّدُ بْنُ الْمُثَنَّى فِي حَدِيثِهِ لَمْ يَرُدَّهُمَا حَتَّى يَمْسَحَ بِهِمَا وَجْهَهُ
หะดิษหมายเลข 3386
อัลมุบาเราะกะฟูรีย์ (ร.ฮ) กล่าวว่า
وَقَدْ تَفَرَّدَ بِهِ حَمَّادُ بْنُ عِيسَى وَهُوَ ضَعِيفٌ كَمَا عَرَفْتَ فَالْحَدِيثُ ضَعِيفٌ
และหัมมาด บิน อีซา ได้รายงานมันเพียงคนเดียว และ เขาเป็นผู้ที่เฎาะอีฟ ดังเช่นที่ท่านได้รู้จัก แลัวหะดิษนั้น เฎาะอีฟ –ตุหฟะตุลอะหวะซีย์ เล่ม 9 หน้า 232
ในนัศบุรรอยะฮ ของอัซซัยละอีย์ ระบุว่า
{ حَدِيثٌ آخَرُ } : أَخْرَجَهُ التِّرْمِذِيُّ أَيْضًا فِي " الدَّعَوَاتِ " عَنْ حَمَّادِ بْنِ عِيسَى الْجُهَنِيِّ عَنْ حَنْظَلَةَ بْنِ أَبِي سُفْيَانَ عَنْ سَالِمِ بْنِ عُمَرَ عَنْ أَبِيهِ عَنْ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ ، قَالَ : { كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إذَا رَفَعَ يَدَيْهِ فِي الدُّعَاءِ لَمْ يَحُطَّهُمَا حَتَّى يَمْسَحَ بِهِمَا وَجْهَهُ } انْتَهَى .
(หะดิษอื่น)บันทึกโดย อัตติรมิซีย์ เช่นกันใน “อัดดะอวาต” จาก หัมมาด บิน อีซา อัลญุฮะนีย์ จากหันเซาะละฮ บิน อบีซูฟยาน จากสาลิม บินอุมัร จากบิดาของเขา จากอุมัร บิน อัลค็อฏฏ็อบ เขากล่าวว่า(ปรากฏว่า รซูลุลลอฮ ศ็อลฯ เมื่อท่านได้ยกมือทั้งสองของท่าน ในการดุอา ท่านไม่เอามือกลับไปจนกว่าท่านจะลูบหน้าของท่านด้วยมือทั้งสองของท่านเสียก่อน-จบคำพูด
قَالَ التِّرْمِذِيُّ : حَدِيثٌ غَرِيبٌ لَا نَعْرِفُهُ إلَّا مِنْ حَدِيثِ حَمَّادِ بْنِ عِيسَى ، وَقَدْ تَفَرَّدَ بِهِ انْتَهَى .
อัตติมิซีย์ ได้กล่าวว่า “คือ หะดิษเฆาะรีบ เราไม่รู้จักมัน นอกจาก มาจากหะดิษของ หัมมาด บิน อีซา และ เขารายงานมันแต่เพียงผู้เดียว – จบคำพูด
قَالَ ابْنُ حِبَّانَ فِي " كِتَابِ الضُّعَفَاءِ " : حَمَّادُ بْنُ عِيسَى الْجُهَنِيِّ يَرْوِي الْمَقْلُوبَاتِ الَّتِي يُظَنُّ أَنَّهَا مَقْلُوبَةٌ لَا يَجُوزُ الِاحْتِجَاجُ بِهِ انْتَهَى
และอิบนุหิบบาน ได้กล่าวไว้ใน “กิตาบอัฎฎุอะฟาอฺ” หัมมาด บิน อีซา อัลญุฮะนีย์ รายงานงาน บรรดาหะดิษมักลูบ ซึ่งถูกเสงสัยว่า มันคือ หะดิษมักลูบ(หะดิษที่มีการเปลี่ยนชื่อผู้รายงาน หรือสายรายงาน หรือเปลี่ยนคำหนึ่งไปเป็นอีกคำหนึ่ง-ผู้แปล) ที่ไม่อนุญาตอ้างหลักฐานด้วยมันได้ –จบคำพูด
قَالَ النَّوَوِيُّ : وَأَمَّا قَوْلُ عَبْدِ الْحَقِّ ، قَالَ فِيهِ التِّرْمِذِيُّ : صَحِيحٌ ، فَلَيْسَ فِي النُّسَخِ الْمُعْتَمَدَةِ ، بَلْ فِيهَا أَنَّهُ غَرِيبٌ
อัลนะวาวีย์ ได้กล่าวว่า “ สำหรับ คำพูดของอับดุลหัก , อัตติรมิซีย์ ได้กล่าวในมันว่า “เศาะเฮียะ ,มันไม่มีในสำเนาที่ได้รับการยอมรับ ยิ่งไปกว่านั้น ในมัน คือ(คำว่า)เฆาะรีบ (อย่างเดียว)
-ดู นัศบุรรอยะฮ ของอัซซัยละอีย์ เล่ม 3 หน้า 52 หะดิษหมายเลข 4178
แปลก..กับการดันทุรังจะเอาหะดิษเฎาะอีฟมาเป็นหลักฐาน ทั้งๆที่หะดิษที่มาสนับสนุนล้วนเป็นหะดิษเฎาะอีฟทั้งสิน อ่อนปวกเปียก( ضعيف جد) จะให้เป็นหะดิษทีแข็งแรงใช้เป็นหลักฐานได้อย่างไร
มาดูคำวิจารณ์หะดิษ .
وَسُئِلَ أَبُو زُرْعَةَ عَنْ حَدِيثٍ رَوَاهُ أَبُو مُوسَى مُحَمَّدُ بْنُ الْمُثَنَّى ، عَنْ حَمَّادِ بْنِ عِيسَى الْجُهَنِيِّ ، عَنْ حَنْظَلَةَ بْنِ أَبِي سُفْيَانَ ، قَالَ : سَمِعْتُ سَالِمَ بْنَ عَبْدِ اللَّهِ ، يُحَدِّثُ عَنْ أَبِيهِ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عُمَرَ ، عَنْ أَبِيهِ " أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ إِذَا مَدَّ يَدَيْهِ فِي الدُّعَاءِ لَمْ يَرُدَّهُمَا حَتَّى يَمْسَحَ بِهِمَا وَجْهَهُ . قَالَ أَبُو زُرْعَةَ : هُوَ حَدِيثٌ مُنْكَرٌ ، أَخَافُ أَنْ لا يَكُونَ لَهُ أَصْلٌ
และอบูซุรอะฮ ถูกถามเกี่ยวกับ หะดิษที่อบูมูซา มุหัมหมัด บิน อันมุษันนารายงานมัน จาก หัมมาด บิน อีซา อัลญุุฮะนีย์ (บางตำราเขียนว่า อัลญุฮนีย์)จากหันเซาะละฮ บิน อบีซุฟยาน เขากล่าวว่า สาลิม บิน อิบดิลละฮ ได้รายงานจากบิดาของเขา จากอับดุลลอฮ บิน อุมัร จากบิดาของเขา ว่า " แท้จริง ปรากฎว่าท่านนบีซ้อลลั้ลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เมื่อท่านยื่นมือทั้งสองของท่านในการขอดุอาอฺ ท่านไม่เอามือกลับไปจนกว่าท่านจะลูบหน้าของท่านด้วยมือทั้งสองของท่านเสียก่อน” อบูซุรอะฮ ได้กล่าวว่า มันคือ หะดิษมุงกัร ข้าพเจ้าเกรงว่า มันไม่มีที่มา - ดู อัลอิลัล ลิอิบนิอบีหาติม หน้า 453-454 หะดิษหมายเลข 2106
นอกจากอบูซุรอะฮ บอกว่า หะดิษมุงกัรแล้ว อิบนุมุอีน ก็ระบุว่า หะดิษมุงกัรเช่น กัน -ดู หะดีษุลมุงกัร อัน นักกอดิลหะดิษ เล่ม 2 หน้า 400
.......
หะดิษมุงกัรคือ
هو الحديث الذي في إسناده راو فحش غلطه أو كثرت غفلته أو ظهر فسقه ـ أو هو ما رواه الضعيف مخالفًا لما رواه الثقة
หะดิษที่ ในสายรายงานของมัน มีผู้รายงานที่ผิดพลาดอย่างน่าเกลียด หรือเผลอไผลบ่อยๆ หรือความชั่วของเขา ปรากฏชัดเจน
หรือ หะดิษที่รายงานโดยนักรายงานที่เฎาะอีฟ ไปขัดแย้งกับหะดิษที่รายงานโดยนักรายงานที่เชื่อถือได้
ส่วนที่อ้างว่า เป็นหะดิษหะซัน ลิฆอ็ยริฮี นั้นมาดูนิยาม
والحديث الحسن لغيره هو : الضعيف إذا تعددت طرقه ، ولم يكن سبب ضعفه فِسْقَ الراوي أو كَذِبَهٌ
หะดิษหะซัน ลิฆ็อยริฮี คือ หะดิษเฎาะอีฟ เมื่อมีหลายสายรายงานของมัน และสาเหตุของการเฎาะอีฟของมัน ไม่ใช่เพราะผู้รายงานเป็นคนชั่ว หรือโกหก
และเงื่อนไขของมันคือ
- أن يُرْوَي من طريق آخر فأكثر ، على أن يكون الطريق الآخر مثله أو أقوى منه .
- أن يكون ضعف الحديث يسيرا ، إما لسوء حفظ راويه أو لانقطاع في سنده أو لجهالة في رجاله
1.มันถูกรายงานจากสายรายงานอื่นอีกหนึ่งสายรายงานหรือมากกว่า โดยที่สายรายงานอื่นนั้น อยู่ในระดับเท่านกันหรือ แข็งแรงกว่า
2. เป็นหะดิษที่เฎาะอีฟเพียงเล็กน้อย บางที่ก็ผู้รายงานความจำไม่ดี หรือ สายรายงานไม่ติดต่อกัน หรือ หรือไม่รู้จักผู้รายงานของหะดิษ - ดู ตัยสีรมุศเฏาะละหิลหะดิษ
يسير مصطلح الحديث" للطحان (ص 24-27) .
เพราะฉะนั้น หะดิษที่ถูกตัดสินว่า มุงกะรุลหะดิษ จะเรียกว่า หะซันได้อย่างไร

والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
6/3/61






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น