วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2561

การกล่าวคำเนียตเป็นสุนัตจริงหรือ

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

การกล่าวคำเนียตเป็นสุนัตจริงหรือ(ตอน อ้างความคิดเห็นมาเป็นศาสนบัญญัติ)
แบมะ เจะเมะ เจะเมะแบมะ เจะเมะ
ท่านอิมามอันนาวาวีย์ปราชย์สังกัดมัสหับชาฟีอีย์(รฮ)ได้กล่าวในหนังสือ มินฮาจญฺ อธิบายโดย อิบนูฮายัร (الهيتمي)อุลามะอีม่ามชาฟีอีย์ว่า
ويندب النطق بالمنوى قبيل التكبير ليساعد اللسان القلب وخروجا من خلاف من أوجبه وإن شد وقياسا على ما يأتى فى الحج المندفع به التشنيع بأنه لم ينقل "
ความว่า : 
" สุนัต ให้ทำการกล่าวคำเหนียต(อ่านอูซอลลี) ก่อนที่จะตักบีรเล็กน้อย 👇
1. เพื่อลิ้นจะได้ช่วยกับหัวใจ 
2. และเพื่อออกจากการขัดแย้ง(خلاف)กับผู้ที่มีทัศนะว่า : วายิบ
ซึ่งหากแม้นว่าเขาจะมีทัศนะที่ขัดกับทัศนะที่มีน้ำหนักมากกว่าก็ตาม 
3. และเพราะไปกิยาส กับสิ่งที่จะนำมากล่าวในเรื่องฮัจญฺ เพื่อจะมาโต้ตอบการตำหนิที่ว่ามัน(การกล่าวคำเหนียต)ไม่ได้ถูกถ่ายทอด(หลักฐานไว้) "
ดู (تحفةالمحتاج) ตัวะหฺฟะตุลมั๊วะหฺตาจ อธิบาย หนังสือมินฮาจของอิมามอันนะวาวีย์ เล่ม 2 หน้า 12
@@@@
ขี้แจง
1. การกล่าวคำเนียต จัดอยู่ในหุกุมสุนัตได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งนี้ไม่มีคำสอนจากอัลลอฮและรอซูล มันคือความคิดเห็น ความคิดเห็นไม่ใช่ศาสนาบัญญัติ
ท่านอิบนุตัยมียะฮ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)ได้กล่าวเกี่ยวกับประเด็นการกล่าวคำเนียตว่า
لا يستحب التلفظ بها لأن ذلك بدعة لم تنقل عن رسول الله ولا عن اصحابه ولا أمر النبى أحدا من أمته أن يتلفظ بالنية ولا عَلّم ذلك أحدا من المسلمين ولو كان هذا مشهورا مشروعا لم يهمله النبى وأصحابه مع أن الأمة مبتلاة به كل يوم وليلة بل التلفظ بالنية نقص فى العقل والدين
ไม่ชอบ(ไม่สุนัต)ให้กล่าวคำเนียต ด้วยมัน เพราะว่า ดังกล่าวนั้น เป็นบิดอะฮ ไม่มีรายงานจากท่านรซูลุ้ลลอฮ และไม่มีรายงานจากเหล่าสาวกของท่าน และไม่มีคำสั่งของท่านนบี แก่คนหนึ่งคนใดจากอุมมะฮของท่าน ให้กล่าวคำเนียต และท่านนบีไม่ได้สอนสิ่งนั้นแก่คนหนึ่งคนใดจากบรรดามุสลิม และถ้าหากปรากฏว่า สิ่งนี้(การกล่วคำเนียต) เป็นสิ่งที่แพร่หลาย มีบัญญัติให้กระทำ แน่นอน ท่านนบีและบรรดาสาวกของท่านย่อมไม่เพิกเฉย ทั้งๆที่แท้จริงบรรดาอุมมะฮ เป็นผู้ที่เฝ้าระวังมันอยู่ทุกวัน ทุกคืน (ว่ามีสิ่งใดบ้างบัญญัติแก่พวกเขา) ยิ่งไปกว่านั้น การกล่าวคำเนียต คือ ความบกพร่อง ในด้านสติปัญญาและศาสนา - มัจญมัวะอัลฟะตาวา 22/231
..............
คำว่า “บกพร่องในด้านศาสนา เพราะมันเป็นบิดอะฮ และคำว่า “บกพร่องในด้านสติปัญญา เพราะ เขาอยู่ในฐานะเดียวกับผู้ที่ เมื่อ เขาต้องการทานอาหารแล้วเขากล่าวคำเนียตว่า “ข้าพเจ้าจะเอามือไปตักอาหาร..... - ดู ฟะตาวากุบรอ 2/218 - พฤติกรรมแบบนี้เขาเรียกว่าคนเสียสติ
2. อิหม่าชาฟิอี (รฮ) ไม่ได้สอนให้กล่าวคำเนียต อย่างที่โต๊ะครูอาชาอิเราะบางคนโกหก โยเฉพาะโต๊ะครูที่มีฉายายกย่องว่า เป็น"ไขมุกอันดามัน" อ้างโกหกว่าอิหม่ามชาฟิอีสอนให้กล่าวอุศอ็ลลี
อิหม่ามนะวาวีย (ร.ฮ) เองถึงท่านจะมีทัศนะให้กล่าวคำเนียต แต่ท่านก็ยืนยันว่า การอ้างว่าอิหม่ามชาฟิอี สอนให้กล่าวคำเนียตนั้นเป็นการอ้าง ที่ผิดพลาด โดยท่านอธิบายว่า
لِأَنَّ الشَّافِعِيَّ - رَحِمَهُ اللَّهُ - قَالَ فِي الْحَجِّ : إذَا نَوَى حَجًّا أَوْ عُمْرَةً أَجْزَأَهُ ، وَإِنْ لَمْ يَتَلَفَّظْ وَلَيْسَ كَالصَّلَاةِ لَا تَصِحُّ إلَّا بِالنُّطْقِ . قَالَ أَصْحَابُنَا : غَلِطَ هَذَا الْقَائِلُ ، وَلَيْسَ مُرَادُ الشَّافِعِيِّ بِالنُّطْقِ فِي الصَّلَاةِ هَذَا ، بَلْ مُرَادُهُ التَّكْبِيرُ وَلَوْ تَلَفَّظَ بِلِسَانِهِ وَلَمْ يَنْوِ بِقَلْبِهِ لَمْ تَنْعَقِدْ صَلَاتُهُ بِالْإِجْمَاعِ فِيهِ
เพราะอิหม่ามชาฟิอี (ขออัลลลอฮเมตตาต่อท่าน กล่าวในเรื่อง หัจญ์ว่า “เมื่อเขาเนียตหัจญ์หรือ อุมเราะฮ ก็ใช้ได้แล้ว แม้เขาจะไม่กล่าวคำเนียต และไม่เหมือนกับละหมาด มันจะใช้ไม่ได้นอกจาก ต้องกล่าวเป็นคำพูด) บรรดาสหายของเรากล่าวว่า ผู้พูดคนนี้(คนที่อ้างคำพูดชาฟิอี)นั้นผิดพลาด ความต้องการของอิหม่ามชาฟิอี ไม่ได้หมายถึงกล่าว(คำเนียต)เป็นคำพูดในละหมาด ในกรณีนี้ แต่ทว่า เขา(อิหม่ามชาฟิอี)หมายถึงการกล่าวตักบีร และหากแม้กล่าวคำเนียตด้วยวาจา ของเขา และไม่ได้เนียตด้วยใจของเขา การละหมาดของเขาใช้ไม่ได้ ด้วยมติเอกฉันท์ของนักปราชญ์ในมัน – อัลมัจญมัวะ เล่ม 3 หน้า 241
3. มีผู้อ้างหลักฐานต่อไปนี้ เป็นหลักฐานสุนัตให้กล่าวคำเนียต ในละหมาด เป็นการกิยาสกับการกล่าวคำเนียตในกาทำฮัจญ
โดยอ้างว่า 
*และเมื่อท่านนาบีจะทำอุมเราะท่านนาบีก็พูดดังว่า 
لبيك عمرة وحج 
ข้าพระองค์ได้ตอบสนองพระองค์ด้วยการทำอุมเราะฮฺและฮัจญฺแล้ว
@@@@
ชี้แจง
ข้อความข้างต้นไม่ใช่การกล่าวคำเนียต แต่อย่างใด มาดูฟัตวาของอิบนุอุษัยมีนในเรื่องนี้ 
الحمد لله 
"إذا قال في النسك : لبيك حجاً ، لبيك عمرة ، ليس هذا من باب ابتداء النية ، لأنه قد نوى من قبل ، ولهذا لا يشرع أن نقول : اللهم إني أريد العمرة ، اللهم إني أريد الحج ، بل انو بقلبك ولب بلسانك ، وأما التكلم بالنية في غير الحج والعمرة فهذا أمر معلوم أنه ليس بمشروع ، فلا يسن للإنسان إذا أراد أن يتوضأ أن يقول : اللهم إني أريد أن أتوضأ ، اللهم إني نويت أن أتوضأ أو بالصلاة : اللهم إني أريد أن أصلى ، اللهم إني نويت أن أصلى . كل هذا غير مشروع ، وخير الهدي هدي محمد صلى الله عليه وسلم" انتهى . 
อัลหัมดุลิลละฮ 
เมื่อเขากล่าว ในการประกอบพิธีหัจญ์ว่า “ลับบัยกะหัจญัน,ลับบัยกะอุมเราะตัน” กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องการเริ่มต้นการเนียต เพราะเขาได้เนียตมาก่อนแล้ว และเพราะเหตุนี้ ไม่มีบัญญัติให้เรากล่าวว่า “โอ้อัลลอฮ ข้าพระองค์ต้องการทำหัจญ์,โอ้อัลลอฮ ข้าพระองค์ต้องการทำอุมเราะฮ แต่ทว่า จงเนียตด้วยใจของท่าน และจงกล่าวตัลบียะฮด้วยวาจาของท่าน และสำหรับการกล่าวคำเนียต ในอื่นจากหัจญและอุมเราะฮนั้น นี้เป็นสิ่งที่รู้กันว่าไม่ได้ถูกบัญญัติไว้ ดังนั้นจึงไม่สุนัตให้ผู้คน กล่าวว่า “โอ้อัลลอฮ ข้าพระองค์ต้องการจะเอาเอาน้ำละหมาด, โอ้อัลลอฮ ข้าพระองค์เจตนาจะเอาน้ำละหมาด เมื่อเขาต้องการอาบน้ำละหมาด หรือ กล่าวเกี่ยวกับละหมาดว่า โอ้อัลลอฮ ข้าพระองค์ต้องการจะละหมาด ,โอ้อัลลอฮ ข้าพระองค์เจตนาจะละหมาด ทั้งหมดนี้ ไม่ได้ถูกบัญญัติไว้ และ ทางนำที่ดีนั้น คือ ทางนำของมุหัมหมัด ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม –มัจญมัวะฟะตาวาอิบนุอุษัยมีน เล่ม 22 หน้า 20 
มีรายงานว่า
وَصَحَّ عَنِ ابْنِ عُمَرَ أَنَّهُ سَمِعَ رَجُلًا عِنْدَ إِحْرَامِهِ يَقُولُ : اللَّهُمَّ إِنِّي أُرِيدُ الْحَجَّ أَوِ الْعُمْرَةَ ، فَقَالَ لَهُ : أَتُعْلِمُ النَّاسَ ؟ أَوَ لَيْسَ اللَّهُ يَعْلَمُ مَا فِي نَفْسِكَ
และ มีรายงานเศาะเฮียะ จากอิบนุอุมัร (ร.ฎ) ว่าเขาได้ยิน ชายคนหนึ่ง กล่าวขณะครองเอียะรอมว่า "โอ้อัลลอฮ ข้าพระองค์ ต้องการที่จะทำฮัจญ หรืออุมะเราะฮ ,เขา(อิบนุอุมัร)จึงได้กล่าวแก่เขาว่า "ท่านจะบอก บรรดาผู้คนให้รู้หรือ?หรือว่า อัลลอฮไม่รู้สิ่งที่อยู่ในใจของท่าน? -ดู ญามิอุลอุลูม วัลฮิกัม ของอิบนุเราะญับ เล่ม 1 หน้า 96
وَقَالَ أَبُو دَاوُدَ : قُلْتُ لِأَحْمَدَ : أَتَقُولُ قَبْلَ التَّكْبِيرِ - يَعْنِي فِي الصَّلَاةِ - شَيْئًا ؟ قَالَ : لَا . وَهَذَا قَدْ يَدْخُلُ فِيهِ أَنَّهُ لَا يَتَلَفَّظُ بِالنِّيَّةِ . وَاللَّهُ أَعْلَمُ . 
และอบูดาวูด กล่าวว่า "ข้าพเจ้า กล่าวแก่อะหมัดว่า ท่านกล่าวสิ่งใดบ้างก่อน การตักบีร หมายถึงในละหมาด เขา(อิหม่ามอะหมัด)ตอบว่า "ไม่" (อิบนุเราะญับกล่าวว่า)และนี้ บางที่อยู่ในความหมายที่ว่า ไม่มีการกล่าวคำเนียตเป็นถ้อยคำ -วัลลอฮุอะลัม-ที่มาได้อ้างแล้ว
.............
เพราะฉะนั้น การอ้างว่า ให้กล่าว"อุศอ็ลลี" ก่อนการตักบีเราะติลเอียะรอม คือการกิยาสจาก การกล่าวคำเนียตทำฮัจญนั้น ถือเป็นการอ้างที่ไม่ถูกต้อง ดังหลักฐานที่กล่าวมาข้างต้น และขอยืยืนว่า "การอ้างว่าสุนัตให้กล่าวอุศอ็ลลี" หรือการอ่านคำเนียตละหมาดนั้น เป็นเพียงความเห็นไม่ใช่บทบัญญัติ์ของศาสนา
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
12/3/61

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น