
ใครที่ควรเอาก้อนหินยัดปาก
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า :
«من أحدث في أمرنا هذا ما ليس منه فهو رد» [ رواه البخاري:167]
ความว่า : บุคคลใดก็ตามที่ กระทำสิ่งใหม่ขึ้นในกิจการงานของเรา(ศาสนา) ซึ่งไม่มีในกิจการงานของเรา มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกตอบรับ (ณ ที่อัลลอฮฺ) (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ : 167 )
และอีกรายงานหนึ่ง มีสำนวนว่า
«من عمل عملا ليس عليه أمرنا فهو رد» [ رواه مسلم : 1718 ]
ความว่า :บุคคลใดก็ตามที่ กระทำการงานหนึ่งการงานใด ขึ้นในการงานของเรา (ศาสนา)ซึ่งมันไม่มีในคำสั่งของเรา มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกตอบรับ(ณ ที่อัลลอฮฺ) (รายงานโดย มุสลิม :1718)
«من عمل عملا ليس عليه أمرنا فهو رد» [ رواه مسلم : 1718 ]
ความว่า :บุคคลใดก็ตามที่ กระทำการงานหนึ่งการงานใด ขึ้นในการงานของเรา (ศาสนา)ซึ่งมันไม่มีในคำสั่งของเรา มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกตอบรับ(ณ ที่อัลลอฮฺ) (รายงานโดย มุสลิม :1718)
อิหม่ามอัชเชากานีย์ (ร.ฮ)ได้อธิบายว่า
وَهَذَا الْحَدِيثُ مِنْ قَوَاعِدِ الدِّينِ ; لِأَنَّهُ يَنْدَرِجُ تَحْتَهُ مِنْ الْأَحْكَامِ مَا لَا يَأْتِي عَلَيْهِ الْحَصْرُ . وَمَا أَصْرَحَهُ وَأَدَلَّهُ عَلَى إبْطَالِ مَا فَعَلَهُ الْفُقَهَاءُ مِنْ تَقْسِيمِ الْبِدَعِ إلَى أَقْسَامٍ وَتَخْصِيصِ الرَّدِّ بِبَعْضِهَا بِلَا مُخَصِّصٍ مِنْ عَقْلٍ وَلَا نَقْلٍ فَعَلَيْك إذَا سَمِعْت مَنْ يَقُولُ هَذِهِ بِدْعَةٌ حَسَنَةٌ بِالْقِيَامِ فِي مَقَامِ الْمَنْعِ مُسْنِدًا لَهُ بِهَذِهِ الْكُلِّيَّةِ وَمَا يُشَابِهُهَا مِنْ نَحْوِ قَوْلِهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : { كُلُّ بِدْعَةٍ ضَلَالَةٌ } طَالِبًا لِدَلِيلِ تَخْصِيصِ تِلْكَ الْبِدْعَةِ الَّتِي وَقَعَ النِّزَاعُ فِي شَأْنِهَا بَعْدَ الِاتِّفَاقِ عَلَى أَنَّهَا بِدْعَةٌ ، فَإِنْ جَاءَك بِهِ قَبِلْته ، وَإِنْ كَاعَ كُنْت قَدْ أَلْقَمْته حَجَرًا وَاسْتَرَحْت مِنْ الْمُجَادَلَةِ .
"และหะดิษนี้ เป็นส่วนหนึ่งจากหลักการศาสนา เพราะบรรดาหุกุมของสิ่งที่ไม่จำกัด ถูกจัดอยู่ภายใต้ของหะดิษนี้ ,คือสิ่งที่ทำให้มันชัดเจน และหลักฐานของมัน แสดงถึง การลบล้างสิ่งที่บรรดาฟุเกาะฮา(อุลามาอฺฟิกฮ) ได้กระทำ เกี่ยวกับการแบ่งบิดอะฮเป็นประเภทต่างๆ และ การจำกัดเฉพาะ(การกำหนดข้อยกเว้น)ของการคัดค้านบางส่วน โดยไม่ได้เจาะจง(ไม่ได้แสดงบอก)หลักฐาน ทางด้านเหตุผลหรือหลักฐานทางด้านการรายงาน(หลักฐานจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ) ดังนั้น เมื่อได้ยินผู้ใดก็ตามที่กล่าวว่า " นี้คือบิดอะฮหะสะนะฮ"(บิดอะฮที่ดี) หน้าที่ของท่านจะต้องยกหลักฐานคัดค้าน โดยอ้างอิง มัน(หะดิษดังกล่าว) ว่าหมายถึง ครอบคลุมถึงบิดอะฮทั้งหมด และ และหะดิษที่คล้ายๆคลึงกับมัน เช่น คำพูดของท่านนบี ที่ว่า "ทุกบิดอะฮ คือ การหลงผิด " โดยขอหลักฐานการจำกัดเฉพาะ(ที่มากำหนดข้อยกเว้น)บิดอะฮดังกล่าว ทีมีข้อขัดแย้งกันในเรื่อง ลักษณะของมัน หลังจากที่ได้มีมติ(ของนักวิชาการ)แล้วว่า มันเป็นบิดอะฮ ดังนั้น หากเขานำหลักฐานมาได้ ก็ให้ท่านยอมรับ และถ้าหากเขาไม่สามารถนำหลักฐานมาได้ ท่านก็จงเอาก้อนหินยัดปากเขาผู้นั้น และให้ท่านพักจากการโต้แย้งนั้นเสีย - นัยลุลเอาฏอร เล่ม 2 หน้า 404-405
............
สรุป
1. หะดิืษทุกบิดอะฮคือการหลงผิด เป็นส่วนหนึ่งจากหลักการศาสนา เพราะบรรดาหุกุมของสิ่งที่ไม่จำกัด ถูกจัดอยู่ภายใต้ของหะดิษนี้
2.หะดิษนี้ ลบล้างเกี่ยวกับการแบ่งบิดอะฮเป็นประเภทต่างๆของบรรดาฟุกอฮาฮ โดยอ้างว่ามีบิดอะฮหะสะนะฮ โดยไม่มีหลักฐาน
3. ให้เอาหะดิษ كل بدعو ضلالة ตอบโต้พวกเขา
4. ให้ขอหลักฐานที่เขาอ้างว่าหะดิษนี้มีข้อยกเว้น
5. ถ้าเขาหามาได้ก็ให้ยอมรับ
6. ถ้าเขาหาหลักฐานเกี่ยวกับข้อยกเว้น มาไม่ได้ ก็ให้เอาก้อนหินยัดปาก คนที่อ้างว่า หะดิษนี้มีข้อยกเว้นคือ บิดอะฮไม่ได้หลงทั้งหมด ที่ดีก็มี
สรุป
1. หะดิืษทุกบิดอะฮคือการหลงผิด เป็นส่วนหนึ่งจากหลักการศาสนา เพราะบรรดาหุกุมของสิ่งที่ไม่จำกัด ถูกจัดอยู่ภายใต้ของหะดิษนี้
2.หะดิษนี้ ลบล้างเกี่ยวกับการแบ่งบิดอะฮเป็นประเภทต่างๆของบรรดาฟุกอฮาฮ โดยอ้างว่ามีบิดอะฮหะสะนะฮ โดยไม่มีหลักฐาน
3. ให้เอาหะดิษ كل بدعو ضلالة ตอบโต้พวกเขา
4. ให้ขอหลักฐานที่เขาอ้างว่าหะดิษนี้มีข้อยกเว้น
5. ถ้าเขาหามาได้ก็ให้ยอมรับ
6. ถ้าเขาหาหลักฐานเกี่ยวกับข้อยกเว้น มาไม่ได้ ก็ให้เอาก้อนหินยัดปาก คนที่อ้างว่า หะดิษนี้มีข้อยกเว้นคือ บิดอะฮไม่ได้หลงทั้งหมด ที่ดีก็มี
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
12/4/60
อะสัน หมัดอะดั้ม
12/4/60
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น